ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆ
ความผันผวนในจวนเจ้าเมือง หลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล “นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขา พ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง ขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ความสัมพันธ์กับชาวบ้าน หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมในแต่ละวัน เขายิ่งสืบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพบว่าเหม่ยหลินไม่ใช่แม่ครัวธรรมดา นางมีความรู้เรื่องอาหารและสมุนไพรอย่างลึกซึ้งเกินกว่าคนในยุคนี้จะเทียบได้ ยิ่งทำให้ความแค้นและความอยากได้สูตรลับของเขาทวีคูณขึ้นไปอีก “ข้าจะไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่! เจ้าจะต้องคายสูตรออกมาให้ข้าให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม!” หลี่กวงหมิงกัดฟันกรอด เสียงคำรามต่ำๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอ อาณาจักรอาหารของเหม่ยหลิน แม้จะมีภัยคุกคามจากเจ้าเมือง แต่ชีวิตที่ตลาดของเหม่ยหลินกลับรุ่งเรืองถึงขีดสุด แผงขายของเธอกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองหลวง ผู้คนต่างแห่แหนมาลิ้มลองอาหารของ “เชฟเหม่ยหลิน” ที่ไม่ได้มีแค่บะหมี่เจและซุปเห็ดหลินจือดำอีกต่อไป เหม่ยหลินเริ่มขยายเมนูให้หลากหลายขึ้น เธอใช้ความรู้เรื่องอาหารจากโลกปัจจุบันมาปรับใช้กับวัตถุดิบที่มีในยุค 70 และความรู้เรื่องสมุนไพรจีนที่เธอศึกษาเพิ่มเติมจากตำราเก่าแก่ที่หลี่เฟยหลงหามาให้ เธอคิดค้นเมนูใหม่ๆ ที่ทั้งอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ และบางเมนูก็มีสรรพคุณทางยาด้วยซ้ำ เมนูยอดนิยมบางส่วนที่เธอคิดค้นขึ้นมาได้แก่: * “ข้าวผัดธัญพืชห้าสี”: ใช้ข้าวผสมกับถั่วชนิดต่างๆ และผักหลากสีสัน ผัดกับเต้าเจี้ยวโบราณและน้ำมันงา ให้รสชาติหอมมันและอุดมด้วยวิตามิน * “เกี๊ยวน้ำสมุนไพรบำรุงเลือดลม”: ทำจากแป้งข้าวโพดห่อไส้หมูบดผสมผักและสมุนไพรบางชนิด ต้มในน้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวจนหอมหวาน มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย * “พุดดิ้งมันเทศรังนกนางแอ่น”: ขนมหวานที่ทำจากมันเทศบดละเอียด ผสมกับรังนกนางแอ่น (ที่ได้จากการสั่งซื้อวัตถุดิบพิเศษจากพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางใต้) นึ่งจนเนื้อเนียนนุ่ม ราดด้วยน้ำเชื่อมจากน้ำตาลอ้อย ให้รสชาติหวานละมุนและมีสรรพคุณบำรุงผิวพรรณ ความหลากหลายของเมนู ทำให้ลูกค้าของเหม่ยหลินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ชาวบ้านทั่วไป แต่รวมถึงพ่อค้าวาณิชผู้มั่งคั่ง ขุนนางชั้นผู้น้อย และแม้กระทั่งนักเดินทางจากต่างเมืองที่ได้ยินชื่อเสียงของเธอ “ท่านแม่เจียง! ขนมหัวผักกาดทอดของท่านอร่อยจริง ๆ ข้าซื้อกลับไปฝากลูก ๆ ที่บ้านด้วย!” “ซุปเห็ดหลินจือดำของท่านช่วยให้ร่างกายข้าฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้ดีจริง ๆ ขอบพระคุณท่านแม่เจียง!” บุรุษลึกลับจากวังหลวง วันหนึ่ง ขณะที่เหม่ยหลินกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารที่แผงขายของเธอ จู่ๆ ก็มีชายสูงวัยท่าทางภูมิฐาน สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มปักลายเมฆอันวิจิตร เดินเข้ามาใกล้แผงของเธอ ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ ดวงตาของเขาคมกริบแต่แฝงด้วยความเมตตา ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ท่านราชครูจ้าว ผู้เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญขององค์จักรพรรดิ และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการประลองรสชาติครั้งก่อน “ท่านแม่เจียง” ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้วว่าท่านทำอาหารได้อร่อยเลิศนัก วันนี้ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง” เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อยด้วยความเคารพ “เป็นเกียรติอย่างยิ่งเจ้าค่ะท่านราชครู” ท่านราชครูจ้าวสั่งบะหมี่เจผักรวมและซุปเห็ดหลินจือดำ เมื่อเขาได้ลิ้มรสอาหารของเหม่ยหลิน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติที่เรียบง่ายแต่ล้ำลึกของบะหมี่เจ และกลิ่นหอมของซุปเห็ดหลินจือดำที่ช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้เขารู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา “อร่อย! อร่อยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!” ท่านราชครูจ้าวเอ่ยชมด้วยความจริงใจ “ท่านแม่เจียง ช่างเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากยิ่งนัก!” ท่านราชครูจ้าวหันไปมองลูกๆ ของเหม่ยหลินที่กำลังช่วยงานอย่างขะมักเขม้น “ลูกๆ ของท่านก็ดูแข็งแรงและกระตือรือร้นนัก ดูท่าทางพวกเขาจะมีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือท่าน” “เจ้าค่ะท่านราชครู” เหม่ยหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาเป็นกำลังใจสำคัญของข้าเจ้าค่ะ” หลังจากกินอาหารเสร็จ ท่านราชครูจ้าวก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่เจียง ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านเป็นการส่วนตัว หากท่านไม่รังเกียจ ขอเชิญท่านมาพบข้าที่เรือนพักของข้าในจวนเจ้าเมืองยามพลบค่ำวันนี้ได้หรือไม่?” คำเชิญของท่านราชครูจ้าวทำให้เหม่ยหลินรู้สึกประหลาดใจและสับสนเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าท่านราชครูมีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธคำเชิญของบุคคลสำคัญเช่นนี้ได้ “เจ้าค่ะท่านราชครู ข้าจะไปตามนัดเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินตอบ เมื่อท่านราชครูจากไป เหม่ยหลินก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ลูกๆ ฟัง หลี่เฟยหลงแสดงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด “ท่านแม่! ท่านราชครูจะไม่มีเจตนาร้ายใช่ไหมขอรับ?” หลี่เฟยหลงถามด้วยความกังวล “ไม่หรอกลูก” เหม่ยหลินตอบ “ท่านราชครูดูเป็นคนมีเมตตา และข้าคิดว่าท่านอาจจะมีเรื่องสำคัญบางอย่างจะบอกเรา” ภัยร้ายจากมาดามหลี่และจางไห่ ในขณะที่เหม่ยหลินกำลังได้รับเกียรติจากราชสำนัก ด้านมืดของตลาดก็กำลังวางแผนร้าย จางไห่และมาดามหลี่ได้ยินข่าวว่าท่านราชครูจ้าวมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลิน และรู้ว่าเหม่ยหลินจะต้องไปที่เรือนพักของท่านราชครูในจวนเจ้าเมืองในยามพลบค่ำ “พี่ใหญ่! นี่มันโอกาสของเราชัดๆ!” มาดามหลี่กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความริษยา “ในเมื่อแม่เจียงไปถึงที่นั่นแล้ว เราก็จัดการนางได้ง่ายขึ้น!” “เจ้าคิดจะทำอะไร?” จางไห่ถาม “เราจะส่งคนไปลักพาตัวนาง!” มาดามหลี่ตอบด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “แล้วบังคับให้นางคายสูตรอาหารออกมาให้หมด! จากนั้น...เราก็จะให้นางหายไปจากโลกนี้ซะ! แล้วเอาสูตรอาหารของนางไปขายให้ท่านเจ้าเมือง หรือไม่ก็เปิดร้านอาหารของเราเอง!” จางไห่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ความโลภก็ครอบงำจิตใจของเขาในที่สุด “ดี! งั้นเราจะส่งคนไปดักรอนางที่ทางเข้าจวนเจ้าเมืองตอนพลบค่ำ!” จางไห่กล่าว การเผชิญหน้าในคืนมืด เมื่อพลบค่ำ เหม่ยหลินก็เดินทางไปยังจวนเจ้าเมืองตามนัดของท่านราชครูจ้าว เธอสวมชุดเรียบง่าย แต่ใบหน้าของเธอยังคงเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ขณะที่เธอกำลังเดินไปตามทางเดินที่มืดสลัวซึ่งทอดไปสู่เรือนพักของท่านราชครู จู่ๆ ก็มีเงาร่างสองเงาพุ่งเข้ามาจากความมืด พร้อมกับผ้าผืนหนึ่งที่ถูกปิดปากและจมูกของเธอ เหม่ยหลินพยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ผ้าผืนนั้นมีกลิ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมึนงงและอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธออ่อนปวกเปียก และสติของเธอก็ดับวูบไป เมื่อเหม่ยหลินฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องมืดๆ ที่มีกลิ่นอับชื้น เธอถูกมัดแขนและขาไว้กับเก้าอี้ไม้เก่าๆ “โอ้! ตื่นแล้วอย่างนั้นรึ!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในความมืด ร่างของมาดามหลี่ปรากฏขึ้นในแสงสลัวของตะเกียงที่จุดอยู่ตรงมุมห้อง ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด “มาดามหลี่! เจ้าทำอะไรกับข้า!” เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแผ่วเบา “หึ! ข้าก็แค่เชิญเจ้ามาเป็นแขกของข้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้นแหละ!” มาดามหลี่ตอบ “และในฐานะเจ้าของสูตรอาหารอันล้ำค่าของเจ้า! ข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า...จากนี้ไป สูตรอาหารทั้งหมดของเจ้าจะเป็นของข้า!” เหม่ยหลินมองมาดามหลี่ด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าจะไม่มีทางได้สูตรอาหารของข้าไปเด็ดขาด!” “หึ! ปากดีนัก!” มาดามหลี่หัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าเจ้าจะต่อต้านข้าได้อย่างนั้นรึ! ในเมื่อตอนนี้เจ้าตกอยู่ในกำมือของข้าแล้ว!” มาดามหลี่หันไปสั่งลูกน้องของเธอ “พวกแก! เอาเครื่องมือทรมานมา! ข้าจะทำให้แม่นางผู้นี้คายสูตรออกมาให้หมด!” ลูกน้องของมาดามหลี่หยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมาจากมุมห้อง มันเป็นอุปกรณ์ที่ดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เหม่ยหลินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เธอรู้ว่ามาดามหลี่จะไม่เล่นตลกกับเธอแน่นอน “เจ้าจะไม่ได้อะไรไปจากข้าเลย!” เหม่ยหลินกล่าวอย่างท้าทาย “จริงอย่างนั้นรึ!?” มาดามหลี่เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน!” ความช่วยเหลือที่ไม่คาดฝัน ในขณะที่มาดามหลี่กำลังจะลงมือทรมานเหม่ยหลิน จู่ๆ ก็มีเสียงทุบประตูห้องดังขึ้นอย่างรุนแรง ปัง! ปัง! ปัง! “ใครกัน! มาบังอาจบุกรุก!” มาดามหลี่ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ ประตูไม้เก่าๆ ถูกพังเข้ามาในพริบตา พร้อมกับเงาร่างของชายร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาในห้อง เขาคือ หัวหน้าหมา ผู้ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของมาดามหลี่และจางไห่! “หัวหน้าหมา! เจ้ามาทำอะไรที่นี่!” มาดามหลี่อุทานด้วยความตกใจ “ข้ามาช่วยแม่เจียง!” หัวหน้าหมาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่เหม่ยหลินไม่เคยเห็นมาก่อน ลูกน้องของมาดามหลี่พุ่งเข้าใส่หัวหน้าหมาทันที แต่หัวหน้าหมาซึ่งมีฝีมือด้านการต่อสู้ก็สามารถจัดการกับลูกน้องเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย “เจ้า...เจ้ากล้าหักหลังข้าอย่างนั้นรึ!” มาดามหลี่ตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอย่างนี้แล้วจะรอดไปได้รึ!” “ข้าเคยเป็นคนผิดพลาด” หัวหน้าหมาตอบ “แต่ข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกคนดีๆ อย่างแม่เจียงได้อีกแล้ว!” มาดามหลี่พยายามจะเข้าทำร้ายเหม่ยหลิน แต่หัวหน้าหมาก็เข้ามาขวางไว้ทัน เขาปลดเชือกที่มัดเหม่ยหลินออกอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่เจียง! ท่านปลอดภัยแล้วขอรับ!” หัวหน้าหมากล่าว “ขอบใจเจ้ามากนะหัวหน้าหมา” เหม่ยหลินกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เคยเป็นศัตรูของเธอจะมาช่วยเธอในวันนี้ ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกห้อง พร้อมกับร่างของ ท่านราชครูจ้าว และกลุ่มทหารองครักษ์ที่ก้าวเข้ามาในห้อง “มาดามหลี่! เจ้าทำอะไรกับท่านแม่เจียง!” ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าบังอาจถึงเพียงนี้เชียวรึ!” มาดามหลี่ถึงกับเข่าอ่อนเมื่อเห็นท่านราชครูจ้าวและทหารองครักษ์ ใบหน้าของนางซีดเผือดราวกับคนตาย “ท่านราชครู! ข้า...ข้าเปล่าเจ้าค่ะ!” มาดามหลี่พยายามปฏิเสธ “ไม่ต้องมาปฏิเสธ!” ท่านราชครูจ้าวสั่ง “จับตัวนางไป! และสอบสวนให้ละเอียด! หากพบว่านางกระทำความผิดจริง จะต้องได้รับโทษทัณฑ์สถานหนัก!” ทหารองครักษ์เข้าจับกุมมาดามหลี่และลูกน้องของนางทันที เหม่ยหลินมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความโล่งใจ เธอรู้ว่าเธอรอดพ้นจากภัยร้ายครั้งนี้ได้แล้ว และที่สำคัญที่สุดคือเธอได้เห็นถึงความดีงามที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของหัวหน้าหมารุ่งอรุณหลังคืนแห่งความวุ่นวาย แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในเรือนพักของท่านราชครูจ้าว เหม่ยหลินรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างกอดเธอแน่นด้วยความโล่งใจ การปรากฏตัวของหัวหน้าหมาและท่านราชครูจ้าวราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดมิดท่านราชครูจ้าวนั่งลงตรงข้ามกับเหม่ยหลิน ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้าต้องขออภัยแทนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงด้วย ที่ทำให้ท่านต้องมาประสบเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้"เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านราชครู ข้าเข้าใจดีว่าอำนาจมักจะทำให้คนตาบอด""ถูกต้อง" ท่านราชครูจ้าวพยักหน้า "เรื่องของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงนั้น ข้าได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เขากระทำ"ท่านราชครูจ้าวหันไปมองหัวหน้าหมาที่ยืนอยู่ข้างๆ "หัวหน้าหมา เจ้าทำความดีความชอบในครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้รับความดีความชอบอย่างที่ควรจะได้รับ"หัวหน้าหมาก้มศีรษะด้
ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆความผันผวนในจวนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล“นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขาพ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย
เช้าตรู่วันประลอง ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสลัวด้วยไอหมอกจางๆ แต่ใจกลางเมืองกลับคึกคักไปด้วยผู้คนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นสักขีพยานในศึกประลองรสชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทำอาหารธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง อำนาจ และ ความสามารถ ระหว่าง ศักดิ์ศรี ของเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กับ ความกล้าหาญ ของแม่ครัวสามัญชนเหม่ยหลินและครอบครัวเดินทางมาถึงลานประลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยที่นั่งสำหรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไป กลิ่นหอมของเครื่องหอมปะปนกับกลิ่นไอของตลาดสดอบอวลไปทั่วบริเวณ"ท่านแม่! คนเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางเกาะแขนเหม่ยหลินแน่น ดวงตากลมโตสอดส่ายมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่น"ไม่ต้องกลัวหรอกลูก" เหม่ยหลินยิ้มให้กำลังใจลูกชาย เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งใดเมื่อเดินไปถึงหลังเวที พวกเขาก็เห็นเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงยืนอยู่พร้อมกับพ่อครัวประจำจวนของเขา และชายชุดดำสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าของหลี่กวงหมิงเรียบตึง แต่แววตาของเขากลับฉาย
แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงฉานเมื่อเหม่ยหลินกลับมาถึงบ้าน ตลอดทางกลับ เธอครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ คำสั่งของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงเป็นดั่งดาบที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หากเธอปฏิเสธหรือทำผิดพลาดแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอและลูกๆ อาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงบ้าน ใบหน้าของหลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ก็ปรากฏแก่สายตา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถาม"ท่านแม่! เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ท่านเจ้าเมืองพูดอะไรกับท่าน?" หลี่เฟยหลงเอ่ยถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหม่ยหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าเมืองให้ทุกคนฟัง ตั้งแต่คำชมเชยของหลี่กวงหมิง ข้อเสนอให้เป็นพ่อครัวประจำจวน และคำสั่งให้ส่งอาหารทุกวัน รวมถึงการบีบบังคับให้บอกสูตรอาหารบรรยากาศในห้องเงียบสงัดลงทันที ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลี่เฟยหลงที่กำมือแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ"ท่านเจ้าเมืองช่างบีบบังคับกันเกินไปแล้วขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นอย
ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมาเช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย"ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส"ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน"ท่า
คำพูดของเหม่ยหลินทำให้ทุกคนในตลาดถึงกับตกตะลึง รวมถึงหัวหน้าหมาและลูกน้องของเขาด้วย"ประลองฝีมืออย่างนั้นรึ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน!" หัวหน้าหมาหัวเราะเยาะ "เจ้าเป็นแค่แม่ครัวอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น! จะเอาอะไรมาสู้กับพวกข้า!""ข้าไม่ได้ท้าเจ้าประลองกำลัง" เหม่ยหลินตอบ "ข้าขอท้าเจ้าประลอง...ปัญญา!"คำว่า 'ประลองปัญญา' ยิ่งทำให้ทุกคนงงไปกันใหญ่"ประลองปัญญาอย่างนั้นรึ! ตลกสิ้นดี!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างเยาะเย้ย "เจ้าจะประลองปัญญาอะไรกับข้า!?""ข้าจะท้าเจ้าให้ตอบคำถามของข้าสามข้อ" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ "หากเจ้าตอบได้ทั้งสามข้อ...ข้าจะยอมออกจากตลาดแห่งนี้ไปตลอดกาล และจะไม่กลับมาค้าขายอีก! แต่หากเจ้าตอบไม่ได้...เจ้าต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของข้า และห้ามมารังแกพวกเราอีกตลอดไป!"ข้อเสนอของเหม่ยหลินทำให้ผู้คนในตลาดต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยเห็นการประลองแบบนี้มาก่อนหัวหน้าหมาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาไม่คิดว่าแม่ครัวธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะมีความรู้หรือปัญญาอะไรมากมายนัก"ได้! ข้ารับคำท้า!" หัวหน้าหมากล่าวอย่างลำพองใจ "เอาเลย! เจ