พูดจบ เขาก็อุ้มร่างบางลงไปนอนราบบนเตียง จัดการเปลื้องผ้า มองสาวน้อยที่แดงก่ำไปทั้งตัวพลางยกมือขึ้นมาปกปิดเรือนร่างให้พ้นจากสายตาสุดหื่นของเขา
“ไม่เอานะ อย่าขี้โกงสิคะ” นาเดียหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะทนสายตาเร่าร้อนที่เขามองเธอไม่ได้
“ให้พี่เอาเถอะนะ”
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม แสดงสีหน้าว่าหายโกรธเธอตั้งนานแล้ว ร่างใหญ่รีบขึ้นไปทาบทับร่างเล็ก ตรึงมือสองข้างของเธอเอาไว้กับเตียง ก่อนจะก้มลงไปดูดเลียเต้านมใหญ่อันหอมหวาน เขามองร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของ พลางคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ...เมื่อไหร่กันนะที่ยัยตัวเล็กเข้ามาอยู่ในความคิดของเขาตลอดเวลา เมื่อไหร่กันนะ ที่ยัยตัวเล็กเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขาในทุกทุกเรื่อง
เขาไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าเขาได้ตกหลุมรักคนตรงหน้าไปแล้วทั้งหัวใจ รักแบบยากจะถอนตัวได้
“พี่เจค...” เสียงกระเส่าเรียกร้องให้เขาเข้ามาภายในตัวเธอเสียที ร่างสูงยิ้มให้กับความหื่นเล็กๆของเธอ ก่อนจะรีบสนองตอบความต้องการของหญิงสาวผู้เป็นที่รัก
“อ๊าาาาาาา/รักนะ...”
เสียงกระซิบแสนหวานดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องแห่งความสุขสม นาเดียหันขวับมามองใบหน้าหล่อเหลาเบื้องหน้า ใจเต้นระรัวเหมือนมีใครกำลังตีกลองชุดอยู่ข้างใน
“พะ พี่เจค... พี่เจคพูดว่าอะไรนะคะ” ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ลืมความเสียดเสียวเบื้องล่างไปชั่วขณะ แต่เหมือนคนตัวโตจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาก้มหน้าลงมาหยอกล้อกับยอดบัวงามสองเต้า ขยับร่างกายโถมเข้าหาเรือนร่างบอบบางที่เขาแสนปรารถนา
“ไม่รู้สิ” เขาแกล้งเฉไฉ ก่อนจะเร่งโถมสะโพกขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เพิ่มมากขึ้น
“อ๊ายยย พี่เจค เบาๆ อ๊ะๆๆ” ร่างบางสั่นไหวไปตามแรงที่กระแทกเข้าใส่ มือเล็กกอดก่ายแผ่นหลังหนา ซึมซับทุกสัมผัสที่เขามอบให้ การปรนเปรอที่อ่อนโยนจากเขามันสร้างความสุขสมให้ร่างกายเป็นอย่างมาก ช่างแตกต่างจากความรุนแรง และเฉยชาอย่างสิ้นเชิง เธอพึ่งรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันมีค่าก็ตอนนี้นี่เอง
“ซี๊ดดดด ที่รัก พี่รักเธอนะ...” เสียงกระซิบแสนหวานเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากหนา คราวนี้มันชัดเจน ชัดถ้อยชัดคำจนร่างบางใจสั่นหวั่นไหว ความปิติดีใจแล่นมากระจุกตัวอยู่ในอก ก่อนจะกลั่นกรองออกมาทางดวงตา น้ำตาแห่งความตื้นตันใจเอ่อล้นออกมาอย่างสุดกลั้น พร้อมๆกับบทรักเร้าร้อนที่เขายิ่งโหมกระหน่ำจนเธอแทบจะสำลักความสุข
“พี่เจค พูด… จริงเหรอคะ เดียไม่ได้… หูฝาดไปใช่มั๊ย” เสียงกระเส่าผสมปนเปกับเสียงสะอื้น เธอกำลังสับสนในอารมณ์เพราะไม่รู้ว่าควรจะอยู่ในอารมณ์ไหน เขามอบความสุขให้กับเธอจนอิ่มล้นไปหมด
“รัก... รัก... พี่รักเธอ... ได้ยินรึยัง”
นาเดียพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ทั้งที่คิดว่าต่อให้ไม่ได้ยินคำนี้ก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะแค่การกระทำที่เขาปฏิบัติกับเธอมันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอมั่นใจในตัวเขาแล้ว แต่เขาก็ยัง... เขาก็ยังมอบความรู้สึกพิเศษนี้ให้กับเธอ ให้กับคนที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“หนูก็รักพี่นะคะ รักพี่ที่สุด รักพี่มากที่สุดเลย”
คำบอกรักที่เจคอปไม่เคยคิดว่ามันจะมีความหมายมากมายขนาดนี้ เขาพึ่งได้รับความรู้สึกที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต ก็วันที่เขาได้รับมันจากผู้หญิงคนหนึ่ง และเขาก็ได้มอบมันให้กับผู้หญิงคนเดียวกันนั่นเอง
เจคอปประทับจูบดูดดื่มให้กับคนเบื้องล่าง มันหวานซึ้งเสียจนร่างบางต้องมอบจูบที่ดูดดื่มไม่แพ้กันเพื่อตอบกลับความรู้สึกเขา เบื้องล่างที่ยังเชื่อมต่อกันยังคงประสานจังหวะรักกระหน่ำไม่หยุดยั้ง
“อ๊ะ พี่เจค หนูจะถึงแล้ว อ๊ะๆๆ ซี๊ดดด ที่รักคะ อ๊าาา” ร่างบางปลดปล่อยอารมณ์ออกมาก่อน ซึ่งเขาก็ตามเธอมาติดๆ
“อื้มมม มีความสุขจัง” ร่างสูงยังคงนอนทาบทับอยู่บนตัวร่างบาง ถูไถใบหน้าไปมากับแก้มเนียน ทั้งจูบทั้งหอมจนแก้มขาวขึ้นสี
“ตกลงพี่หายโกรธหนูแล้วใช่ไหมคะ” รอยยิ้มหวานถูกส่งให้กับคนที่นอนอยู่บนตัว เขามองใบหน้ามนด้วยความรัก ก่อนจะประทับจูบลงบนหน้าผากของเธอ
“ขออีกรอบได้ไหม แล้วสัญญาว่าจะหายโกรธ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า กว่านาเดียจะรู้ตัว เบื้องล่างของเขาที่ยังคาอยู่ในตัวเธอก็ขยายตัวพร้อมจะออกศึกอีกครั้งแล้ว
เสียงบรรเลงบทเพลง Classic จากวง orchestra ชื่อดังระดับโลกกำลังประสานเสียงจากเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดขับกล่อมออกมาในบทเพลง 'Four Season'บทเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะที่ฟังกี่ครั้งก็ยังคงตราตรึงหัวใจคนฟัง เหล่าบรรดาคนดังของประเทศอเมริกา ทั้งนายแบบนางแบบชื่อดัง ทั้งเหล่าคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงบรรดาไฮโซทั้งหลาย ต่างพร้อมใจกันมารวมตัว ณ Hall ขนาดใหญ่ที่จุคนได้นับหมื่น และหนึ่งในบรรดาคนดังเหล่านั้น ก็รวมถึงศาสตราจารย์ดอกเตอร์นายแพทย์เจคอป บดินพิทักษ์ นายแพทย์ชื่อดังที่พึ่งได้รับการยกย่องจากองกรค์แพทยสภาของอเมริกาให้เป็นนายแพทย์ผู้มากความสามารถซึ่งเป็นแกนนำหลักสำคัญในการพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะในช่วง 15 ปีนับตั้งแต่ที่เขากลับมาดูแลกิจการต่อจากผู้เป็นบิดา เขาก็ค่อยๆขยายสาขาไปจนครอบคลุมทั่วทุกรัฐในอเมริกา ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฉายา'อาชาแห่งวงการแพทย์'ทั้งๆที่ได้รับเกียรติจากท่านคณะรัฐมนตรีกลาโหมโดยตรงสำหรับตั๋วที่นั่งชั้นลอยระดับวีไอพี แต่แขกคนสำคัญคนดังกล่าวกลับไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่ถูกจัดไว้ให้หลังม่านพลิ้วไหวบนชั้นลอยระดับวีไอพี ปรากฏร่างของชายหญิง
ตอนพิเศษเล็กๆเจคอปผละออกจากร่างบาง “แต่งตัวสิ”เขาลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่ที่ดูเป็นทางการออกมาจากตู้เสื้อผ้า“จะไปไหนเหรอคะ” นาเดียเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองแผ่นหลังที่กำลังยัดแขนลงไปในเสื้อเชิ้ต“กลับบ้านเดียไง” เขาพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนตัวเล็ก จึงไม่เห็นว่าร่างบางมีสีหน้าอึ้งกับคำพูดของเขาแค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ จึงหันกลับมาทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “ไปขอลูกสาวจากท่านทั้งสองไง” รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้าคนสูงวัยเขาไม่มีเวลามากพอจะจัดพิธีรีตองอะไรมากมาย เพราะอีกไม่นานก็ต้องกลับอเมริกาแล้ว เขาอดใจรอที่จะบอกข่าวดีให้กับพ่อแม่ที่รออยู่ทางโน้นแทบไม่ไหว อายุจนปูนนี้แล้ว พึ่งจะรู้สึกอยากเลี้ยงลูก“ตอนนี้พี่อายุ 37 คงต้องรีบมีน้องอีกคนไวไวแล้วล่ะ เดี๋ยวแก่เกินจะเดินตามลูกไม่ทัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าร่างสูง แต่คนตัวเล็กกลับมีสีหน้าแดงก่ำกับคำพูดชวนทะลึ่ง“บะ บ้าเหรอคะ” นาเดียยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนร่างกายจะถูกโอบอุ้มจนตัวลอยขึ้นจากพื้น เจคอปถูไถใบหน้ากับหน้าท้องแบนราบ ก่อนจะประทับจูบอย่างแผ่วเบา “ขอให้เป็นลูกสาวทีเถอะ”เจคอปค่อยๆวางคนตัวเล็กลงบนพื้นอย่างท
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองเดือนก่อนหน้านี้…เจคอปรับสายจากทางไกล เป็นหมายเลขที่โทรมาจากอเมริกา“ครับป๊า”“ป๊ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจค ตอนนี้โรงพยาบาลที่อเมริกากำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก ป๊าอยากให้ตาเจมส์หรือเจค เราคนใดคนหนึ่งกลับมาดูแลกิจการที่นี่ แต่ใจป๊าอยากให้ตาเจมส์เป็นคนกลับมา เพราะที่นี่ไม่ได้มีสาขามากมายเหมือนที่ประเทศไทย เจ้าคนเสเพลอย่างตาเจมส์คงจะจัดการได้ไม่เหนือบ่ากว่าแรง” เรื่องสำคัญจากปากคนเป็นพ่อทำให้ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ อดนึกถึงน้องชายไม่ได้ จริงอย่างที่พ่อเขาว่า ที่ประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่อยู่ใต้อาณัติของครอบครัวเขาอยู่ทั่วเกือบทุกจังหวัด ทำให้ปัญหาและภาระงานที่ต้องรับผิดชอบมีมากมายกว่าที่โน้นมากโข แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...“แล้วเรื่องงานหมั้นระหว่างหนูมินกับตาเจมส์ไปถึงไหนแล้ว ป๊าอยากให้หมั้นเช้าแล้วก็แต่งเย็นไปเลยทีเดียว ตอนตาเจมส์กลับมาจะได้พาหนูมินกลับมาด้วย ซินดี้เขาคิดถึงหนูมินน่าดู” ในที่สุดคำถามที่ผมกลัวคนเป็นพ่อจะถามก็หลุดออกมาจนได้ ทั้งๆที่งานหมั้นระหว่างตาเจมส์กับยัยมินควรจะเสร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว แต่เพราะปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคา
“อ๊ะ พะ... พี่เจค” ไม่ทันที่ร่างบางจะทันได้เอ่ยความใน ปากหนาก็ชิงประกบจาบจ้วงเอาทุกคำที่คิดว่าร่างบางจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา นาเดียเบิกตามองเขาด้วยความตื่นตะลึง เขาหมายความว่าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าเธอท้อง แต่เขาจะรู้ได้ยังไง“อื้มมม อ่ะ...พะ... อื้มมม” ครั้นจะส่งเสียงอะไรก็ตามที่คิดอยากจะพูด เจคอปจะคอยส่งลิ้นเข้าหาเพื่อห้ามปรามเธอเสียทุกครั้งไป จนร่างบางหมดความพยายามที่จะเอ่ยถามข้อสงสัย ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ มือเล็กที่เคยดันอยู่ตรงแผงอกเปลี่ยนไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ท่าทางเหมือนจะไม่ได้ปฏิเสธเรื่องลูกของเขาทำให้นาเดียเกิดความหวังเล็กๆขึ้นในใจเจคอปหลับตาแน่นก่อนจะคำรามออกมาเบาๆเมื่อได้ปลดปล่อยน้ำเชื้อพันธุ์ดีเข้าสู่ร่างกายคนตัวเล็กสมดังตั้งใจ เขาแช่ร่างกายค้างไว้ในตัวเธอ หวังให้ลูกๆนับพันล้านตัววิ่งเข้าไปหาไข่ใบเล็กๆเพียงใบเดียวที่อยู่ในร่างกาย เขาตั้งใจจะผูกมัดเธอด้วยวิธีที่เห็นแก่ตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้ทำสำเร็จไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจแล้ว“ถ้ามีเจคอปน้อยอยู่ในท้องเธอ เธอก็จะหนีพี่ไปไหนไม่ได้อีก” เขากระซิบความในใจแสนชั่วร้ายข้างใบหูคนตัวเล็ก และนั่นทำให้เธ
เปลือกตาปิดสนิทค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นแววตาที่สะท้อนแต่เพียงความเจ็บปวด เขายังไม่ได้หลับ เขาแค่รอดูว่ายัยตัวเล็กกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่เขารู้ตัวตั้งแต่ตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของนาเดียหายไป เขาเหลือบมองไปยังโต๊ะก็พบว่าข้าวของต่างๆของเธอหายไปด้วย เธอกำลังคิดจะไปจากเขาบางทีการที่ต้องทนอยู่กับผู้ชายอารมณ์ร้อนอย่างเขามันคงทำให้เธอมีแต่ความทุกข์ บางทีสิ่งที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดมันคงยังไม่ดีพอสำหรับเธอ บางทีความรักของเขามันคงไม่มีค่าพอจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้บางที... เขาคงต้องปล่อยเธอไปเสียทีหัวใจดวงน้อยบีบรัดรุนแรงจนเกิดอาการเจ็บปวดรวดร้าว ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาพร่าเบลอเพราะเจ้าของดวงตามองมันผ่านม่านน้ำตาท้วมท้น นาเดียกวาดตามองไปรอบๆ คอนโดขนาดใหญ่ที่สร้างความทรงจำให้กับเธอมากมายทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา...หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลง คล้ายจะเป็นการตัดใจจากผู้ชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ในห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูก่อนจะคาทิ้งไว้อย่างนั้นประตูบานเดียวกันนี้ที่เธอเคยเปิดมันออกเพื่อพาตัวเองออกไปจากห้องที่ไม่เคยอยากจะทนอยู่แม้
กิจวัตรยามเช้าระหว่างนาเดียกับเจคอปยังคงดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแค่ไม่มีการสนทนาระหว่างทั้งคู่ไม่มีการเดินจับมือลงมาจากคอนโดไม่มีการจูบลาก่อนจะแยกกันไปทำงานไม่มีการส่งข้อความหาตลอดทั้งวันและไม่มีเธอหลงเหลืออยู่ในสายตาของเขาอีกแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานของเจคอปดังขึ้น “เข้ามา”คำอนุญาตจากเจ้าของห้องทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูเข้าไปด้านใน เจมส์มาร์มองพี่ชายของตัวเองกำลังง่วนอยู่กับเอกสารกองโต เจคอปยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนที่เขาแวะมาเมื่อตอนเช้าก่อนเข้าผ่าตัดไม่มีผิด และสภาพของผู้หญิงอีกคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่ ใบหน้าหมองเศร้าไม่ต่างกันเลย นี่คงจะยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกสินะ“มีธุระอะไร” น้ำเสียงเย็นชาแบบที่อีกฝ่ายมักจะใช้เวลามีเรื่องทุกข์ใจหรืออยากซ่อนความรู้สึก มีหรือที่คนเป็นน้องอย่างเขาจะดูไม่ออก“เมื่อวานพี่คุยกับนาเดียรึยังครับ” เจมส์มาร์เอ่ยถามโดยไม่เกรงใจ เขานั่งลงโดยไม่รอให้คนตรงหน้าอนุญาต อยู่กับเจคอปมาร่วม 30 ปี พึ่งจะเคยเห็นพี่ชายมีความรัก แล้วน้องชายอย่างเขาจะยอมให้มันพังทลายลงเพียงเพราะความเย็นชาของคนตรงหน้าได้อย่างไร“ไม่มีอะไรต