แชร์

บทที่ 35 ฉีกหน้า

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-23 21:02:12

เฉินเจียวมี่จ้องมองจ้าวซีอินด้วยสายตาสงบนิ่ง นางยืนรออย่างสงบอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้เวลาต่อจ้าวซีอินอย่างใจกว้าง แต่เมื่อเห็นว่าผู้คนภายในงานเริ่มขยับกายอย่างเบื่อหน่ายและไม่คิดอยากจะรออีกแล้ว นางจึงได้เอ่ยถามจ้าวซีอินด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“คุณหนูจ้าวท่านต่อโคลงบทนี้ได้หรือไม่” เมื่อเฉินเจียวมี่เอ่ยถามเช่นนี้จ้าวซีอินก็กำมือแน่นแต่มิได้เอื้อนเอ่ยอันใดออกมา เฉินเจียวมี่จึงได้ยิ้มออกมาแล้วหันไปทางเฉินเจียวเจียวและเฉินเจียวเหม่ย

“พี่หญิงในเมื่อคุณหนูจ้าวต่อโคลงบทนี้ไม่ได้เช่นนั้นท่านก็ช่วยต่อโคลงบทนี้แทนนางเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อเฉินเจียวมี่เอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ยิ้มออกมาแล้วขับขานโคลงบทต่อมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“เมฆาอิงแอบฝันเคียงคู่เคียงฝันแอบอิงเมฆา” เฉินเจียวเจียวขับขานโคลงบทต่อมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและอ่อนหวาน ทุกคนต่างส่งเสียงชื่นชมออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันในทันที

“แต่งออกมาได้ดี”

"ทำได้ดีจริงๆ" เสียงชื่นชมของคนเหล่านั้นทำให้จ้าวซีอินยิ่งรู้สึกเสียหน้า นางจึงได้เอ่ยออกมาอย่างไม่คิดจะยอมแพ้

“นี่ย่อมไม่นับว่าข้าแพ้ พวกเจ้าอาจจะเตรียมฝึกซ้อมแต่งโคลงบททวนอักษรบทนี้มาก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้” เมื่อจ้าวซีอินเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวมี่ก็พลันทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อว่านางจะกล้าเอ่ยเช่นนี้ออกมาได้อย่างน่าเอ็นดู

“ข้าไม่ใช่คนท้าประชันอีกทั้งยังไม่ใช่คนเลือกวิธีการแข่งขันแล้วข้าจะแต่งโคลงบทนี้มาล่วงหน้าได้อย่างไรกันเล่าเจ้าคะ ท่านช่างไม่สมกับที่เป็นคนที่เติบใหญ่แล้วเอาเสียเลย” เมื่อเฉินเจียวมี่เอ่ยเช่นนี้องค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูก็พลันส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ แต่กลับทำให้คนที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงพลอยได้ยินไปด้วย พระนางเต๋อเฟยทรงพยายามกลั้นยิ้มอย่างเต็มที่ ส่วนพระนางเฉียวกุ้ยเฟยนั้นถึงกับรีบยกพัดกลมที่ถืออยู่ขึ้นมาปิดบังรอยยิ้มของตนเองในทันที

“ลูกหญิงเก้า! สำรวมกิริยาด้วย” หลี่เซียวหลงฮ่องเต้หันไปตำหนิพระธิดาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา แล้วจึงได้หันไปตรัสกับผู้คนที่อยู่ภายในงานเลี้ยงด้วยพระสุรเสียงอันก้องกังวาน

“คุณหนูจากจวนผิงกั๋วกงทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ลู่เสวียนเจ้าได้ฉายาว่าเป็นเอกบุรุษทางด้านบทกวีที่มีอายุน้อยมากที่สุดในแคว้นต้าเยียนของเรา ยามนี้คุณหนูที่มีอายุน้อยถึงสองคนได้แสดงความสามารถให้ผู้อื่นได้ประจักษ์แล้ว ส่วนเจ้าไม่คิดจะร่วมประชันต่อโคลงบททวนอักษรกับคุณหนูจากจวนผิงกั๋วกงสักหน่อยหรือ” เมื่อหลี่เซียวหลงฮ่องเต้เอ่ยเช่นนี้ลู่เสวียนก็พลันลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ในเมื่อฝ่าบาททรงตรัสถึงขั้นนี้เช่นนั้นกระหม่อมคงไม่อาจจะปฏิเสธได้ ถ้าเช่นนั้นคุณหนูจากจวนผิงกั๋วกงทั้งสองได้โปรดออมมือให้ข้าด้วย” เมื่อลู่เสวียนเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวมี่ก็พลันมีสีหน้ากระตือรือร้นขึ้นมาในทันที ได้ประชันการต่อบทกลอนกับบัณฑิตที่มีชื่อเสียงทางด้านบทกวีเช่นนี้นับเป็นความใฝ่ฝันของเด็กสาวเช่นนาง และลู่เสวียนก็ไม่ทำให้นางผิดหวังแค่เพียงโคลงบทแรกของเขาก็เรียกเสียงชื่นชมจากผู้คนภายในงานเลี้ยงได้เป็นอย่างดี

“ดาราเรียงร้อยเด่นฟ้าดุจฟ้าเด่นร้อยเรียงดารา” ลู่เสวียนขับขานโคลงบทต่อมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“โคมส่องแสงสาดฟ้าดุจฟ้าสาดแสงส่องโคม” เฉินเจียวมี่เอ่ยขับขานต่อด้วยสีหน้ามั่นใจ ความรวดเร็วในการต่อโคลงบทนี้ของนางทำให้ลู่เสวียนถึงกลับเอ่ยวาจายกย่องชื่นชมในทันที

“คุณหนูอายุน้อยถึงเพียงนี้แต่กลับมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ฝ่าบาทหากขืนยังให้กระหม่อมต่อโคลงบทต่อไปคนที่แพ้อาจจะกลายเป็นกระหม่อมถึงยามนั้นสุดยอดกวีที่ฝ่าบาททรงเคยยกย่องต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่เด็กสาวเช่นนี้คนที่จะขายหน้าย่อมจะเป็นฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อลู่เสวียนเอ่ยเช่นนี้หลี่เซียวหลงฮ่องเต้ก็พลันหัวเราะออกมา

“เจ้าคนเจ้าเล่ห์ลู่เสวียน คนที่แพ้ก็คือเจ้าถ้าเช่นนั้นคนที่ขายหน้าก็ควรจะเป็นเจ้าสิ แล้วเจ้าจะยกความขายหน้าของตนเองมาให้ข้าได้อย่างไร” หลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางทรงพระสรวลออกมา

“เอาเถิดในเมื่อวันนี้เจ้าเองก็สามารถทำได้ดีเช่นนั้นข้าจะขอตกรางวัลให้เจ้าก็แล้วกัน หลีกงกงเจ้าไปนำแท่นฝนหมึกชุดนั้นของข้ามา คนหนุ่มมากฝีมือเช่นนี้ย่อมไม่อาจจะละเลยเรื่องของรางวัล” เมื่อหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้ลู่เสวียนก็ถวายคำนับเพื่อขอบพระทัย

“ส่วนเจ้า เด็กสาวผู้เชี่ยวชาญด้านบทกวีผู้นี้หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าคงจะเป็นคุณหนูที่ถือกำเนิดจากหวงเยวี่ยโหรวบุตรสาวของท่านอดีตราชครูหวงกระมัง”

“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันคือเฉินเจียวมี่บุตรสาวลำดับที่สามของจวนผิงกั๋วกง บิดาของหม่อมฉันคือเฉินคุน มารดาของหม่อมฉันคือหวงเยวี่ยโหรวเพคะ” เมื่อเฉินเจียวมี่เอ่ยเช่นนี้หลี่เซียวหลงฮ่องเต้ก็ทรงตรัสวาจาชมเชยออกมา

“ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ส่วนเจ้าเฉินเจียวเจียวคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ความสามารถทางบทกวีของเจ้าก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าผู้อื่นเลย ส่วนที่นั่งอยู่ทางด้านนั้นคงจะเป็นคุณหนูรองเฉินเจียวเหม่ยข้าได้ยินมาว่าเจ้าเองก็มีวิชาต่อสู้ที่ไม่แพ้บุรุษเลย คุณหนูจวนผิงกั๋วกงช่างเปี่ยมไปด้วยความสามารถรอบด้านเสียจริง เฉียวกุ้ยเฟยหลังจากจบงานเลี้ยงแล้วเจ้าจงคัดเลือกเครื่องประดับและอาภรณ์ด้วยตนเองแล้วส่งไปเป็นของรางวัลให้แก่คุณหนูทั้งสามที่จวนผิงกั๋วกงด้วย” เมื่อหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ตรัสเช่นนี้ทั้งเฉินเจียวเจียว เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ก็ต่างลุกขึ้นมาย่อกายถวายการคารวะพลางเอ่ยถ้อยคำขอบพระทัยอย่างพร้อมเพรียงกัน

แม้ว่าหลี่เซียวหลงฮ่องเต้จะทรงเลี่ยงไม่เอ่ยถึงจ้าวซีอินแต่การกระทำของนางในวันนี้กลับสร้างความอับอายขายหน้าให้แก่ตนเองและคนสกุลจ้าวเป็นอย่างมาก จ้าวฉีหันไปส่งสายตาตำหนิบุตรสาวโดยไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา จ้าวซีอินจึงได้ส่งสายตาอาฆาตส่งไปให้เฉินเจียวเจียวอีกครั้ง ซึ่งเฉินเจียวเจียวก็หันไปฉีกยิ้มให้นางอย่างจงใจพร้อมกับส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันให้แก่จ้าวซีอิน นางไม่มีทางลงมือกับผู้อื่นก่อนถ้าผู้อื่นไม่คิดจะลงมือกับนาง

องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงจ้องมองสายตาและท่าทางของพวกนางด้วยความสนใจ เมื่อดูจากสถานการณ์เมื่อครู่แล้วเฉินเจียวเจียวน่าจะมั่นใจในทักษะของญาติผู้น้องของตนว่าจะสามารถเอาชนะจ้าวซีอินได้ เดิมทีนางก็คงจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าต่อให้นางไม่ส่งเฉินเจียวมี่ออกมา ตัวนางเองก็ย่อมจะสามารถเอาชนะจ้าวซีอินได้อย่างแน่นอน

แต่ด้วยนิสัยถือดีของจ้าวซีอินทำให้เฉินเจียวเจียวจงใจส่งเฉินเจียวมีมาประชันแทนตัวนาง ด้วยรูปลักษณ์เด็กสาวที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ของเฉินเจียวมี่นอกจากจะทำให้จ้าวซีอินชะล่าใจแล้วยังเป็นการกระตุ้นให้จ้าวซีอินเอ่ยวาจาดูหมิ่นเฉินเจียวมี่ต่อหน้าผู้อื่นอีกด้วย สุดท้ายเมื่อจ้าวซีอินถูกเฉินเจียวมี่เอาชนะได้ จ้าวซีอินจึงจะต้องรู้สึกเสียหน้ามากกว่าปกติเป็นเท่าตัว

เดิมทีเขาไม่ชอบสตรีมากเล่ห์ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดความมากเล่ห์ของเฉินเจียวเจียวในครั้งนี้กลับทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดี เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่านางสามารถฉีกหน้าคนสกุลจ้าวได้หรือเป็นเพราะเขาชื่นชอบท่าทางการฉีกยิ้มเพื่อแสดงความเหนือกว่าอย่างเย้ยหยันของนางกันแน่ แต่ที่เขารู้อย่างแน่ชัดในยามนี้ก็คือการกระทำของนางในวันนี้ได้กระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในตัวเขาเข้าเสียแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status