ความรู้สึกของเหม่ยหลินพังทลายลงในพริบตาเมื่อได้ยินคำสารภาพของขันทีจาง และเห็นผงสีดำในมือของหลี่เฟยหาน โลกทั้งใบราวกับหมุนคว้าง ภาพความฝันที่เธอสร้างขึ้นเพื่อครอบครัว กำลังจะพังทลายลงเพราะการทรยศหักหลังครั้งนี้
"ไม่จริง... เจ้าโกหก!" เหม่ยหลินตะโกน ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด "หลี่เฟยหาน! ลูกบอกแม่มา! ลูกทำอะไรลงไป!?" หลี่เฟยหานตัวสั่นงันงก ใบหน้าเล็กๆ ของเขาซีดเผือด น้ำตาไหลพราก "ท่านแม่... ลูก... ลูกถูกบังคับขอรับ! ขันทีจาง... เขา... เขายื่นเงินให้ลูก... บอกว่าจะให้ลูกกับพี่ๆ สบาย... แล้ว... แล้วถ้าลูกไม่ทำ... เขาจะฆ่าท่านแม่... ฆ่าพี่ใหญ่... ฆ่าท่านชิวลี่ฮวา..." เสียงของเขาขาดหายไป พร้อมกับร่างที่ทรุดลงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ขันทีจางหัวเราะอย่างชั่วร้าย "ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นภาพที่น่ารันทดใจนัก! เจ้าแม่เจียงผู้ยิ่งใหญ่ กำลังจะถูกลูกชายของตัวเองฆ่า!" เขาก้าวเข้ามาใกล้ ยกผงสีดำในมือของหลี่เฟยหานขึ้นดู "ดูสิ! ผงพิษ 'ฝุ่นมรณะ' ชนิดรุนแรงที่สุด! แม้แต่เซียนก็ยากจะรอด! องค์จักรพรรดิจะได้สวรรคตอย่างสงบในวันนี้ และเจ้า... จะต้องเป็นแพะรับบาป! ฮ่าฮ่าฮ่า!" "เจ้ามันปีศาจ!" เหม่ยหลินกัดฟันแน่น ความเจ็บปวดจากคำสารภาพของลูกชาย และความโกรธแค้นต่อขันทีจาง ทำให้เลือดในกายเธอเดือดพล่าน แต่เธอก็ยังคงพยายามรวบรวมสติ เธอรู้ว่าเธอต้องคิดให้เร็วที่สุด เธอต้องช่วยองค์จักรพรรดิ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นจากทางเข้าห้องครัว หลี่เฟยหลง และ ชิวลี่ฮวา ที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็รีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาของหลี่เฟยหลงก็เบิกกว้างด้วยความตกใจและโกรธแค้น "ท่านแม่! หลี่เฟยหาน!" หลี่เฟยหลงตะโกน ก่อนจะพุ่งเข้าหาขันทีจางด้วยความรวดเร็ว "บังอาจ!" ขันทีจางตวาด เขามีฝีมือด้านการต่อสู้ไม่น้อย และมักจะพกมีดสั้นติดตัวเสมอ เขาชักมีดออกมาปัดป้องการโจมตีของหลี่เฟยหลงอย่างรวดเร็ว ชิวลี่ฮวารีบเข้าไปประคองหลี่เฟยหานที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด "หลี่เฟยหาน! เกิดอะไรขึ้น!?" เหม่ยหลินมองการต่อสู้ระหว่างหลี่เฟยหลงกับขันทีจาง ใบหน้าของขันทีจางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในขณะที่หลี่เฟยหลงนั้น แม้จะได้รับการฝึกฝนมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นจะต่อกรกับขันทีจางได้ง่ายๆ หากการต่อสู้ยืดเยื้อ หลี่เฟยหลงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน "หยุดเดี๋ยวนี้!" เหม่ยหลินตะโกนสุดเสียง ทำให้การต่อสู้หยุดชะงักลงชั่วขณะ ขันทีจางมองเหม่ยหลินด้วยสายตาเย้ยหยัน "โอ้โห! จะช่วยลูกชายของเจ้าอย่างนั้นรึ! แต่สายไปแล้ว! ซุปพิษนี่ใกล้จะเสร็จแล้ว! และองค์จักรพรรดิก็จะเสวยมันในไม่ช้า!" เหม่ยหลินมองไปที่หม้อซุปแห่งชีวิตอมตะที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่บนเตา เธอมองผงสีดำในมือของหลี่เฟยหาน แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมองของเธอ "ขันทีจาง!" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและแววตาที่คมกริบ "ข้าจะยอมสารภาพความผิดทั้งหมด! และจะบอกสูตรซุปแห่งชีวิตอมตะให้เจ้า! หากเจ้าปล่อยครอบครัวของข้าไป!" ขันทีจางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ "โอ้! เจ้าจะยอมสารภาพอย่างนั้นรึ! ช่างง่ายดายนัก! แต่เจ้าคิดว่าจะรอดไปได้รึ! เมื่อความผิดทั้งหมดตกอยู่ที่เจ้า! ครอบครัวของเจ้าก็ไม่มีค่าแล้ว!" "ถ้าข้าตาย! เจ้าก็จะไม่ได้สูตรอาหารไป!" เหม่ยหลินตอบอย่างท้าทาย "สูตรอาหารของข้าถูกเก็บไว้ในใจของข้า! และข้าจะไม่ยอมให้ใครได้ไปเด็ดขาด!" ขันทีจางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความโลภเข้าครอบงำจิตใจของเขามากกว่าความแค้น เขาต้องการสูตรซุปแห่งชีวิตอมตะเพื่อตัวเอง เพื่ออำนาจที่แท้จริงในวังหลวง "ดี! งั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า! จงบอกสูตรซุปแห่งชีวิตอมตะมาเดี๋ยวนี้! แล้วข้าจะพิจารณาปล่อยครอบครัวของเจ้าไป!" ขันทีจางกล่าว แผนซ้อนแผน: การชิงไหวชิงพริบ เหม่ยหลินยิ้มบางๆ เธอรู้ว่าขันทีจางกำลังติดกับดักที่เธอวางไว้ "ก่อนที่ข้าจะบอกสูตรให้เจ้า" เหม่ยหลินกล่าว "เจ้าต้องให้ข้าปรุงซุปถวายองค์จักรพรรดิด้วยมือของข้าเอง! เพื่อให้แน่ใจว่าองค์จักรพรรดิจะได้รับซุปที่อร่อยที่สุดก่อนที่จะ..." เธอหยุดคำพูดไว้ และมองไปที่ผงพิษในมือของหลี่เฟยหาน "ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นกับพระองค์" ขันทีจางหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าคิดจะเล่นตลกกับข้าอย่างนั้นรึ! เจ้าจะเอาซุปพิษไปให้องค์จักรพรรดิเสวยเองอย่างนั้นรึ!?" "ข้าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้า!" เหม่ยหลินตอบอย่างหนักแน่น "หากซุปที่ข้าปรุงมีพิษ...ข้าจะยอมรับโทษทัณฑ์ทุกประการ! และถ้าข้าตาย...เจ้าก็ไม่มีวันได้สูตรอาหารไป!" ขันทีจางพิจารณาข้อเสนอของเหม่ยหลิน เขารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้เหม่ยหลินติดกับดักอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะไม่ว่าอย่างไร ซุปก็จะต้องมีพิษอยู่แล้ว และเหม่ยหลินก็จะถูกจับได้คาหนังคาเขา เขาจะได้สูตรอาหาร และจะกำจัดเหม่ยหลินได้อย่างง่ายดาย "ดี! ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า!" ขันทีจางกล่าวอย่างลำพองใจ "แต่หากเจ้าคิดจะเล่นตุกติก...เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นหน้าลูกๆ ของเจ้าอีกเลย!" ขันทีจางสั่งให้ลูกน้องของเขาจับตัวหลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา และหลี่เฟยหยางไว้เป็นตัวประกัน เหม่ยหลินมองลูกๆ ของเธอด้วยความกังวล แต่เธอก็ส่งสายตาบอกให้พวกเขามั่นใจในตัวเธอ เหม่ยหลินเดินไปที่เตาปรุงซุป เธอหยิบวัตถุดิบบางอย่างขึ้นมา เธอมองไปที่ผงพิษในมือของหลี่เฟยหาน แล้วเธอก็หันไปมองขันทีจางที่กำลังจับจ้องเธออย่างไม่คลาดสายตา "ก่อนอื่น...ข้าต้องเพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปก่อนเจ้าค่ะ!" เหม่ยหลินกล่าว เธอหยิบ "เมล็ดมังกรราตรี" ซึ่งเป็นสมุนไพรหายากที่เธอเก็บไว้เป็นความลับ และเคยศึกษาจากตำราโบราณว่ามีสรรพคุณในการ ล้างพิษ บางชนิดได้ เธอบดเมล็ดมังกรราตรีอย่างรวดเร็ว และโรยลงไปในหม้อซุปอย่างแนบเนียน โดยที่ขันทีจางไม่ทันสังเกตเห็น จากนั้นเธอก็ใช้ตะหลิวคนซุปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผงเมล็ดมังกรราตรีละลายหายไปในซุปอย่างสมบูรณ์ "เอาล่ะ...ตอนนี้ก็ถึงเวลาเพิ่ม 'ผงวิเศษ' ที่ลูกชายของข้าเตรียมไว้แล้วสินะเจ้าคะ" เหม่ยหลินกล่าว พลางหันไปมองหลี่เฟยหาน หลี่เฟยหานสั่นสะท้าน เขายื่นผงพิษในมือให้เหม่ยหลินอย่างลังเล เหม่ยหลินรับผงพิษมา เธอแกล้งทำเป็นโรยผงพิษลงในหม้อซุปอย่างช้าๆ แต่ความจริงแล้ว เธอแอบซ่อนผงพิษไว้ในอุ้งมือของเธอ และแทนที่ด้วยผงสมุนไพรบำรุงชนิดอื่นที่เธอเตรียมไว้ก่อนหน้านี้อย่างแนบเนียน เธอใช้ความรวดเร็วและไหวพริบทั้งหมดที่เธอมี เพื่อให้การกระทำของเธอเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด "เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะขันทีจาง" เหม่ยหลินกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ขันทีจางหัวเราะอย่างลำพองใจ "ฮ่าฮ่าฮ่า! ดีมาก! เจ้าทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม! ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้ความผิดของเจ้าแล้ว!" เปิดโปงความจริงและบทสรุปของขันทีจาง ซุปแห่งชีวิตอมตะที่ถูก "ปรุงพิษ" โดยเหม่ยหลิน ถูกนำไปถวายองค์จักรพรรดิ ขันทีจางยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสะใจ เขามั่นใจว่าองค์จักรพรรดิจะต้องสวรรคตในไม่ช้า และเหม่ยหลินจะต้องถูกประหารชีวิต องค์จักรพรรดิเสวยซุปแห่งชีวิตอมตะด้วยความเอร็ดอร่อย พระพักตร์ของพระองค์ดูสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "อร่อย! ซุปของท่านแม่เจียงช่างมีรสชาติล้ำลึกและหอมหวานยิ่งนัก!" องค์จักรพรรดิเอ่ยชมด้วยความจริงใจ ขันทีจางถึงกับตกใจ เขามององค์จักรพรรดิด้วยความไม่เชื่อสายตา องค์จักรพรรดิไม่ได้แสดงอาการผิดปกติใดๆ เลย! ซุปนั้นไม่มีพิษ! "เป็นไปได้อย่างไร!" ขันทีจางอุทานออกมาด้วยความตกใจ "เป็นไปได้สิเจ้าค่ะขันทีจาง" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด "เพราะซุปที่ข้าปรุงนั้น ไม่มีพิษแม้แต่น้อย!" ขันทีจางถึงกับตัวแข็งทื่อ เขาหันไปมองเหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย "เจ้า...เจ้าโกหก! เจ้าเล่นตลกกับข้าอย่างนั้นรึ!" ขันทีจางตะโกน "ข้าไม่ได้โกหกเจ้าค่ะ" เหม่ยหลินตอบ "ข้าเพียงแค่แสดงให้เจ้าเห็นว่า ความชั่วร้ายนั้นไม่มีวันเอาชนะความดีได้!" ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้น พร้อมกับร่างของ ท่านราชครูจ้าว และ ทหารองครักษ์ ที่ก้าวเข้ามาในท้องพระโรง "ขันทีจาง! เจ้าสารภาพความผิดของเจ้าเดี๋ยวนี้!" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน "เจ้าบังอาจวางแผนปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ! เจ้าจะต้องรับโทษทัณฑ์สถานหนัก!" ขันทีจางถึงกับหน้าถอดสี เขาพยายามจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกทหารองครักษ์จับตัวไว้ได้ในพริบตา "ไม่! ไม่จริง! ข้าไม่ได้ทำ!" ขันทีจางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง "เจ้ายังจะปฏิเสธอีกอย่างนั้นรึ!" ท่านราชครูจ้าวกล่าว "ข้าได้ยินแผนการชั่วร้ายของเจ้าทั้งหมดแล้ว! และเจ้าหลี่เฟยหานก็เป็นพยาน! รวมถึงผงพิษในมือของเจ้าก็คือหลักฐานมัดตัวเจ้า!" ขันทีจางถึงกับเงียบไป เขาได้แต่กัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความอับอายที่สุด องค์จักรพรรดิทรงฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความตกใจและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พระองค์ไม่คิดเลยว่าขันทีคนสนิทที่พระองค์ทรงไว้วางใจจะกล้าทรยศพระองค์ถึงเพียงนี้ "จับตัวขันทีจางไป! และสอบสวนให้ละเอียด!" องค์จักรพรรดิมีราชโองการด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและผิดหวัง "หากพบว่าเขากระทำความผิดจริง จะต้องได้รับโทษประหารชีวิต!" ทหารองครักษ์ลากตัวขันทีจางออกไปจากท้องพระโรง เสียงของเขาที่กรีดร้องด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวดดังไปทั่ววังหลวง องค์จักรพรรดิทรงหันมามองเหม่ยหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและชื่นชม พระองค์ทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์ และเดินเข้ามาหาเหม่ยหลิน "ท่านแม่เจียง" องค์จักรพรรดิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น "ท่านไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตข้าไว้เท่านั้น แต่ท่านยังได้เปิดโปงความชั่วร้ายในราชสำนัก และได้สอนบทเรียนอันล้ำค่าให้กับข้าด้วย" เหม่ยหลินก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม "เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้เจ้าค่ะฝ่าบาท" "ข้าจะแต่งตั้งท่านเป็น "เชฟหลวงแห่งแผ่นดิน"!" องค์จักรพรรดิมีราชโองการ "และจะพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์ให้แก่ท่านและครอบครัว เพื่อเป็นการตอบแทนความดีความชอบของท่าน!" เสียงเฮลั่นและเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วท้องพระโรง เหม่ยหลินมองลูกๆ ของเธอที่กำลังยิ้มกว้างด้วยความสุข หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างโผเข้ากอดเหม่ยหลินด้วยความดีใจความรู้สึกของเหม่ยหลินพังทลายลงในพริบตาเมื่อได้ยินคำสารภาพของขันทีจาง และเห็นผงสีดำในมือของหลี่เฟยหาน โลกทั้งใบราวกับหมุนคว้าง ภาพความฝันที่เธอสร้างขึ้นเพื่อครอบครัว กำลังจะพังทลายลงเพราะการทรยศหักหลังครั้งนี้"ไม่จริง... เจ้าโกหก!" เหม่ยหลินตะโกน ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด "หลี่เฟยหาน! ลูกบอกแม่มา! ลูกทำอะไรลงไป!?"หลี่เฟยหานตัวสั่นงันงก ใบหน้าเล็กๆ ของเขาซีดเผือด น้ำตาไหลพราก "ท่านแม่... ลูก... ลูกถูกบังคับขอรับ! ขันทีจาง... เขา... เขายื่นเงินให้ลูก... บอกว่าจะให้ลูกกับพี่ๆ สบาย... แล้ว... แล้วถ้าลูกไม่ทำ... เขาจะฆ่าท่านแม่... ฆ่าพี่ใหญ่... ฆ่าท่านชิวลี่ฮวา..." เสียงของเขาขาดหายไป พร้อมกับร่างที่ทรุดลงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นขันทีจางหัวเราะอย่างชั่วร้าย "ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นภาพที่น่ารันทดใจนัก! เจ้าแม่เจียงผู้ยิ่งใหญ่ กำลังจะถูกลูกชายของตัวเองฆ่า!" เขาก้าวเข้ามาใกล้ ยกผงสีดำในมือของหลี่เฟยหานขึ้นดู "ดูสิ! ผงพิษ 'ฝุ่นมรณะ' ชนิดรุนแรงที่สุด! แม้แต่เซียนก็ยากจะรอด! องค์จักรพรรดิจะได้สวรรคตอย่างสงบในวันนี้ และเจ้า... จะต้องเป็นแพะรับบาป! ฮ่าฮ่าฮ่า!""เจ้ามันปีศาจ!" เหม่ยหลินกัดฟันแน่น ควา
รุ่งอรุณหลังคืนแห่งความวุ่นวาย แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในเรือนพักของท่านราชครูจ้าว เหม่ยหลินรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างกอดเธอแน่นด้วยความโล่งใจ การปรากฏตัวของหัวหน้าหมาและท่านราชครูจ้าวราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดมิดท่านราชครูจ้าวนั่งลงตรงข้ามกับเหม่ยหลิน ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้าต้องขออภัยแทนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงด้วย ที่ทำให้ท่านต้องมาประสบเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้"เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านราชครู ข้าเข้าใจดีว่าอำนาจมักจะทำให้คนตาบอด""ถูกต้อง" ท่านราชครูจ้าวพยักหน้า "เรื่องของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงนั้น ข้าได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เขากระทำ"ท่านราชครูจ้าวหันไปมองหัวหน้าหมาที่ยืนอยู่ข้างๆ "หัวหน้าหมา เจ้าทำความดีความชอบในครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้รับความดีความชอบอย่างที่ควรจะได้รับ"หัวหน้าหมาก้มศีรษะด้
ชัยชนะอันหอมหวานจากการประลองรสชาติสะท้านเมืองหลวง มิได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่เหม่ยหลินและครอบครัวคาดหวัง ตรงกันข้าม มันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของพายุลูกใหม่ที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม แสงแห่งชื่อเสียงที่เจิดจ้าของ “เชฟเหม่ยหลิน” ส่องสว่างไปทั่วอาณาจักร ทว่าในเงามืดนั้น พลังอำนาจที่มองไม่เห็นกำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆความผันผวนในจวนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิง เจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใคร บัดนี้กลับถูกแม่ครัวสามัญชนหักหน้าอย่างยับเยินกลางที่สาธารณะ ความอัปยศครั้งนี้กัดกินจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม ทุกวันเขาจะสั่งให้คนนำอาหารของเหม่ยหลินมาให้เขากิน แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าอร่อยเลยแม้แต่คำเดียว และมักจะหาเรื่องตำหนิอย่างไม่เป็นเหตุผล“นี่มันอะไรกัน! ข้าวผัดนี่แข็งเกินไป! เจ้าคิดว่าข้าเป็นชาวนาที่กินแต่ข้าวแข็งๆ อย่างนั้นรึ!” หลี่กวงหมิงปาจานข้าวผัดลงพื้นเสียงดังลั่นในห้องอาหารของเขาพ่อครัวประจำจวนและบรรดาคนรับใช้ต่างพากันตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองขณะเดียวกัน ในมุมมืดของจวน เจ้าเมืองได้ส่งคนไปสืบเรื่องราวของเหม่ยหลินอย
เช้าตรู่วันประลอง ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงยังคงมืดสลัวด้วยไอหมอกจางๆ แต่ใจกลางเมืองกลับคึกคักไปด้วยผู้คนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเป็นสักขีพยานในศึกประลองรสชาติครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันทำอาหารธรรมดา แต่มันคือการปะทะกันระหว่าง อำนาจ และ ความสามารถ ระหว่าง ศักดิ์ศรี ของเจ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่ กับ ความกล้าหาญ ของแม่ครัวสามัญชนเหม่ยหลินและครอบครัวเดินทางมาถึงลานประลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีเวทีขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยที่นั่งสำหรับแขกผู้มีเกียรติและประชาชนทั่วไป กลิ่นหอมของเครื่องหอมปะปนกับกลิ่นไอของตลาดสดอบอวลไปทั่วบริเวณ"ท่านแม่! คนเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหยางเกาะแขนเหม่ยหลินแน่น ดวงตากลมโตสอดส่ายมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นปนหวาดหวั่น"ไม่ต้องกลัวหรอกลูก" เหม่ยหลินยิ้มให้กำลังใจลูกชาย เธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ความมุ่งมั่นในใจกลับแข็งแกร่งกว่าสิ่งใดเมื่อเดินไปถึงหลังเวที พวกเขาก็เห็นเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงยืนอยู่พร้อมกับพ่อครัวประจำจวนของเขา และชายชุดดำสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา ใบหน้าของหลี่กวงหมิงเรียบตึง แต่แววตาของเขากลับฉาย
แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงฉานเมื่อเหม่ยหลินกลับมาถึงบ้าน ตลอดทางกลับ เธอครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เธอและครอบครัวต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ คำสั่งของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงเป็นดั่งดาบที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย หากเธอปฏิเสธหรือทำผิดพลาดแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอและลูกๆ อาจตกอยู่ในอันตรายเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงบ้าน ใบหน้าของหลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ก็ปรากฏแก่สายตา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและคำถาม"ท่านแม่! เป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ท่านเจ้าเมืองพูดอะไรกับท่าน?" หลี่เฟยหลงเอ่ยถามทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหม่ยหลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าเมืองให้ทุกคนฟัง ตั้งแต่คำชมเชยของหลี่กวงหมิง ข้อเสนอให้เป็นพ่อครัวประจำจวน และคำสั่งให้ส่งอาหารทุกวัน รวมถึงการบีบบังคับให้บอกสูตรอาหารบรรยากาศในห้องเงียบสงัดลงทันที ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลี่เฟยหลงที่กำมือแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ"ท่านเจ้าเมืองช่างบีบบังคับกันเกินไปแล้วขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นอย
ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมาเช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย"ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส"ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน"ท่า