Beranda / วาย / คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg) / ตอนที่ 6 อ้อมกอดของเฮียคินทร์

Share

ตอนที่ 6 อ้อมกอดของเฮียคินทร์

Penulis: Chenaimei
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-30 18:26:04

หลังจากเดินเล่นมาเกือบครึ่งชั่วโมง น่านน้ำก็เลือกที่จะขับรถเล่นต่อ โดยที่ตัวเองเป็นคนซ้อนและคินทร์เป็นคนขับ สองข้างทางเป็นต้นไม้และพื้นหญ้าเนื่องจากเป็นภูเขา

ก่อนจะขับมาจอดที่จุดชมวิว ครั้นมองไปข้างหน้าจะเห็นทะเลกว้าง และหาดทรายที่ตัวเองเดินเล่นก่อนหน้านี้

“ไปนั่งตรงนั้นได้ไหมครับ” นิ้วเรียวชี้ไปที่พื้นหญ้าตรงเนิน พลางหันมาทำตาเป็นประกาย

“ครับ” แแล้วคินทร์จะปฏิเสธได้อย่างไร

บนภูเขาหญ้าเป็นจุดชมวิวที่เห็นทิวทัศน์ทะเลได้กว้างที่สุด ลมพัดโชยมาเป็นระลอกสม่ำเสมอ เด็กหนุ่มนั่งมองไปยังเบื้องหน้าเงียบ ๆ เช่นเดียวกับคินทร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

เวลาผ่านมาหลายนาทีน่านน้ำยังไม่คิดจะลุกออกไปจากตรงนี้ เขาไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานมากแล้ว

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เฮียอยากแก้ไขเรื่องอะไรในอดีตหรือเปล่าครับ”

จู่ ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย น่านน้ำเพียงรอฟังคำตอบโดยที่ไม่หันมามอง คินทร์ถอนหายใจเล็กน้อย พลางครุ่นคิดคำตอบในสิ่งที่อีกคนถาม

“อืม.. ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เฮียก็คงจะให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม เพราะมันคือบทเรียนที่ทำให้เฮียโตขึ้นเป็นเฮียในทุกวันนี้ หากทุกอย่างสมบูรณ์ไปซะหมดมันก็คงไม่ใช่ชีวิต”

มีหลาย ๆ อย่างที่เขาเคยทำผิดไป ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจล้วนแล้วแต่เป็นบทเรียนสอนให้เขาเติบโตขึ้น พัฒนาตนเองไม่ให้ทำผิดซ้ำในเรื่องเดิม หากไม่ผ่านสิ่งนั้นมาเขาก็อาจจะทำผิดในสักวัน เพราะฉะนั้นคินทร์ไม่คิดที่จะแก้ไขเรื่องราวในอดีตแม้จะย้อนเวลากลับไปได้

ทว่ากลับกันน่านน้ำไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาอยากที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไปเพื่อให้ทุกอย่างออกมาดี

“ดีจังเลยครับ.. เพราะถ้าเป็นน่าน น่านคงจะแก้ไขทุกอย่างให้มันสมบูรณ์แบบที่สุด หากย้อนเวลากลับไปได้น่านจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่กับน่าน”

“ไม่มีชีวิตของใครสมบูรณ์แบบที่สุดหรอก”

น่านน้ำยังต้องเรียนรู้ชีวิตบนโลกนี้อีกเยอะแยะมากมาย การเติบโตขึ้นในแต่ละวัน เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจะช่วยขัดเกลาและสั่งสอนให้เข้าใจในความเป็นมนุษย์มากขึ้น

“ที่ผ่านมาน่านเคยคิดว่าน่านอยู่คนเดียวได้.. แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าน่านอยากอยู่คนเดียว” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาไม่รู้เพราะบรรยากาศพาไป หรือเพราะเขาไม่อึดอัดใจที่จะเล่าเรื่องราวให้อีกคนฟัง “น่านคิดถึงตอนที่อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ คิดถึงตอนที่ตัวเองมีความสุข”

“เฮียเข้าใจแล้ว” เสียงทุ้มอ่อนนุ่มเอ่ยพูดพลางวางมือลงบนศีรษะเด็กหนุ่มข้างกาย ดวงตากลมเอ่อคลอน้ำตาเมื่อพูดถึงบิดามารดาที่เสีย “ต่อไปนี้เฮียจะไม่ปล่อยให้น่านต้องอยู่คนเดียว แม้ว่าจะแทนที่คุณพ่อคุณแม่น่านไม่ได้ แต่เฮียขอสัญญาว่าเฮียจะทำทุกอย่างเพื่อให้น่านกลับมามีความสุข”

“…”

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าน่านเก่งมากที่ผ่านมันมาได้ด้วยตัวคนเดียว”

“…”

“ตอนนี้น่านมีเฮียแล้ว เฮียจะพาน่านก้าวผ่านทุก ๆ อย่างไปเอง”

ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าสู่หัวใจ กำแพงที่ก่อสูงพังทลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ คำพูดของคินทร์ทำให้เขาเชื่อได้โดยไม่มีข้อแม้ ความจริงใจที่สื่อผ่านทางสายตา น้ำเสียงอ่อนโยน และสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นที่เช็ดหยดน้ำตาให้ ทำให้น่านน้ำรับรู้ได้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีใครอีกคนที่พร้อมจะอยู่ข้าง ๆ

ชีวิตลูกคนเดียวอย่างเขาพอได้สัมผัสกับคำว่าพี่ชายมันดีแบบนี้นี่เอง..

คินทร์ยกยิ้มให้ก่อนจะโคลงศีรษะทุยเบา ๆ เปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้อีกคนเศร้าไปมากกว่านี้

“ไปหาอะไรกินกันดีกว่า เสร็จแล้วจะได้มีเวลาเดินเล่นก่อนกลับฝั่ง”

“ครับ”

.

.

หลังจากเที่ยวเล่นบนเกาะมาครึ่งวันก็ถึงเวลาต้องกลับฝั่ง เพราะไม่ได้เตรียมตัวจะมาค้างคืนที่นี่ อีกอย่างเขาไม่ได้บอกพ่อกับแม่ไว้ก่อน เกรงว่าทานกลับมาไม่เจอคงจะเป็นห่วง

ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงฝั่งโดยสวัสดิภาพ หากเดินทางกลับกรุงเทพฯ คงใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตอนนี้หกโมงเย็นแล้วคาดว่าถึงบ้านคงจะค่ำพอดี

ระหว่างที่คินทร์กำลังจะพาน่านน้ำเดินกลับมาที่รถ ทว่าฝนกลับตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว แม้ก่อนหน้านี้จะตั้งเค้ามืดจนพอสังเกตได้ คิดว่าคงจะไม่ตกสุดท้ายก็เดาผิด

“เฮียว่าเราคงต้องวิ่ง—”

ในตอนแรกคินทร์กำลังมองไปรอบ ๆ เพื่อคาดการณ์ว่าฝนมีท่าทีจะซาหรือเปล่า แต่ดูแล้วคงไม่ หากยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปก็คงเปียกสู้วิ่งไปให้ถึงรถเลยก็คงจะค่าเท่ากัน

แต่ทว่าเมื่อหันกลับมาหาเด็กที่ยืนอยู่ด้านหลังคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ

น่านน้ำทรุดตัวลงนั่งยองปิดหูตัวเองแน่น เนื้อตัวสั่นเทาคล้ายกับคนหวาดกลัว แม้ไม่มีเสียงใด ๆ ดังออกมาจากปาก แต่น้ำตากลับเอ่อนองหน้า

“น่าน..” ร่างสูงย่อตัวลงตรงหน้าน่านน้ำ จับไหล่ทั้งสองข้างเพื่อเรียกคนที่คล้ายจะไม่มีสติ “น่านเป็นอะไร”

“ฮึก!” เปลือกตาสีมุกข่มลงปิดตาแน่น ภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นย้อนกลับมาในหัวเป็นฉาก ๆ รู้สึกเจ็บจุกในอก ปั่นป่วนในท้องจนอยากจะอ้วก

“น่านครับ.. น่านน้ำมองหน้าเฮีย” คินทร์พร่ำพูดให้อีกฝ่ายตั้งสติ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล “ไปที่รถกันนะ แค่นิดเดียวเฮียจะพาน่านไปเอง”

ร่างสูงถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกคลุมหัวให้กับคนน้องโดยที่ท่อนบนของตัวเองเหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียว

เมื่อเห็นสภาพน่านน้ำแล้วคงลุกขึ้นเดินไม่ไหว จึงถือวิสาสะอุ้มร่างเล็กไว้ชิดอก วิ่งไปที่รถโดยเร็วที่สุด

คินทร์วางน่านน้ำลงบนเบาะรีบปิดประตูก่อนจะอ้อมไปขึ้นรถ เขาพอจะดูออกว่าอาการตอนนี้ของน่านน้ำเป็นอะไร ซึ่งไม่ค่อยสู้ดีนัก เจ้าของรถหยิบหูฟังราคาแพงที่มีติดรถออกมาใส่ให้กับน้อง เปิดเพลงจากมือถือให้ดังพอที่จะกลบเสียงฝนด้านนอก

ฝ่ามือหนาลูบกลุ่มผมเปียกชื้นแผ่วเบา ทั้งยังเกลี่ยนิ้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออกให้ ทำอยู่แบบนี้ซ้ำ ๆ จนร่างเล็กเริ่มดีขึ้น เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อครู่กลับมาเกือบปกติ มีเพียงเสียงหอบหายใจคล้ายคนกลั้นหายใจมานาน

ทั้งสองคนอยู่ในรถด้วยกันจนฝนเริ่มซ่า ท้องฟ้ามืดดำปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ มีเพียงแสงไฟจากเสาต้นสูงที่ช่วยส่องสว่างให้พอเห็นรอบ ๆ อยู่บ้าง

น่านน้ำช้อนตาขึ้นมองใบหน้าคมที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว ฝ่ามือเย็นสัมผัสแก้มเนียนแผ่วเบาราวกับปลอบโยนเขาถึงที่สุด ความเป็นห่วงส่งผ่านสายตามาอย่างชัดเจน ก่อนจะได้ยินคำพูดจากคนตรงหน้าในจังหวะที่เพลงหยุดพอดิบพอดี

“ไม่เป็นไรนะ.. ไม่เป็นไร เฮียอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะครับ”

ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายทั้งน้ำตา เอียงหน้าซบฝ่ามือเฮียคินทร์ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอีกระลอก

จนเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีร่างเล็กก็หลับไป คินทร์เอี้ยวตัวไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กบริเวณเบาะหลังมาคลุมตัวให้น้อง ทั้งยังเบาแอร์ลงเพราะเกรงว่าคงจะหนาว

ตลอดทางมีฝนตกไม่ขาดสาย หนักบ้างเบาบ้าง คินทร์เลยโทรบอกที่บ้านว่าคงนอนค้างที่นี่สักคืน หากให้ขับรถกลับไปเขาก็ไม่อยากจะเสี่ยง ถ้าระหว่างทางฝนตกหนักอีกกลัวน่านน้ำจะเป็นอย่างเช่นก่อนหน้านี้

สุดท้ายขับรถหาโรงแรมที่ยังมีห้องว่างเหลืออยู่ เขาไม่ปลุกให้น่านน้ำตื่น แต่เลือกที่จะอุ้มขึ้นไปบนห้อง ปล่อยให้ได้นอนพัก ดีที่โรงแรมมีชุดนอนให้ คินทร์ถือวิสาสะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น่านน้ำเพราะกลัวจะเป็นหวัดหากปล่อยให้นอนทั้งที่ชุดยังเปียกอยู่แบบนี้

ทั้งยังหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ ทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังและเบาที่สุด ไม่อยากรบกวนน่านน้ำไปมากกว่านี้ ววันนี้คงจะเพลียมาแล้ว

จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยไม่ลืมที่จะห่มผ้าให้ ก่อนจะปิดไฟพลางเดินไปนอนอีกเตียง ยังดีหน่อยที่ได้ห้องเตียงคู่มาอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปนอนเบียดคนน้อง

แสงแดดลอดผ่านม่านหน้าต่างยามเช้า ปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นมาพบเช้าวันใหม่ ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้เมื่อวานนี้ส่งผลให้รู้สึกปวดจนแทบลืมตาไม่ขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอครับน่าน เป็นยังไงบ้างปวดหัวไหม?”

เมื่อคืนนี้หลังจากหลับไปได้สักพัก เสียงพึมพำดังขึ้นเป็นระยะ คินทร์เปิดไฟข้าง ๆ เตียงถึงได้รู้ว่าน่านน้ำนอนละเมอร้องไห้ ทั้งยังมีพิษไข้อ่อน ๆ

จากที่ตั้งใจว่าจะไม่ขึ้นไปนอนเบียดสุดท้ายต้องไปนอนกอดปลอบเด็กขวัญเสียเอาไว้ทั้งคืน

“นิดหน่อยครับ”

“ลุกไปล้างหน้าล้างตาไหวหรือเปล่า เฮียซื้อข้าวซื้อยามาให้กินสักหน่อยแล้วเราจะได้เดินทางกลับกัน”

“ไหวครับ”

เอ่ยตอบก่อนจะพยายามตั้งสติหย่อนขาลงจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ โดยมีสายตาของคินทร์คอยมองอยู่ตลอด

ใช้เวลาจัดการตัวเองครู่หนึ่งก็ออกมานั่งที่โต๊ะเล็ก ๆ มุมห้อง ทานข้าวทานยาที่คนพี่เตรียมไว้ให้

หลังกินข้าวเสร็จคินทร์รอให้น่านน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมา ก่อนจะพากันลงไปที่รถ

“ถ้ายังง่วงจะนอนต่อก็ได้นะ ถึงบ้านแล้วเฮียค่อยเรียก”

เด็กหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอนศีรษะพิงเบา อีกทั้งเจ้าของรถยังปรับเบาะให้เอนไปเล็กน้อยเพื่อให้นอนสบายขึ้น

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นน่านน้ำก็หลับไปเป็นที่เรียบร้อย อาจเป็นเพราะพิษไข้ทำให้รู้สึกเพลีย คินทร์ชำเลืองมองอยู่เป็นระยะคอยสังเกตอาการ จนถึงบ้านตอนเที่ยงตรงพอดี

น่านน้ำตื่นขึ้นมาก็ถูกคีนจู่โจมเข้ามากอดด้วยความเคยชิน ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวและผิวเนื้อร้อน พลันใบหน้าฉายแววเป็นห่วงขึ้นชัดเจน

“พี่น่านไม่สบายเหรอ?” เสียงเพิ่งแตกหนุ่มเอ่ยถามพร้อมอังมือไปที่หน้าผากคนพี่

“ใช่ น่านน้ำไม่ค่อยสบายคีนปล่อยให้พี่เขาไปพักได้แล้ว”

“เดี๋ยวคีนดูแลเอง”

น่านน้ำไม่รู้แล้วว่าตอนนี้สำหรับสองพี่น้องมองเห็นเขาอายุเท่าไร ถึงทำเหมือนเขาดูแลตัวเองไม่ได้ คอยประคบประหงมอย่างดี

“พาน่านขึ้นห้องไปก่อน เฮียจะเอายาไปให้”

คนที่เหมือนไม่สนใจใครกลับเสนอตัวขึ้นหลังจากนั่งนิ่งอยู่นาน เคนไม่พูดอะไรต่อเพียงแค่เดินไปหยิบยาในตู้ยาสามัญ เช่นเดียวกับคีนที่คอยประคองร่างคนพี่ที่ตัวเล็กกว่าขึ้นห้อง

คินทร์ไม่ได้ขัดความตั้งใจของน้องชาย เห็นทั้งสองคนดูแลเอาใจใส่น่านน้ำก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยคงทำให้น่านน้ำมั่นใจขึ้นมาได้อีกสักนิดว่าไม่ได้ตัวคนเดียว

ร่างสูงกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้วถึงได้เดินไปห้องน่านน้ำ เคนยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองน้องเล็กเช็ดตัวให้คนป่วยหลังกินยาน่านน้ำก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง

“เฮียไม่ต้องไปทำงานหรือไง” เคนเอ่ยถามพี่ชายที่เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ตนเอง

“พรุ่งนี้ถึงจะไป”

รังสรรค์เห็นว่านาน ๆ ทีคินทร์จะได้ไปพักผ่อนจึงให้หยุดเพิ่มอีกวัน เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายคนโตเพิ่งปิดไปดูกิจการของลูกค้าที่ต่างประเทศมาหลายวัน

เคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปก่อน”

ไม่รอให้อีกคนพูดอะไรต่อก็เดินออกไปเลย ชินเสียแล้วกับท่าทางนิ่ง ๆ ของน้องชายคนนี้

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)   บทส่งท้าย

    แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาแยงตาคนที่ยังคงสะลึมสะลืออยู่บนเตียง ร่างกายเล็กค่อย ๆ ขยับกายทว่ารู้สึกได้ถึงแรงกอดรัดบริเวณเอว ดวงตาบวมช้ำพยายามลืมขึ้นเพื่อมองช่วงล่าง ท่อนแขนแข็งแรงของชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นอนซ้อนหลังกอดเขาเอาไว้ไม่ปล่อย น่านน้ำจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ แต่ไม่คิดว่าคินทร์ยังคงอยู่ที่นี่ นึกว่ากลับไปแล้วเสียอีก ทั้งที่ปกติชายหนุ่มไม่ใช่คนขี้เซาแต่เช้านี้กลับยังไม่ตื่น อาจเป็นเพราะเพิ่งจะได้นอนเมื่อตอนตีห้า เพราะเมื่อคนนี้น่านน้ำนอนละเมอเกือบทั้งคืน กว่าจะหลับสนิทดีก็ตีสี่กว่าแล้ว น่านน้ำนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน คิดถึงสิ่งที่เพลงขิมบอกเมื่อคืนนี้ เรื่องทั้งหมดในวันนั้นเป็นเพียงการเข้าใจผิดที่ถูกจัดฉากขึ้นมาเพียงเพราะพ่อของเพลงขิมต้องการที่จะเกี่ยวดองเรื่องธุรกิจ ส่วนคินทร์ต้องก้มหน้ารับผิดเพราะจำไม่ได้จึงไม่แน่ใจว่าตัวเองทำลงไปจริง ๆ หรือเปล่า อีกทั้งความใจร้อนของเขาที่เชื่อสิ่งที่ตาเห็นโดยไม่ได้ถามอะไรให้ได้ความชัดเจนก่อน กลายเป็นว่าเขาเองที่เชื่อใจคินทร์ไม่มากพอ เพราะความโง่เง่าของเขาเองที่ถูกปั่นหัวได้ง่าย ๆ แทนที่จะหนักแน่นให้มากกว่านี้ คนที่ทำผิดพลาดมากที

  • คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)   ตอนที่ 39 เคลียร์จบทุกปัญหา

    ตั้งแต่เช้าเมื่อวานจนถึงวันนี้คินทร์ยังคงวิ่งวุ่นเรื่องดำเนินคดีความเรื่องที่ตนไปแจ้งจับพ่อของเพลงขิม หลังจากสืบสวนแล้วถึงรู้ว่าสุรินทร์ก่อเหตุเอาไว้หลายกระทง แต่ถูกปกปิดทั้งหมด นั่นเพราะผู้กำกับคนเก่าซึ่งเป็นเส้นสายของตนเองช่วยเอาไว้ หลังจากรังสรรค์รู้เรื่องทุกอย่างจากลูกชาย ก็ช่วยอย่างเต็มที่เพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีเส้นมีสาย แอบตำหนิไปเล็กน้อยที่เพิ่งมาบอกกัน ที่ผ่านมารังสรรค์คิดว่าตัวเองจัดการทุกอย่างเรียบร้อยตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ทว่าความจริงคนผิดที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุการตายของพ่อแม่น่านน้ำตัวจริงคือสุรินทร์ ส่วนคนที่ถูกจับเป็นแค่แพะรับบาปที่รู้ทุกอย่าง เป็นคนที่ยอมสารภาพผิดเพราะคำขู่ของสุรินทร์ สาเหตุที่สุรินทร์ได้จ้างคนให้จัดการพ่อแม่น่านน้ำมาจากความแค้นส่วนตัวในอดีต รวมถึงธุรกิจที่กำลังจะไปได้ดีแซงหน้าตนความอิจฉาของสุรินทร์เพิ่มพูนขึ้นจนกลายเป็นบันดาลโทสะ รังสรรค์ไม่คิดเลยว่าจะพลาดท่าเชื่อคำสารภาพของชายคนนั้นเมื่อสิบปีก่อน ไม่คิดว่าตัวเองจะโง่ได้ถึงเพียงนี้ ทว่าความลับที่ถูกปกปิดเอาไว้ก็กระจ่าง แก้แค้นให้เพื่อนรักตอนนี้ก็ยังไม่สาย เพลงขิมเพิ่งรู้สิ่งที่พ่อของตนเอง

  • คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)   ตอนที่ 38 น้องคุณช่วยคุณพ่อ

    ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันว่างของคินทร์และน่านน้ำ จึงตกลงกันว่าจะพาลูกออกไปเที่ยวด้วยกัน เพราะผ่านมานานมากแล้วที่เราไม่ได้ใช้เวลาครอบครัวร่วมกัน ในตอนแรกน่านน้ำก็คิดที่จะปฏิเสธปล่อยให้สองพ่อลูกได้ไปกันสองคน ส่วนตนจะขออยู่ที่ห้อง เก็บกวาดเช็ดถู เนื่องจากตลอดสัปดาห์ต้องไปทำงาน ไม่ได้มีเวลาหยิบจับอะไรให้เข้าที่เข้าทางสักเท่าไร ทว่าพอมานึกดูแล้ว เขาเองก็มีเวลาให้ลูกได้ไม่เต็มที่ตั้งแต่เข้าทำงานประจำที่บริษัท อีกทั้งลูกชายยังออดอ้อนให้มาด้วยกัน สุดท้ายก็ใจอ่อน คินทร์ลอบมองอดีตคนรักแทบจะทุกห้านาที สังเกตสีหน้าว่าอีกคนยินดียินร้ายอย่างไรที่มาด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่คิดไม่อยากให้เกิดขึ้นระหว่างเราคือความอึดอัดใจ หลายครั้งที่คำพูดของป๊าผุดขึ้นมาในหัว “แต่ลูกรู้ใช่ไหมว่าถ้าวันหนึ่งต้องเลิกรากัน หากจะกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมมันเป็นไปได้ยาก” เพิ่งจะรู้ซึ่งก็ตอนนี้ว่ามันจริงอย่างที่ป๊าเตือนเอาไว้ ทั้งที่เราไม่ได้โกรธเกลียดอะไรกัน แต่ไม่สามารถกลับมาเป็นพี่น้องอย่างเดิมได้อีก สถานะของเขาและน่านน้ำ คืออดีตสามีภรรยา รวมถึงพ่อและแม่ของมีคุณ หรือต่อให้กลับมาเป็นพี่น้องกันได้อีกครั้ง คินทร์ก

  • คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)   ตอนที่ 37 ความคิดถึงที่มีอยู่ล้นอก

    “เฮียจะมาที่ร้านเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความสงสัย ครั้นพี่ชายบอกจะเข้ามาหาที่ร้าน เพราะโดยปกติแล้วรายนั้นเอาแต่ทำงาน เคยแวะมาที่ผับที่บาร์แบบนี้ซะที่ไหน ตั้งแต่เคนเปิดร้านมาสองปีย่างเข้าปีที่สามคินทร์ยังไม่เคยแวะเข้ามาดูด้วยซ้ำ [อืม เดี๋ยวเฮียไป] “ครับ” สายถูกตัดไป ทิ้งไว้เพียงความงุนงงให้กับเคน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะพันเป็นเลขแปด ก่อนจะส่งข้อความไปหาน้องชายคนเล็กให้ตามมาที่ร้านอีกคน “ปล่อยพลับได้ยัง!?” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก หลังจากที่ถูกเรียกให้มาหาด้วยเหตุผลที่โคตรของโคตรไร้สาระ “ถ้าคืนนี้ฉันเห็นเธอไปยุ่งกับไอ้เสี่ยนั่นอีก ฉันจะไล่ออก” “ก็นั่นมันงานของพลับ คุณเคนเป็นเจ้านายก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือไง” “คำไหนคำนั้น เธอน่าจะรู้นะว่าฉันทำจริง” เคนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระ เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งที่คนมองมองยังไงก็กวนประสาทกันอยู่ชัด ๆ รู้ทั้งรูว่างานที่เขาทำคือการบริการลูกค้า แล้วมาห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับลูกค้า แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน “เอาสิ ถ้าคุณเคนไล่พลับ พลับจะไปทำงานที่ร้านคุณย้งก็ได้ ยังไงที่นั่นเขาก็ต

  • คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)   ตอนที่ 36 คืนสุดท้ายของเราสองคน

    ใบหน้าหล่อเปื้อนน้ำตาซบแผ่นหลังเล็กไม่คิดจะผละออก โอบกอดเอวบางเอวไว้แน่น คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่กับน่านน้ำ เขาจึงยอมหน้าด้านขอใช้เวลาคืนนี้ด้วยกันก่อนที่อีกคนจะย้ายออกไปจากที่นี่ คินทร์พาลูกไปฝากไว้กับป๊าม๊า เพื่อที่จะได้อยู่กับน่านน้ำสองคน เขาอยากใช้ช่วงเวลานี้ตักตวงความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวลาเกือบครึ่งปีที่เราทั้งคู่แยกกันนอนคนละห้อง เขาไม่ได้กอดน่านน้ำเลยสักครั้ง เฝ้าแต่คิดถึงและบอกตัวเองให้อดทนอยู่ทุกเช้าค่ำ เพราะหากทำอะไรรุ่มร่ามไปคนน้องอาจจะอึดอัดใจได้ คินทร์ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ภายในห้องนอนสีเหลี่ยมถูกปิดไฟมืดสนิทไม่มีแม้แต่เสียงเล็ดลอดใด ๆ เข้ามา ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวสะท้านเข้าถึงหัวใจ รู้สึกเจ็บจนชาไปทั่วทั้งอก เราทั้งสองคนต่างปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จะมีก็แต่เสียงพึมพำของคินทร์ที่ดังแผ่วเบาอยู่ตรงแผ่นหลัง คินทร์ไม่กล้าแม้แต่จะข่มตานอน กลัวว่าตื่นมาแล้วจะไม่ได้เจอน่านน้ำอีก แอบร้องไห้เงียบ ๆ ไม่ให้คนน้องรู้ พร่ำบอกรักเบา ๆ ซ้ำไปซ้ำมา “เฮียรักน่าน ..รักน่านแค่คนเดียว” แม้ว่าน่านน้ำจะนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนคล้

  • คำขอจากเฮียคินทร์ (mpreg)   ตอนที่ 35 ก่อนที่เราต้องแยกกัน

    2 เดือนต่อมา ผ่านมาสองเดือนกว่ามีคุณได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอนุบาลแห่งหนึ่ง เป็นการตัดสินใจร่วมกันของน่านน้ำและคินทร์ ทั้งสองคนยังอยู่บ้านหลังเดียวกันตามที่อีกฝ่ายได้ขอเขาไว้ด้วยเหตุผลที่คินทร์ให้ไว้ว่าเพื่อลูกของเรา แต่เห็นทีคราวนี้น่านน้ำคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพลงขิมยังคงแวะเวียนมาที่บ้านหลังนี้ตลอด แม้ว่าคินทร์จะห้ามปรามจนมีปากเสียงกันทุกครั้ง เพลงขิมก็ยังคงทำเป็นทองไม่รู้ร้อน บังเอิญน่านน้ำได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่คุยกันอยู่ครั้งหนึ่ง เท่าที่จับใจความได้เหมือนว่าคินทร์จะไม่ยอมรับผิดชอบอะไรสักอย่าง เพียงเท่านั้นน่านน้ำก็เดินออกไปเพราะไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ น่านน้ำเริ่มหางานใหม่ทำหลังจากหยุดทำงานฟรีแลนซ์มาสักพัก สมัครไปหลายบริษัท ตั้งตารอว่าจะมีที่ไหนเรียกตัวบ้างหรือเปล่า หลังจากส่งลูกชายที่โรงเรียนเสร็จน่านน้ำก็แวะมานั่งเล่นที่ร้านขนมที่พลับจีนทำงานอยู่ เขาไม่เคยคิดเลยว่าร้านขนมเล็ก ๆ ข้างมหา’ ลัยจะพัฒนามาเป็นร้านใหญ่โตในวันนี้ ซึ่งพลับจีนก็ยังคงทำงานที่นี่อยู่ จากเด็กเสิร์ฟในวันนั้น วันนี้ได้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status