เดือนเมษา ตรีวานิชย์ วัย 21 ปีเด็กสาวฐานะยากจน ผู้มุ่งมั่นเรียนหนังสือด้วยการได้รับทุนการศึกษา เธอสอบชิงทุนจนได้ทุนเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ปัจจุบันศึกษาอยู่คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด
แต่ด้วยความที่เธอต้องอาศัยอยู่กับลุงและป้าในสลัม พร้อมกับพี่ชายสองคน ที่เป็นลูกลุงกับป้า ติดยา และการพนันทุกอย่าง ทำให้เดือนเมษาต้องออกมาทำงานพิเศษอย่างหนัก เพื่อส่งตัวเองเรียน และเก็บเงินมาอยู่หอพัก
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทำให้เธอต้องหนีออกมาเพราะพี่ชายคิดจะเอาเธอไปขายให้เสี่ยแก่ๆ ที่ผับบังเอิญว่าเธอได้ยินจึงรีบเก็บเสื้อผ้าและหนีออกมา โดยบอกลุงกับป้าว่าจะออกมาอยู่กับเพื่อน
“เมษาเอาน้ำไปเสิร์ฟให้ลูกค้าหน่อย” จรินญาเจ้าของร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยที่เดือนเมษากำลังเรียนอยู่ เรียกให้ลูกน้องเอาของไปเสิร์ฟให้ลูกค้า
“ได้ค่ะ”
“ระวังหน่อยนะเดี๋ยวพวกบ้ากามมันแต๊ะอั๋งเอา”
“ได้ค่ะพี่จิน”
จรินญามองดูลูกน้องมักมีหนุ่มๆ มาจีบเดือนเมษาทุกวันลูกค้าบางคนไม่มีมารยาทเอาเสียเลย บางคนแอบจับก้นบ้างหาเรื่องเตะเนื้อต้องตัวเดือนเมษาอยู่ตลอด จนเธอเองสงสารลูกน้องไม่น้อย
เดือนเมษาเป็นเด็กเรียนดีขยันและหน้าตาดี ดวงตากลมโตปากเป็นรูปกระจับน่าจูบ ใบหน้าเรียวสวยจมูกโด่งรับกับใบหน้า ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดเรียกได้ว่าสวยมาตั้งแต่เกิด แต่ความสวยก็มักมีภัยมาเยือนอยู่บ่อยครั้ง
“น้องเมษาคนสวยเย็นนี่เลิกงานแล้วไปต่อกับพี่ไหมครับ”
เดือนเมษาไม่สนใจเธอรีบวางของจะได้รีบออกไปจากตรงนี้ แต่คนตรงหน้าเหมือนไม่ได้สนใจ อิทธิพลหนุ่มวิศวะไฟฟ้าปีสี่ คอยตามจีบเดือนเมษามานานแต่หญิงสาวไม่เล่นด้วย
“ปล่อยนะ จะทำอะไร”
“เย็นนี่ไปกินข้าวกับพี่ไหมหรือจะมาเป็นเด็กพี่ก็ได้รับรองว่าสบาย” อิทธิพลจับข้อมือของเธอไว้แน่นและส่งสายตาหวานเยิ้มให้
เคล้ง!
ทั้งสองสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อมีคนทำถาดหล่นลงพื้นทำให้อิทธิพลต้องรีบปล่อยมือเดือนเมษา
“ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหนถึงได้มาลวนลามเด็กเสิร์ฟ” ฟารีญาน้องสาวของจรินญาและเป็นเพื่อนสนิทกับเดือนเมษา
“ยัยฟาแกยุ่งอะไรด้วยวะ”
“คนที่แกลวนลามเป็นเพื่อนฉันออกไปจากร้านฉันเลย”
“เพื่อนโว้ย ไม่ใช่เมียทำไมหวงจังเลย” อิทธิพลลุกขึ้นเต็มความสูง เขาไม่อยู่ให้ผู้หญิงปากจัดด่าหรอกปากแบบนี้ชาติหน้าก็หาผัวไม่ได้แน่นอน
“ไปเลยอย่าให้เห็นว่ามาจีบเพื่อนอีกนะ”
“ฟาพอแล้วลูกค้าตกใจหมด” เธอรีบเข้ามาห้ามเพื่อนและช่วยเก็บของที่หล่นลงพื้น หากไม่มีฟารีญาเธอเองก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปในทางไหน
“เมษาก็ไม่ด่าพวกมันปล่อยให้มันแทะโลมอยู่ได้”
“เราอย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลย”
“จะบ่ายแล้วรีบไปเรียนดีกว่า”
เดือนเมษาถอดผ้ากันเปื้อนออกและรีบออกไปเรียนลืมไปเลยว่ามีเรียนตอนบ่ายโมงตรง
เธอเรียนคณะบริหารธุรกิจค่าเทอมนั้นแพงสมกับมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง เธอต้องทำตัวอยู่ในกรอบเพราะเป็นเด็กนักเรียนทุน ต้องไม่มีข่าวเสียหายไม่อย่างนั้นทางมหาลัยจะยกเลิกทันที
นอกจากฟารีญาแล้วยังมีนิดาที่เป็นเพื่อนสนิทอีกคน ทั้งสองเป็นลูกคุณหนูบ้านรวยไม่เหมือนกับเธอ ที่ต้องปากกัดตีนถีบส่งตัวเองเรียน
“แกนั้นรุ่นพี่ปีสี่แก๊งพี่กองทัพนี่หล่อมาก ตอนนี้ก็บ่ายสองแล้วพวกพี่เขามาทำอะไรที่โรงอาหารคณะเราอ่ะ”
นักศึกษาหันมองหนุ่มรุ่นพี่วิศวะที่เดินเข้ามาในโรงอาหารของคณะจนเกิดเสียงฮือฮา ผู้หญิงบางคนต่างส่งสายตาเชื้อเชิญให้พวกเขา
“คนนั้นไต้ฝุ่นน่ารักมาก คนนั้นแม็กนัสคนที่นั่งหันหลังชื่อกองทัพ”
เดือนเมษาได้ยินชื่อพวกเขามาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่ไม่เคยเห็นหน้าเพราะตึกเรียนอยู่ห่างกันมาก เธอเองก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าพวกเขาจึงไม่รู้จัก ได้ยินแต่นักศึกษาบอกว่าหล่อมาก
“อย่าไปหลงเสน่ห์เขาเด็ดขาดหล่อๆ รวยๆ แบบนั้นไม่ชายตามองใครหรอกมีแต่ฟันแล้วทิ้ง”
“แต่ถ้าฟันฉันก็ยินดีให้ทิ้งนะ”
“อีฟาแกอย่าแรดมาก” นิดาใช้มือตีเพื่อนเบาๆ และนั่งมองหนุ่มๆ ที่นั่งอยู่ตรงหัวเสาพอดีหล่อขนาดนี้หากโดนทิ้งก็ไม่เสียใจ
“ได้ข่าวว่าพี่กองทัพเพิ่งไปฟันดาวคณะเรามาหนิ ชื่อบีเรียนบัญชี”
“หล่อนวิ่งตามตื๊อเขาแต่เขาไม่เล่นด้วย”
ช่วงนี้ข่าวของกองทัพกำลังดังเมื่อหลายวันก่อนเห็นอดีตดาวมหาลัยร้องห่มร้องไห้ บอกว่าโดนกองทัพทิ้งทั้งที่จริงตั้งใจวิ่งไปให้เขาเอาถึงที่
“หล่อขนาดนั้นเป็นฉันจะแอบกินเงียบๆ”
“อยากแสดงตัวเป็นยังไงละโดนทิ้งเลย”
เดือนเมษานั่งฟังเพื่อนคุยกันเธอไม่ได้สนใจของพวกเขา เธอกำลังหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแต่สายตาดันหันไปมองกับเขาพอดี
ไม่รู้ว่ากองทัพมานั่งข้างเพื่อนตั้งแต่ตอนไหน เป็นจังหวะเดียวที่เขาหันมาสบตาเธอเช่นกัน จนเดือนเมษาต้องรีบหลบสายตา
“เป็นอะไรเมษาเห็นเงียบไป”
“ปะ เปล่าฉันกลับดีกว่าเดี๋ยวรถเมล์หมดก่อน”
“เดี๋ยวฟาไปส่งก็ได้”
“ไม่เป็นไรเกรงใจไปก่อนนะ” เธอรีบเก็บหนังสือลงกระเป๋าและเดินออกไปจากบริเวณนี้
กองทัพมองตามร่างบางที่เดินออกไปจากโรงอาหารจนลับสายตา ใบหน้านั้นน่ารักราวกับตุ๊กตาเขาไม่เคยมองใครว่าน่ารักขนาดนี้มาก่อน
“มึงพากูมานั่งมองสาวบริหารเนี้ยนะไอ้ฝุ่น”
“ก็เออ แม่งสาววิศวะมันมีให้มองที่ไหน” ไต้ฝุ่นตอบกลับไปนานๆ จะได้มาที่ตึกบริหารบอกเลยว่ามีแต่คนสวยๆ ทั้งนั้น
“คืนนี้ว่าไงวะกูจะได้ไปซื้อถุงยางรอ”
“ไอ้ห่ามุ่งแต่ เย็.-ด อย่างเดียว”
“มึงจะไปป่ะไอ้ทัพ ไอ้ทัพ ไอ้เหี้ยทัพ!” แม็กนัสตะโกนถามเพื่อนเมื่อเห็นกองทัพเหม่อลอย พอมองตามก็ไม่เห้นว่าจะมีใครให้มอง
“มึงตะคอกทำไม”
“มึงมองผีแม่หม้ายที่ไหนกูถามว่าคืนนี้เอายังไง”
“ก็เออ เจอกันที่เดิม” กองทัพเสียดายมากที่เขาเห็นหน้าเธอไม่ชัด ไม่อย่างนั้นเขาคงไปทำความรู้จักแล้วเรียนมาจนจะจบแต่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
“กลุ่มนั้นน้องปีไหนเหรอ”
“น้องปีสามคุณหนูบ้านรวยทั้งสองคนเลย แต่มีน้องอีกคนที่สวยๆ แต่กูไม่รู้ชื่อวะ”
“ไม่ได้เรื่อง!”
“อ้าว หงุดหงิดใส่เพื่อนหมายความว่ายังไง” ไต้ฝุ่นผิดอะไรครับแค่จำชื่อน้องคนสวยไม่ได้ หรือว่ากองทัพจะมีเป้าหมายใหม่ หลายวันก่อนเพิ่งฟันอดีตดาวมหาลัยมา คงติดใจกับสาวบริหาร
เดือนเมษาตั้งท้องเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย กองทัพจึงยอมทิ้งชีวิตที่หรูหราในเมืองหลวง พาเดือนเมษากลับมาเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดอยู่นานเกือบเดือน “เหนื่อยไหมคะดื่มน้ำก่อน” “ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนแต่สนุกดีครับ” “ไม่ไหวก็พอนะคะ”ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านต้องทำนากัน ซึ่งเป็นการทำนาตามช่วงฤดูการ กองทัพมาช่วยพ่อตาดำนาจนตัวเขาดำไปหมด ปกติก็เป็นคนผิวสีน้ำผึ้งอยู่แล้วไม่พอเพียงแค่นั้นหลังจากเสร็จการดำนา เขาอาสาเข้าไปเก็บไข่เป็ดในคอก และช่วงเช้าต้องปล่อยเป็ดให้ออกไปเดินเล่นและต้องกลับมารดน้ำปลูกผักอะไรที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ เขาถึงได้รู้คุณค่าของเงินว่ากว่าจะได้มาแต่ละบาทต้องแลกกับหยาดเหงื่อ“โอ๊ย”“พี่ทัพหนูบอกแล้วไงคะว่าไม่ไหวอย่าฝืน” เธออยากจะตีเขานักดื้อด้านจนตัวเองต้องเจ็บตัว เธอรีบพาเขาไปล้างมือ กองทัพขุดดินจนมือพุพองจากการเสียดสีของด้ามจอบ“แสบมั้ย”“นิดหน่อยแต่ทนได้”“ไม่ต้องทำแล้วค่ะตัวดำหมดแล้ว”กลับไปกรุงเทพครั้งนี้ใครจะทำเขาได้ กองทัพลูกชายนักธุรกิจชื่อดัง ต้องมาทำนาที่ต่างจังหวัดกับเมียตากแดดจนตัวดำแดดไปหมด“พี่อยากลองทำดูครับ”“ไปพักผ่อนนะคะอีกไม่กี่วันก็จะกลั
หลายเดือนต่อมา กองทัพนอนอยู่บนเตียงกว้างเขาเอาหูแนบกับท้องของเดือนเมษาที่ตอนนี้ท้องเริ่มโตแล้ว ซึ่งเขาได้ลูกสาวสมใจที่อยากได้ เขาชอบเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอนเป็นแบบนี้ทุกคืน ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานก็ตาม เขาเลิกเที่ยวและตั้งใจทำงานตอนนี้เขาฝึกงานจบแล้ว ในวันข้างหน้าก็จะเป็นวันที่เขาต้องทำงานหาเลี้ยงดูลูกกับเมีย ส่วนเมษานั้นดร็อปเรียนอย่างไม่กำหนด แต่กองทัพนั้นไม่คิดจะทำร้ายอนาคตของเธอ เขารอให้เธอคลอดและจะให้กลับไปเรียนเช่นเคย ตอนเช้าอีกวันเดือนเมษานัดทานข้าวกับเพื่อนสาวที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน นิดาและฟารีญาจะยุ่งกับการเรียกเพราะทั้งคู่เรียนอยู่ชั้นปีสุดท้ายแล้ว “ไม่น่าเชื่อเลยพี่ทัพจะเป็นคนที่แสนดีขนาดนี้” “อิจฉาแกจังเลยอ่ะ” “เขาสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ต้องรอดูกันไปนานๆ” นี่เพิ่งเริ่มต้นเพราะการแต่งงานมีครอบครัวไม่ใช่วันสุดท้ายของชีวิต แต่เป็นการเริ่มต้นต่างหาก “บางคนสันดานเปลี่ยนตอนมีลูก” นิดาได้ยินข่าวมาเยอะการที่เมียท้องและผัวแอบไปมีคนอื่น บางคนพอรู้ว่ามีลูกก็เผยตัวตนออกมา “ยัยบีเพื่อนเลิฟ
“พี่ทัพยิ้มอะไรคะ” ตั้งแต่เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกองทัพก็นั่งส่งยิ้มให้เธอ จนเธอรู้สึกหลอนไปด้วย “บักห่าหนิ” เขาเปล่งเสียงออกมาไม่รู้ว่าตัวเองออกเสียงถูกหรือเปล่า แต่เห็นสีหน้าตกใจของเดือนเมษา “พูดอะไร” “แปลว่าหล่อไม่ใช่เหรอ” “ใครบอกคะ?” “ก็พ่อตาบอกยังพูดกับพี่อยู่เลย” เธอกลั้นเสียงหัวเราะไว้คงจะถูกพ่อของเธอหลอกตาด่ามาแน่ แต่เธอไม่ยอมบอกว่าคำที่เขาพูดมาไม่ได้แปลว่าหล่อตามที่เขาเข้าใจ “หัวเราะอะไร” “เปล่าค่ะ” . งานวิวาห์กะทันหันก็เกิดขึ้นจัดในหมู่บ้าน ด้วยน้ำเงินของคุณย่าเนรมิตงานใหญ่พอ ๆ กับงานวัด ซึ่งพ่อกับและพี่ชายของเขาก็มางานด้วย สินสอดทองหมั้นถูกจัดเตรียมมาพร้อมกับแก้วแหวนเงินทองและโฉนดที่ดิน ชาวบ้านต่างพากับอิจฉาเพราะแถวบ้านต่างจังหวัดค่าสินสอดหนึ่งแสนถือว่าเยอะมากแล้ว แต่นี่เงินสินสอดมากถึงสิบล้านแถมยังเป็นเงินสดถูกวางไว้ตรงหน้าพ่อแม่เจ้าสาว กองทัพนั่งยิ้มหน้าบานที่งานถูกจัดขึ้นมา ถือว่าเป็นการมัดมือชกเดือนเมษา พ่อแม่เขาได้ลูกสะใภ้ไม่ยังแถมหลานในท้องมาให้อีก “ทัพสวมแหวน
เดือนเมษาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเมื่อคืนกองทัพแอบเข้ามานอนกับเธอ แต่คุณย่ากลับนำเอาเรื่องนี้พูดขึ้นมาต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ “ไหนๆ เด็กๆ ก็รักกันฉันอยากจะพูดคุยเรื่องนี้” ดูจากหลานชายแล้วน่าจะรักเดือนเมษามาก ถึงได้ยอมตามมาไกลถึงที่นี่ “เด็กๆ เขารักกันฉันอยากจะสู่ขอหนูเมษาจ๊ะ” “คุณย่าคะ?” “เด็กทั้งสองได้เสียกันแล้วหมั้นกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย” เดือนเมษาน้ำท่วมปากพูดไม่ออกเพราะกองทัพก็ไม่ปฏิเสธ เธอเกิดสับสนขึ้นมาเพราะคิดว่ายังไงแล้วกองทัพก็ไม่รักเธอ แค่อยากเอาชนะเธอก็เท่านั้น “บางทีในท้องของเมษาอาจจะมีลูกผมอยู่ในนั้นแล้วก็ได้ครับ” กองทัพพูดขึ้นเพราะเห็นว่าเธอเงียบ “พวกเราขอคุยกับลูกเป็นการส่วนตัวก่อนนะจ๊ะ” บุปผาพาเดือนเมษาออกมา และซักถามว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ทำไมลูกถึงไม่ดีใจที่มีคนมาสู่ขอ “แต่งเลยลูกเขารวย” บัญชาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นขอแค่ลูกสาวสบายก็พอแล้ว จะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้ขึ้นกับคนทั้งสอง “พี่เงียบเลยนะ” “แม่จ๋าหนู...” “ทะเลาะอะไรกันลูก” “เปล่าจ๊ะ” มีแต่เธอ
“ทัพพาย่ามาที่ไหน ทำไมไม่บอกอะไรย่าเลย” แจ่มศรีถูกหลานชายสุดที่รักพาขึ้นรถมาในเช้าตรู่มุ่งหน้าออกต่างจังหวัด “ใกล้ถึงแล้วครับ” แล้วดูจีพีเอสซึ่งมองออกไปมีแต่ทุ่งนาและป่ามีหมูบ้านเล็กๆ อยู่ไม่ถึงร้อยหลังเขาไม่รู้ว่าหลังไหนเป็นบ้านของเดือนเมษา “แล้วพาย่ามาหาใคร?” “บรรยากาศเหมือนหนังผีในละครเลยค่ะคุณย่า” บัวที่ถูกบังคับให้ตามาดูคุณย่าคุณย่าด้วย ถึงกับขนลุกเพราะตอนนี้ใกล้มืดค่ำแล้ว “ขอโทษนะครับบ้านของเมษาไปทางไหนครับ” ดีที่ยังเห็นชาวบ้านผ่านไปผ่านมา จึงพอให้ถามได้ไม่อย่างนั้นคงจะหลงทางอยู่แบบนี้ “บ้านไผ๋ละ?” (บ้านใครละ) “เดือนเมษาครับ” “อ๋อ บ้านบักบัญชาติขับตรงไปกะฮอตแล้ว” (ขับตรงไปก็ถึงแล้ว) “ขอบคุณครับ” ถึงแม้จะฟังไม่ค่อยออกเท่าไรแต่เห็นจากการชี้ก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว เขาขับตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้หลังหนึ่ง “คุณย่ารออยู่ในรถก่อนนะครับ” “รีบมานะย่าเมื่อยมาก” เขาจะเดินลงไปถามไปใช่บ้านของเดือนเมษาไหม แต่โชคชะตาดันเข้าข้างเพราะเขาเห็นเดือนเมษากำลังทำอะไรสักอย่าง ความดีใจทำให้เข
“แค่คนคุยเหรอ” “…” ที่เขาเงียบเพราะกำลังถามใจตัวเองอยู่ว่าเขานั้นรักเดือนเมษา หรือแค่รู้สึกถูกใจแต่เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน “ถ้าไม่จริงจังเรากลับมาคบกันได้มั้ย” เธอยอมรับแบบไม่อายใครเลยว่าต้องการกลับมาคืนดีกับกองทัพ และรับไม่ได้หากเขามีคนรัก “…” “ทัพที่ขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมา” เธอพูดถึงเรื่องวันวาน ตอนนั้นเธอเรียนอยู่ปีสามส่วนกองทัพนั้นเพิ่งเขาเรียนปีหนึ่งความรักของทั้งคู่นั้นสวยงามจนเธอถูกใจหนุ่มรุ่นพี่และเลิกรากับกองทัพไป “ผมรักน้องเขา…ผมกลับไปหาพี่ไม่ได้หรอก” เขาแกะมือของดาด้าออก และออกไปจากตรงนั้นเขาต้องรีบไปง้อเดือนเมษา และต้องรีบอธิบายให้ฟังทุกอย่าง แต่เขากลับมาสายไปเพราะเดือนเมษาเก็บกระเป๋ามุ่งหน้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปแล้ว เขาตามจะตามไปแต่เพื่อนกับห้ามไว้ “ปล่อยให้น้องเขาใจเย็นก่อน” “เออ ถ้าน้องเขาใจเย็นก็จะรับสายมึงเองแหละ” ไต้ฝุ่นมองเพื่อนที่พยายามโทรหาเดือนเมษาเป็นร้อยสาย มันไม่ยอมลดละความพยายาม “พวกมึงไม่เข้าใจกู” เขาอยากอธิบายอยากคุยกับเดือนเมษาใจจะขาด หากจะตามไปที่บ้านได้เ