ต่อให้ไม่เหลือความหวัง ฉันก็จะไม่ยอมแพ้!
แม้จะประกาศกับตัวเองออกไปแบบนั้น แต่พอมาเจอกับความมั่นใจเกินร้อยของญาดา นาเดียก็แทบจะหมดกำลังใจ เธอปล่อยให้ญาดาเดินยิ้มร่านำไปยังห้องอาหารก่อน ส่วนตัวเองทำได้แค่เดินถอนหายใจมองตามแผ่นหลังของเพื่อนรัก หากเธอมีความมั่นใจได้สักครึ่งหนึ่งของญาดาก็คงจะดีไม่น้อย
เพราะมัวแต่เดินก้มหน้า จึงไม่ทันระวังชนเข้ากับแผ่นหลังของใครบางคน “อ๊ะ!! พี่เจค”
นาเดียใจเต้นระทึก คงเพราะนอนคิดเรื่องของเขาตลอดทั้งคืนและตัดสินใจจะเอาเขากลับคืนมา ตอนนี้จึงรู้สึกตื่นเต้นจนเกินเหตุ หญิงสาวส่งยิ้มให้เขา แต่พอเห็นสีหน้าเฉยเมยตอบกลับมา นาเดียก็จุกในอกจนพูดอะไรไม่ออก
“.......” เจคอปไม่ได้เอ่ยทักหรือสนใจอะไรนาเดียมากนัก เขาหันมามองคนที่เดินชนกันเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับและเดินจากไป นาเดียชะงัก ร่างกายพลันรู้สึกเย็นวาบ แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับแผลถลอกตรงหลังมือข้างขวาของเขา เธอนึกออกทันที มันคือรอยที่เกิดจากการชกกำแพงเมื่อคืนนี้
เธอรู้ซึ้งแล้วว่ารอยร้าวระหว่างเธอกับเขามันเกิดขึ้นเพราะความลังเลและความโง่เง่าของเธอทั้งนั้น เธอทำร้ายความรู้สึกของเขา ทำให้เขาเสียใจ เพราะที่ผ่านมาได้รับแต่ความอ่อนโยน ได้รับแต่สิ่งดีๆที่เขาทำให้ เธอจึงไม่เคยเห็นคุณค่าของมัน จนกระทั่งวันนี้ วันที่เธอได้เห็นสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกของเขา ตอนนี้เธอรู้ซึ้งแล้วว่าสิ่งที่เขาเคยทำให้มันมีค่ามากขนาดไหน สิ่งดีๆที่คนอย่างเขาพยายามทำเพื่อเธอ เพื่อเธอเพียงคนเดียว มันอาจจะมากกว่าคำว่ารักเพียงคำเดียวที่เธอต้องการนักหนาก็ได้
แววตาที่เคยฉายเพียงความสับสนลังเลเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น นาเดียรีบสาวเท้าตามร่างสูงไปทันที จะปล่อยให้ญาดาอยู่ใกล้ชิดกับคนของเธอมากไปกว่านี้ไม่ได้ จะปล่อยให้ญาดาแย่งหัวใจของเขาไปไม่ได้เด็ดขาด
“แก ทางนี้!!” เสียงเรียกจากคนคุ้นเคยดังมาจากอีกฝากของห้องอาหาร นาเดียเหลียวมองตามเสียงเรียก พลันแววตามุ่งมั่นก็เปลี่ยนไป ร่างบางจ้องเขม็งไปยังใบหน้าหล่อเหลาที่ดูคล้ายจะมีรอยยิ้มบางๆ พูดคุยอยู่กับญาดา
นาเดียกระชากเก้าอี้และนั่งลงเสียงดังจนโต๊ะสะเทือน ทำให้เพื่อนสาวต้องเงยหน้าขึ้นมองค้อน แต่ทว่าร่างใหญ่กลับทำหน้าเฉยเมย ไม่หันมามองแม้แต่หางตา
“เป็นไรของมึง ข้าวต้มแทบหก” ญาดาตำหนิเสียงดังต่อหน้าคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ นาเดียรู้สึกอับอายเล็กๆ เธอไม่เคยทำพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนี้มาก่อน แต่พอเห็นท่าทางเฉยเมยเอาแต่นั่งทานข้าวต้มของเจคอป นาเดียก็อดขุ่นเคืองไม่ได้ เมื่อคืนยังทำดีด้วยอยู่เลย อย่าบอกนะว่าที่พูดว่าจะลองชอบญาดาดู เขาคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ
“อือ โทษที” ร่างบางกระแทกกระทั้นเสียงด้วยความน้อยใจ เธอไม่เคยพูดกับญาดาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อน แม้จะรู้สึกผิด แต่ก็อดหงุดหงิดทั้งคู่ไม่ได้
“พี่เจค ดื่มน้ำส้มไหมคะ เดี๋ยวดาไปหยิบให้” เสียงออเซาะที่เธอมักจะได้ยินบ่อยๆยามที่ญาดากำลังอ่อยผู้ชายสักคนดังเจื้อยแจ้ว เธอไม่เคยใส่ใจกับเสียงที่สองที่สามของเพื่อนมาก่อน แต่ครั้งนี้เธอกลับไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก เกิดความรู้สึกบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้เธอนึกขยะแขยงตัวเองที่คิดแบบนั้นกับเพื่อน หมั่นไส้...
“อืม ขอบใจ”
คำตอบเพียงสั้นๆของเจคอปทำให้นาเดียนั่งอึ้ง เขาไม่ได้ทำเสียงหวาน เขาไม่ได้ยิ้มแย้ม แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธ! เขาไม่ได้ปฏิเสธสรรพนามที่ญาดาใช้เรียกเขา
ตึกตึก ตึกตึก
ญาดาเดินผ่านหลังหญิงสาวไปด้วยท่าทางร่าเริง พลันเสียงของคนอื่นๆที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยก็รีบเอ่ยถามผ.อ.สุดหล่อกันยกใหญ่
“ผ.อ.จะสละโสดแล้วเหรอคะ” เสียงเล็กเสียงน้อยเอ่ยแซวผ.อ.ที่ปกติจะทำหน้าขรึม ไม่เคยพูดคุยเล่นหัวกับใคร ประกอบกับกิตติศัพท์ที่ว่าเป็นคนดุ ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดคุยด้วย แต่ท่าทางที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ถือตัว นั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับคนอื่นๆ ซ้ำยังมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า ทำให้พยาบาลสาวทุกคนต่างตื่นเต้นดี๊ด๊ากันยกใหญ่ อดเอ่ยถามด้วยความสนใจไม่ได้ นาเดียเองก็พลอยลุ้นกับคำตอบของเขาไปด้วย
“คงถึงเวลาแล้วละครับ พี่ก็แก่แล้วด้วย เห็นน้องๆน่ารักกันขนาดนี้ พี่จะอดใจไหวได้ยังไง” เจคอปตอบคำถามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆแบบที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นแน่นอน ทั้งโต๊ะพากันกรี๊ดกร๊าดกับคำตอบที่ได้รับ ประจวบกับญาดาเดินถือน้ำส้มมาส่งให้ชายหนุ่มพอดี
“ได้แล้วค่ะพี่เจค” ภาพสวีทหวานของญาดากับเจคอปทำให้ทั้งโต๊ะส่งเสียงโห่ร้อง แววตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความอิจฉาระคนยินดี
ยกเว้นนาเดีย…
“ฉันไปรอที่ชายหาดนะ”
นาเดียเท้ามือลงบนโต๊ะเสียงดังจนทุกคนหยุดหัวเราะ ต่างมองมาที่เธอเป็นตาเดียว รวมไปถึงเจคอปด้วย ร่างบางรีบย้ำเท้าเดินออกมาอย่างรวดเร็วจนถึงชายหาด หวังว่าเจคอปจะเดินตามเธอออกมา แต่เปล่าเลย... เขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไม่ได้มองมาทางเธอด้วยซ้ำ
ความเจ็บปวดระคนน้อยใจเอ่อล้นขึ้นท่วมอก เธอถูกเขาเมินเฉยอย่างสิ้นเชิง ไม่มีความหมายและไม่อยู่ในสายตา
“คนใจง่าย นึกจะชอบคนอื่นก็ไปชอบง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ คนบ้า คนผีทะเล” ร่างบางกร่นด่าร่างสูงพลางเดินแตะทรายระบายความโกรธ กระทั่งมีชายอีกคนเดินเข้ามาหา
“ด่าใครอยู่เหรอ?” เสียงพยาบาลหนุ่มคนที่เข้ามาทักเธอเมื่อวานดังมาจากทางด้านหลัง จริงๆเขาแอบมองนาเดียมาตั้งแต่ที่ห้องอาหารแล้ว แต่ไม่กล้าเข้าไปทักเพราะคิดว่าผ.อ.โรงพยาบาลคงจะหวงหญิงสาวไม่น้อย แต่ดูจากท่าทางที่เจคอปไม่มีทีท่าว่าจะสนใจนาเดีย เขาจึงตัดสินใจเดินตามหล่อนออกมา
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต