ชีวิตในวังหลวงของเหม่ยหลินดำเนินไปอย่างราบรื่น เธอได้เรียนรู้เรื่องราวของราชสำนักและปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ลูกๆ ของเธอก็มีความสุขและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง แต่ลึกๆ ในใจของเหม่ยหลิน ยังคงมีความคิดถึงวันวานที่เธอได้ออกไปหาวัตถุดิบด้วยตัวเอง ได้สัมผัสธรรมชาติ และได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
วันหนึ่ง ขณะที่เหม่ยหลินกำลังปรุงอาหารอยู่ในครัวหลวง องค์จักรพรรดิก็เสด็จมาเยี่ยมพร้อมด้วยท่าทางที่ดูครุ่นคิด "ท่านแม่เจียง" องค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาท่าน" "เพคะฝ่าบาท" เหม่ยหลินก้มศีรษะ "ช่วงนี้ข้ารู้สึกว่าร่างกายของข้าเริ่มอ่อนล้าลงไปบ้าง" องค์จักรพรรดิกล่าว "แม้ซุปแห่งชีวิตอมตะของท่านจะวิเศษเพียงใด แต่ข้าก็รู้สึกว่ามันยังขาดอะไรบางอย่างไป" เหม่ยหลินครุ่นคิด เธอเข้าใจความรู้สึกขององค์จักรพรรดิ ในบางครั้ง แม้แต่อาหารที่วิเศษที่สุดก็อาจต้องการ "สิ่งพิเศษ" เพื่อเติมเต็ม "หม่อมฉันเข้าใจเพคะฝ่าบาท" เหม่ยหลินตอบ "บางที...สิ่งที่ฝ่าบาทต้องการอาจจะไม่ใช่ยาบำรุง แต่เป็น 'รสชาติ' ของธรรมชาติที่แท้จริงเพคะ" องค์จักรพรรดิทรงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ "รสชาติของธรรมชาติอย่างนั้นรึ? ท่านหมายความว่าอย่างไร?" "หม่อมฉันเคยได้ยินเรื่องราวของสมุนไพรและวัตถุดิบล้ำค่าที่ซ่อนอยู่ในป่าลึกเพคะ" เหม่ยหลินกล่าว "พวกมันไม่ได้มีเพียงสรรพคุณทางยา แต่ยังแฝงไว้ซึ่งพลังชีวิตบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ซึ่งหาไม่ได้ในตลาดทั่วไปเพคะ" องค์จักรพรรดิทรงพยักหน้า "ท่านหมายถึง...สมุนไพรที่หายากยิ่งกว่าเห็ดหลินจือสีทองอย่างนั้นรึ?" "เพคะฝ่าบาท" เหม่ยหลินตอบ "มีตำนานเล่าขานถึง 'เห็ดจันทราพันปี' ที่จะผลิบานเพียงปีละครั้งในคืนพระจันทร์เต็มดวง และ 'ผลไม้แห่งสวรรค์' ที่เติบโตในที่ลับแล ยากจะเข้าถึงเพคะ" พระเนตรขององค์จักรพรรดิเป็นประกายด้วยความสนพระทัย พระองค์ทรงเป็นผู้ที่รักธรรมชาติและศาสตร์การแพทย์โบราณอยู่แล้ว "หากเป็นเช่นนั้น" องค์จักรพรรดิมีราชโองการ "ข้าต้องการให้ท่านไปค้นหาวัตถุดิบเหล่านั้นมาให้ข้า! ข้าเชื่อในความสามารถของท่านแม่เจียง!" คำขอขององค์จักรพรรดิทำให้เหม่ยหลินรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก นี่คือโอกาสที่เธอจะได้กลับไปสัมผัสธรรมชาติอีกครั้ง และใช้ความรู้จากโลกปัจจุบันในการผจญภัยครั้งใหม่ "หม่อมฉันยินดีเพคะฝ่าบาท" เหม่ยหลินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "แต่การเดินทางเข้าไปในป่าลึกนั้นอันตรายนัก หม่อมฉันขออนุญาตนำบุตรชายและทหารองครักษ์ไปด้วยเพคะ" "แน่นอน!" องค์จักรพรรดิรับสั่ง "ข้าจะจัดเตรียมทหารองครักษ์ฝีมือดีให้ท่าน และข้าจะให้หลี่เฟยหลงติดตามท่านไปด้วย! และหากท่านต้องการสิ่งใดอีก ก็จงบอกมาได้เลย!" เตรียมพร้อมสู่ป่าอาถรรพ์ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เหม่ยหลินรู้ดีถึงความอันตรายของป่าลึก เธอปรึกษาหารือกับหลี่เฟยหลงและท่านราชครูจ้าว เพื่อวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ "ท่านแม่! ป่าแห่งนี้อันตรายมากนะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "มีสัตว์ป่าดุร้าย และบางครั้งก็มีกลุ่มโจรป่าด้วยขอรับ" "แม่รู้ดีลูก" เหม่ยหลินตอบ "แต่แม่ก็เชื่อในความสามารถของพวกเรา และในความคุ้มครองของธรรมชาติ" ชิวลี่ฮวาและหลี่เฟยหยางก็แสดงความกังวลเช่นกัน แต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเหม่ยหลิน พวกเขาก็ให้กำลังใจเธอเต็มที่ "ท่านแม่ต้องระวังตัวนะเจ้าคะ!" ชิวลี่ฮวากล่าว "ท่านแม่ต้องเอาของป่าอร่อยๆ กลับมาฝากลูกด้วยนะขอรับ!" หลี่เฟยหยางเอ่ยขึ้นอย่างน่ารัก เหม่ยหลินยิ้ม "แน่นอนลูก แม่จะนำของป่าอร่อยๆ กลับมาฝากทุกคนแน่นอน" เหม่ยหลินเตรียมตัวอย่างพิถีพิถัน เธอศึกษาตำราสมุนไพรโบราณและแผนที่เก่าแก่ที่ได้จากห้องสมุดหลวง เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของพืช สัตว์ และสภาพภูมิประเทศของป่าลึก นอกจากนี้ เธอยังเตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการเดินทาง เช่น เสื้อผ้าที่ทนทาน มีดสั้น ยาบำรุง และอุปกรณ์ปฐมพยาบาล หลี่เฟยหลงในชุดองครักษ์เต็มยศ ตรวจสอบอาวุธและจัดเตรียมกำลังพล เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำขบวนคุ้มกัน และเขาก็ไม่ทำให้เหม่ยหลินผิดหวัง เข้าสู่ใจกลางพงไพร ในที่สุด วันเดินทางก็มาถึง ขบวนของเหม่ยหลินประกอบด้วยทหารองครักษ์ฝีมือดีสิบกว่านาย นำโดยหลี่เฟยหลง พวกเขาออกเดินทางจากเมืองหลวงมุ่งหน้าสู่ป่าลึกที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ยิ่งลึกเข้าไปในป่า บรรยากาศก็ยิ่งเงียบสงัดและร่มรื่น ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าปกคลุมจนแสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ถึงพื้นดิน ทำให้ป่าดูมืดสลัวและลึกลับ เสียงนกร้องและเสียงแมลงป่าดังก้องไปทั่ว ราวกับเสียงดนตรีจากธรรมชาติ เหม่ยหลินเดินนำหน้าขบวนด้วยความมั่นใจ สายตาของเธอสอดส่ายมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจพืชพรรณและสัตว์ป่าที่เธอไม่คุ้นเคย เธอหยุดเป็นระยะๆ เพื่อเก็บสมุนไพรบางชนิดที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนในตลาด และจดบันทึกสรรพคุณของพวกมันลงในสมุดบันทึกของเธอ "ท่านแม่! ท่านรู้ได้อย่างไรว่าสมุนไพรพวกนี้มีประโยชน์ขอรับ?" หลี่เฟยหลงถามด้วยความทึ่ง "ประสบการณ์สอนแม่มาลูก" เหม่ยหลินยิ้ม "และตำราโบราณที่แม่ศึกษามาก็ช่วยได้มาก" พวกเขาเดินทางลึกเข้าไปเรื่อยๆ สภาพภูมิประเทศเริ่มซับซ้อนขึ้น มีทั้งเนินเขา ทางลาดชัน และลำธารเล็กๆ ที่ต้องข้าม พวกเขาเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าหลายชนิด แต่ด้วยฝีมือของหลี่เฟยหลงและเหล่าทหารองครักษ์ พวกเขาก็สามารถผ่านพ้นไปได้โดยปลอดภัยหลี่เฟยหลง ในชุดเสื้อคลุมหนา ถือดาบและมองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง หัวหน้าหมาเองก็เตรียมพร้อมเต็มที่ ด้วยประสบการณ์การเอาตัวรอดในป่าที่เขาเคยผ่านมาเมื่อก้าวออกไปนอกกำแพงวัง ความหนาวเย็นก็แทรกซึมเข้าสู่กระดูก ลมพายุหิมะพัดโหมกระหน่ำจนแทบจะมองไม่เห็นทาง หิมะกองสูงท่วมหัว ผู้คนต่างหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือนของตนเอง ถนนหนทางเงียบสงัดราวกับเมืองร้าง"ท่านแม่! หิมะหนักมากเลยนะขอรับ!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล "เราจะหาอะไรกินได้ที่ไหนกันขอรับ!?""เราจะต้องหาแหล่งอาหารที่สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้ลูก" เหม่ยหลินตอบ "และแม่คิดว่า...แม่รู้แล้วว่าเราจะไปหาที่ไหน"เหม่ยหลินนำทางคณะของเธอไปยังบริเวณที่สูงกว่าปกติ ซึ่งเป็นที่ราบเชิงเขาที่เธอเคยสังเกตเห็นว่ามีพืชพรรณบางชนิดเติบโตอย่างหนาแน่นในช่วงฤดูร้อนเมื่อมาถึงบริเวณนั้น พวกเขาก็ต้องประหลาดใจ! แม้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา แต่ก็มี พืชชนิดหนึ่ง ที่ยังคงยืนต้นอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง ใบของมันเป็นสีเขียวเข้ม และมีรากที่ฝังลึกลงไปในดินที่เย็นจัด"นี่มัน... 'ผักหิมะสวรรค์'!" เหม่ยหลินอุทานด้วยความตื่นเต้น "ข้าเคยได้ยินชื่อของ
หลังจากเหตุการณ์ในแคว้นเยว่ เหม่ยหลินและคณะเดินทางกลับสู่แคว้นของตนอย่างปลอดภัย พร้อมกับมิตรภาพครั้งใหม่และข้อตกลงสันติภาพอันล้ำค่าที่นำพาสันติสุขมาสู่สองอาณาจักร องค์จักรพรรดิทรงปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทรงจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ และทรงยกย่องความดีความชอบของเหม่ยหลินและไป๋เฟิงอย่างสมเกียรติไป๋เฟิงได้รับการแต่งตั้งเป็นราชทูตพิเศษ มีหน้าที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น และเขาก็แวะเวียนมาเยี่ยมเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและบริสุทธิ์แต่ความสงบสุขมักไม่จีรังยั่งยืน เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวปีนั้น พายุหิมะลูกใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีก็พัดถล่มอาณาจักรอย่างไม่คาดฝัน หิมะตกหนักต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ปกคลุมทั่วทั้งแคว้นด้วยผืนสีขาวโพลน อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทำให้แม่น้ำลำคลองกลายเป็นน้ำแข็ง พืชผลทางการเกษตรเสียหายยับเยิน การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บและความอดอยากวิกฤตการณ์ในวังหลวงและคำร้องจากองค์จักรพรรดิแม้แต่ในวังหลวงเองก็ได้รับผลกระทบจากพายุหิมะครั้งนี้ การขนส่งเสบียงอาหารจากภายนอกทำได้ยากลำบาก คลังเสบียงขอ
องค์จักรพรรดิเยว่เสวยซุปแห่งการฟื้นคืนชีพด้วยความลังเล พระองค์ทรงจิบซุปช้าๆ และทันใดนั้นเอง...พระองค์ก็ทรงไอออกมาอย่างรุนแรง! พร้อมกับอาเจียนออกมาเป็น เลือดสีดำ!เสียงฮือฮาดังไปทั่วท้องพระโรง ขันทีผู้นั้นถึงกับหน้าซีดเผือด"เป็นไปได้อย่างไร!" ขันทีผู้นั้นตะโกน "เจ้าแม่ครัวชั่ว! เจ้าวางยาพิษฝ่าบาท!""หยุดเดี๋ยวนี้!" ไป๋เฟิงก้าวออกมาข้างหน้าอย่างองอาจ "นี่ไม่ใช่ยาพิษ! แต่มันคือ ยาถอนพิษ! ที่กำลังขับยาพิษที่เจ้าแอบใส่ในยาอายุวัฒนะของพระบิดาข้ามานานหลายปี!"คำกล่าวของไป๋เฟิงทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึง ขันทีผู้นั้นถึงกับตัวแข็งทื่อ ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับคนตาย"ฝ่าบาท!" ไป๋เฟิงคุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิเยว่ "หม่อมฉันคือไป๋เฟิง... องค์ชายรองของพระองค์พะย่ะค่ะ!"องค์จักรพรรดิเยว่มองไป๋เฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความหวัง พระองค์ทรงจำลูกชายของพระองค์ได้"ขันทีผู้นี้... เขาหลอกลวงพระองค์มาตลอดพะย่ะค่ะ!" ไป๋เฟิงกล่าวต่อ "เขาต้องการที่จะช่วงชิงอำนาจจากพระองค์ เขาแอบใส่ยาพิษลงในยาอายุวัฒนะของพระองค์ เพื่อให้พระองค์อ่อนแอ และควบคุมพระองค์ได้!"หลั
ความจริงที่เปิดเผยจากไป๋เฟิงทำให้เหม่ยหลินเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เธอรู้ว่าภารกิจของเธอไม่ได้มีแค่การปรุงอาหารเพื่อรักษาองค์จักรพรรดิเยว่ แต่ยังรวมถึงการช่วยไป๋เฟิงเปิดโปงความจริง และหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของขันทีผู้นั้นด้วย"งั้นตอนนี้เราควรทำอย่างไรดีขอรับ?" หลี่เฟยหลงถาม"เราต้องหาวัตถุดิบที่เหมาะสมมาปรุงซุปแห่งชีวิตอมตะให้องค์จักรพรรดิเยว่" เหม่ยหลินกล่าว "แต่คราวนี้...เราจะไม่แค่ปรุงซุปบำรุงธรรมดา" เธอหันไปมองไป๋เฟิง "เราจะปรุงซุปที่สามารถ ล้างพิษ ออกจากร่างกายขององค์จักรพรรดิเยว่ได้!"ไป๋เฟิงพยักหน้า "ข้ารู้จักสมุนไพรบางชนิดในป่าต้องห้ามแห่งนี้ ที่มีสรรพคุณในการล้างพิษได้ แต่พวกมันหายากยิ่งนัก และมักจะเติบโตในที่ลับแล"ไป๋เฟิงนำทางพวกเขาเข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิมในป่าต้องห้าม พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยากลำบากมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พืชมีพิษที่ร้ายแรง และกับดักที่ถูกวางไว้โดยฝีมือมนุษย์"ท่านไป๋เฟิง! นั่นคืออะไรขอรับ!" หลี่เฟยหลงชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีผลไม้สีดำสนิท ดูเหมือนมีหนามแหลมคม"นั่นคือ 'ผลโลหิตทมิฬ'" ไป
การปรากฏตัวของไป๋หู่ราวกับสายฟ้าฟาดกลางป่าต้องห้าม! เหม่ยหลิน สบตาเขาด้วยความไม่เข้าใจปนประหลาดใจอย่างที่สุด หลี่เฟยหลงและหัวหน้าหมาต่างตะลึงงัน ไม่คาดคิดว่านายพรานหนุ่มผู้เคยช่วยชีวิตพวกเขาไว้ จะมาปรากฏตัวในชุดคลุมสีดำ และมีบทบาทในการช่วยเหลือพวกเขาในดินแดนศัตรูแห่งนี้"ไป๋หู่! ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!?" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือไป๋หู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตาของเขาฉายแววหนักใจ แต่ก็มีความเด็ดเดี่ยวซ่อนอยู่ เขาก้มศีรษะให้เหม่ยหลินเล็กน้อย"ขออภัยท่านแม่เจียง ที่ข้าต้องปกปิดเรื่องราวบางอย่าง" ไป๋หู่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "แท้จริงแล้ว...ข้าไม่ใช่แค่นายพรานธรรมดาในป่าแห่งนั้น""แล้วท่านเป็นใครกันแน่!?" หลี่เฟยหลงถามอย่างสงสัยระคนไม่ไว้วางใจไป๋หู่หันไปมองทหารที่ล้มลงอยู่กับพื้น ก่อนจะกล่าวต่อ "ข้าคือ ไป๋เฟิง... อดีตองค์ชายรองแห่งแคว้นเยว่"คำสารภาพของไป๋เฟิงราวกับระเบิดที่ลงกลางกลุ่ม! หลี่เฟยหลงและหัวหน้าหมาถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มผู้ลึกลับที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ จะมีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้ และที่สำคัญ... เขาคื
การเดินทางสู่ป่าต้องห้ามของแคว้นเยว่เริ่มต้นขึ้น เหม่ยหลิน หลี่เฟยหลง และหัวหน้าหมา พร้อมด้วยทหารนำทางสองสามนายจากแคว้นเยว่ ที่ดูท่าทางไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยป่าต้องห้ามแห่งนี้แตกต่างจากป่าที่พวกเขาเคยเข้าไปอย่างสิ้นเชิง มันเต็มไปด้วยพืชพรรณรูปร่างแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และมีสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักชื่อแฝงตัวอยู่ทั่วไป บรรยากาศของป่าเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอันตรายและความลึกลับ"ท่านแม่! ดูนั่นขอรับ!" หลี่เฟยหลงชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีผลไม้สีม่วงเข้มดูน่ากลัว"อย่าไปแตะต้องนะลูก" เหม่ยหลินเตือน "ผลไม้บางชนิดในป่าแห่งนี้มีพิษร้ายแรง"พวกเขาระมัดระวังทุกย่างก้าว โดยเฉพาะจากทหารนำทางของแคว้นเยว่ที่คอยจ้องมองพวกเขาอยู่ตลอดเวลา ราวกับรอโอกาสที่จะสร้างปัญหาในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางลึกเข้าไปในป่า จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับเงาร่างของ บุรุษลึกลับ ที่ปรากฏขึ้นจากพุ่มไม้ เขาสวมชุดคลุมสีดำปิดบังใบหน้า และมีท่าทางลับๆ ล่อๆ"ใครกันนั่น!" หลี่เฟยหลงตะโกน และชักดาบเตรียมพร้อมบุรุษลึกลับไม่ตอบ เขาเพียงแค่ชี้ไปที่ทหารนำทางของแคว้นเยว่ แล้วส่