LOGINจินเยว่แทบจะอ้าปากค้างกับความจริงที่เพิ่งได้ประจักษ์กับตนเอง สตรีนั่นแพศยาสามานย์ก็แล้วไป แต่บุรุษผู้นี้ก็ช่างโง่งมนัก เหมาะสมกันแท้ ๆ สมแล้วที่หากันพบ
ตอนนี้จินเยว่คิดว่านางควรจะเลิกโง่งมรักบุรุษที่นอกจากไม่รักษาคำมั่นสัญญา จิตใจโลเล ซ้ำยังหูเบา และตอนนี้ยังดูโง่เง่ายิ่งนัก ถูกสตรีแพศยานางนี้ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ ตบตาเข้าก็ยังอุตส่าห์เชื่อได้อีก นางแทบไม่เชื่อเลยว่าเขาคือพี่มู่หยางของนาง
“ ข้าไม่ได้ทำอะไร อยู่ ๆ นางมาดึงมือข้าไปตบหน้าของตัวเองแล้วก็ล้มลงเอง ข้าไม่ได้แตะต้องตัวนางสักนิดเลย ”
จินเยว่ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ แต่แล้วจากใบหน้าและดวงตาคมดุที่จ้องมองนางอยู่นั่นก็แสดงความไม่เชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
“ ข้าไม่เชื่อ ใครจะบ้าทำเช่นนั้นกัน อยู่ ๆ ก็ดึงมือผู้อื่นมาตบหน้าตัวเอง หนิงอันจะทำเช่นนั้นทำไมกัน ”
คิ้วเข้มขมวดมุ่น เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่จินเยว่กล่าวหา แต่เขากับจินเยว่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กนางไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร แล้วนางจะทำร้ายหนิงอันเพราะเหตุใด หรือว่านางเกิดหึงหวงเขา ไม่พอใจที่เขาเลือกหนิงอันก็เลยคิดจะกลั่นแกล้งนาง
“ ไม่จริงนะเจ้าคะ คุณหนูจินเยว่นั้นไม่พอใจที่ข้านำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่นางถืออยู่มาคืนนางเจ้าค่ะ ท่านพี่เคยบอกว่าเป็นผ้าของนางไม่ใช่หรือเจ้าคะ ”
หนิงอันฟ้องบุรุษข้างกายด้วยท่าทางอ่อนแอ และเสียงก็สั่น ๆ เหมือนกล้า ๆ กลัว ๆ
แม่ทัพหนุ่มจึงได้ก้าวเข้ามาเผชิญหน้าจินเยว่ แล้วคว้าผ้าเช็ดหน้าในมือของนางไปทันที เขาก้มลงมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างพินิจ ใบหน้าหล่อคมซีดลงทันทีที่จำมันได้ แล้วหันไปมองหน้าหนิงอันอย่างไม่พอใจนัก
“ พี่บอกให้เจ้าทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ เพราะมันเปื้อนเลือดแล้ว เจ้าเอามาคืนจินเยว่ทำไมกัน ทิ้งไปเสียก็สิ้นเรื่อง เรื่องราว มันผ่านไปแล้ว จะขุดคุ้ยขึ้นมาทำไมกันอีก ”
เขาหันไปดุหนิงอันทันที เพราะในใจของเขารู้สึกผิดต่อจินเยว่ไม่น้อย ภาพวันนั้นที่นางมอบผ้าเช็ดหน้าที่มีชื่อย่อของนางกับเขาปักอยู่ด้วยกัน ให้กับเขาในวันที่ออกเดินทางไปรบยังคงติดตาเขาอยู่ และเมื่อได้เห็นผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยนี้อีกครั้งเขาก็พลันคิดถึงวันนั้นขึ้นมาอีก
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปจ้องมองจินเยว่อย่างรู้สึกผิดกับนาง
“ เอาละ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ใครผิดใครถูกก็ช่าง เลิกแล้วกันไปเสีย แล้วต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ อย่ามายุ่งเกี่ยวกันให้มันเกิดเรื่องขึ้นอีก ” เขาสั่งทั้งสองคน
จินเยว่เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้หมุนตัวเพื่อจะก้าวเดินไปยังเรือนของท่านย่า แต่แล้วก็หยุดชะงักเมื่อมีเสียงทุ้มที่คุ้นเคยร้องเรียกนางเอาไว้ โดยที่เขาเองก็ห้ามตนเองไว้ไม่ทันเช่นกัน
“ เยว่เอ๋อ เจ้าลืมผ้าเช็ดหน้า "
จินเยว่หมุนตัวกลับมา แต่ยังคงยืนนิ่งเฉยจ้องมองเขา
แม่ทัพหนุ่มจึงยื่นผ้าเช็ดหน้าที่มีรอยกระด่างกระดำนั้นให้กับนาง จินเยว่จ้องมองมันแล้วเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเฉยชา
“ ทิ้งมันไปเถิดท่านแม่ทัพ ข้าไม่ได้สนใจมันแล้ว ผ้าเก่า ๆ อย่างนั้น แถมยังเปรอะเปื้อนสกปรกไปหมดแล้ว ไม่ได้มีประโยชน์อันใดสำหรับข้าอีกต่อไป ”
แล้วจินเยว่ก็หมุนตัวออกเดินต่อไป ไหล่ของนางที่เคยลู่ลงเมื่อหลายวันก่อนนับจากที่แม่ทัพมู่หยางกลับมาถึงจวนแม่ทัพพร้อมกับสตรีอื่น ทำให้นางแทบจะไร้เรี่ยวแรงและกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ นางเอานอนซมอยู่แต่ในห้อง เพราะความโทมนัสใจอย่างมาก แต่วันนี้มันกลับตั้งตรงอย่างทรนง เพราะนางตาสว่างขึ้นมากแล้ว ต่อไปนี้นางจะทิ้งมันไปเสียความรักเก่า ๆ ผ้าเช็ดหน้าผืนเก่า ๆ ความหลังเก่า ๆ นางจะไม่จดจำมันไว้ให้เสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
แม่ทัพหนุ่มอึ้งงันไป เขาแทบไม่เชื่อหู นางพูดเหมือนไม่ได้แยแสผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เลยสักนิด บอกให้เขาโยนมันทิ้งไป ทั้ง ๆ ที่มันเป็นผ้าที่นางทำให้เขากับมือของนางเอง ทั้งยังปักตัวอักษรชื่อย่อของเขากับนางไว้ที่มุมหนึ่งของผ้าเช็ดหน้า แต่วันนี้นางกลับบอกให้เขาโยนมันทิ้งไปเสีย เพราะนางไม่ได้สนใจมันอีกแล้ว
แม่ทัพหนุ่มขยุ้มผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้ในมือแน่น แต่ไม่ยอมโยนมันทิ้งไปดังเช่นที่สตรีนางนั้นบอก ในเมื่อนางบอกให้โยนมันทิ้งไป แต่เขาไม่โยนมันทิ้งจะเก็บมันไว้อย่างดีใครจะทำไม สายตาคมจ้องมองสตรีที่เดินทอดน่องตรงไปตามทางเดินจนลับตา
เขารู้สึกว่านางเปลี่ยนไปมาก และเขาเองก็เพิ่งจะนึกได้ ว่าตั้งแต่เขากลับมา นางไม่เคยมาร่วมสำรับกับครอบครัวของพวกเขาที่เรือนหลักเลยแม้แต่มื้อเดียว เขายืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ท่าทางเงียบขรึมลงไปทันที
“ท่านพี่เจ้าคะ ”
สตรีข้างกายของเขาจับแขนเขาเขย่าเพื่อเรียกสติ แม่ทัพหนุ่มพลันรู้สึกตัว แต่ใบหน้าหล่อคมคายก็ยังคงบึ้งตึงอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เขาบอกกับตนเองไม่ได้ว่าไม่สบอารมณ์เพราะโมโหที่สตรีทั้งสองที่ต่างก็เป็นสตรีของเขานั้นทะเลาะกัน หรือเพราะว่าสตรีนางหนึ่งที่อดีตเคยมีแต่เขาเท่านั้นในชีวิตของนาง แต่บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนไป
เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ นางไม่ได้มาหาเขาที่เรือนเลยสักครั้ง ไม่ได้มาร่วมสำรับกับครอบครัวที่เรือนหลักเหมือนดังเช่นครั้งอดีตอีกแล้ว ไม่ว่ามื้อไหน ๆ เขาก็ไม่เห็นร่างของนางก้าวเข้ามาในเรือนหลักเลย เหมือนดังเช่นนางไม่ได้อยู่ในจวนแห่งนี้อีกแล้ว
นั่นเป็นเพราะเขามัวแต่ดีอกดีใจที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวทั้งท่านย่าและน้องสาว รวมถึงแม่นมหวังที่อยู่คอยดูแลและเป็นเพื่อนท่านย่ามาตั้งแต่รุ่นสาว ๆ จนถึงป่านนี้ แต่เมื่อหวนมาพบกันในครั้งนี้
แม้แต่แม่นมหวังก็ดูเหินห่างไปอย่างเห็นได้ชัด นางทักทายเขาอย่างดี แต่ก็พูดจากับเขาแต่ก็น้อยกว่าแต่ก่อนมาก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ล้วนเป็นไปอย่างเงียบงัน แม้จะมีการสนทนากันบ้าง หากเขาสอบถามทุกคนก็ตอบ แต่ก็ดูประหยัดถ้อยคำกว่าเมื่อก่อน ดูเหินห่างอย่างไรพิกล และที่สำคัญไม่มีใครเอ่ยถึงจินเยว่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ด้านจินเยว่ที่มาถึงเรือนของท่านย่าแล้ว ก็มาทำหน้าที่อ่านหนังสือให้กับท่านย่าตามปกติ แต่ก็ดูพูดน้อยกว่าเมื่อก่อน ท่านย่าถามนางก็ตอบ แต่ก็ดูไม่ได้สดใสดังเช่นแต่ก่อนมา ผู้อาวุโสรู้ว่านางคงจะยังทำใจไม่ได้เรื่องที่หลานชายพาสตรีอื่นกลับมาจากชายแดนด้วย และยังออกปากจะแต่งงานกับนางต่อหน้าจินเยว่คนรักของตนเอง แต่จะให้ทำอย่างไรได้ แม้ท่านย่าอยากจะห้ามปรามหลานชายและสั่งให้เขาแต่งงานกับจินเยว่มากเพียงใด
แต่เมื่อมาคิดใคร่ครวญดูแล้ว การบังคับใจคนให้รักกันและเต็มใจแต่งงานกันนั้นมันอาจจะทำให้พวกเขาไม่มีความสุขในชีวิตคู่ และจินเยว่เองก็อาจจะไม่มีความสุข และนางคงไม่ยอมเป็นเพียงภรรยารองของเจ้าหลานโง่นั่น
และการเลือกทางเดินใหม่ให้กับนางอาจจะดีกว่าก็เป็นได้ บุรุษไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ เมื่อคิดได้ดังนี้ท่านย่าจึงได้พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง สหายของนางก็มีหลายคน จึงคิดว่าจะลองเลียบเคียงสองถามดูว่าพอจะมีหลานชายที่ยังไม่ได้ออกเรือนบ้างไหม หากนางดูแล้วว่าหน่วยก้านบุรุษคนนั้นดีพอสำหรับจินเยว่ก็จะให้นางหมั้นหมายและแต่งงานออกไป เพียงแต่ตอนนี้ต้องใจเย็นๆ ก่อน
ตอนแรกมู่หลันเม้มปากของนางเอาไว้แน่นไม่ยินยอมให้เจ้าคนร้ายกาจนั่น สอดลิ้นสากที่ไล้เลียริมฝีปากของนางอยู่เข้าไปในปากจิ้มลิ้มของนางอย่างเด็ดขาด แต่แล้วเพียงไม่นาน มู่หลันก็เคลิบเคลิ้มยอมเผยอริมฝีปากอิ่มของนางให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเล่อถงเข้ามาชิมความหวานในปากของตนเอง ทั้งยังเข้าเกี่ยวพันลิ้นเล็กแสนนุ่มนิ่มของนาง จนร่างงามสั่นสะท้านไปหมด ในที่สุดก็ไร้เรี่ยวแรงเอนกายพิงอกแกร่งของเขาอย่างเต็มใจเพราะที่จริงแล้วภายในใจของมู่หลันนั้น แทบจะเต้นระบำรำฟ้อน เพราะนางหลงรักจางเล่อถงมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจนางเลย เอาแต่ตามติดจินเยว่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านางกับพี่ใหญ่รักกัน เขาไม่เคยหันมามองมู่หลันเลยสักครั้ง จนนางเคยน้อยใจว่านางไร้ความงามจนถึงขนาดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยหรือ แม้นางจะรักจินเยว่มาก แต่นางก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ว่าเหตุใดสหายวัยเด็กที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล่อถง เอาแต่ตามติดและคอยเอกอกเอาใจแต่จินเยว่ นางเหมือนไร้ตัวตน พี่ใหญ่นั้นนางไม่ว่าอะไรเพราะนางเต็มใจที่จะได้จินเยว่เป็นพี่สะใภ้ แต่เล่อถง บุรุษไร้หัวใจผู้นั้น ไม่เคยมองมาที่นางเลย แม้นางจะเฝ้าปรุงแต่งโฉมเพ
หนิงอันเชื่อตามสัญชาตญาณของตนเองว่าสาวใช้นางนี้ไม่ได้พูดปด จึงพยักหน้าแล้วก็ตัดสินใจก้าวกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วบอกกับคนขับว่านางจะว่าจ้างให้ไปส่งที่เมืองใกล้ชายแดนแทน ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของนาง คนขับรถพยักหน้า แล้วหนิงอันก็ก้าวกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม เมื่อทรุดนั่งลงแล้ว นางก็เปิดผ้าม่านข้างรถม้าออกจ้องมองไปที่จวนแม่ทัพเฉินเป็นครั้งสุดท้าย แม้นางจะรักชายผู้นั้นมาก แต่นางเองก็รู้แก่ใจว่าเขาไม่ได้รักนาง เพียงแต่นางใช้ยาเสน่หารัญจวนเพื่อชักจูงจิตใจเขาเท่านั้น แต่หากมันหมดฤทธิ์ไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพบหน้ากันอีกเพราะเขาไม่ได้รักนางด้วยหัวใจที่แท้จริงของเขา แต่มันคือการบังคับเขาด้วยฤทธิ์ของยาพิษ มือบางขอหนิงอันปล่อยผ้าม่านลงให้มันปิดสนิทดังเดิม แล้วก็นั่งเอนกายพิงรถม้าแล้วก็หลับตาลงอย่างปลงกับชีวิตที่พลิกผันของตนเองแล้วตัดสินใจว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ถูกโทษทัณฑ์ ไปจากที่นี่แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เมืองอื่น อย่างน้อยนางพอมีวิชาแพทย์และความรู้เรื่องสมุนไพรติดตัวอยู่บ้าง คงจะพอใช้มันเลี้ยงชีพได้ หนิงอันหลับตาลงน้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอาบแก้มของนาง นางยกมือขึ้นเช็ดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและสลัดความคิดค
แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างหน้าตาเฉยว่า“บังเอิญข้า มีความชอบไม่เหมือนผู้อื่นเสียด้วย ข้าชอบมีอะไรกับคนที่เกลียดข้า มันสะใจดี ข้าไม่ชอบคนที่ชอบข้า เกลียดกันก็มีอะไรกันได้ไม่จำเป็นต้องรักกัน อย่างที่เจ้าก็เห็นเมื่อคืนนี้ด้วยตนเองแล้ว ว่ามันสุขสมเพียงไร เจ้าก็เตรียมตัวเป็นนางบำเรอข้าเช่นนี้ หากข้าอยากนอนกับเจ้าเมื่อใดข้าก็จะมาหา แต่เจ้าอย่าหวังจะได้พบบุรุษที่ไหนอีกเลย ข้าจะให้องครักษ์เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้ออกนอกจวนเด็ดขาดข้าจะสั่งให้บ่าวจับตามองเจ้าทุกฝีก้าว เจ้าอยากได้อะไรก็บอกสาวใช้ก็แล้วกัน ข้าจะให้พ่อบ้านหาไว้รับใช้เจ้าสักคน แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าออกไปจากจวนเด็ดขาด ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นเมียข้า แต่แท้จริงแล้วเจ้ามีฐานะเป็นเพียงนางบำเรอของข้าเท่านั้น พอใจเจ้าหรือยังเล่า”แม่ทัพหนุ่มบอกกับนางด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อง้องอนดี ๆ แล้วไม่ยอมคืนดีสักที ไม่ยอมรับว่าเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็เป็นนางบำเรอก็ได้ แต่อย่างไรก็ได้ชื่อว่าเมียเหมือนกัน และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปมีบุรุษใดได้อีก อย่าคิดฝันว่าจะได้สมหวังกับเจ้าเล่อถงนั่นเลย ข้ารู้นะว่ามันหลงรักเจ้า มันถึงยอมทุ่มเทช่วยเจ้
แม่ทัพหนุ่มก็ทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เพราะเขาสะกดกลั้นความต้องการของตนมานานแล้ว เพราะต้องการสั่งสอนภรรยาแสนดื้อเช่นนาง เขายกสะโพกหนาขึ้นเสยเข้าหานางแล้วเร่งความเร็ว ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ เป็นบดขยี้ ถี่ยิบและเน้นหนัก ขึ้นหานางจนกระทั่งแตกระเบิดพร่างพรายไปด้วยกันอีกครั้งแล้วพลิกร่างอวบอิ่มของนางลงด้านล่าง แล้วก็สอดอาวุธคู่กายของเขากลับเข้าไปอีกครั้ง แล้วโยกขย่มนางอย่างเร่าร้อน เร่งกระแทกกายแกร่งเข้าสุดออกสุด และบดขยี้อย่างเน้นย้ำทุกจังหวะที่โจ้นจ้วง ตอกย้ำแรง ๆ ถึงความมีตัวตนของตนเอง ดังจะย้ำเตือนกับนางว่าเขาคือสามีของนาง สามีที่ยังรักนาง โหยหาและต้องการนางสุดหัวใจ“เยว่เอ๋อ โอ้วววว โอ้ววว เยว่เอ๋อ ยอดรักของข้า เจ้าคือภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้ารักเจ้า โอ้ววว โอ้ววว”แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางเรียกสตรีในหัวใจด้วยเสียงแหบพร่าดุจโหยหานางเหลือเกิน บั้นเอวสอบโยกไหวรัวเร็วและถี่ยิบแต่สิ่งที่นางตอบสนองเขาก็คือ “อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ข้าเกลียดท่าน ข้าเกลียด อ๊าย อ๊ะ”แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ ที่นางบอกว่าเกลียดเขา เขาจึงยิ่งกระแทกเข้าออกแรงขึ้นอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องน้อยนั้น เตียงสี่เสาหลังใหญ่ในห้
“ อ๊าย ข้าเจ็บ อย่านะ ไม่ อย่าทำเช่นนี้ ไม่….. ” นางดิ้นรนไปมา พยายามจะดิ้นหนีออกไปให้ไกลจากการรุกรานของเขาแต่แล้วก็พบว่าข้อมือตนเองถูกมัดติดกับหัวเตียง นางกรีดร้องเสียงดังยิ่งขึ้นเพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็ตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ และนอนแผ่กางแขนและขาอยู่บนเตียงในห้องที่ใดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ห้องพักห้องเล็กที่อยู่บนร้านผ้าไหมแน่ ๆ “ ช่วยด้วย อย่านะ ท่านแม่ทัพ อย่านะ อย่า อ่่าาา อ่าาาาห์ ” เมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไป เขาพบว่ามันแห้งสนิทและคับแน่นยิ่งนัก นิ้วแกร่งของเขาแทบจะดันเข้าไปไม่ได้ เขายกยิ้มพอใจ นางยังมิได้ถึงกับมีอะไรกับเจ้าจางเล่อถงนั่น ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมากเพราะลงมือพิสูจน์ด้วยตนเองแล้ว ว่านอกจากเขาแล้วยังมิมีชายใดมากล้ำกลายนาง ถ้าเช่นนั้นวันนี้จะต้องตอกย้ำความเป็นสามีของนาง เพื่อให้นางรู้ว่านางมีเจ้าของแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้นางหนีเขาไปได้อีกเป็นอันขาด เขาจะขังนางเอาไว้ที่จวนของสหายของเขาที่เมืองหนิงโจวแห่งนี้ เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครจะติดตามทั้งเขาและนางมาได้ ที่นี่เป็นจวนของสหายของเขา ที่เขาส่งจดหมายไปขอยืมเพื่อจะพำนักชั่
“แต่ข้าไปก็ได้นะ แต่เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้าด้วย เจ้ากลับข้าก็กลับ หากเจ้าไม่กลับข้าก็จะปักหลักอยู่กับเจ้าที่นี่แหละ”แม่ทัพหนุ่มยืนกราน เพราะเขาไม่มีทางถอยแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้ว นางกำลังจะหนีเขาไป เพราะถึงกับย้ายออกมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้ และคงวางแผนที่จะหนีไปแต่งงานหรือไม่ก็ยอมเข้าเรือนหลังของเจ้าเล่อถงแน่ ๆ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมหรอก หากนางจะทำเช่นนั้น เขาจะอาละวาดให้งานแต่งของนางล่มแน่ ๆ หรือก็จะตามไปอาละวาดทุกๆ ที่ ที่นางไปอยู่กับชายใดก็ตาม ให้มันรู้กันไปสิ เมียคนเดียวเขาจะพากลับไปไม่ได้“ข้าไม่กลับไปกับท่าน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะฉะนั้นท่านจะมาบังคับข้าไม่ได้ กลับไปเสีย หาไม่ ข้าจะฟ้องท่านย่าว่าท่านมาวุ่นวายรบกวนการทำงานของข้า”แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ ฟ้องก็ฟ้องไปสิ เขาไม่ได้สนใจ เพราะเขาบอกท่านย่าแล้วว่านางเป็นภรรยาของเขาแล้ว เขามาเฝ้าเมียไม่ให้คิดจะคบชู้ มันผิดตรงไหน และนางก็ไม่ใช่คนตัวเปล่า สามีก็มานั่งเฝ้าอยู่ตรงนี้ ยังคิดจะหว่านเสน่ห์ชายอื่นได้อีก ใครผิดกันแน่ ๆ ก็เห็น ๆ อยู่ อย่างไรเขาก็ไม่ยอม จะให้ไปพบเจ้าเล่อถงที่จวนเขาก็ยินดี ไปบอกมันว่าสตรีที่มันหมายปองมีสามีแล้วหลังจากนั้นแม่ทัพ







