LOGINจินเยว่แทบจะอ้าปากค้างกับความจริงที่เพิ่งได้ประจักษ์กับตนเอง สตรีนั่นแพศยาสามานย์ก็แล้วไป แต่บุรุษผู้นี้ก็ช่างโง่งมนัก เหมาะสมกันแท้ ๆ สมแล้วที่หากันพบ
ตอนนี้จินเยว่คิดว่านางควรจะเลิกโง่งมรักบุรุษที่นอกจากไม่รักษาคำมั่นสัญญา จิตใจโลเล ซ้ำยังหูเบา และตอนนี้ยังดูโง่เง่ายิ่งนัก ถูกสตรีแพศยานางนี้ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ ตบตาเข้าก็ยังอุตส่าห์เชื่อได้อีก นางแทบไม่เชื่อเลยว่าเขาคือพี่มู่หยางของนาง
“ ข้าไม่ได้ทำอะไร อยู่ ๆ นางมาดึงมือข้าไปตบหน้าของตัวเองแล้วก็ล้มลงเอง ข้าไม่ได้แตะต้องตัวนางสักนิดเลย ”
จินเยว่ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ แต่แล้วจากใบหน้าและดวงตาคมดุที่จ้องมองนางอยู่นั่นก็แสดงความไม่เชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
“ ข้าไม่เชื่อ ใครจะบ้าทำเช่นนั้นกัน อยู่ ๆ ก็ดึงมือผู้อื่นมาตบหน้าตัวเอง หนิงอันจะทำเช่นนั้นทำไมกัน ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่น เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่จินเยว่กล่าวหา แต่เขากับจินเยว่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กนางไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร แล้วนางจะทำร้ายหนิงอันเพราะเหตุใด หรือว่านางเกิดหึงหวงเขา ไม่พอใจที่เขาเลือกหนิงอันก็เลยคิดจะกลั่นแกล้งนาง
“ ไม่จริงนะเจ้าคะ คุณหนูจินเยว่นั้นไม่พอใจที่ข้านำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่นางถืออยู่มาคืนนางเจ้าค่ะ ท่านพี่เคยบอกว่าเป็นผ้าของนางไม่ใช่หรือเจ้าคะ ”
หนิงอันฟ้องบุรุษข้างกายด้วยท่าทางอ่อนแอ และเสียงก็สั่น ๆ เหมือนกล้า ๆ กลัว ๆ
แม่ทัพหนุ่มจึงได้ก้าวเข้ามาเผชิญหน้าจินเยว่ แล้วคว้าผ้าเช็ดหน้าในมือของนางไปทันที เขาก้มลงมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างพินิจ ใบหน้าหล่อคมซีดลงทันทีที่จำมันได้ แล้วหันไปมองหน้าหนิงอันอย่างไม่พอใจนัก
“ พี่บอกให้เจ้าทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ เพราะมันเปื้อนเลือดแล้ว เจ้าเอามาคืนจินเยว่ทำไมกัน ทิ้งไปเสียก็สิ้นเรื่อง เรื่องราว มันผ่านไปแล้ว จะขุดคุ้ยขึ้นมาทำไมกันอีก ”
เขาหันไปดุหนิงอันทันที เพราะในใจของเขารู้สึกผิดต่อจินเยว่ไม่น้อย ภาพวันนั้นที่นางมอบผ้าเช็ดหน้าที่มีชื่อย่อของนางกับเขาปักอยู่ด้วยกัน ให้กับเขาในวันที่ออกเดินทางไปรบยังคงติดตาเขาอยู่ และเมื่อได้เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยนี้อีกครั้งเขาก็พลันคิดถึงวันนั้นขึ้นมาอีก
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปจ้องมองจินเยว่อย่างรู้สึกผิดกับนาง
“ เอาละ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ใครผิดใครถูกก็ช่าง เลิกแล้วกันไปเสีย แล้วต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันให้มันเกิดเรื่องขึ้นอีก ” เขาสั่งทั้งสองคน
จินเยว่เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้หมุนตัวเพื่อจะก้าวเดินไปยังเรือนของท่านย่า แต่แล้วก็หยุดชะงักเมื่อมีเสียงทุ้มที่คุ้นเคยร้องเรียกนางเอาไว้ โดยที่เขาเองก็ห้ามตนเองไว้ไม่ทันเช่นกัน
“ เยว่เอ๋อ เจ้าลืมผ้าเช็ดหน้า "
จินเยว่หมุนตัวกลับมา แต่ยังคงยืนนิ่งเฉยจ้องมองเขา
แม่ทัพหนุ่มจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าที่มีรอยกระด่างกระดำนั้นให้กับนาง จินเยว่จ้องมองมันแล้วเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเฉยชา
“ ทิ้งมันไปเถิดท่านแม่ทัพ ข้าไม่ได้สนใจมันแล้ว ผ้าเก่า ๆ อย่างนั้น แถมยังเปรอะเปื้อนสกปรกไปหมดแล้ว ไม่ได้มีประโยชน์อันใดสำหรับข้าอีกต่อไป ”
แล้วจินเยว่ก็หมุนตัวออกเดินต่อไป ไหล่ของนางที่เคยลู่ลงเมื่อหลายวันก่อนนับจากที่แม่ทัพมู่หยางกลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับสตรีอื่น ทำให้นางแทบจะไร้เรี่ยวแรงและกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ นางเอานอนซมอยู่แต่ในห้อง เพราะความโทมนัสใจอย่างมาก แต่วันนี้มันกลับตั้งตรงอย่างทรนง เพราะนางตาสว่างขึ้นมากแล้ว ต่อไปนี้นางจะทิ้งมันไปเสียความรักเก่า ๆ ผ้าเช็ดหน้าผืนเก่า ๆ ความหลังเก่า ๆ นางจะไม่จดจำมันไว้ให้เสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
แม่ทัพหนุ่มอึ้งงันไป เขาแทบไม่เชื่อหู นางพูดเหมือนไม่ได้แยแสผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เลยสักนิด บอกให้เขาโยนมันทิ้งไป ทั้ง ๆ ที่มันเป็นผ้าที่นางทำให้เขากับมือของนางเอง ทั้งยังปักตัวอักษรชื่อย่อของเขากับนางไว้ที่มุมหนึ่งของผ้าเช็ดหน้า แต่วันนี้นางกลับบอกให้เขาโยนมันทิ้งไปเสีย เพราะนางไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว
แม่ทัพหนุ่มขยุ้มผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้ในมือแน่น แต่ไม่ยอมโยนมันทิ้งไปดังเช่นที่สตรีนางนั้นบอก ในเมื่อนางบอกให้โยนมันทิ้งไป แต่เขาไม่โยนมันทิ้งจะเก็บมันไว้อย่างดีใครจะทำไม สายตาคมจ้องมองสตรีที่เดินทอดน่องตรงไปตามทางเดินจนลับตา
เขารู้สึกว่านางเปลี่ยนไปมาก และเขาเองก็เพิ่งจะนึกได้ ว่าตั้งแต่เขากลับมา นางไม่เคยมาร่วมสำรับกับครอบครัวของพวกเขาที่เรือนหลักเลยแม้แต่มื้อเดียว เขายืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ท่าทางเงียบขรึมลงไปทันที
“ท่านพี่เจ้าคะ ”
สตรีข้างกายของเขาจับแขนเขาเขย่าเพื่อเรียกสติ แม่ทัพหนุ่มพลันรู้สึกตัว แต่ใบหน้าหล่อคมคายก็ยังคงบึ้งตึงอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เขาบอกกับตนเองไม่ได้ว่าไม่สบอารมณ์เพราะโมโหที่สตรีทั้งสองที่ต่างก็เป็นสตรีของเขานั้นทะเลาะกัน หรือเพราะว่าสตรีนางหนึ่งที่อดีตเคยมีแต่เขาเท่านั้นในชีวิตของนาง แต่บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไป
เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ นางไม่ได้มาหาเขาที่เรือนเลยสักครั้ง ไม่ได้มาร่วมสำรับกับครอบครัวที่เรือนหลักเหมือนดังเช่นครั้งอดีตอีกแล้ว ไม่ว่ามื้อไหน ๆ เขาก็ไม่เห็นร่างของนางก้าวเข้ามาในเรือนหลักเลย เหมือนดังเช่นนางไม่ได้อยู่ในจวนแห่งนี้อีกแล้ว
นั่นเป็นเพราะเขามัวแต่ดีอกดีใจที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวทั้งท่านย่าและน้องสาว รวมถึงแม่นมหวังที่อยู่คอยดูแลและเป็นเพื่อนท่านย่ามาตั้งแต่รุ่นสาว ๆ จนถึงป่านนี้ แต่เมื่อหวนมาพบกันในครั้งนี้
แม้แต่แม่นมหวังก็ดูเหินห่างไปอย่างเห็นได้ชัด นางทักทายเขาอย่างดี แต่ก็พูดจากับเขาแต่ก็น้อยกว่าแต่ก่อนมาก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ล้วนเป็นไปอย่างเงียบงัน แม้จะมีการสนทนากันบ้าง หากเขาสอบถามทุกคนก็ตอบ แต่ก็ดูประหยัดถ้อยคำกว่าเมื่อก่อน ดูเหินห่างอย่างไรพิกล และที่สำคัญไม่มีใครเอ่ยถึงจินเยว่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ด้านจินเยว่ที่มาถึงเรือนของท่านย่าแล้ว ก็มาทำหน้าที่อ่านหนังสือให้กับท่านย่าตามปกติ แต่ก็ดูพูดน้อยกว่าเมื่อก่อน ท่านย่าถามนางก็ตอบ แต่ก็ดูไม่ได้สดใสดังเช่นแต่ก่อนมา ผู้อาวุโสรู้ว่านางคงจะยังทำใจไม่ได้เรื่องที่หลานชายพาสตรีอื่นกลับมาจากชายแดนด้วย และยังออกปากจะแต่งงานกับนางต่อหน้าจินเยว่คนรักของตนเอง แต่จะให้ทำอย่างไรได้ แม้ท่านย่าอยากจะห้ามปรามหลานชายและสั่งให้เขาแต่งงานกับจินเยว่มากเพียงใด
แต่เมื่อมาคิดใคร่ครวญดูแล้ว การบังคับใจคนให้รักกันและเต็มใจแต่งงานกันนั้นมันอาจจะทำให้พวกเขาไม่มีความสุขในชีวิตคู่ และจินเยว่เองก็อาจจะไม่มีความสุข และนางคงไม่ยอมเป็นเพียงภรรยารองของเจ้าหลานโง่นั่น
และการเลือกทางเดินใหม่ให้กับนางอาจจะดีกว่าก็เป็นได้ บุรุษไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ เมื่อคิดได้ดังนี้ท่านย่าจึงได้พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง สหายของนางก็มีหลายคน จึงคิดว่าจะลองเลียบเคียงสองถามดูว่าพอจะมีหลานชายที่ยังไม่ได้ออกเรือนบ้างไหม หากนางดูแล้วว่าหน่วยก้านบุรุษคนนั้นดีพอสำหรับจินเยว่ก็จะให้นางหมั้นหมายและแต่งงานออกไป เพียงแต่ตอนนี้ต้องใจเย็นๆ ก่อน
ส่วนเล่อถงที่คบหากันมาตั้งแต่เด็กก็สวมรอยเล่นละครช่วยสหายรักของเขาทันที เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ว่าเจ้าหมอนั่นจ้องพวกเขาอยู่ตาเป็นมัน ไม่ยอมคลาดสายตาเลยด้วยซ้ำ แล้วยังทำท่าฮึดฮัดขัดใจเหมือนหึงหวงเขากับจินเยว่อีกด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกว่าหมดรักนางแล้วได้เช่นไร หรือว่าเจ้าหมอนี่มันคิดจะจับปลาสองมือกันแน่ ยิ่งคิดยิ่งขัดเคืองแทนจินเยว่เขาจึงทำทีอ้อยอิ่งจับมือนุ่มนิ่มและขาวผ่องของจินเยว่ขึ้นมาจ้องมองจนแทบจะจรดริมฝีปากลงบนหลังมือของนางแล้ว และแล้วคนที่เอาแต่จ้องมองอย่างจับผิดคนที่คู่ก็ทนต่อไปไม่ไหว เขาลุกพรวดพลาดขึ้นทันที แล้วก็กระโจนเข้ามาชกหน้าเล่อถง จนเขาหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องหลาย ๆ เสียงที่ดังขึ้น จินเยว่ตกตะลึง และเมื่อนางได้สติ ก็รีบลุกจากเก้าอี้ ลงไปประคองเล่อถงขึ้นมาทันที“ เป็นอะไรหรือไม่ เล่อถง เจ็บหรือไม่ ” นางยกมือขึ้นจับที่แผลที่มีเลือดออกที่ริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบาเพราะเกรงสหายรักจะเจ็บแล้วก็หันมาเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าถมึงทึงของบุรุษที่ยังคงยืนจังก้าตรงหน้าของนาง“ท่านแม่ทัพ ท่านทำอะไรน่ะ ชกเล่อถงทำไม เขาทำอะไรให้ท่าน” จินเยว่ร้องถามคนตรงหน้าอย่างไม
วันต่อมา จางเล่อถง บุตรชายคหบดีจางที่อยู่จวนใกล้ ๆ กัน และเป็นสหายในกลุ่มของพวกเขาตั้งแต่เด็ก ก็กลับมาจากติดต่อการค้าที่เขามักจะเดินทางไปแทนบิดาของเขาหลายต่อหลายเมืองเพื่อตรวจบัญชีของร้าน และดูแลกิจการที่เขานั้นบัดนี้สืบทอดต่อจากบิดาของเขาที่อายุมากแล้ว เขาเพิ่งจะรับหน้าที่แทนบิดาอย่างเต็มตัวมาได้เพียงแค่หนึ่งหนาวเท่านั้นเมื่อกลับมาถึงจวนแล้ว ระหว่างมื้ออาหารมารดาของเขาก็เอ่ยขึ้นว่า“เล่อถง เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้แม่ทัพเฉินมู่หยางกลับมาจากชายแดนแล้วนะ เขาชนะศึกสงคราม ต่อไปนี้แคว้นของเราคงจะสงบลงอีกหลายปี เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ แต่ว่ากลับมาคราวนี้เขาพาสตรีอื่นกลับมาด้วยนะ ได้ยินสาวใช้พูดกันว่า บ่าวที่จวนพากันตกตะลึงกันไปหมด เพราะว่าเขาพาสตรีนางนั้นนั่งม้าตัวเดียวกันกลับมาด้วย สงสัยว่าจินเยว่หลานสาวแม่นมหวังคงจะเป็นหม้ายขันหมากแล้ว ช่างน่าสงสารจริง ๆ เลย”ฮูหยินจางเอ่ยขึ้น เพราะนางก็เห็นเด็ก ๆ จวนข้าง ๆ มาตั้งแต่ยังเล็ก พวกเขานั้นรู้จักกันและก็เป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กกันอีกด้วยทำให้พลอยได้รับรู้เรื่องที่หลานชายของจวนโน้นชอบพอกับหลานสาวของแม่นมหวังที่เติบโตมาด้วยกัน ได้ยินพูดกันว่าจะใ
จินเยว่แทบจะอ้าปากค้างกับความจริงที่เพิ่งได้ประจักษ์กับตนเอง สตรีนั่นแพศยาสามานย์ก็แล้วไป แต่บุรุษผู้นี้ก็ช่างโง่งมนัก เหมาะสมกันแท้ ๆ สมแล้วที่หากันพบ ตอนนี้จินเยว่คิดว่านางควรจะเลิกโง่งมรักบุรุษที่นอกจากไม่รักษาคำมั่นสัญญา จิตใจโลเล ซ้ำยังหูเบา และตอนนี้ยังดูโง่เง่ายิ่งนัก ถูกสตรีแพศยานางนี้ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ ตบตาเข้าก็ยังอุตส่าห์เชื่อได้อีก นางแทบไม่เชื่อเลยว่าเขาคือพี่มู่หยางของนาง“ ข้าไม่ได้ทำอะไร อยู่ ๆ นางมาดึงมือข้าไปตบหน้าของตัวเองแล้วก็ล้มลงเอง ข้าไม่ได้แตะต้องตัวนางสักนิดเลย ” จินเยว่ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ แต่แล้วจากใบหน้าและดวงตาคมดุที่จ้องมองนางอยู่นั่นก็แสดงความไม่เชื่อถือเลยแม้แต่น้อย“ ข้าไม่เชื่อ ใครจะบ้าทำเช่นนั้นกัน อยู่ ๆ ก็ดึงมือผู้อื่นมาตบหน้าตัวเอง หนิงอันจะทำเช่นนั้นทำไมกัน ” คิ้วเข้มขมวดมุ่น เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่จินเยว่กล่าวหา แต่เขากับจินเยว่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กนางไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร แล้วนางจะทำร้ายหนิงอันเพราะเหตุใด หรือว่านางเกิดหึงหวงเขา ไม่พอใจที่เขาเลือกหนิงอันก็เลยคิดจะกลั่นแกล้งนาง“ ไม่จริงนะเจ้าคะ คุณหนูจินเ
หลายวันต่อมา ว่าที่ฮูหยินคนใหม่ของท่านแม่ทัพก็เข้าพำนักในเรือนหลังเล็กที่อยู่ไม่ห่างจากเรือนหลักมากนัก บัดนี้ท่านย่าพอจะทำใจได้บ้างแล้ว และด้วยจินเยว่นั้นมาบอกว่านางไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว หากท่านแม่ทัพไม่ต้องการนาง ก็ไม่อยากจะฝืนใจเขา ต่างคนต่างไปมีหนทางของตนเองเช่นนี้ก็ดีแล้ว นั่นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสบายใจขึ้นแม้จะไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันกลับกลายมาเป็นเช่นนี้เลย แต่ด้วยไม่อยากจะบังคับใจหลานชาย จึงได้แต่เฝ้าดูเหตุการณ์ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป และก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ให้การแต่งงานของหลานชายเกิดขึ้นเร็วนัก เพราะอยากให้เขาแน่ใจตัวเองจริง ๆ ว่าต้องการสตรีนางนั้นเป็นฮูหยินของเขาจริง ๆ ก่อน จึงจะจัดการแต่งงานให้กับหลานชายเพียงคนเดียว แม้ในใจส่วนลึกก็ยังอยากจะได้จินเยว่กลับมาเป็นหลานสะใภ้ของตัวเองเช่นเดิม แต่เมื่อมองดูแล้วความฝันนี้ก็ช่างเลือนลางเหลือเกิน เพราะวัน ๆ เห็นแต่หลานชายเฝ้าเอาอกเอาใจสตรีคนใหม่ของเขา เหมือนรักใคร่นางเสียมากมาย วันหนึ่งจินเยว่เดินออกจากเรือนของตนเองเพื่อจะไปที่เรือนของฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อจะอ่านหนังสือยามบ่ายให้กับฮูหยินผู้เฒ่าฟังเช่นปกติ ขณะเดินตัดผ่าน
ทั้งหมดพากันเข้าไปในห้องโถงภายในเรือนหลักของจวนแม่ทัพ“ เอาละ ยังไม่ต้องพูดอะไรกันหรอก ไว้เจ้าไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวกันก่อน ย่าสั่งให้เขาเตรียมอาหารให้เจ้ามากมายเต็มไปหมด ล้วนมีแต่ของที่เจ้าชอบกินทั้งนั้น ” ท่านย่าเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเข้าไปรวมกันในห้องโถงแล้ว“ท่านย่า ช่วยสั่งให้คนจัดเรือนให้กับหนิงอันด้วยเถิดขอรับ เอาที่ใกล้ ๆ เรือนของข้าหน่อย ไปมาหาสู่กันจะได้สะดวกขอรับ หนิงอัน เจ้าตามสาวใช้ไปนะ ไปอาบน้ำแล้วก็มากินข้าวด้วยกันที่เรือนนี้เข้าใจหรือไม่”แม่ทัพมู่หยางหันไปสั่งคนรักใหม่ของเขา ที่หันมารับคำอย่างว่าง่ายด้วยท่าทางอ่อนหวานน่ารัก พอสาวใช้เดินมาที่นางแล้ว หนิงอันก็ลุกขึ้นนางหันไปย่อกายทำความเคารพท่านย่าของคนรักอย่างอ่อนช้อย“หนิงอันคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังใช่หรือไม่เจ้าค่ะ ท่านพี่พูดถึงพวกท่านอยู่บ่อย ๆ เจ้าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นหลานสาวด้วยคนนะเจ้าค่ะ”นางหันไปยิ้มให้กับผู้อาวุโสทั้งสองและย่อกายความเคารพอย่างอ่อนช้อย ใบหน้ายิ้มละไมให้กับทั้งผู้อาวุโสและให้กับมู่หลันที่เป็นน้องสาวของคนรักอีกด้วย แม้มู่หลันจะเมินไปทางอื่นทันทีนางก็ไม่ได้สนใจ“เอาละ เจ
แล้วแม่ทัพหนุ่มก็หันมายกมือคารวะท่านย่าของเขาที่ตอนนี้ก็ชะงักนิ่งงันจ้องมองเขากับสตรีน้อยนางนั้นเช่นเดียวทุกๆ คนในจวน ใบหน้าของทั้งท่านย่าแม่นมหวังนั้นไม่ต่างกันมากนัก“ คารวะท่านย่าขอรับ ข้าคิดถึงท่านย่าและทุกคน ๆ ที่จวนมาก ๆ เลยขอรับ ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว การศึกที่ยืดเยื้อมาตลอดห้าปีจบสิ้นลงแล้ว ต่อไปข้าคงจะได้อยู่ที่จวนกับท่านย่าและแม่นมหวังได้นาน ๆ แล้วขอรับ ”เขาหันมาคารวะท่านย่ากับแม่นมหวังแล้วก็ร้องทักทายอย่างดีใจส่วนทั้งมู่หลันและเยว่ซินที่ยืนอยู่ข้างกันก็นิ่งมองแม่ทัพหนุ่มตาค้าง ใบหน้างามของเยว่ซินนั้นหม่นแสงลงเล็กน้อย แต่นางก็พยายามคิดในแง่ดีว่า สตรีที่นั่งม้าตัวเดียวกันกับพี่มู่หยางของนางมานั้น อาจจะไม่ได้เป็นอะไรกับเขาก็ได้ นางอาจจะเพียงแค่จำต้องนั่งม้ามาด้วยกันเพราะขี่ม้าไม่เป็นก็เป็นได้“ ท่านพี่มู่หยาง ท่านพาใครมาด้วยเจ้าคะ ”แต่เป็นมู่หลันที่อดใจไม่ไหว เอ่ยถามในทันที ดวงตากลมจ้องมองสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายของพี่ชายนิ่ง ด้วยใบหน้างุนงงเป็นอย่างมาก“ ข้าลืมแนะนำไป นางคือ หลู้หนิงอัน นางเป็นคนรักของข้า กลับมาครั้งนี้ ข้าจะขอท่านย่าแต่งงานกับนางรับนางเป็นฮูหยินของข้า ”สิ้น







