LOGINหลายวันต่อมา ว่าที่ฮูหยินคนใหม่ของท่านแม่ทัพก็เข้าพำนักในเรือนหลังเล็กที่อยู่ไม่ห่างจากเรือนหลักมากนัก บัดนี้ท่านย่าพอจะทำใจได้บ้างแล้ว และด้วยจินเยว่นั้นมาบอกว่านางไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว หากท่านแม่ทัพไม่ต้องการนาง ก็ไม่อยากจะฝืนใจเขา ต่างคนต่างไปมีหนทางของตนเองเช่นนี้ก็ดีแล้ว
นั่นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสบายใจขึ้นแม้จะไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันกลับกลายมาเป็นเช่นนี้เลย แต่ด้วยไม่อยากจะบังคับใจหลานชาย จึงได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป และก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้การแต่งงานของหลานชายเกิดขึ้นเร็วนัก เพราะอยากให้เขาแน่ใจตัวเองจริง ๆ ว่าต้องการสตรีนางนั้นเป็นฮูหยินของเขาจริง ๆ ก่อน จึงจะจัดการแต่งงานให้กับหลานชายเพียงคนเดียว
แม้ในใจส่วนลึกก็ยังอยากจะได้จินเยว่กลับมาเป็นหลานสะใภ้ของตัวเองเช่นเดิม แต่เมื่อมองดูแล้วความฝันนี้ก็ช่างเลือนลางเหลือเกิน เพราะวัน ๆ เห็นแต่หลานชายเฝ้าเอาอกเอาใจสตรีคนใหม่ของเขา เหมือนรักใคร่นางเสียมากมาย
วันหนึ่งจินเยว่เดินออกจากเรือนของตนเองเพื่อจะไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อจะอ่านหนังสือยามบ่ายให้กับฮูหยินผู้เฒ่าฟังเช่นปกติ ขณะเดินตัดผ่านสวนดอกไม้ระหว่างทาง ก็พบเข้ากับสตรีคนใหม่ของแม่ทัพเจ้าของจวน สตรีนางนั้นบัดนี้มีสาวใช้แล้ว ได้ยินว่าท่านแม่ทัพจัดหาให้นาง แต่จินเยว่ก็ไม่อยากจะเก็บเรื่องราวของแม่ทัพผู้นั้นกับคนรักของเขามาคิดให้รกสมอง จึงพยายามไม่สนใจพวกเขา
ขณะที่นางกำลังเดินมาและสบตาเข้ากับสตรีนางนั้น ที่นางเองก็เคยคิดว่าเป็นสตรีที่น่ารักและเรียบร้อยบอบบางดังคุณหนูในห้องหอทั่ว ๆ ไปที่นางเคยเห็น ก็ดูเหมาะสมกับชายคนนั้นดี จินเยว่คิิดขณะที่กำลังจะเดินผ่านนางกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ริมทางเดินนั้นไป
“ เจ้าชื่อจินเยว่ใช่หรือไม่ เจ้านี่ช่างเย่อหยิ่งจริง ๆ เลยนะ ได้ยินว่าเจ้าเป็นแค่หลานสาวของแม่นม ก็คงจะเปรียบเป็นแค่กาฝากที่มาอาศัยจวนแม่ทัพแห่งนี้อยู่ และเจ้าก็ควรรู้ว่าข้าคือนายหญิงคนใหม่ของจวนแม่ทัพแห่งนี้ อีกไม่่นานข้ากับท่านพี่มู่หยางก็จะแต่งงานกันแล้ว และข้าก็จะกลายเป็นฮูหยินคนใหม่ของจวนแม่ทัพแห่งนี้ เหตุใดเจ้าเดินเชิดหน้าผ่านข้าไปโดยไม่ทำความเคารพข้าเลย ”
สตรีนางนั้นเอ่ยขึ้น ดวงตาวาววับดูเอาเรื่อง ผิดจากสตรีคนที่เห็นในวันแรกลิบลับ วันนี้นางแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่ดูดีมีราคา และยังสวมเครื่องประดับอีกหลายชิ้น ดูแล้วคงจะเป็นชายผู้นั้นที่มอบให้กับนาง
“ อ่อ….คารวะว่าที่ฮูหยินคนใหม่ พอใจแล้วหรือไม่ ข้าจะรีบไปเรือนท่านย่า ” จินเยว่บอกกับสตรีนางนั้น ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีทีท่าอ่อนน้อมอย่างเช่นที่อีกฝ่ายต้องการ
“ เหอะ !! คารวะส่ง ๆ อย่างนี้หรือเรียกว่าคารวะ แต่ก็ช่างเถอะ ข้ามีอะไรจะคืนให้กับเจ้า เพราะเจ้าของมันก็คงไม่ต้องการแล้ว ”
สตรีนางนั้นทำเสียงไม่ค่อยพอใจ แล้วก็ดึงผ้าผืนน้อย ๆ ที่นางเหน็บเอวเอาไว้ออกมายื่นส่งให้กับจินเยว่ที่จ้องมองมันอย่างงง ๆ และแล้วนางก็จดจำผ้าผืนนั้นได้ แม้ไหมปักที่รุ่ยแล้วอยู่ที่ขอบผ้านั้นจะเปลี่ยนสีไปบ้าง แต่นางก็พอจะจดจำได้ว่ามันคือผ้าเช็ดหน้าที่นางทำเองกับมือและมอบมันให้กับชายคนนั้นในวันที่เขาออกเดินทางไปสู้ศึกที่ชายแดน แต่ตอนนี้มันมาอยู่ที่สตรีนางนี้ได้อย่างไรกัน
จินเยว่ยื่นมือไปรับเอามา “ ผ้าผืนนี้มาอยู่กับเจ้าได้อย่างไรกัน ”
จินเยว่เงยหน้าขึ้นถามสตรีนางนั้น เมื่อเพ่งพิศผ้าเช็ดหน้าที่ดูเก่าและมีรอยเปื้อนหลายรอยที่บนผ้าผืนนั้น
“ อ๋อ….ท่านพี่ใช้มันเช็ดเลือดให้ข้า เพราะข้าหกล้มเลือดออกที่ขา พอข้าซักแล้วมันก็ไม่กลับมาสะอาดดังเดิม แต่พอจะเอาไปคืน เขาก็บอกว่าเขาไม่ต้องการมันอีกแล้ว ตอนแรกเขาบอกให้ข้าโยนมันทิ้งไป แต่ข้าสังเกตุเห็นตัวอักษรที่ปักเอาไว้ที่ขอบผ้าเสียก่อน จึงได้ถามท่านพี่ เขาบอกว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร แต่แล้วเขาก็สารภาพกับข้าว่าเจ้านำมันมามอบให้กับเขา แต่ในเมื่อเขาบอกเองว่าไม่ต้องการมันแล้ว ข้าจึงนำมันมาคืนให้กับเจ้า ”
หนิงอันบอกกับจินเยว่ด้วยใบหน้าที่เยาะหยันน้อย ๆ นางเปลี่ยนท่าทางจากสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานมาเป็นนางมารได้ภายในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น ช่างเป็นสตรีที่ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างโดยแท้
แม้ในใจของจินเยว่จะปวดแปลบไม่น้อย ที่ได้ยินสตรีนางนี้บอกว่า แม่ทัพมู่หยางอดีตคนรักของตนเองบอกว่าเขาไม่ต้องการผ้าเช็ดหน้าผืนนี้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะแม้แต่ตัวเจ้าของ ๆ มัน เขาเองก็ไม่ต้องการอีกต่อไปแล้วเดียวเช่นกัน แล้วแค่ผ้าเช็ดหน้าผืนเก่า ๆ เขาก็คงจะไม่อยากเก็บเอาไว้ให้รกหูรกตาเขาหรอก
แต่แม้จะเจ็บปวดมากเพียงใด นางก็เก็บมันเอาไว้แต่เพียงในใจด้วยใบหน้าที่เฉยชาดุจเดิม แล้วออกเดินมุ่งหน้าไปตามทางเดิน เพราะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับสตรีที่ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างเช่นนี้อีก แต่แล้วฝ่ายนั้นกลับคว้าข้อมือของนางไว้ แล้วดึงอย่างแรงให้ตวัดฝ่ามือไปถูกใบหน้าของนางเข้า
จินเยว่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตกใจที่ถูกดึงมือให้ตวัดตบสตรีนางนั้นเข้า นางจ้องมองอีกฝ่ายที่บัดนี้ทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วร้องไห้เสียงดังเหมือนกับถูกใครรังแกอย่างนั้นแหละ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนจินเยว่ตกตะลึงนิ่งค้าง แต่แล้วนางก็เริ่มจะเข้าใจว่าเพราะเหตุใดสตรีแพศยานางนี้ถึงได้ทำการแสดงใหญ่โตนี้ขึ้นเหมือนกับต้องการใส่ร้ายนางเช่นนั้นแหละ
เพราะอยู่ ๆ ก็ปรากฎร่างของบุรุษผู้นั้น ที่รีบวิ่งตรงมาหาสตรีที่กำลังร้องไห้กระซิก ๆ อย่างน่าสงสาร เหมือนกับถูกใครรังแก
“ เกิดอะไรขึ้น หนิงอันเจ้าเป็นอะไร เหตุใดจึงล้มลงไปเช่นนั้นเล่า ”
ร่างสูงสง่านั้นตรงเข้าประคองร่างของสตรีที่บัดนี้กลับมายืนซวนเซเหมือนกับจะทรงกายไม่ไหว จินเยว่จ้องมองคนทั้งสองด้วยสีหน้าประหลาดใจจนปิดไม่มิด เพราะนางไม่เคยเห็นว่าใครจะตลบแตลงได้เช่นนี้มาก่อน และอย่างไม่ละอายใจตัวเองเลยสักนิดอีกด้วย
“ เกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายเจ้า บอกพี่มา พี่จะจัดการให้เจ้าเอง ”
บุรุษผู้นั้นที่ยังคงจับร่างงามที่ทำท่าทางอ่อนแอเหมือนกับช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่ตรงหน้าของจินเยว่ แต่สตรีนางนั้นแค่เพียงเหลือบสายตามองมาทางจินเยว่แต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไร ทำเพียงร้องไห้กระซิกกระซิก เหมือนกับกลัวว่าหากพูดอะไรไปก็เกรงจะถูกทำร้าย ท่าทางดูน่าสงสารมาก
แต่คนที่เป็นลูกคู่ของนางคือสาวใช้คนใหม่ ที่เพียงได้เป็นสาวใช้ของสตรีนางนี้ได้ไม่กี่วันก็เข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก
“ คุณหนูจินเยว่เจ้าค่ะ ที่ตบคุณหนูหนิงอันของข้าจนนางล้มลงไปเลย คุณหนูของข้าคงจะทั้งตกใจและเจ็บมากเจ้าค่ะ ”
สาวใช้นางนั้นที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ใหม่ จีบปากจีบคอฟ้องบุรุษที่ยังประคับประคองสตรีบอบบางข้างกายด้วยความเป็นห่วงเป็นใยกันอย่างเห็นได้ชัด
การแสดงที่เห็นตรงหน้าทำเอาจินเยว่แทบจะอ้าปากค้าง ไม่เคยเห็นใครแพศยาได้เท่าสองนายบ่าวคู่นี้เลยตั้งแต่เกิดมา ไม่รู้ว่าแม่ทัพผู้นี้ไปคว้าสตรีเช่นนี้มาจากที่ใด ไม่เคยพบไม่เคยเห็น
บุรุษที่จินเยว่กำลังคิดคำนึงถึงอยู่ ก็พลันเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของจินเยว่ด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ เยว่เอ๋อ เจ้าแกล้งหนิงอันหรือ เหตุใดเจ้าเป็นคนอย่างนี้ เจ้าไม่พอใจที่นางแย่งข้ามาจากเจ้าหรือ ถึงได้กล้าตบนาง เจ้ากล้ามากนะ กล้าลงมือกับว่าที่ภรรยาของข้า ทำเช่่นนี้แล้วอย่าคิดว่าท่านย่าจะคุ้มครองเจ้าได้นะ ”
แม่ทัพมู่หยางตวาดจินเยว่ทันที ใบหน้าหล่อคมคายของเขาดุดันนัก ดวงตาคู่คมที่อดีตเคยมองนางอย่างรักใคร่ แต่บัดนี้มันมีแต่ความโกรธเคือง ไม่เหลือร่องรอยของคนที่เคยรักกันอยู่เลย
หลายวันต่อมา ว่าที่ฮูหยินคนใหม่ของท่านแม่ทัพก็เข้าพำนักในเรือนหลังเล็กที่อยู่ไม่ห่างจากเรือนหลักมากนัก บัดนี้ท่านย่าพอจะทำใจได้บ้างแล้ว และด้วยจินเยว่นั้นมาบอกว่านางไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว หากท่านแม่ทัพไม่ต้องการนาง ก็ไม่อยากจะฝืนใจเขา ต่างคนต่างไปมีหนทางของตนเองเช่นนี้ก็ดีแล้ว นั่นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสบายใจขึ้นแม้จะไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันกลับกลายมาเป็นเช่นนี้เลย แต่ด้วยไม่อยากจะบังคับใจหลานชาย จึงได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป และก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้การแต่งงานของหลานชายเกิดขึ้นเร็วนัก เพราะอยากให้เขาแน่ใจตัวเองจริง ๆ ว่าต้องการสตรีนางนั้นเป็นฮูหยินของเขาจริง ๆ ก่อน จึงจะจัดการแต่งงานให้กับหลานชายเพียงคนเดียว แม้ในใจส่วนลึกก็ยังอยากจะได้จินเยว่กลับมาเป็นหลานสะใภ้ของตัวเองเช่นเดิม แต่เมื่อมองดูแล้วความฝันนี้ก็ช่างเลือนลางเหลือเกิน เพราะวัน ๆ เห็นแต่หลานชายเฝ้าเอาอกเอาใจสตรีคนใหม่ของเขา เหมือนรักใคร่นางเสียมากมาย วันหนึ่งจินเยว่เดินออกจากเรือนของตนเองเพื่อจะไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อจะอ่านหนังสือยามบ่ายให้กับฮูหยินผู้เฒ่าฟังเช่นปกติ ขณะเดินตัดผ่าน
ทั้งหมดพากันเข้าไปในห้องโถงภายในเรือนหลักของจวนแม่ทัพ“ เอาละ ยังไม่ต้องพูดอะไรกันหรอก ไว้เจ้าไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวกันก่อน ย่าสั่งให้เขาเตรียมอาหารให้เจ้ามากมายเต็มไปหมด ล้วนมีแต่ของที่เจ้าชอบกินทั้งนั้น ” ท่านย่าเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเข้าไปรวมกันในห้องโถงแล้ว“ท่านย่า ช่วยสั่งให้คนจัดเรือนให้กับหนิงอันด้วยเถิดขอรับ เอาที่ใกล้ ๆ เรือนของข้าหน่อย ไปมาหาสู่กันจะได้สะดวกขอรับ หนิงอัน เจ้าตามสาวใช้ไปนะ ไปอาบน้ำแล้วก็มากินข้าวด้วยกันที่เรือนนี้เข้าใจหรือไม่”แม่ทัพมู่หยางหันไปสั่งคนรักใหม่ของเขา ที่หันมารับคำอย่างว่าง่ายด้วยท่าทางอ่อนหวานน่ารัก พอสาวใช้เดินมาที่นางแล้ว หนิงอันก็ลุกขึ้นนางหันไปย่อกายทำความเคารพท่านย่าของคนรักอย่างอ่อนช้อย“หนิงอันคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังใช่หรือไม่เจ้าค่ะ ท่านพี่พูดถึงพวกท่านอยู่บ่อย ๆ เจ้าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นหลานสาวด้วยคนนะเจ้าค่ะ”นางหันไปยิ้มให้กับผู้อาวุโสทั้งสองและย่อกายความเคารพอย่างอ่อนช้อย ใบหน้ายิ้มละไมให้กับทั้งผู้อาวุโสและให้กับมู่หลันที่เป็นน้องสาวของคนรักอีกด้วย แม้มู่หลันจะเมินไปทางอื่นทันทีนางก็ไม่ได้สนใจ“เอาละ เจ
แล้วแม่ทัพหนุ่มก็หันมายกมือคารวะท่านย่าของเขาที่ตอนนี้ก็ชะงักนิ่งงันจ้องมองเขากับสตรีน้อยนางนั้นเช่นเดียวทุกๆ คนในจวน ใบหน้าของทั้งท่านย่าแม่นมหวังนั้นไม่ต่างกันมากนัก“ คารวะท่านย่าขอรับ ข้าคิดถึงท่านย่าและทุกคน ๆ ที่จวนมาก ๆ เลยขอรับ ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว การศึกที่ยืดเยื้อมาตลอดห้าปีจบสิ้นลงแล้ว ต่อไปข้าคงจะได้อยู่ที่จวนกับท่านย่าและแม่นมหวังได้นาน ๆ แล้วขอรับ ”เขาหันมาคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังแล้วก็ร้องทักทายอย่างดีใจส่วนทั้งมู่หลันและเยว่ซินที่ยืนอยู่ข้างกันก็นิ่งมองแม่ทัพหนุ่มตาค้าง ใบหน้างามของเยว่ซินนั้นหม่นแสงลงเล็กน้อย แต่นางก็พยายามคิดในแง่ดีว่า สตรีที่นั่งม้าตัวเดียวกันกับพี่มู่หยางของนางมานั้น อาจจะไม่ได้เป็นอะไรกับเขาก็ได้ นางอาจจะเพียงแค่จำต้องนั่งม้ามาด้วยกันเพราะขี่ม้าไม่เป็นก็เป็นได้“ ท่านพี่มู่หยาง ท่านพาใครมาด้วยเจ้าคะ ”แต่เป็นมู่หลันที่อดใจไม่ไหว เอ่ยถามในทันที ดวงตากลมจ้องมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายของพี่ชายนิ่ง ด้วยใบหน้างุนงงเป็นอย่างมาก“ ข้าลืมแนะนำไป นางคือ หลู้หนิงอัน นางเป็นคนรักของข้า กลับมาครั้งนี้ ข้าจะขอท่านย่าแต่งงานกับนางรับนางเป็นฮูหยินของข้า ”สิ้น
เช้าวันอันสดใสที่ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พากันโห่ร้องยินดี เมื่อม้าเร็ววิ่งเข้ามารายงานว่าขบวนของกองทัพของแม่ทัพเฉินมู่หยางนั้นได้เดินทางกลับมายังเมืองหลวงแล้ว อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะเดินทางเข้าสู่ประตูเมืองหลวง ทั่วทั้งเมืองล้วนตื่นเต้นยินดี ทางวังหลวงฮ่องเต้มีรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขาทันที หลังจากที่พวกเขาเข้ามาถึงเมืองหลวงแล้วภายในวังหลวงนั้นมีการจัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับเหล่าทหารที่กลับมาจากการสู้ศึกที่ชายแดนที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่าห้าปีแล้ว และตอนนี้ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด แม่ทัพเฉินมู่หยางแม่ทัพใหญ่ของกองทัพนี้ได้เดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเป็นทัพแรก ส่วนกองทัพในบังคับบัญชาของแม่ทัพอื่น ๆ ก็กำลังทยอยกันเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพากันตื่นเต้นดีใจ และพากันออกมารอต้อนรับขบวนทหารตั้งแต่เช้าตรู่ ผู้คนพากันออกมายืนรออยู่สองข้างทางตั้งแต่ประตูใหญ่ด้านหน้าเมืองจนกระทั่งสุดถนนที่มุ่งหน้าเข้าสู่วังหลวงส่วนที่จวนสกุลเฉินที่เป็นจวนของแม่ทัพเฉินมู่หยางก็ล้วนแต่ตื่นเต้นยินดีนัก ที่ได้รับข่าวดีเช่นนี้ คนทั้งจวนพากันดีใจ โดยเฉพาะท่านย่าและแม่นมหวังพากันดีใจจนน้ำ







