LOGINวันหนึ่ง อ๋องอี้ส่งเทียบเชิญพิเศษมายังหลิงเหม่ยเม่ย เขาจัดงานเลี้ยงสำคัญระดับสูง เพื่อต้อนรับทูต จากแคว้นเพื่อนบ้าน และตัดสินใจเชิญหลิงเหม่ยเม่ย เข้าร่วมในฐานะ นักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์และมีส่วนช่วย ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองหลวง นี่เป็นโอกาสสำคัญที่เธอจะได้ก้าวเข้าสู่สังคม ชั้นสูงอย่างเต็มตัว หลิงเหม่ยเม่ยตื่นเต้นกับงานเลี้ยงนี้ เป็นอย่างมาก เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การเข้าร่วมงานเลี้ยง ธรรมดาๆ แต่เป็นการประกาศสถานะ และบทบาทของเธอในสังคม
เธอตัดสินใจใช้เงินจากระบบ เพื่อซื้อชุดราตรีที่สวยงามและทันสมัยที่สุดเท่าที่จะหาได้ในยุคนี้ ชุดนั้นทำจาก ผ้าไหมเนื้อดี สีครามเข้ม ปักลวดลายดอกโบตั๋นสีเงิน อย่างประณีต การออกแบบเรียบหรูแต่สง่างาม เน้นรูปร่างที่เพรียวบางของเธอให้เด่นชัดและงดงามยิ่งนัก และยังช่วยขับผิวพรรณ ที่เปล่งปลั่งให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
ในวันงานเลี้ยง หลิงเหม่ยเม่ยปรากฏตัวในชุดราตรีสีครามเข้ม เธอเดินเข้ามาในห้องโถงจัดเลี้ยงด้วยท่าทางสง่างามและมั่นใจ ผมเผ้าถูกเกล้าขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีรสนิยม ประดับด้วยปิ่นปักผมเงินฝังอัญมณีเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา แต่ก็เพียงพอที่จะขับเน้นความงามตามธรรมชาติของเธอให้โดดเด่น
การปรากฏตัวของเธอสร้างความตะลึงให้กับแขกในงาน ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอด้วยความประหลาดใจและชื่นชมเสียงซุบซิบดังขึ้นเซ็งแซ่ หลายคนแทบจำไม่ได้ว่าหญิงสาวผู้งดงามตรงหน้าคือ "คุณหนูหลิงคนอ้วน" ที่เคยเป็นที่พูดถึงเมื่อหลายเดือนก่อน
อ๋องอี้ที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้าห้องโถง ถึงกับยืนนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงในความงามของหลิงเหม่ยเม่ย เขามองเธอด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและเสน่หาที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้ เขาก้าวเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและสายตา ที่สื่อความหมาย
"คุณหนูหลิง... เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก ในค่ำคืนนี้" อ๋องอี้กล่าวเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าคำพูดของเขาจะทำลายมนต์สะกดแห่งความงามตรงหน้า หลิงเหม่ยเม่ยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าของเธอขึ้นสีระเรื่อ "ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ" หลังจากนั้นไม่นาน เสียงดนตรีอันไพเราะก็ดังขึ้น อ๋องอี้ยื่นมือมาเชิญหลิงเหม่ยเม่ยเต้นรำท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อมากมาย ที่ถึงแม้ว่าการเต้นรำยังเป็นเรื่องสมัยใหม่เกินไป
แต่งานนี้คือการรวมตัวของนักธุรกิจนานาอารยะ จึงค่อนข้างจะมีความหลากหลายในงาน หลิงเหม่ยเม่ยรับมือของเขาไว้ และก้าวเท้าเข้าสู่จังหวะการเต้นรำอย่างสง่างาม พวกเขาสนทนากันอย่างลึกซึ้งและเปิดใจมากขึ้นในคืนนั้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่า เจ้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถึงเพียงนี้" อ๋องอี้กล่าวพลางมองดวงตาของเธอ "เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจอยู่เสมอ"
"ข้าก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตของข้าจะมาถึงจุดนี้ได้เพคะ" หลิงเหม่ยเม่ย ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ "ข้าเพียงแค่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้น้อง ๆ ของข้ามีชีวิตที่ดีขึ้น มีอาหารกินอิ่มท้องไม่หิวโหยมีการศึกษาที่ดีเพื่ออนาคตของพวกเขาภายภาคหน้า"
"เจ้าเป็นคนที่มีจิตใจที่งดงามและเข้มแข็ง อย่างแท้จริงคุณหนูหลิง" อ๋องอี้กล่าว "ข้าชื่นชมเจ้าจากใจจริง" ความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กัน เริ่มเผยความรู้สึกในใจออกมาอย่างชัดเจนในคืนนั้น การเต้นรำจบลง แต่ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในใจของทั้งคู่กลับเพิ่งเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังงานเลี้ยง ความสัมพันธ์ของหลิงเม่ยเม่ยและอ๋องอี้ก็เริ่มเป็น ที่จับตามองและพูดถึงในหมู่สังคมชั้นสูง
ข่าวลือเรื่องความใกล้ชิดของพวกเขากระจายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนตระกูลรั่ว นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือที่แพร่สะพัดในหมู่ขุนนางชั้นสูงว่า อ๋องอี้มีคู่หมั้นที่ถูกกำหนดไว้แล้วตามธรรมเนียมราชวงศ์ ซึ่งเป็นบุตรีของตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีอำนาจและบารมี
การที่อ๋องอี้แสดงออกถึงความสนใจในตัวหลิงเหม่ยเม่ย อย่างเปิดเผยเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่ผิดธรรมเนียมและอาจสร้างปัญหาให้กับเขาได้ หลิงเหม่ยเม่ยได้ยินข่าวลือเรื่องคู่หมั้นของอ๋องอี้ จากจินเป่าและหงส์เป่า ซึ่งได้ยินมาจากเพื่อนๆ ในโรงเรียนสตรีในวัง หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเธอกับอ๋องอี้ไม่ง่ายนัก
“ท่านพี่!..ข้ากับหงส์เป่า ได้ยินมาว่า พ่อบุญธรรม มีพระคู่มั่นที่องค์จักรพรรดิ ทรงเลือกให้แล้ว ท่านพี่อย่าคิดมากเลยนะ” “ขอบใจมากนะ หงส์เป่า…จินเป่าที่เป็นห่วงและนำข่าวนี้มาบอก พี่เองก็ตั้งใจจะกลับบ้านของเรา ส่วนบ้านหลังนี้พี่ยกให้เจ้าดูแล ไว้ให้เจ้าโตขึ้นอยากทำธุระกิจอะไร พี่จะมาช่วยวางแผนจัดการให้ ส่วนร้านอาหารนั้นพี่จะยกให้พี่รอง หรือไม่ถ้าพี่รองไม่สะดวก ก็อาจจะให้เช่า แล้วพี่จะกลับไปอยู่เงียบๆ ที่บ้านของเราที่หมู่บ้านของท่านพ่อกับท่านแม่”
“แล้วพี่ใหญ่จะไปเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ ?”ไปพรุ่งนี้ตอนเช้ามืดพี่เตรียมของไว้แล้ว ว่าพลางชี้มือไปที่กองสัมภาระ พร้อมกับมอบกุญแจให้ทั้งคู่ อยากกลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับ คิดถึงพี่ก็ไปเยี่ยมได้ตลอดเวลา” “ท่านพี่พูดจริงๆนะเจ้าคะว่าอยากกลับเมื่อไหร่ก็กลับน่ะ” “พี่เคยหลอกพวกเจ้าหรือ”
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับพร้อมกันเลย” “น้อง ๆ แน่ใจหรือว่าไม่เสียดายชีวิตในวัง” “ไมเสียดายเลย แต่จะเสียดายมากถ้าจะไม่มีบะหมีซองให้กินอีก” “ดี ถ้าอย่างนั้นพี่มีข่าวดีจะบอกพวกเจ้า " “ข่าวดี!..ข่าวดีอะไรหรือพี่ใหญ่?” “ก็ข่าวดีที่ว่าระบบของพี่ สามารถอัพเกรดขั้นสูงสุดแล้วนะสิ “..”จริงหรือๆ…ข้าดีใจยิ่งนัก แล้วระบบใหม่สามารถทำอะไรได้บ้างละเจ้าคะ ”. “สามารถทำได้ทุกอย่างเลย โดยเฉพาะ สามารถไปไหนก็ได้ และพาใครไปก็ได้ พี่จะพาน้อง ๆ ไปยังอีกโลกหนึ่ง ถือเป็นการพักผ่อนและท่องเที่ยว น้องสองคนจะไปกับพี่ไหม?” “ไปสิ ๆ พี่ใหญ่ ไม่ว่าท่านพี่จะไปไหน ที่นั่นต้องมีของอร่อยที่นั่นแน่ๆ" …"งันดีเลย พี่จะพาน้องไปช้อปปิ้งไปเสริมสวย ไปกินของอร่อยๆมากมาย และที่สำคัญจะพาไปเที่ยวบาโฮสด้วยดีไหม?” ทั้งสองพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นเอาไว้จะไปเมื่อไหร่พี่จะบอก" "เจ้าค่ะท่่านพี่ ถ้าอย่างนั้นหลับตาแล้วจับมือกัน หากว่าพี่ไม่บอกให้ลืมตาก็อย่าลืมตาขึ้นมาเด็ดขาด"เมื่อมาถึง แล้ว ทั้งสามปรากฏตัวในห้องของโรงแรมหรู ก่อนที่จะบอกให้น้องๆลืมตาขึ
วันหนึ่ง อ๋องอี้ส่งเทียบเชิญพิเศษมายังหลิงเหม่ยเม่ย เขาจัดงานเลี้ยงสำคัญระดับสูง เพื่อต้อนรับทูต จากแคว้นเพื่อนบ้าน และตัดสินใจเชิญหลิงเหม่ยเม่ย เข้าร่วมในฐานะ นักธุรกิจผู้มีวิสัยทัศน์และมีส่วนช่วย ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองหลวง นี่เป็นโอกาสสำคัญที่เธอจะได้ก้าวเข้าสู่สังคม ชั้นสูงอย่างเต็มตัว หลิงเหม่ยเม่ยตื่นเต้นกับงานเลี้ยงนี้ เป็นอย่างมาก เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การเข้าร่วมงานเลี้ยง ธรรมดาๆ แต่เป็นการประกาศสถานะ และบทบาทของเธอในสังคม เธอตัดสินใจใช้เงินจากระบบ เพื่อซื้อชุดราตรีที่สวยงามและทันสมัยที่สุดเท่าที่จะหาได้ในยุคนี้ ชุดนั้นทำจาก ผ้าไหมเนื้อดี สีครามเข้ม ปักลวดลายดอกโบตั๋นสีเงิน อย่างประณีต การออกแบบเรียบหรูแต่สง่างาม เน้นรูปร่างที่เพรียวบางของเธอให้เด่นชัดและงดงามยิ่งนัก และยังช่วยขับผิวพรรณ ที่เปล่งปลั่งให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ในวันงานเลี้ยง หลิงเหม่ยเม่ยปรากฏตัวในชุดราตรีสีครามเข้ม เธอเดินเข้ามาในห้องโถงจัดเลี้ยงด้วยท่าทางสง่างามและมั่นใจ ผมเผ้าถูกเกล้าขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ดูมีรสนิยม ประดับด้วยปิ่นปักผมเงินฝังอัญมณีเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
ร้านผักดองของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ชื่อเสียงของเธอในฐานะ แม่ค้าผักดองอัจฉริยะ และ คุณหนูหลิงผู้พิทักษ์" ยิ่งทำให้มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หลิงเม่ยเม่ยบริหารจัดการธุรกิจด้วยความสามารถ ที่เหนือกว่าคนในยุคนี้ เธอใช้หลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ การตลาด และการควบคุมคุณภาพ ทำให้ธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด เธอขยายกิจการด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในย่านการค้าสำคัญของเมืองหลวง และเริ่มมองหาโอกาสในการส่งออก ผักดองและสินค้าเกษตรแปรรูป ไปยังเมืองอื่นๆ อีกด้วย เธอจ้างคนงานเพิ่มขึ้นและดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ทำให้คนงานทุกคนรักและภักดีต่อเธอ ส่วนน้อง ๆ ของเธอ จินเป่าและหงส์เป่า ได้รับการดูแลอย่างดีในวัง พวกเธอปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความเฉลียวฉลาดจากน้ำยาอัจฉริยะ ทำให้พวกเธอเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและโดดเด่น กว่าเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนสตรี ในวัง อิงอ๋องเองก็ให้ความเมตตาและดูแลพวกเธอประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้ชีวิตของเด็กหญิงทั้งสองเต็มไปด้วยความสุขและโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนหลิงห้าวจื่อ เองก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำนักศึกษาเหวินอี้
เธอเล็งและยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง สังหารนักฆ่า ไปจนหมดสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างไร้วิญญาณ ที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วป่าหลังเสียงปืนนัดสุดท้ายสิ้นลง อ๋องอี้และองครักษ์ต่างก็มองหลิงเม่ยเม่ยด้วยแววตา ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ดูบอบบางเช่นนี้ จะครอบครองอาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร"นี่... นี่มันคืออะไรกันคุณหนูหลิง" อ๋องอี้ถามเสียงแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องไปที่ปืนในมือของเธอ หลิงเม่ยเม่ยเก็บปืนกลับเข้าไปในระบบอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าเธอต้องหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือที่สุด "ท่านอ๋อง... มันคืออาวุธประหลาดที่ข้าได้ซื้อมาจากพ่อค้าชาวตะวันตกเมื่อไม่กี่วันก่อนเพคะ" เธอพยายามทำสีหน้า ให้เป็นธรรมชาติที่สุด"พวกเขาบอกว่ามันเป็นเครื่องมือป้องกันตัวที่หาได้ยากยิ่ง ข้าไม่คิดว่าจะได้ใช้มันในสถานการณ์เช่นนี้" อ๋องอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พ่อค้าชาวตะวันตกอย่างนั้นหรือ." เขาทบทวนในใจ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อค้าแปลกหน้า ที่นำของแปลกๆ เข้ามาในแผ่นดินอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงน
บัดนี้ จินเป่าและหงส์เป่าอยู่ในฐานะที่สูงส่งกว่าบรรดา คุณหนูจากตระกูลขุนนางเหล่านั้นไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกหรือกลั่นแกล้งพวกเธออีกต่อไป ในงานเลี้ยง ดวงตาของจินเป่าและหงส์เป่า ฉายแววความสุข พวกนางสวมชุดที่สวยงามปราณีต ได้รับการดูแลอย่างดี และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา หลิงเหม่ยเม่ยมองภาพน้อง ๆ ที่มีความสุขด้วยความอบอุ่นในหัวใจ เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋องอี้ คือของขวัญอันล้ำค่าที่สุดสำหรับครอบครัวของเธอท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย คุณหนูที่โดดเด่นคนหนึ่งในงานคือ รั่ว ม่านอี้ บุตรสาวของเสนาบดีกรมคลัง นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและเติบโตมาในตระกูล ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ และเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคน และมักจะเป็นที่หนึ่งในหมู่คุณหนูทั้งหลายเสมอ รวมถึงเป็นคนที่เคยชินกับการเป็นที่สนใจและได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนสตรีในวัง และเป็นหนึ่งในผู้ที่เคยดูถูกจินเป่าและหงส์เป่า เมื่อรั่วม่านอี้ ได้เห็นภาพของเด็กหญิงสองคนนั้น ที่นางเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับได้รับการยกย่องให้มีฐานะเทียบเท่าเชื้อพระวงศ์ ดวงตาของเธอก็ลุกวาวด้วยความ ไม่พอใจปนความอิจฉ
หลังจากที่หลิงเม่ยเม่ยได้ส่งน้อง ๆ ทั้งสามคน เข้าสู่เส้นทางของการศึกษา หลิงห้าวจื่อเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเหวินอี้ ของอ๋องอี้ ส่วนจินเป่าและหงส์เป่าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เข้าศึกษาในโรงเรียนสตรีในวังของอิงอ๋อง แม้นั่นจะเป็นเพียงโรงเรียนสำหรับเด็กหญิง แต่ก็เป็นสถานที่ ที่รวมลูกหลานของเหล่าขุนนาง และเชื้อพระวงศ์น้อยใหญ่ไว้ด้วยกัน เด็กหญิงทั้งสองที่เพิ่งก้าวเข้ามาจากชีวิตที่ยากไร้ ย่อมเป็นเป้าสายตาของเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาในกรอบของสังคมชั้นสูง ผู้ที่คุ้นชินกับการแข่งขันและแบ่งชนชั้นเพียงไม่กี่วันผ่านไป อิงอ๋องก็ได้รับข่าวจากเหล่าพี่เลี้ยง และครูบาอาจารย์ในโรงเรียน เกี่ยวกับพฤติกรรม ของนักเรียนบางคน ที่เริ่มแสดงออกถึงความรังเกียจ และดูถูกจินเป่ากับหงส์เป่า พวกคุณหนูเหล่านั้นนินทาเรื่องฐานะที่ต่ำต้อยของสองพี่น้อง ตลอดจนรูปลักษณ์ ที่ยังคงผอมบางเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี และแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่หลิงเม่ยเม่ยเลือกสรรมาให้แล้วอย่างดีที่สุด ก็ยังคงถูกมองว่าไม่คู่ควรกับ "สถานที่สูงส่ง" เช่นในวัง อิงอ๋องผู้เป็นน้องสาวของอ๋องอี้ เป็นคนใจดี และมีคุณธรรมสูงส่งไม่







