รุ่งเช้า
นาเดียถูกปลุกด้วยเสียงตะโกนพร้อมการเขย่าตัวเต็มแรง ทำให้เธอถูกปลุกจากภวังค์ความฝัน นาเดียปรือตาขึ้นด้วยความงัวเงีย กว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตี 3 เข้าไปแล้ว
“หือออ ว่าไง ฉันง่วง” หญิงสาวคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ซุกตัวหาความอบอุ่นหวังจะกลับเข้าไปในภวังค์แสนหวานอีกครั้ง
ในฝัน เจคอปกำลังจะมอบจุมพิตแสนหวานให้เธอบนชายหาด แต่แล้วญาดาที่เดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ตะโกนเรียกเธอ ขัดความสุขแสนหวานของเธอ ...เหมือนตอนนี้ไม่มีผิด
“ลุกขึ้นมา เดี๋ยวนี้เลย!” ญาดากระชากผ้าห่มออก เสียงแปดหลอดของเธอทำให้นาเดียต้องงัวเงียลุกขึ้นมานั่งจนได้
“มีอะไรปลุกแต่เช้า” นาเดียขยี้ผมไล่ความหงุดหงิด มองญาดากระโจนลงมานั่งข้างกาย พลางเขย่าแขนยกใหญ่
“เมื่อคืนแกอยู่ในห้องรึเปล่าตอนฉันกลับเข้ามา” ท่าทีคาดคั้นของญาดาทำให้เธอเกิดอาการขาดน้ำขึ้นทันที
“ทำไม” หญิงสาวลองหยั่งเชิง เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
“ก็เมื่อคืนฉันรู้สึกว่าเมามาก แล้วก็มึนหัวแปลกๆ แต่ฉันมั่นใจว่าผ.อ.เป็นคนมาส่งฉันที่ห้องแน่ๆ แล้วก็... นั้นแหละ ฉันจำไม่ค่อยได้ ตกลงแกอยู่รึป่าว” ญาดายังคงคาดคั้น นาเดียได้แต่เสตามองไปทางอื่น ไม่รู้ว่าจะตอบหล่อนอย่างไร
“ไม่รู้สิ ฉันหลับไปแล้ว ก็ฉันไม่สบาย พอกินยาแล้วก็สลบยาวถึงเช้าเนี้ย” เธอรู้สึกโล่งใจที่หาทางออกให้ตัวเองได้ แต่ญาดากลับหรี่ตามองด้วยสายตาจับผิด เธอยังสงสัยเรื่องระหว่างนาเดียกับเจคอปอยู่ เพราะเมื่อวานหลังจากที่นาเดียขอตัวกลับห้อง เจคอปก็เอาแต่เมินเฉยเธอ ซ้ำยังถามถึงแต่เรื่องของนาเดียตลอดเวลา จนเธอนึกหมั่นไส้คนตรงหน้าขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็พูดถึงแต่นาเดีย
“เออ ไม่รู้ก็ไม่รู้ แต่ก็ช่างมันเถอะ เมื่อคืนฉันมีความสุขมาก ผ.อ. เอ้ยย พี่เจคเขาใจดีกับฉันมากเลยแก ไม่เห็นเหมือนข่าวลือที่ว่าเขาสุดแสนจะเย็นชา เห็นผู้หญิงเป็นแค่คู่นอนเลย เขาทั้งเทคแคร์ ดูแลฉันอย่างดีเลยอะแก โอ๊ยยยย มีความสุข” ญาดาทำหน้าเคลิบเคลิ้มประกอบคำโกหกของตัวเอง เธอจงใจพูดข่มคนตรงหน้า ซึ่งคล้ายจะได้ผล ใบหน้าหวานหม่นลงทันที
“แกเรียกเขาว่าพี่เจคเหรอ” นาเดียละเมอถามอย่างลืมตัว รู้สึกถึงแรงบีบตัวของหัวใจ
“อือ เขาบอกให้ฉันเรียกแบบนั้น ทำไม มีอะไรเหรอ” ญาดากอดอก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“เปล่า”
'มีสิ ฉันต้องมีอยู่แล้ว เพราะฉันควรจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เรียกเขาแบบนั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์'
ร่างบางกำหมัด แววตาแข็งกร้าวขึ้น แต่อีกฝ่ายลุกออกไปก่อนจึงไม่ทันเห็น
ญาดาถอดชุดบิกินีที่ใส่ค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นพันรอบตัวพลางหันหน้ามามองนาเดียที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง
“ยังไงฉันก็ต้องขอบใจแกมากนะที่ช่วยแนะนำฉันให้รู้จักกับพี่เจค ฉันมีความสุขมาก อาบน้ำแต่งตัวกันเถอะ วันนี้มีกิจกรรมที่ชายหาด ฉันต้องรีบทำคะแนน” หญิงสาวพูดแค่นั้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
นาเดียเหม่อมองเงาของเพื่อนรักผ่านกระจกกั้น เกิดความรู้สึกผิดขึ้นภายในใจ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยกเจคอปให้กับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น แม้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเธอจะยอมเสียสละให้ญาดาได้ทุกเรื่อง แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้น แค่ผู้ชายคนนี้เท่านั้นที่เธอจะไม่ยอมเสียสละให้ ต่อให้เธอไม่มีอะไรสู้ญาดาได้ แต่เธอก็จะสู้ เธอจะต้องเอาเขากลับมาให้ได้
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต