กว่าบรรดาแขกก่อนหน้าจะเดินนวยนาดเข้าไปกันจนถึงคิวรถของตระกูลหวังมาถึงหน้าประตูโรงแรมก็กินเวลาไปเกือบ 20 นาที หวังเหลียนซึ่งตื่นเต้นอยู่ก็ชักจะปวดฉี่ขึ้นมาเสียด้วย เธอกระซิบบอกหวังจุนเหยาว่าให้พาเธอไปห้องน้ำก่อนเข้างานตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงจากรถ
“ตกลงครับที่รัก คุณอดทนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเราก็ได้ลงกันแล้ว”
“เฮ้อ เจ้าตัวเล็กนี่ทำให้ฉันฉี่บ่อยมากเลยในช่วงที่ผ่านมา”
“ลูกรัก อย่าทำให้คุณแม่ลำบากรู้ไหมครับ เป็นเด็กดีนะลูก” หวังจุนเหยาลูบท้องหวังเหลียนแล้วพูดกับลูกชายที่อยู่ในนั้นเบา ๆ
“แหม คุณทำอย่างกับว่าลูกเราจะรู้เรื่องอย่างนั้นแหละ” หวังเหลียนพูดอย่างหมั่นไส้
“รู้เรื่องสิที่รัก ลูกเราก็ต้องฉลาดเหมือนเราแน่นอน อ่า… เรารีบลงรถกันเถอะ”
หวังจุนเหยาเห็นรถเคลื่อนมาถึงหน้าประตูโรงแรมตามหลังรถหวังซูหุยพอดี เขาจึงรีบชวนภรรยาลงจากรถจะได้พาเธอไปห้องน
ที่นั่งของคนจากตระกูลโบราณถูกจัดไว้ด้านข้างหวังจุนเหยา เพราะหากจะให้พวกเขาไปอยู่หลังสุดก็คงจะเป็นการไม่ให้เกียรติพวกเขานัก หวังเหลียนหรี่ตามองคนจากตระกูลโบราณทั้งหมดแล้วก็ได้แต่เบ้ปากอย่างรังเกียจ พวกเขามีพลังปราณก็จริงอยู่ แต่ช่างน้อยนิดแตกต่างจากนางที่มีพลังปราณขั้นสูงอย่างเทียบกันไม่ติดแถมยังอวดดีอีกต่างหาก นางได้แต่นึกถึงครอบครัวขุนนางในภพก่อนที่ชอบมีผู้คุ้มกันเช่นนี้อยู่ดาษดื่น ยิ่งเห็นความจองหองของเฒ่าชราอย่างฉางกังแล้ว หวังเหลียนยิ่งรังเกียจคนจากตระกูลโบราณกลุ่มนี้มากขึ้นไปอีกหวังจุนเหยาเห็นภรรยาหันไปมองกลุ่มคนจากตระกูลโบราณ เขาจึงจับมือเธอเอาไว้แล้วกระซิบบอกว่าไม่ต้องกังวล เขาจะเอากระบี่ที่เธอต้องการมาให้ได้“ขอบคุณมากค่ะ สามี จุ๊บ” หวังเหลียนละสายตาจากฉางกังมาสนใจสามีตนเองฉางกังกับพวกไม่ได้สนใจคนท้องอย่างหวังเหลียนแต่แรก พวกเขาตั้งใจจะประมูลกระบี่เล่มนี้ไปให้นายน้อยที่ต้องการให้ได้เท่านั้น ถึงแม้ว่าเงินทองของตระกูลโบราณจะมีมากก็จริง แต่ถ้าให้เทียบกับเหล่านัก
หวังเหลียนเห็นสามีเงียบไปพักใหญ่หลังจากอ่านข้อความในโทรศัพท์ก็นึกสงสัยขึ้นมา เพียงแต่เวลานี้ไม่เหมาะที่จะคุยเรื่องส่วนตัว เธอจึงเอื้อมมือเล็กไปจับมือสามีเอาไว้เพื่อให้เขาอุ่นใจว่ายังมีเธอกับลูกอยู่ตรงนี้หวังจุนเหยาพอได้รับไออุ่นจากมือเล็กก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วเก็บใส่กระเป๋าไป เขากระซิบบอกหวังเหลียนว่าไม่มีเรื่องอะไร จากนั้นจึงชวนเธอดูของโบราณที่ถูกนำมาประมูลกันต่อในช่วงท้ายของการประมูลซึ่งสิ่งที่หวังเหลียนเห็นบนเวทีในตอนนี้กลับเป็นกระบี่ของนางที่เคยใช้ในชาติภพก่อนถูกนำมาประมูลเสียอย่างนั้น หวังเหลียนไม่รอช้าเธอรีบกระซิบบอกสามีให้ประมูลมันกลับมาให้เธอ“ที่รัก คุณแน่ใจเหรอว่าอยากได้กระบี่เล่มนี้น่ะ ผมคิดว่ามันเหมือนของปลอมมากกว่านะครับ” หวังจุนเหยาที่มองของโบราณอย่างกระบี่ไม่เป็นลองถาม“ฉันแน่ใจว่าเป็นของจริงค่ะ เชื่อฉันเถอะ ฉันอยากได้มาไว้เป็นของขวัญให้ลูกชายเราด้วยยังไงล่ะคะ”“อืม…
หวังจุนเหยาสั่งงานเสร็จก็บอกบอดี้การ์ดให้ไปนำของว่างกับน้ำมาให้ทุกคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โซฟาขนาดใหญ่ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างภรรยาของเขากลุ่มสี่ตระกูลใหญ่ยังคงนั่งกินน้ำกับของว่างจนถึงเวลาเริ่มงานประมูล ทั้งหมดจึงเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่จัดเอาไว้ โดยสี่ตระกูลใหญ่ได้ที่นั่งด้านหน้าเวทีประมูล ส่วนอีกสี่ตระกูลอยู่ถัดไป หลังจากนั้นจะเป็นแขกที่ได้รับบัตรเชิญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจในเมืองหลวงที่ทุกคนต่างคุ้นหน้าคุ้นตากันดีก่อนจะเริ่มการประมูล หวังซูหุยยังกำชับให้หวังเหลียนที่นั่งข้างกันเลือกประมูลสิ่งของที่อยากได้ตามสบาย เธอจะเป็นคนจ่ายเงินให้เองเพื่อเป็นของรับขวัญสะใภ้และหลานชายในท้อง หวังจุนเหยาที่นั่งอีกข้างหนึ่งก็กระซิบบอกภรรยาว่าให้เลือกสักชิ้นตามใจคุณย่า ถ้าเธออยากได้อย่างอื่นอีกก็บอกเขาได้ เขาจะประมูลให้เธอเองเช่นกัน“ตกลงค่ะ ฉันจะลองเลือกสักชิ้นเพื่อไม่ให้คุณย่าเสียน้ำใจ ถ้ามีชิ้นไหนที่ฉันอยากได้อีก ฉันจะบอกคุณนะคะ สามี จุ๊บ” หวังเหลียนแอบจุ๊บแก้มหวังจุนเหยาขณ
หวังซูหุยได้ยินพร้อมกับเพื่อนทุกคนก็ถึงกับเปลี่ยนจากหน้าตาปกติเป็นบูดบึ้งขึ้นในทันใดด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่หวังซูหุยจะเอ่ยปากทำให้สองแม่ลูกถึงกับหน้าหม้านอับอายคนด้วยเสียงอันดังจากความไม่พอใจที่เกิดขึ้น“เฮอะ! พวกเธอไปเอาข่าวเน่า ๆ แบบนั้นมาจากไหน หลานสะใภ้ของฉันเป็นเด็กดีถึงแม้จะมีครอบครัวที่ไม่ดีนักก็เถอะ แถมตอนนี้เธอยังกำลังมีหลานให้ฉันด้วย ทำไมฉันจะต้องรับลูกสาวเธอเข้ามาในตระกูลให้เสียชื่อ อีกอย่างหลานชายฉันก็รักกันกับหลานสะใภ้ของฉันมาก เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่อยู่ ๆ ถึงได้เสนอหน้ามาเรียกร้องให้ฉันรับลูกสาวเธอมาเป็นหลานสะใภ้น่ะ!!” หวังซูหุยมองเหยียดสองแม่ลูกอย่างไม่ไว้หน้าเสิ่นอี้หลินไม่คิดว่าหวังซูหุยจะหักหน้าเธอท่ามกลางผู้คนมากมายแบบนี้จึงทำได้เพียงหน้าซีดตัวสั่นอย่างโกรธไม่น้อยเช่นกัน เสิ่นหยูเว่ยที่ได้ยินใช่ว่าจะไม่โกรธ เพียงแต่เธอไม่สามารถแสดงออกแบบนั้นได้ เธอจึงทำเพียงบีบน้ำตาออกมาเพื่อขอความเห็นใจจากหวังซูหุยเท่านั้น แต่มีหรือที่เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายจะมองไม่ออกว่าเสิ่นหยูเว่ยเพียงแ
หวังเหลียนที่ได้ยินทุกอย่างชัดเจน จากที่กำลังอารมณ์ดีที่ได้เข้าห้องน้ำก็กลับหน้าตาบูดบึ้งเพราะข่าวลือบ้าบอที่เสิ่นหยูเว่ยเป็นคนปล่อยออกมา เธออุตส่าห์ไม่อยากทำให้สามีกับคุณย่าเสียหน้า แต่ไม่นึกว่าคนที่สร้างข่าวลือกลับเป็นตระกูลเสิ่นที่เคยมีเรื่องกับเธอที่ รพ. คราวก่อนหลังได้ยินเสียงคนด้านนอกเดินออกจากห้องน้ำไป หวังเหลียนจึงออกมาจากห้องน้ำพร้อมสายตาวาววามอย่างโมโห เรื่องครั้งนี้เธอคงไม่ยอมคนตระกูลเสิ่นง่าย ๆ เหมือนคราวก่อน เพราะเรื่องนี้กระทบถึงชื่อเสียงของตระกูลสามีเธอ หวังเหลียนล้างมือเสร็จก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยหน้าตาเรียบนิ่งหวังจุนเหยาเห็นท่าทีที่ผิดปกติของภรรยาก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงง เมื่อกี้เขาเห็นอยู่ว่ามีผู้หญิงสองคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมหวังเหลียนถึงได้มีสีหน้าไม่พอใจแบบนี้“ภรรยา คุณเป็นอะไรไปครับ ใครทำให้คุณไม่พอใจ บอกผมได้นะ” หวังจุนเหยารีบเข้าไปโอบหวังเหลียนเข้ามาข้างกายอย่างเป็นห่วง“ฮึ! จะใครซะอีกล่ะคะ
กว่าบรรดาแขกก่อนหน้าจะเดินนวยนาดเข้าไปกันจนถึงคิวรถของตระกูลหวังมาถึงหน้าประตูโรงแรมก็กินเวลาไปเกือบ 20 นาที หวังเหลียนซึ่งตื่นเต้นอยู่ก็ชักจะปวดฉี่ขึ้นมาเสียด้วย เธอกระซิบบอกหวังจุนเหยาว่าให้พาเธอไปห้องน้ำก่อนเข้างานตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงจากรถ“ตกลงครับที่รัก คุณอดทนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเราก็ได้ลงกันแล้ว”“เฮ้อ เจ้าตัวเล็กนี่ทำให้ฉันฉี่บ่อยมากเลยในช่วงที่ผ่านมา”“ลูกรัก อย่าทำให้คุณแม่ลำบากรู้ไหมครับ เป็นเด็กดีนะลูก” หวังจุนเหยาลูบท้องหวังเหลียนแล้วพูดกับลูกชายที่อยู่ในนั้นเบา ๆ“แหม คุณทำอย่างกับว่าลูกเราจะรู้เรื่องอย่างนั้นแหละ” หวังเหลียนพูดอย่างหมั่นไส้“รู้เรื่องสิที่รัก ลูกเราก็ต้องฉลาดเหมือนเราแน่นอน อ่า… เรารีบลงรถกันเถอะ”หวังจุนเหยาเห็นรถเคลื่อนมาถึงหน้าประตูโรงแรมตามหลังรถหวังซูหุยพอดี เขาจึงรีบชวนภรรยาลงจากรถจะได้พาเธอไปห้องน
วันต่อมาก็ยังคงเป็นสวีเจี้ยนกับเหอเปียวที่ไปรับสองสาวมายังคฤหาสน์ ซึ่งตอนนี้จางเหยากับหลี่ซินเริ่มกล้าที่จะคุยกับทั้งสองคนมากขึ้น พวกเธอรู้สึกว่าผู้ชายสองคนนี้น่าสนใจอย่างที่หวังเหลียนบอกจริง ๆ อีกทั้งหน้าตาของพวกเขาก็หล่อเหลาเอาการไม่น้อย เมื่อคืนนี้กว่าที่พวกเธอจะนอนก็ได้คุยกันถึงเรื่องผู้ชายสองคนนี้เกือบครึ่งค่อนคืน พวกเธอไม่มั่นใจนักว่าพวกเขาสนใจพวกเธอจริง ๆ แต่พอเห็นว่าวันนี้ยังคงเป็นพวกเขาที่มารับพวกเธอ จางเหยากับหลี่ซินจึงมั่นใจมากขึ้นว่าพวกเขาน่าจะสนใจพวกเธอเป็นแน่ เรื่องนี้รอให้ไปถึงคฤหาสน์เสียก่อน พวกเธอจะลองปรึกษาหวังเหลียนดูอีกทีวันนี้ก่อนการอ่านหนังสือ จางเหยากับหลี่ซินก็พูดเรื่องสวีเจี้ยนกับเหอเปียวให้หวังเหลียนฟัง“อืม… ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะชอบพวกเธอสองคนจริง ๆ นะ ไม่อย่างนั้นคงไม่อาสาไปรับพวกเธอแบบนี้หรอก ว่าแต่พวกเธอสนใจคนไหนกันบ้างล่ะ ฉันจะได้บอกสามีให้ลองถามพวกเขาให้”“ฉัน… ฉันคิดว่าพี่สวีเจี้ยนน่าจะชอบฉันนะ” หลี่ซินพูดอย่าง
จางเหยากับหลี่ซินพอได้รับสายจากหวังเหลียนแล้วก็รีบเก็บสิ่งของเตรียมตัวเดินทางไปอ่านหนังสือกับเพื่อน ทั้งสองตรวจสอบจนเห็นว่าไม่มีลืมสิ่งใดแล้วจึงได้พากันลงไปรอบอดี้การ์ดที่กำลังเดินทางมารับพวกเธอที่ด้านล่างหอพักระหว่างนั่งรอ ทั้งสองยังคุยกันอย่างตื่นเต้นเพราะคิดว่าบ้านของสามีเพื่อนนั้นจะต้องใหญ่โตราวกับวังแน่ ในเมื่อเขามีบอดี้การ์ดคอยติดตามจำนวนมาก“เธอคิดว่าคนในบ้านจะดูถูกพวกเราไหม จางเหยา”“ฉันคิดว่าไม่นะ ก็หวังเหลียนบอกแล้วไงว่าคุณย่าของสามีเธอสั่งคนเตรียมของอร่อยๆ เอาไว้ให้เราตั้งเยอะแยะน่ะ ฉันคิดว่าคนในบ้านคงให้เกียรติเรามากกว่า”“อืม… ฉันกังวลนิดหน่อยน่ะ เธอก็รู้ว่าพวกเราเป็นแค่เด็กที่บ้านฐานะธรรมดา ๆ ฉันเลยกลัวว่าพวกเขาที่รับใช้ผู้ดีอย่างตระกูลหวังจะดูถูกเอาน่ะสิ”“เธอก็คิดมากเกินไป ขนาดหวังเหลียนเป็นเด็กที่บ้านไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกัน พวกเขายังยอมรับเธอเป็นนายหญิงของบ้านเล
หลังกลับถึงบ้านเย็นวันนั้น ไป๋เหลียนไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณย่าฟัง เธอไม่อยากทำให้คุณย่าไม่สบายใจ แต่หวังจุนเหยากลับคิดต่างกัน เขาบอกรายละเอียดทั้งหมดให้คุณย่าทราบ แถมยังบอกเรื่องลักษณะของจี้ชิ้นนั้นให้หวังซูหุยฟังด้วย เผื่อว่าเธอจะเคยเห็นจี้แบบนี้มาก่อน“เท่าที่ย่าเคยได้ยินมา สมัยก่อนมีตระกูลโบราณที่คอยปกป้องประเทศอยู่ตระกูลหนึ่งที่มีจี้เช่นนี้เป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล แต่ผ่านมาหลายปีแล้ว ย่าก็ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นไปอยู่ที่ไหนกันแล้ว พวกเขาไม่ชอบเปิดเผยตัวตนและออกงานสังคมเหมือนกับตระกูลโบราณอื่น ๆ รอให้ถึงงานประมูลหลังไป๋เหลียนสอบเสร็จก่อน ย่าจะลองถามเจ้าของงานดูว่ารู้จักที่อยู่ของตระกูลนั้นไหมก็แล้วกันนะ”“ขอบคุณคุณย่ามากนะครับ ผมอยากจัดงานแต่งงานดี ๆ ให้ไป๋เหลียน ถ้าได้พบครอบครัวจริง ๆ ของเธอ ผมจะได้ขอเธอแต่งงานอย่างเป็นทางการด้วยยังไงล่ะครับ”“เรื่องนี้ปล่อยให้ย่าจัดการเอง ถ้าไป๋เหลียนเป็นลูกหลานตระกูลโบราณจริง ๆ แกต้องเตรียมตัวรับมือพวกเขาให้