Mag-log inร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก
ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน
หลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ด้วยความเฉลียวฉลาดที่เพิ่มขึ้นจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้เขาเป็นนักเรียนที่โดดเด่นที่สุดในรุ่น ความเข้าใจในวิชาอักษรศาสตร์และวิชาอื่นๆ ของเขาทำให้เหล่าอาจารย์ต่างก็ชื่นชม อ๋องอี้เองก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และมักจะเรียกเขาไปสนทนาด้วยเป็นการส่วนตัว เพื่อสอบถามเรื่องราว เกี่ยวกับครอบครัวและชีวิตความเป็นอยู่ของเขา
อ๋องอี้มักจะหาโอกาสมาที่ร้านของหลิงเหม่ยเม่ยบ่อยขึ้น ภายใต้ข้ออ้างต่างๆ เช่น มาเยี่ยมเยียนน้อง ๆ ที่โรงเรียน หรือปรึกษาเรื่องการเกษตรและธุรกิจของเธอ บางครั้งเขาก็แวะมาเพียงเพื่อสั่งบะหมี่ชามโปรด และนั่งมองเธอทำงานเงียบๆ "คุณหนูหลิง ดูเหมือนกิจการของเจ้าจะรุ่งเรืองขึ้นทุกวันนะ" อ๋องอี้กล่าวพลางจิบชาที่หลิงเหม่ยเม่ยชงให้
"ก็ต้องขอบคุณท่านอ๋องเพคะ ที่ให้การสนับสนุน" หลิงเหม่ยเม่ย ตอบพลางยิ้มเล็กน้อย บทสนทนาระหว่างพวกเขาลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ จากเรื่องธุรกิจและน้อง ๆ ก็เริ่มขยับไปสู่เรื่องบ้านเมือง ปัญหาการขาดแคลนอาหารในวงกว้าง และแนวคิด ในการพัฒนาประเทศให้พ้นจากความยากลำบาก
หลิงเม่ยเม่ยได้เรียนรู้ว่าอ๋องอี้ไม่ใช่แค่เชื้อพระวงศ์ธรรมดา แต่เขามีอุดมการณ์และความตั้งใจจริงที่จะช่วยเหลือประชาชน และมีวิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร เขามักจะพูดถึงความฝันที่จะเห็นประชาชนมีกินมีใช้ ไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป ซึ่งเป็นความฝันเดียวกับที่เธอมี
"ท่านอ๋อง... ท่านมีความคิดที่ยิ่งใหญ่มากเพคะ" หลิงเหม่ยเม่ยกล่าวด้วยความชื่นชมอย่างจริงใ "หากท่านมีโอกาส ข้าเชื่อว่าท่านจะสามารถนำพาประเทศของเราไปสู่ความรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน" อ๋องอี้ยิ้มบางๆ "ข้าก็หวังเช่นนั้นคุณหนูหลิง แต่หนทางนั้นไม่ง่ายนเลย มีอุปสรรคมากมายที่ขวางกั้นอยู่" เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะมองตรงมาที่เธอ
"แต่เมื่อมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็รู้สึกว่าทุกสิ่งเป็นไปได้" คำพูดของอ๋องอี้ทำให้หัวใจของหลิงเหม่ยเม่ยเต้นแรง เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ได้ ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ความรู้สึกชอบพอเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจนในใจของทั้งคู่ พวกเขาลอบมองกันและกันบ่อยขึ้น และรู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ใกล้กันมากขึ้น เคมีระหว่างกันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หลิงเหม่ยเม่ยเริ่มคิดถึงความลับของเธอ เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถปิดบังเรื่องระบบจากอ๋องอี้ไปได้ตลอด แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะเปิดเผยความจริงนี้ได้อย่างไร โดยไม่ทำให้เขาหวาดกลัวหรือสงสัยในตัวเธอ เธอเริ่มกังวลว่าความลับของเธอจะถูกเปิดเผย และสร้างปัญหาให้กับอ๋องอี้หรือไม่ หากความสัมพันธ์ของพวกเขาลึกซึ้งไปมากกว่านี้
ในขณะเดียวกัน เสนาบดีรั่ว ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะโค่นล้มอ๋องอี้และหลิงเม่ยเม่ย เมื่อแผนการลอบสังหารล้มเหลว เขาก็หันไปใช้วิธีการอื่น เขาเริ่มปล่อยข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับหลิงเหม่ยเม่ย ในหมู่ขุนนางและประชาชน โดยอ้างว่าเธอใช้
"มนต์ดำ" หรือ "ของวิเศษ" ที่ไม่ชอบมาพากลในการทำธุรกิจและทำให้ตนเองร่ำรวยอย่างผิดปกติ เพื่อสร้างความไม่ไว้วางใจและทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ เขายังพยายามขัดขวางการค้าของหลิงเหม่ยเม่ย โดยใช้เส้นสายในกรมคลังและกรมการค้า เพื่อจำกัดเส้นทางการขนส่งสินค้าของเธอ หรือสร้างปัญหาด้านภาษีต่างๆ แต่หลิงเม่ยเม่ยก็ ใช้ไหวพริบและความช่วยเหลือจากระบบในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างชาญฉลาด
เธอมีเครือข่ายพ่อค้าที่ซื่อสัตย์และภักดีต่อเธอ และระบบก็สามารถช่วยเธอในการหาเส้นทางขนส่งใหม่ๆ หรือจัดการเรื่องเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว อ๋องอี้เองก็รับรู้ถึงแผนการร้ายของเสนาบดีรั่ว เขาแอบส่งคนสนิทมาคอยดูแลความปลอดภัยของ หลิงเหม่ยเม่ยและธุรกิจของเธออย่างลับๆ รวมถึงช่วยสืบหาเบื้องหลังของผู้ไม่หวังดีและรวบรวมหลักฐานการทุจริตของเสนาบดีรั่ว ทำให้หลิงเหม่ยเม่ยรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ซ่อนอยู่และยิ่งประทับใจในตัวเขามากขึ้น
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่
อ๋องอี้ ซึ่งกำลังเดินตรวจตราโรงเรียนอยู่พอดี ก็หันมามองเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหญิงสาวก้าวลงจากรถม้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึงงัน หลิงเหม่ยเม่ยในชุดที่สง่างาม รูปร่างที่เพรียวบาง ใบหน้าที่สวยคมราวกับภาพวาด ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกสะกด เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ "คุณหนูหลิง" ที่ทั้งสวย และทำอาหารอร่อย แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นความงาม ที่น่าหลงใหลเช่นนี้ด้วยตาตัวเอง อ๋องอี้เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ เขามีความเฉลียวฉลาด สุขุม และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้จะตะลึงในความงาม ของหลิงเหม่ยเม่ย แต่เขาก็รักษามารยาทและเก็บกิริยาได้อย่างดีเยี่ยม เขาก้าวเข้ามาหาหลิงเหม่ยเม่ยด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ "ไม่ทราบว่าคุณหนูมีธุระอันใดหรือ" อ๋องอี้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "คารวะท่านอ๋อง" หลิงเม่ยเม่ยย่อกายคำนับอย่างงดงาม "ข้าหลิงเม่ยเม่ย มาพร้อมกับน้อง ๆ เพื่อขอสมัครเข้าเรียน ที่สำนักศึกษาเหวินอี้แห่งนี้เพคะ" อ๋องอี้ มองไปที่น้อง ๆ ทั้งสามคนของหลิงเหม่ยเม่ย หลิงห้าวจื่อที่ดูเติบโตขึ้นมากและมีแววตา ที่ฉายแววเฉลียวฉลาดขึ้นอย่างเห
อนอื่น พี่ใหญ่จะสอนพวกเจ้า ด้วยตัวเองก่อน" หลิงเม่ยเม่ยกล่าว “หา!!...พี่ใหญ่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือนี่นาแล้วจะสอนพวกข้าได้ เยี่ยงไรล่า " “เอ่อ…พี่ก็พอจะรู้มาบ้างนิดหน่อยจากโรงเรียนเซียนนะ” “โอ้โห!!...สุดยอดไปเลย” เราจะเริ่มต้นจากพื้นฐานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ" เธอสั่งซื้อหนังสือ กระดาษ และพู่กันจากระบบซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นของที่มีคุณภาพดีเยี่ยมและหาไม่ได้ในยุคนี้หลิงเม่ยเม่ยเริ่มต้นสอนน้อง ๆ ด้วยตัวเอง เธอสอนให้พวกเขารู้จักตัวอักษร การนับเลข และเรื่องราวพื้นฐานต่างๆ ที่เธอจำได้จากโลกเดิม บทกวี ต่างๆ เธอใช้เทคนิคการสอนที่ทันสมัย พยายามทำให้การเรียนสนุกและน่าสนใจ แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึง น้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะจินเป่าและหงส์เป่า ดูเหมือนจะมีปัญหาในการจดจำ ทำให้ พวกเขามักจะลืมสิ่งที่เรียนไปแล้วอย่างรวดเร็วและดูเหมือนจะใช้เวลานานกว่าปกติในการซึมซับความรู้เหล่านั้น นั่นอาจจะเป็นเพราะภาวะความอดอยาก ในขณะที่สมองกำลังเติบโตและพัฒนา "ทำไมพวกเจ้าถึงจำไม่ได้เลยล่ะ" หลิงเหม่ยเม่ยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ระคนเป็นห่วง เธอพยายามอดทนและสอนซ้ำ







