หยางเทียนหลงมองหน้าจ้าวอันป๋อ ชายชรากำมือแน่นคนของเขาส่งข่าวมาว่าไอ้น้องโง่นั่นไปลวนลามไป๋จินหวนฮูหยินของเซียวหง ที่สำคัญยังทำต่องหน้าพระพักตร์ไทเฮาอีก เรื่องนี้ไม่ใช่ล้อเล่น กฎหมายเป่ยฉินนั้นระบุชัด ห้ามผู้มีอำนาจข่มเหงภรรยาผู้อื่น ความคิดของจ้าวอันป๋อต้องหยุดไปชั่วขนะเมื่อเซียวหงเดินออกมาด้านหน้าก่อนจะคุกเข่ากราบทูลฮ่องเต้"ฝ่าบาท กระหม่อมเซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธามีเรื่องกราบทูลให้พระองค์ช่วยคืนความเป็นธรรมแก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้มองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้า "ใต้เท้าเซียว...ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถิด""ขอบพระทัย ฝ่าบาทกระหม่อมขอร้องเรียนจ้าวอัน อำมาตย์ซ้ายข้อหาประพฤติตนมิชอบ ลวนลามภรรยาขุนนาง อีกทั้งยังบังคับจิตใจนางพ่ะย่ะค่ะ"ทันทีที่เซียวหงพูดจบขุนนางทั้งสองฝั่งก็เริ่มวิจารย์ จ้าวอันป๋อเดินมาหาเขาก่อนจะเอ่ย"เซียวหง เจ้าบอกว่าน้องชายข้าลวนลามภรรยาผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร ใส่ร้ายขุนนางผู้ใหญ่ความผิดนี้เจ้ารับไหวหรือ"เซียวหงมองหน้าจ้าวอันป๋องก่อนจะหันกลับมายืนหลังตรงศรีษะค้อมไปด้านหน้า สองมือประสานมั่นคงเอ่ยวาจากราบทูลต่อ"ฝ่าบาท ฮูหยินกระหม่อมกับท่านแม่ติด
ท้องพระโรงท้องพระโรงอันโอ่อ่ากว้างขวางตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ม่านแพรปักดิ้นทองอร่ามสะท้อนแสงจากโคมไฟระย้าที่ห้อยลงมาจากเพดานสูงตระหง่าน แสงสีทองอบอุ่นสาดส่องลงมาต้องพื้นหินอ่อนขัดมันวับ จนปรากฏเงาสะท้อนของเสามังกรที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงเบื้องบนบัลลังก์ที่ประดับประดาด้วยหยกและทองคำ ฮ่องเต้ทรงประทับในชุดฉลองพระองค์สีทองที่ปักลวดลายมังกรห้ากรงเล็บอย่างวิจิตรบรรจง เปล่งประกายรัศมีแห่งอำนาจ ดวงพระเนตรคมกริบกวาดมองไปทั่วท้องพระโรงเบื้องล่างบัลลังก์ ขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ด้านซ้ายคือกลุ่มของจ้าวอันป๋อ อำมาตย์ซ้ายผู้ พร้อมด้วยคนของสกุลหวังและกลุ่มขุนนางเก่าแก่ ทุกคนสวมชุดขุนนางสีเข้ม ใบหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงความเคร่งขรึมส่วนทางด้านขวา ยืนตระหง่านด้วยท่าทีสงบนิ่งคือ หยางเทียนหลง เสนาขวาฮั่วอ้าวป๋าย เซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธา หลิวหลางและหลิวเว่ยสองพี่น้องตระกูลหลิว จ้าวอันป๋อในชุดอำมาตย์สีม่วงเข้ม เขาก้าวมาหยุดอยู่กลางท้องพระโรง ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องมา ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์อย่างนอบน้อมพร้อมก้มศีรษะลงจรดพื้น"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมจ้าวอันป๋อมีเรื่องร้
จากนั้นหยางเทียนหลงก็เอ่ยถามความเห็นนางเกี่ยวกับเรื่องของจางลี่เฟยอีกครั้ง"น้องหญิง เจ้ารู้เรื่องของสนมจางแล้ว""เพคะ นางตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ เรื่องนี้ทางสำนักราชวงศ์ประกาศว่านางเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจำต้องให้ออกจากวังมารักษาตัวเพคะ""เจ้าว่านางจะทำเช่นไรต่อไป""นางคงต้องหาทางเอาเด็กออกแน่นอนเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้อารามศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีมลทิน แต่หากนางอยู่ที่อื่นก็ไม่วางใจ""นางแอบมีใจให้กับรัชทายาท แต่เขากลับแต่งฉีฮุ่ยหมิ่นเข้ามา""นางชอบไท่จื่อแล้วอย่างไร นางแต่งให้ฝ่าบาทตั้งแต่อายุสิบสองแต่งเพราะจะได้ไม่ต้องถูกประหาร จะว่าหม่อมฉันใจร้ายก็ดีโหดเหี้ยมก็ช่าง นางอยู่ในวังเป็นสนมด้วยนิสัยของนางไม่รู้ว่าเอาชีวิตนางกำนัลกับขันทีไปเท่าไหร่แล้ว จางลี่เฟยคนนี้หาใช่คนดี"หยางเทียนหลงพยักหน้าก่อนจะถามเรื่องที่จูเหวินไปจัดการก่อนหน้าที่จะมาพบเขา"เรื่องที่ซื่อจื่อไปจัดการเป็นหลิวเย่วที่บอกเจ้าหรือ""เพคะ นางบอกว่าที่เรือนนั้น เป็นเรือนที่ทางสกุลจ้าวแนะนำให้คนพวกนั้นมาเช่าเอาไว้ เมื่อไปถึง คุณชายจู... เอ่อ... ซื่อจื่อ ก็พบว่าในเรือนนั้นมีอาวุธมากมายราวกับคลังแสงเลยเพคะ มีคนคอยเฝ้าอย่างแน่นหนา"หย
ทางด้านห้องพักเซียวอี้เซียน หยางเทียนหลงนอนตะแคงมองใบหน้าหวานของคนที่กำลังหลับใหล นางบอกเขาว่านางมิใช่คนของที่นี่ นางมาจากที่แสนไกลห่างจากเขาหลายพันปี เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดกับตนเอง แต่ต้องยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว นางเล่าเรื่องตนเองให้เขาฟังมากมาย บางเรื่องก้เหลือเชื่อ นางบอกว่าจะพาเขาบินไปบนฟ้าสักวันรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยเสียก่อน เขาเองก็อยากรู้ว่าที่นางเรียกว่าบอลลูนนั่นจะบินได้จริงไหมก่อนหน้าฉีฮุ่ยหมิ่นนับว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ยามนั้นดรุณีน้อยตรงหน้าของเขาวิ่งไล่ตามจ้าวเฉิงอยู่ตลอด เขาบอกชอบสิ่งใดนางมักจะทำตามความต้องการของเขา แต่ในสายตาจ้าวเฉิงและคนอื่นๆนางกลับเป็นเพียงตัวตลก กระทั่งจ้าวเฉิงทอดทิ้งนางไปแต่งงานกับหลิวเย่วเซียวอี้เซียนลุกขึ้นมาขายสินสอดทิ้ง จากสตรีที่ไร้อันดับจากสกุลเล้กๆกลายเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง หากบอกว่าที่หนึ่งในแคว้นก็ไม่เกินจริง เขาไปมาทั่วทิศทำศึกมานับไม่ถ้วนเจอคนมากมายหลายเผ่าแต่กลับไม่มีใครงามเท่ากับคนในอ้อมกอดของเขาคนนี้แปลว่าเซียวอี้เซียนคนนั้นจากไปแล้วจริงๆนางไม่เหลือเยื่อใยกับจ้าวเฉิงเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้จ้าวเฉิงยังลุกไม่ขึ้น
หลานซิ่วเอ๋อร์นั่งอยู่บนเสื้อคลุมของเขา พรมดอกไม้ล้อมรอบจนดูคล้ายอยู่ในความฝัน จูเหวินนั่งข้างๆ ค่อยๆจัดแต่งเสื้อผ้าให้นางอย่างใจเย็น มือของเขาทำทุกอย่างให้นางอย่างนุ่มนวลนางเงยหน้ามองเขา ดวงตาทอประกายอ่อนละมุน ชายผู้นี้...คือคนที่เคยยื่นมือช่วยชีวิตนางไว้ในวันนั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้หลานซิ่วเอ๋อร์ยังคงมีตัวตนอยู่ทุกวันนี้เมื่อเขาจัดแต่งเสื้อผ้าให้นางเรียบร้อยแล้ว จูเหวินโน้มตัวลงริมฝีปากของเขาจุมพิตหน้าผากนวลเนียนของนางเบาๆ คำพูดอ่อนหวานออกมาจากปากบุรุษยิ้มยาก"หากมิได้ซาลาเปานั่น พี่คงอดตายไปแล้ว อีกอย่างคนดีพี่มีเรื่องต้องไปทำ เจ้าดูแลพระชายาให้ดี พี่จะทิ้งคนไว้ให้เจ้าใช้สอยจำนวนหนึ่ง เจ้าคือฮูหยินของพี่พวกเจาล้วนฟังเจ้า นี่คือนกหวีด หากอยากใช้คนก็เป่ามันสามครั้ง มีเพียงพวกเขาที่ได้ยิน"หลานซิ่วเอ๋อร์เงยหน้ามอบใบหน้าหล่อเหลาอย่างสงสัย เขาดูไม่เหมือนคนไร้ฝีมือ จากวรยุทธที่คาดเดาไม่ได้แล้วยังมีเรื่องอันใดที่เขาซ่อนเร้นอยู่เช่นนั้นหรือ นางตั้งคำถามกับชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีนางไปแล้วในตอนนี้"พี่จูเหวิน...ท่านเป็นใครกันแน่...ท่านมิใช่คุณชายรองแห่งสกุลจ้าวใช่หรือไม่..."เขานิ่งไปครู่ห
หลานซิ่วเอ๋อร์มองหน้าเขา มือบางค่อยล้วงไปในอกเสื้อก่อนจะสัมผัสหน้าอกแกร่ง จูเหวินครางเสียงกระเส่าแล้วยึดมือนางเอาไว้ก่อนจะข่มขู่ไม่จริงจัง"เด็กดื้อ หากเจ้าไม่หยุดลูบไล้ข้าคนต้องรักเจ้าในอารามเสียแล้ว""ใครอยากจะให้ท่านรักกัน ข้าแค่อยากถามว่าแผลเป็นที่หน้าอกนี่ท่านมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่""ตั้งแต่ห้าขวบ ข้าถูกเยี่ยหรานสตรีแสนชั่วนั่นโบยด้วยแส้""ท่านเคยช่วยเด็กผู้หญิงจมน้ำในสำนักศึกษาเอาไว้หรือไม่""เหมือนจะเคยเมื่อตอนที่ข้าอายุสิบสี่ วันนั้นข้าต้องตามจ้าวเฉิงไปรับใช้บังเอิญเดินผ่านสระน้ำทำไมหรือ"หลานซิ่วเอ๋อร์มองหน้าเขาก่อนจะยิ้มให้ จูเหวินมองหน้านางอย่างสงสัยหลานซิ่วเอ๋อร์เอ่ยออกมา"เด็กคนนั้นคือข้า""หืม..เช่นนั้นเจ้ายังจำเด็กผู้ชายที่เดินเท้าเปล่าย่ำหิมะและนางผ่านมาได้ยื่นซาลาเปาให้เขาสองลูกได้หรือไม่""เหมือนจะจำได้ ตอนนั้นข้าห้าขวบได้กระมัง เด็กผู้ชายแต่งตัวโทรมๆ คนนั้นคือท่านหรือ"จูเหวินลุกขึ้นนั่งรั้งนางมานั่งบนตักของตนก่อนจะเอ่ย"ขอโทษที่ข่มเหงเจ้า แต่ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะใช้วิธีไหนให้เจ้ามาเป็นของข้า""ท่าน...จูเหวินท่านเก่งกาจเพียงนี้ เก็บซ่อนเก่งเพียงนี้เหตุใดใช้วิธีเช่นน