LOGINแล้วแม่ทัพหนุ่มก็หันมายกมือคารวะท่านย่าของเขาที่ตอนนี้ก็ชะงักนิ่งงันจ้องมองเขากับสตรีน้อยนางนั้นเช่นเดียวทุกๆ คนในจวน ใบหน้าของทั้งท่านย่าแม่นมหวังนั้นไม่ต่างกันมากนัก
“ คารวะท่านย่าขอรับ ข้าคิดถึงท่านย่าและทุกคน ๆ ที่จวนมาก ๆ เลยขอรับ ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว การศึกที่ยืดเยื้อมาตลอดห้าปีจบสิ้นลงแล้ว ต่อไปข้าคงจะได้อยู่ที่จวนกับท่านย่าและแม่นมหวังได้นาน ๆ แล้วขอรับ ”
เขาหันมาคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังแล้วก็ร้องทักทายอย่างดีใจ
ส่วนทั้งมู่หลันและเยว่ซินที่ยืนอยู่ข้างกันก็นิ่งมองแม่ทัพหนุ่มตาค้าง ใบหน้างามของเยว่ซินนั้นหม่นแสงลงเล็กน้อย แต่นางก็พยายามคิดในแง่ดีว่า สตรีที่นั่งม้าตัวเดียวกันกับพี่มู่หยางของนางมานั้น อาจจะไม่ได้เป็นอะไรกับเขาก็ได้ นางอาจจะเพียงแค่จำต้องนั่งม้ามาด้วยกันเพราะขี่ม้าไม่เป็นก็เป็นได้
“ ท่านพี่มู่หยาง ท่านพาใครมาด้วยเจ้าคะ ”
แต่เป็นมู่หลันที่อดใจไม่ไหว เอ่ยถามในทันที ดวงตากลมจ้องมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายของพี่ชายนิ่ง ด้วยใบหน้างุนงงเป็นอย่างมาก
“ ข้าลืมแนะนำไป นางคือ หลู้หนิงอัน นางเป็นคนรักของข้า กลับมาครั้งนี้ ข้าจะขอท่านย่าแต่งงานกับนางรับนางเป็นฮูหยินของข้า ”
สิ้นคำพูดที่ไขความกระจ่างให้แก่ทุกคน ใบหน้าของทุก ๆ คนในจวนล้วนตกตะลึง และก็พลันหันไปจับจ้องมองซ่งจินเยว่คนรักของท่านแม่ทัพมู่หยางพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และเห็นใบหน้างามของนางพลันซีดเผือดไปทันตา ร่างงามเหมือนโงนเงนใกล้จะล้มลง อาจจะเพราะนางตกใจและเสียใจมากจนรับไม่ทันก็เป็นได้
“ มู่หยาง เจ้าบอกย่าว่าสตรีนางนี้เป็นคนรักของเจ้า แล้วจินเยว่เล่า นางรอคอยเจ้ามาถึงห้าปีเข้าไปแล้ว นางเป็นอะไรกับเจ้า ไม่ใช่คนรักที่เจ้าเฝ้าฝากฝังไว้กับย่าก่อนที่จะเดินทางออกรบหรือ เจ้าทำกับนางเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หัวใจเจ้าทำด้วยอะไร ”
ท่านย่าโมโหขึ้นมาทันที แม้จะดีใจเหลือเกินที่ได้พบหน้าหลานชายเพียงคนเดียว แต่ก็อดที่จะเสียใจแทนสตรีที่นางนั้นรักดุจหลานสาวอีกคนไม่ได้ เพราะได้มีส่วนเลี้ยงดูมาด้วยกันทั้งสามคนตั้งแต่ยังเด็ก แม่นมหวังนั้นแม้จะตกใจและเสียใจแทนหลานสาวเพียงคนเดียวอย่างมาก แต่ก็ถือว่าตัวตนเองเป็นเพียงบ่าวจึงไม่กล้าออกปากต่อว่าใด ๆ หลานชายของนายหญิงของตนเอง แต่ก็อดที่จะหันไปจ้องมองใบหน้าหลานสาวที่บัดนี้ซีดเผือดเป็นอย่างมาก
แม้นางยังไม่ได้เอะอะโวยวายออกมา แต่นางจะต้องเสียใจมาก ๆ แน่ ที่ชายคนรักที่เคยบอกว่าให้รอเขากลับมาแล้วจะได้จัดงานแต่งงานกัน เขาจะยกย่องนางเป็นฮูหยินของเขา หลานสาวคนงามก็รักษาคำมั่นสัญญากับชายคนรักเป็นอย่างดี นางเฝ้ารอข่าววันแล้ววันเล่าเฝ้าแต่รอ ว่าเมื่อใดชายคนรักจะได้กลับจากชายแดนเสียที แต่เมื่อเขาได้กลับมาจริง ๆ แล้ว เขากลับพาสตรีอื่นกลับมาด้วย แถมยังนั่นม้าตัวเดียวกันกลับมา แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของพวกเขา และนั่นมันเป็นการทำร้ายจิตใจของหลานสาวของนางอย่างมากเป็นแน่
แม่ทัพหนุ่มหันไปจ้องมองสตรีอีกนางที่ยืนอยู่ถัดจากน้องสาวของเขาไป เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปตอบท่านย่าของตัวเองว่า
“ เมื่อก่อนข้าอาจจะพบกับสตรีน้อยเกินไป ความใกล้ชิดสนิทสนมดังเช่นสหายทำให้เข้าใจผิดว่ามันคือความรัก แต่ที่จริงแล้ว ข้าเห็นนางเป็นเพียงน้องสาวเหมือนเช่นเดียวกับมู่หลันเท่านั้น ไม่ใช่คนรัก ตั้งแต่ข้าได้พบกับหนิงอัน ข้าจึงรู้ว่าความรักเป็นเช่นไร ข้าขอพูดตามตรง ว่าข้ามิอาจจะแต่งงานกับจินเยว่ได้ดังเช่นที่เคยสัญญากับนางไว้ เพราะข้าไม่ได้รักนาง ตอนนี้ในหัวใจของข้ามีเพียงหนิงอันเท่านั้น ขอท่านย่าได้โปรดเห็นใจข้าและหนิงอันด้วยเถิด ขอให้เราได้สมหวังในรัก ได้แต่งงานกันอย่างที่ข้ารับปากกับนางไว้ด้วยเถิด ”
แม่ทัพหนุ่มอ้อนวอนท่านย่าของตัวเอง โดยไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าคำพูดตัดรอนของเขาจะทำร้ายจิตใจสตรีอีกนางที่ยืนอยู่ที่ตรงนั้นด้วยมากเพียงใด จินเยว่น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างห้ามตนเองเอาไว้ไม่อยู่ นางโงนเงนเกือบจะล้มลงไปเพราะรู้สึกว่าขาแข้งของนางนั้นอ่อนแรงเหลือเกิน แต่นางก็พยายามฝืนมันเอาไว้ นางขบริมฝีปากตัวเองเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา
แม้ว่าจะโทมนัสใจเพียงใด อยากจะกรีดร้องร่ำไห้ออกมาให้สาสมกับความเสียใจที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ก็พยายามฝืนทนเอาไว้ นางไม่อยากจะปล่อยโฮออกมาต่อหน้าทุกคนในจวนที่บัดนี้ต่างก็ชุมนุมกันอยู่ที่ตรงนี้แทบจะทั้งหมด มือบางกำแน่นใช้เล็บจิกเนื้อของตนเองจนเจ็บแปลบก็เพื่อเรียกสติของตนเองกลับคืนมา
คำพูดดังเช่นคนเห็นแก่ตัวของแม่ทัพมู่หยางหลานชาย ทำเอาผู้อาวุโสชะงักนิ่งไป ใบหน้าก็ยังไม่คลายความบึ้งตึงที่อยู่ ๆ หลานชายตัวดีก็มาทำเช่นนี้ ผู้อาวุโสกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะคนหนึ่งก็หลานชายเพียงคนเดียว อีกคนก็รักเหมือนหลานสาว และกลัวว่านางจะเสียใจที่ฝ่ายชายมาเปลี่ยนไปเช่นนี้
“ เจ้าทำกับจินเยว่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน นางเฝ้าอุตส่าห์รอเจ้ากลับมาถึงห้าหนาวเข้าไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตลอดห้าหนาวมานี้ มีคนส่งแม่สื่อมาทาบทามนางอยู่ตลอด แต่นางก็ปฏิเสธพวกเขาไปจนหมดสิ้น ก็เพราะสัญญาบ้า ๆ ที่นางกับเจ้าสัญญากันไว้ แต่บัดนี้บุรุษเช่นเจ้าลืมเลือนมันไปหมดสิ้นแล้ว กลับกลายเป็นว่าพบรักใหม่เข้า แล้วก็ลืมรักเก่าจนหมดสิ้น
ตอนนี้ไม่ได้รักนางแล้ว ก็พูดออกมาได้เต็มปากว่ารักนางเพียงแค่น้องสาว เจ้าโง่หรือบ้ากันแน่ที่แยกไม่ออกระหว่างรักเช่นหญิงชายหรือรักกันเป็นสหาย เจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นแท้ ๆ แต่กลับทำตัวไร้สัจจะเช่นนี้ ต่อไปใครกันจะนับหน้าถือตาได้อีก นางอุตส่าห์รอเจ้ามาถึงห้าหนาว ตอนนั้นนางเพิ่งจะปักปิ่น แล้วตอนนี้นางมีวัยถึงยี่สิบหนาวเข้าไปแล้ว จะแต่งให้ใครได้อีก เจ้าเคยคิดบ้างไหม เจ้าหลานโง่ ”
ท่านย่าอดรนทนไม่ได้ถึงได้พูดจาต่อว่าแม่ทัพหนุ่มอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าทุกคนในจวน โดยสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายของเขารีบออกรับแทนทันที
” ท่านย่าเจ้าคะ เป็นความผิดของหนิงอันเอง ท่านพี่ไม่ได้หมายความเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ แต่หาก….หากว่า หากท่านพี่มีคนรักอยู่แล้ว หนิงอันก็พร้อมจะจากไปเองเจ้าค่ะ "
นางพูดด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ท่าทางบอบบางน่าสงสาร เหมือนกับพร้อมจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
“ไม่ได้อย่างเด็ดขาด พี่ไม่ยอมปล่อยให้เจ้าไปจากพี่หรอก พี่รักเจ้า แล้วเจ้าจะยอมหลีกทางไป ทิ้งพี่ให้ต้องแต่งงานกับสตรีอื่น เช่นนี้ไม่ได้หรอก พี่ไม่ยอม”
แม่ทัพหนุ่มรีบหันไปจับแขนของสตรีข้างกายที่ทำท่าว่าจะเดินหนีเขาไปดื้อ ๆ เอาไว้แน่น
นั่นทำให้สตรีอื่นที่เขาใช้เรียกขานเช่นจินเยว่ ใบหน้าหม่นหมองลงยิ่งไปกว่าเดิม ในอกของนางนั้นเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบจะยืนทรงกายไม่อยู่ นางเจ็บ…. เจ็บเหลือเกิน จนแทบอยากจะลงไปแดดิ้นกับคำพูดตัดรอนอย่างไม่รักษาน้ำใจของนางเลยสักนิด เขาคือพี่มู่หยางของนางแน่หรือ เหตุใดเขาเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปจนนางเองแทบตั้งรับไม่ทัน
นางเสียใจและผิดหวังอย่างหนัก จนแทบอยากจะคว้าดาบของคนสนิทที่อยู่ข้างกายแม่ทัพหนุ่มนั้น มาแทงเข้าที่ร่างของตนเองให้รู้แล้วรู้รอดไป นางจะได้พ้นจากความอับอายและเจ็บปวดแทบจะแดดิ้นนี้ไปเสีย ใบหน้างามของจินเยว่ร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อคลอตา
นางแทบจะไม่เชื่อเลยว่าบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าของนางในขณะนี้ กับบุรุษที่เคยร่ำลานางอยู่ที่ตรงนี้เมื่อห้าหนาว ก่อนที่เขาจะโหนตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเมื่อห้าปีก่อนจะเป็นคนเดียวกัน ในที่สุดจินเยว่ก็หาเสียงตนเองเจอ นางกัดฟันแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือออกมาว่า
“ ท่านย่าเจ้าคะ หากว่าท่านแม่ทัพไม่ได้รักข้าแล้วก็ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ตอนนี้เขารักสตรีอื่นไม่ใช่ข้า เช่นนั้นก็ตามใจเขาเถิด อย่ามีปากเสียงกันเพราะข้าเลยเจ้าค่ะ ”
จินเยว่หันไปพูดกับท่านย่า โดยที่รักษาใบหน้าไว้ไม่ให้ดูเศร้าโศกจนผู้อาวุโสเห็นมันได้ชัดเจน นางพยายามฝืนสีหน้าเอาไว้ ไม่ให้แสดงมันออกมาต่อหน้าทุก ๆ คน ทั้ง ๆ ที่นางอยากจะร่ำไห้และทุ่มกายลงบนพื้นตรงนี้เพื่อจะร้องไห้ให้สาแก่ใจที่อยู่ ๆ นางก็ถูกบุรุษทิ้งเหมือนรองเท้าเก่า ๆ ที่ไร้ค่า โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไปเลยด้วยซ้ำ
ด้านแม่ทัพหนุ่มหันขวับมามองจินเยว่ในทันที เขารู้สึกว่าแปลกหูกับสรรพนามที่นางใช้เรียกขานเขา นางเคยเรียกเขาว่าพี่มู่หยางไม่ใช่หรือ แต่บัดนี้นางกลับเรียกเขาว่าท่านแม่ทัพ เขาอ้าปากจะทักท้วงคำเรียกขานของนาง
แต่แล้วก็มีมือบางของสตรีข้างกายสอดเข้ามาในมือหนาของเขา ทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงักไป แล้วก็หันมาจ้องมองสตรีข้างกายด้วยดวงตาเป็นประกายด้วยความหลงใหลและรักใคร่มากมายอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดิม โดยที่ไม่ได้หันไปสนใจจินเยว่อีกเลย
“เอาละ ข้าเมื่อยแล้ว เราเข้าไปคุยกันในเรือนเถิด ยืนอยู่ตรงนี้อายผู้อื่นเขา”
ในที่สุดท่านย่าก็เอ่ยปากออกมา แล้วก็หมุนตัวกลับเข้าไปในจวนพร้อมกับแม่นมหวังที่หันไปเหลือบมองหลานสาวที่ก็จ้องมองนางเช่นกัน จินเยว่ยิ้มให้กับท่านยายของนางน้อย ๆ อย่าฝืดฝืน และส่ายหน้าเหมือนกับจะบอกว่านางไม่เป็นไร แล้วทั้งหมดก็ทยอยเดินกลับเข้าจวนไปพร้อม ๆ กัน
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







