LOGINทั้งหมดพากันเข้าไปในห้องโถงภายในเรือนหลักของจวนแม่ทัพ
“ เอาละ ยังไม่ต้องพูดอะไรกันหรอก ไว้เจ้าไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวกันก่อน ย่าสั่งให้เขาเตรียมอาหารให้เจ้ามากมายเต็มไปหมด ล้วนมีแต่ของที่เจ้าชอบกินทั้งนั้น ” ท่านย่าเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเข้าไปรวมกันในห้องโถงแล้ว
“ท่านย่า ช่วยสั่งให้คนจัดเรือนให้กับหนิงอันด้วยเถิดขอรับ เอาที่ใกล้ ๆ เรือนของข้าหน่อย ไปมาหาสู่กันจะได้สะดวกขอรับ หนิงอัน เจ้าตามสาวใช้ไปนะ ไปอาบน้ำแล้วก็มากินข้าวด้วยกันที่เรือนนี้เข้าใจหรือไม่”
แม่ทัพมู่หยางหันไปสั่งคนรักใหม่ของเขา ที่หันมารับคำอย่างว่าง่ายด้วยท่าทางอ่อนหวานน่ารัก พอสาวใช้เดินมาที่นางแล้ว หนิงอันก็ลุกขึ้นนางหันไปย่อกายทำความเคารพท่านย่าของคนรักอย่างอ่อนช้อย
“หนิงอันคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังใช่หรือไม่เจ้าค่ะ ท่านพี่พูดถึงพวกท่านอยู่บ่อย ๆ เจ้าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นหลานสาวด้วยคนนะเจ้าค่ะ”
นางหันไปยิ้มให้กับผู้อาวุโสทั้งสองและย่อกายความเคารพอย่างอ่อนช้อย ใบหน้ายิ้มละไมให้กับทั้งผู้อาวุโสและให้กับมู่หลันที่เป็นน้องสาวของคนรักอีกด้วย แม้มู่หลันจะเมินไปทางอื่นทันทีนางก็ไม่ได้สนใจ
“เอาละ เจ้าช่วยจัดเตรียมอาภรณ์ให้กับหนิงอันว่าที่ฮูหยินของข้าด้วยนะ จัดการให้คนทำความสะอาดจัดเตรียมทุกอย่างในเรือนให้นางเป็นอย่างดีด้วย แล้วไปบอกพ่อบ้านให้ส่งคนไปซื้ออาภรณ์ที่ตลาดมาให้นางใช้ก่อนหลาย ๆ ชุดด้วย”
เขาสั่งสาวใช้ที่มารับหนิงอันไปที่เรือนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะมากินอาหารร่วมกันที่เรือนนี้
“เจ้าไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วมากินข้าวด้วยกัน เรื่องอาภรณ์กับข้าวของส่วนตัวของเจ้า ไว้ค่อยไปซื้อหาใหม่ที่ตลาดนะ พี่จะพาไป”
เขาหันไปบอกกับหนิงอันคนรักของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หนิงอันรับคำแล้วก็เดินตามสาวใช้ไปอย่างสงบเสงี่ยม ส่วนมู่หลันเบ้ปากเพราะความหมั่นไส้ทั้งพี่ชายของตนและสตรีนางนั้น ที่ทำท่ารักกันจะเป็นจะตาย โดยพี่ชายก็ช่างใจดำเหลือเกิน ลืมเลือนคนรักเก่าที่เฝ้ารอเข้าอย่างซื่อตรงมาตลอดห้าหนาว
มู่หลันเสียใจแทนจินเยว่จริงๆ ที่มีคนรักเช่นพี่ชายของตนเอง ที่เป็นชายใจโลเล รักง่ายหน่ายเร็วเช่นนี้ หากเป็นนางวันนี้คงแทบจะปลิดชีพตัวเองเพราะความอับอายและเสียใจจนมิอาจจะทนอยู่ได้ ยังดีที่จินเยว่นั้นเข้มแข็งกว่านาง มู่หลันครุ่นคิดเพราะความเป็นห่วงสหายรัก
ส่วนแม่ทัพมู่หยางก็ลุกขึ้นบ้าง แล้วก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องพักของตัวเองที่อยู่ทางด้านหลังเรือนนี้ พอแม่ทัพหนุ่มคล้อยหลังไป คนสามคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะกลมกลางห้องด้วยกันก็หันหน้ามาสนทนากันทันที
“ แล้วนี่ จินเยว่เป็นเช่นไร นางคงไม่มากินข้าวร่วมสำรับกับพวกเราในวันนี้แน่ ๆ แต่เป็นข้าก็ไม่มาหรอก ถึงมาก็คงจะกินอะไรไม่ลง เกิดเรื่องเช่นนี้ นางคงจะตั้งรับไม่ทัน นางเป็นเช่นไรบ้าง ” ท่านย่าเอ่ยขึ้นก่อน แล้วหันไปถามมู่หลัน
“ ข้าตามนางไปที่เรือนแล้วเจ้าค่ะ นางบอกว่าขออยู่คนเดียวตามลำพัง ไม่ต้องเป็นห่วงนาง นางดูแลตัวเองได้ แล้วก็ไล่ข้าให้มากินข้าวและต้อนรับพี่ชายทรยศนั่นที่นี่ "
มู่หลันบอกเล่ากับท่านย่าและแม่นมหวัง ดวงตาของนางพลอยหม่นหมองและก็เสียใจแทนจินเยว่ไม่น้อยเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยสหายรักได้อย่างไร
เพราะอยู่ ๆ พี่ชายก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ไม่ได้แยแสจินเยว่ซักนิด แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากอย่างนี้ ดูจะรักใคร่สตรีนางนั้นมาก จนแทบไม่ได้สนใจจินเยว่เลยว่านางจะรู้สึกเช่นไรที่เขาเปลี่ยนใจไปจากนางแล้วพาสตรีคนอื่นเข้ามาอยู่ในจวนอย่างนี้ แถมยังบอกว่าจะแต่งงานกับสตรีนางนั้นอีกด้วย
แม่นมหวังก็ไม่รู้จะพูดเช่นไร นางผ่านโลกมามาก เห็นความสมหวังและผิดหวังมาก็มากมาย ชีวิตคนเรานั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางครั้งทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง หัวใจชายนั้นบางเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายนัก และชายนั้นก็ได้เปรียบหญิง ตรงที่เขามีความรักได้หลายครั้งและบางครั้งก็หลาย ๆ คนพร้อมกัน
ในเรือนหลังของเหล่าขุนนางยุคนี้ ก็ใช่ว่าจะมีสตรีเพียงนางเดียวเสียเมื่อไหร่ นางเป็นเพียงบ่าว และหลานสาวและนางก็มาอาศัยใบบุญของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ภายในจวนสกุลเฉินแห่งนี้ และบัดนี้หลานสาวกับหลานชายของเจ้าของจวนนั้น ไม่ได้เป็นคู่หมายที่จะตกร่องปล่องชิ้นกันอีกแล้ว
หากนางพูดมากไปก็อาจจะมีคนว่าได้ว่านางกับหลานสาวทะเยอทะยานอยากจะเกี่ยวดองกับเจ้าของจวน อยากจะยกฐานะตัวเองขึ้นเสมอนาย แม้ในใจของแม่นมหวังจะนึกเป็นห่วงหลานสาวเพียงคนเดียวที่ไม่รู้ป่านนี้นางจะเป็นเช่นไรบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะช่วยหลานสาวได้อย่างไร
ที่เรือนของจินเยว่ นางมีเรือนหลังเล็กอยู่ภายในจวนของสกุลเฉินดังเช่นคุณหนูคนหนึ่งของเจ้าของจวน ก็เพราะท่านย่าเอ็นดูนาง และเห็นว่านางคือหลานสาวอีกคนหนึ่ง จึงมอบเรือนหลังเล็กให้พำนักเป็นสัดส่วนดังเช่น มู่หลันเอง ที่ก็มีเรือนเป็นของตัวเอง ทั้งสองมีเรือนอยู่ไม่ไกลกันมากนัก แต่จินเยว่ไม่ได้มีสาวใช้ เพราะนางไม่อยากจะให้ผู้อื่นมาว่าได้ว่านางทะเยอทะยาน เพราะนางเป็นเพียงหลานสาวของแม่นมหวังเท่านั้น เพียงฮูหยินผู้เฒ่าเอ็นดูนางมากเช่นนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ในตอนนี้จินเยว่ทรุดนั่งอยู่ด้านหลังประตูห้องนอนของตัวเอง นางกำลังนั่งพิงประตูห้องนอนที่บัดนี้ปิดสนิทลง และกำลังร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ อย่างไม่ต้องเกรงว่าผู้ใดจะเห็นอีกแล้ว เพราะนางไม่อยากจะให้ผู้อื่นมาสมเพชนาง ที่อยู่ ๆ ก็เหมือนตกสวรรค์อย่างกระหันทัน น้ำตาของสตรีน้อยไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
นางแทบไม่เชื่อเลยว่าบุรุษผู้นั้นที่เคยเอ่ยคำหวานออดอ้อนนาง พร่ำวอนนางอยู่ตลอด ว่ารักนางมากเพียงใด พวกเขาแทบจะตัวติดกัน เพราะบุรุษผู้นั้นมักจะมาขลุกอยู่ที่เรือนของนางเสมอ จนท่านย่าของเขาดุ เพราะเกรงผู้อื่นจะครหาเอาได้ เพราะทั้งสองแม้จะเป็นคนรักกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงาน
เพราะท่านย่าเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา จินเยว่กับมู่หลันเพิ่งจะปักปิ่นในปีเดียวกันนั้นเอง และต่างก็ยังไม่ถึงเวลาออกเรือน ท่านย่าอยากจะให้รออีกสักสองปีก่อน ค่อยว่ากัน แต่พอดีเกิดสงครามขึ้นเสียก่อน คนรักของนางรองแม่ทัพเฉินมู่หยางในขณะนั้น เขาเพิ่งจะขึ้นเป็นรองแม่ทัพได้ใหม่ ๆ ก็ได้เดินทางไปออกศึกและเมื่อห้าปีผ่านไปแล้ว
เขากลับมาพร้อมกับตำแหน่งใหม่คือแม่ทัพเต็มตัว เพราะเมื่อยามอยู่ชายแดนเขาทำผลงานเอาไว้มาก มีผลงานโดดเด่นจึงได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วตามลำดับ
เสียงสะอื้นไห้ภายในห้องนอนของจินเยว่เริ่มจะดังขึ้นทุกที นางทุ่มกายลงนั่งอยู่บนพื้นแล้วร้องไห้ออกมาจนตัวโยน นางร้องออกมาจนสาแก่ใจ กรีดร้องออกมาเพราะหัวใจของนางมันเจ็บปวดจนเกินจะทานทนได้ นางทั้งความผิดหวังและเสียใจจนแทบทนทานไม่ไหว นางร้องไห้จนน้ำตาไม่มีจะไหล เหลือเพียงเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเป็นระยะ
ใบหน้างามซบลงที่หัวเข่าของตัวเอง แต่นางก็ยังคงร้องไห้ต่อไปจนกระทั่งหมดสติและไถลตัวลงนอนนิ่งอยู่บนพื้นห้อง นางนอนนิ่งอยู่บนพื้นหน้าประตูห้องนอนของตนเองเช่นนั้นจนกระทั่งเข้าสู่เช้าวันใหม่
และผู้ที่เข้ามาเขย่าให้นางตื่นขึ้นก็คือมู่หลันกับสาวใช้ ที่เป็นห่วงจินเยว่ที่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนไม่ยอมออกไปกินข้าวกินปลาจนกระทั่งมื้อเช้าก็ยังไม่เห็นหน้าของนาง จึงได้พากันมาตาม
“ เยว่เอ๋อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดมานอนที่ตรงนี้ เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่ เป็นเพราะพี่ใหญ่แท้ ๆ เลย ทำร้ายจิตใจเจ้าจนกลายมาเป็นเช่นนี้ เยว่เอ๋อ ได้ยินข้าหรือไม่ ” มู่หลันเขย่าตัวของจินเยว่จนนางเริ่มจะรู้สึกตัวขึ้นมา
“ข้าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเผลอหลับไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก”
จินเยว่ค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น ใบหน้าของนางซีดเซียว เสียงที่เอ่ยออกมานั้นแหบพร่า แทบจะไม่มีเสียง นางพยายามพูดว่าไม่ต้องเป็นห่วงนาง มู่หลันกับสาวใช้ช่วยกันประคองจินเยว่ไปนั่งเอนกายบนเตียงนอนของนาง
“ มุ่ยเอ๋อ เจ้าไปเอาน้ำมาเช็ดตัวเยว่เอ๋อหน่อย นางจะได้สบายตัวขึ้น แล้วก็ไปยกโจ๊กร้อน ๆ มาให้นางกินสักหน่อยจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นกว่านี้ เอาน้ำชาร้อนใส่กามาด้วยนะ "
มู่หลันหันไปร้องสั่งสาวใช้ของนาง ที่รับคำแล้วก็เดินออกไปจากห้องนอนของจินเยว่ทันที
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







