Masukเมื่อแม่ทัพหนุ่มดื่มน้ำแกงหมดแล้ว ซินแสก็ตรวจชีพจรเขา แล้วนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“ เอาละ รู้สึกว่าอาการท่านแม่ทัพดีขึ้น ท่านรู้สึกปลอดโปร่งใจและคิดอะไรได้กระจ่างขึ้นแล้วใช่หรือไม่ ” แม่ทัพหนุ่มนิ่งคิดแล้วก็พยักหน้าช้า ๆ
“ ถ้าอย่างนั้นดีแล้ว แต่จะต้องดื่มน้ำแกงนี้อีกสองชามให้ครบตัวยา จึงจะหายขาด แต่ก็ต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิมนะ จะไม่ต้องรับพิษมาอีก ” เขาบอกกับแม่ทัพหนุ่มและทุก ๆ คน ที่นั่งอยู่ด้วยกัน
และเรื่องราวทั้งหลายที่ทุกคนสงสัยก็ถูกถ่ายทอดให้แม่ทัพมู่หยางฟัง เขานิ่งฟังแล้วก็คิดตาม แแล้วก็พบว่าน่าจะเป็นจริงอย่างที่ทุกคนสงสัย เพราะเขาเองก็สงสัย แต่คงจะเป็นเพราะถูกพิษยานั่นทำให้สมองไม่ปลอดโปร่งและจดจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำให้เลอะเลือนไปชั่วขณะ ลืมแม้กระทั่งคนรักที่รักกันมากอย่างจินเยว่ได้ลงคอ
และเมื่อดื่มยาจนครบสูตรแล้ว พักร่างกายเพื่อดูอาการอีกสองวัน ซินแสก็บอกว่าท่านแม่ทัพแข็งแรงและหายดีแล้วสามารถเดินทางไกลได้ และเขาก็ไม่รอช้าสั่งให้คนเตรียมตัวเดินทางในทันที ทุกคนมาส่งเขาขึ้นรถม้าที่หน้าประตูจวน และอวยพรให้เขาพบจินเยว่และให้ปรับความเข้าใจกันแล้วก็พานางกลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่อีกครั้ง
ส่วนแม่ทัพหนุ่มเมื่อมาถึงร้านผ้าไหมเปิดใหม่ ที่จินเยว่มาทำงานเป็นผู้ดูแลร้านให้กับเล่อถงนั้น เขาก็เดินเข้าไปภายในร้าน และเมื่อจินเยว่เงยหน้าจากโต๊ะบัญชีนางก็พบเข้ากับใบหน้าหล่อคมคายที่จ้องมองนางไม่วางตา เขากำลังเดินย่างเท้าเข้ามาหานาง ที่หลบเลี่ยงเขาไม่ทัน จึงจำต้องเผชิญหน้าเขาอย่างไม่เต็มใจนัก
“ ท่านแม่ทัพ มาที่นี่ ต้องการซื้อผ้าไหมไปฝากภรรยาหรือเจ้าคะ เหตุใดไม่พานางมาด้วยจะได้เลือกผ้าไหมเหล่านี้ด้วยตัวเอง ตอนนี้มีผ้าใหม่ ๆ เพิ่งรับเข้าร้านมาหลายชิ้นเลย ล้วนแต่ลวดลายงดงามทั้งนั้น ”
จินเยว่เอ่ยถามเขาดังเช่นเขาเป็นลูกค้าที่มาหาซื้อผ้าไหมในร้านที่นางดูแลอยู่ แม่ทัพหนุ่่มจ้องมองใบหน้างามของนางด้วยสายตาโหยหาไม่ปิดบัง เขาหันไปมองรอบ ๆ ร้าน แล้วก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เจ้าจางเล่อถงนั่น ลงทุนให้จินเยว่มาดูแลร้านของตัวเองเช่นนี้ เหมือนกับว่าอยากจะสานสัมพันธ์กับนาง หรือว่ามันคิดจะรับนางเป็นภรรยากันแน่ ถึงได้ลงทุนทำขนาดนี้
“ เจ้ามาทำบ้าอะไรที่นี่ จวนของตัวเองก็มีอยู่ เหตุใดต้องมาทำงานงก ๆ เลี้ยงตัวเองเช่นนี้ ที่จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเจ้าไม่ดีหรืออย่างไรกัน ”
เขาถามนางทันที อย่างไม่ค่อยพอใจนัก ที่นางทำเหมือนกับยากไร้เสียเต็มประดาต้องมาก้มหน้าทำงานงก ๆ รับใช้ผู้อื่นเพื่อแลกเงินอยู่ที่นี่
“ ข้ามาทำมาหากินเลี้ยงดูตนเองเจ้าค่ะ และข้าก็ขอขอบพระคุณท่านแม่ทัพและฮูหยินผู้เฒ่าที่เลี้ยงดูข้าเป็นอย่างดี ข้าไม่เคยลืมบุญคุณนั้นเลย และหากมีโอกาสจะต้องตอบแทนแน่นอนเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้าเติบโตแล้ว อยากจะลองออกมาใช้ชีวิตข้างนอกดูบ้างเจ้าค่ะ ” นางเอ่ยเสียงเรียบ
“ หากท่านแม่ทัพไม่ได้จะมาซื้อหาผ้าไหม ก็ขอเชิญท่านกลับไปเถิดเจ้าค่ะ ข้างานยุ่งมาก อาจจะไม่สะดวกที่จะรับรองท่าน ”
นางบอกกับเขา ด้วยท่าทีหมางเมิน แล้วก็ทำทีก้มหน้าทำงานที่ยังค้างอยู่ตรงหน้าต่อไป อย่างไม่ได้สนใจว่าเขาจะยังคงยืนอยู่หรือว่าจากไป แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เงยหน้าขึ้น ก็พบว่าเขายังคงยืนปักหลักอยู่ตรงที่เดิม ไม่ยอมเคลื่อนย้ายไปไหน
“ เอ๊ะ!! ท่านแม่ทัพเจ้าคะ รบกวนท่านออกไปจากร้านด้วยเจ้าค่ะ ข้าจะต้องทำงาน ”
นางอดรนทนไม่ไหวเอ็ดเขาเบา ๆ และทำท่าไม่พอใจเขาอย่างไม่รักษาน้ำใจสักนิด
ใบหน้าหล่อคมคายนิ่งเรียบ ไม่ตอบโต้ใด ๆ เขายอมเคลื่อนย้ายตัวเองไปจากตรงหน้าโต๊ะบัญชีของนางก็จริง แต่ก็เพื่อไปทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างแทน
“ ข้านั่งที่ตรงนี้ คงไม่เกะกะขวางทางผู้ใดแล้ว ข้ารับรองจะนั่งเงียบ ๆ อยู่ตรงนี้ ไม่รบกวนการทำงานของเจ้าแน่ๆ ”
เขาเอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่นำพาท่าทางไม่ค่อยพอใจของจินเยว่ แล้วแม่ทัพหนุ่มก็หันมองไปรอบ ๆ ร้านเพื่อสำรวจดูข้าวของในร้าน ทำทีไม่สนในคนที่ยืนจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจอยู่หลังโต๊ะบัญชีของนาง
พอมีคนมาซื้อข้าวของ จินเยว่ก็ต้องทำงานไปตามปกติ โดยมีสาวใช่้ที่ทำงานในร้านช่วยงานอยู่สองสามคน ส่วนจินเยว่มีหน้าที่คิดเงินและทอนเงินให้กับลูกค้าที่สาวใช้นำมาให้นางคิดเงินที่หน้าโต๊ะบัญชี หากลูกค้าที่เข้าร้านมาเป็นสตรีนั่นก็ไม่มีปัญหาอันใด แม่ทัพหนุ่มเพียงแต่นั่งนิ่งเงียบ ๆ แต่เหล่าสตรีที่ย่างเท้าเข้ามาในร้านก็อดที่จะลอบมองเขาไม่ได้ เพราะแม่ทัพหนุ่มเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางมีสง่าราศรี ดังนั้นจึงเป็นจุดสนในของสตรีไม่น้อย บางนางลอบมองเขาไปก็พากันหันซุบซิบแลกเปลี่ยนกันไปมา
หากลูกค้าที่เข้ามาในร้านเป็นบุรุษ แม่ทัพมู่หยางก็จะมองสำรวจเขาเป็นพิเศษ หากเป็นคนสูงวัยที่ไม่มีทีท่าอันใดก็แล้วไป แต่หากเป็นคนหนุ่ม ๆ และมีท่าทีกรุ้มกริ่มกับคนหลังโต๊ะบัญชีนั่น เขาก็จะกระแอมกระไออยู่เป็นระยะ ทำเอาลูกค้าหนุ่ม ๆ ที่พากันจ้องมองเถ้าแก่สาวคนงาม ที่ยืนอยู่หลังโต๊ะบัญชีตาเป็นประกาย จำต้องรีบล่าถอยออกไปจากร้าน เพราะเขาหันไปสบตาเข้ากับบุรุษร่างล่ำสัน ท่าทางจะเป็นวรยุทธ์ที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะบัญชี ที่เอาแต่จ้องมองเขาด้วยใบหน้าถมึงทึงอยู่ จนพวกเขารู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ จึงต้องยอมล่าถอยออกไปจากร้าน โดยไม่มีโอกาสได้เกี้ยวพาเถ้าแก่สาวแสนงามเลยสักนิด
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่เกือบตลอดวัน จนกระทั่งจินเยว่ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางจึงได้หันไปต่อว่าแม่ทัพหนุ่มที่ยังไม่ยอมเคลื่อนกายไปทางไหนเสียที
“ นี่ ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ควรจะมานั่งเกะกะคนที่จะทำการค้านะ ท่านทำลูกค้าของข้าตกใจ พากันหนีไปหมด แทนที่ข้าจะได้ขายสินค้ามากขึ้นอีกหน่อย เป็นท่านที่ทำให้พวกเขากลัวจนหัวหดแล้วก็หนีไปเช่นนี้ ”
แม่ทัพหนุ่มหันมาเผชิญหน้ากับแม่กวางน้อยที่ตอนนี้กลายเป็นแม่เสือสาวที่กำลังจ้องมองเขาด้วยตาวาวโรจน์ราวกับจะเอาเรื่องเขา ริมฝีปากหยักหนายกยิ้มอย่างสมใจในที่สุด นางก็เลิกวางท่าเย็นชาได้เสียที
“ บุรุษที่ต่างก็ออกไปจากร้าน มันไม่ได้อยากจะซื้อหาผ้าไหมของเจ้าหรอก แต่มันอยากจะเกี้ยวเจ้าเสียมากกว่า ข้ามองปราดเดียวก็ดูออก ว่ามันคิดเกินเลยกับเจ้า มองเจ้าเสียหวานหยดเช่นนั้น อยากจะได้สินค้าหรือเจ้าของร้านกันแน่ ”
เขาบอกกับนางไปตามตรงกับสิ่งที่เขาเห็น และก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากที่จินเยว่มาทำงานเช่นนี้ มันดูเปลืองตัว เพราะเจ้าลูกค้าพวกนั้น ความจริงไม่ได้อยากจะได้สินค้าหรอก เขาดูออก มันก็ต่างอยากจะได้ตัวเจ้าของร้านคนงามอย่างนางนั่นแหละ แล้วนางก็ไม่สนใจสิ่งใด แถมยังพูดจาอ่อนหวานกับบุรุษพวกนั้น เหมือนจะหว่านเสน่ห์บุรุษเหล่านั้นอีกด้วย ตกลงว่านางอยากจะขายผ้าไหม หรือว่าขายตัวของนางเองกันแน่
“ ถึงแม้พวกเขา จะเกี้ยวข้าจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องอันใดของท่าน กลับไปเสีย ข้าไม่อยากจะพูดกับท่านให้เสียเวลาอีก ที่นี่ไม่ใช่จวนแม่ทัพของท่าน จะมาทำอะไรตามอำเภอใจหาได้ไม่ ”
นางโต้เถียงเขาเพราะทนไม่ไหวอีกแล้ว นางอึดอัดที่เขาเอาแต่คอยจับจ้องมองทั้งนางและลูกค้า จนลูกค้าบางคนก็อึดอัด เพราะเหมือนถูกจ้องมองจนไม่มีความเป็นส่วนตัว ทำให้ไม่มีอารมณ์อยากจะเลือกซื้อหาสินค้าภายในร้านแล้ว
“ จะไม่เกี่ยวกับข้าได้อย่างไร ก็เพราะข้าเป็นสามีของเจ้า ก็ต้องมาเฝ้าเมียที่กำลังคิดจะตีจาก อย่าได้หวังว่าจะหาผัวใหม่ได้เลย ข้าจะตามติดเจ้ายิ่งกว่าเงาเสียอีก ให้มันรู้กันไปว่าจะมีใครกล้าเข้าใกล้เจ้า แม้แต่เจ้าจางเล่อถงนั่นก็ไม่มีหวังหรอก อย่าฝันไปเลย ”
เขาตอบโต้นางอย่างหน้าตาเฉย ในเมื่อพบนางแล้วก็ต้องพานางกลับไปด้วยให้ได้ เป็นไงก็เป็นกันสิ
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







