Share

บทที่ 5

Author: หรงหรงจื่ออี
โจวอวี๋ชูผละตัวออกจากฟู่ซืออวี่ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบของขวัญมากมายจากข้างโซฟามา

“ของพวกนี้เป็นของที่แม่ซื้อให้ลูกหมดเลยนะ ลูกดูสิว่ามีที่ชอบบ้างไหม?”

ฟู่ซืออวี่ดวงตาเป็นประกายวาววับ “หุ่นไอรอนแมนนี่!”

“ซืออวี่ชอบหรือเปล่าจ๊ะ?” โจวอวี๋ชูลูบศีรษะเขาเบา ๆ “นี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันเลยนะ แม่วานให้เพื่อนตั้งหลายคนช่วยหาให้ กว่าจะซื้อมาได้”

“ขอบคุณครับแม่!” ฟู่ซืออวี่รับหุ่นไอรอนแมนมา เสียงสดใสของเด็กน้อยดังกังวานไปทั่วทั้งคฤหาสน์ “แม่ใจดีจังเลย!”

โจวอวี๋ชูเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ “ลูกรัก ในที่สุดลูกก็ยอมเรียกแม่ว่าแม่แล้ว”

“เมื่อกี้พ่อบอกกับผมแล้วว่า แม่ต้องลำบากมากกว่าจะคลอดผมออกมาได้”

ฟู่ซืออวี่วางหุ่นไอรอนแมนลง ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งมาซับน้ำตาให้โจวอวี๋ชู “ขอโทษนะครับแม่ เมื่อเช้าผมไม่ควรใจร้ายกับแม่เลย ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นกับแม่อีกแล้วครับ”

โจวอวี๋ชูได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลพรากยิ่งกว่าเดิม เห็นแล้วน่าสงสารมากขึ้นอีก

“ลูกรัก ลูกไม่ผิดหรอก เป็นแม่เองที่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้ไปแม่จะพยายามเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งอย่างสุดความสามารถแน่นอน”

“แม่ไม่ได้ไม่ดีเลยครับ!” ฟู่ซืออวี่เป็นฝ่ายเข้ามาสวมกอดโจวอวี๋ชู “พ่อบอกแล้วว่าแม่รักผมมากมาโดยตลอด ต่อไปผมก็จะรักแม่ให้มาก ๆ เหมือนกันครับ!”

โจวอวี๋ชูมองไปยังฟู่ซือเหยียน น้ำตาไหลเป็นสายยิ่งกว่าเก่า “ขอบคุณนะ ซือเหยียน”

ฟู่ซือเหยียนเดินเข้ามา ยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้เธอ “มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวซืออวี่จะปวดใจเอาได้”

“ใช่ครับแม่ แม่ออกจะสวยขนาดนี้ อย่าร้องไห้ไปเลยนะครับ ร้องไห้แล้วเดี๋ยวไม่สวยนะ!”

พอโจวอวี๋ชูได้ยินก็รับผ้าเช็ดหน้าจากฟู่ซือเหยียนมาซับน้ำตา “จ้ะ แม่ไม่ร้องแล้ว”

แม่ลูกยอมรับกันแล้ว ช่างอบอุ่นหวานชื่นยิ่งนัก

ฟู่ซืออวี่ได้รับของขวัญมากมายก่ายกอง จึงหอบของขวัญขึ้นไปนั่งเล่นบนโซฟา

โจวอวี๋ชูนั่งมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน

ฟู่ซือเหยียนนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวด้านข้าง ก้มหน้าใช้โทรศัพท์สะสางงาน

โจวอวี๋ชูหันมามองเขา คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว “ทางด้านคุณเสิ่น คุณคิดจะทำยังไงคะ?”

ฟู่ซือเหยียนได้ยินก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเฉยชา “ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

“หลายปีมานี้คุณเสิ่นดูแลซืออวี่ได้ดีมากนะคะ บอกตามตรง ในใจฉันมักรู้สึกผิดกับเธอ”

“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ฟู่ซือเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “ซืออวี่เป็นลูกของคุณอยู่แล้ว”

“ใช่ครับแม่!” ฟู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมาจากกองของขวัญ ปากน้อย ๆ หวานราวกับเคลือบด้วยน้ำผึ้ง “แม่คลอดผมออกมา เราจะนับแม่นับลูกกันก็สมควรอยู่แล้ว! อีกอย่างแม่สวยขนาดนี้ พ่อบอกว่าที่ผมน่ารักแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าแม่หน้าตาดี!”

“เด็กขี้ประจบ!” โจวอวี๋ชูแตะปลายจมูกของเขาเบา ๆ “ลูกอย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ชิงซูเชียวล่ะ เดี๋ยวเธอจะโกรธเอา”

“ไม่หรอกครับ!” ฟู่ซืออวี่มั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก “เธอโกรธผมไม่ลงหรอก!”

มีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาฟู่ซือเหยียนด้วยเรื่องงาน

เขาลุกขึ้น “ผมขอตัวกลับสำนักงานก่อนนะครับ”

“ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนซืออวี่เอง” โจวอวี๋ชูชะงักไปเล็กน้อยก่อนถาม “แล้วคุณจะกลับมากินข้าวเย็นไหมคะ?”

ฟู่ซือเหยียนเม้มริมฝีปากครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนกล่าวตอบ “ผมเสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณขับรถดี ๆ นะคะ”

“ไว้เจอกันครับพ่อ!”

ฟู่ซือเหยียนตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะหมุนกายจากไป

……

เวลากลางดึก ห้องบูรณะในสตูดิโอยังเปิดไฟสว่างจ้า

ผมยาวถึงเอวของหญิงสาวถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นปักผม เผยลำคอยาวขาวนวล แว่นตานิรภัยวางคาดอยู่บนสันจมูก มือสองข้างที่สวมถุงมือสีขาวถือเครื่องมือเอาไว้

เธอก้มหน้าลง แววตาจดจ่อ กำลังทำการบูรณะวัตถุโบราณในขั้นตอนสุดท้าย

คนอื่น ๆ กลับไปกันหมดแล้ว อาคารทั้งชั้นเงียบสงัดเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงเสียงเบา ๆ ดังขึ้นระหว่างที่เสิ่นชิงซูลงมือบูรณะ

ยิ่งชีวิตไม่ได้ดั่งใจ ก็จะยิ่งหย่อนยานเรื่องงานไม่ได้

หลายปีมานี้ ได้เห็นทั้งด้านอบอุ่นและเย็นชาของมนุษย์มาหมดแล้ว เสิ่นชิงซูจึงค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลข้อหนึ่งที่ว่า... นิสัยมนุษย์ยากจะแยกแยะ ใจคนยากจะคาดเดา มีเพียงเงินกับงานเท่านั้นที่เธอแค่พยายามก็จะคว้าไว้อย่างมั่นคงได้

ห้าปีที่แล้วเธออยู่ต่อที่เมืองเป่ยเพื่อดูแลฟู่ซืออวี่ เธอยอมทิ้งโอกาสที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้ อาจารย์จึงตัดการติดต่อกับเธอด้วยความโมโหชั่วขณะ

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เสิ่นชิงซูเสียใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้

เนื่องจากรู้สึกละอายใจต่ออาจารย์ที่ปรึกษาที่ทั้งคอยบ่มเพาะและให้ความสำคัญ ดังนั้นเธอจึงยังคงหาซื้อหนังสือมาศึกษาเพื่อพัฒนาตัวเองในยามว่างมาตลอดห้าปีนี้

หลังเรียนจบก็กู้เงินมาเปิดสตูดิโอ

เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ สตูดิโอก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่าตอบแทนที่เธอได้จากการรับงานก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ

เงินเก็บส่วนตัวของเธอเพียงพอให้เธอกับแม่ใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไร้ความกังวล

ความจริงทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี

ส่วนพวกคนที่ไม่อาจไขว่คว้าหรือเหนี่ยวรั้งไว้ได้ ถ้ารู้จักอยู่ให้ห่างได้ก็นับว่าเติบโตแล้ว…

พอทำงานบูรณะในส่วนสุดท้ายเสร็จ เสิ่นชิงซูก็นำวัตถุโบราณไปเก็บไว้ในกล่องบรรจุภัณฑ์

กลับมายังห้องทำงานส่วนตัว เธอตวงน้ำอุ่นแก้วหนึ่งมาดื่มจนหมดในรวดเดียว

เธอวางแก้วน้ำลง ก่อนจะเหลือบมองปฏิทินบนโต๊ะแวบหนึ่ง

หยิบปากกาขึ้นมาทำเครื่องหมายกากบาทลงบนวันที่ของวันนี้ในปฏิทิน

ยังเหลืออีกแปดวัน ก็จะถึงวันที่แม่ออกจากเรือนจำแล้ว

พยากรณ์อากาศรายงานว่าวันนั้นจะเป็นวันที่อากาศสดใส

ครืด ๆ…

มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้น

เป็นฟู่ซือเหยียนที่โทรมา

เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ก่อนจะกดรับสาย

“จะกลับเมื่อไร?” เสียงทุ้มต่ำของฟู่ซือเหยียนดังมาจากปลายสาย

เสิ่นชิงซูเหลือบมองเวลาแวบหนึ่ง ตีสองแล้ว

เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ไม่อยากขับรถกลับไปอีกครึ่งชั่วโมงแล้ว

นวดหลังคอที่ปวดเมื่อยเบา ๆ เสียงของเธอแผ่วเบาและเย็นชา “มีเรื่องอะไรคะ?”

“ซืออวี่รอให้คุณกลับมาเล่านิทานให้เขาฟังก่อนนอนอยู่”

มือข้างที่นวดคออยู่ของเสิ่นชิงซูถึงกับหยุดชะงัก

นึกถึงเรื่องตอนกลางวันที่ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ไปปลอบใจโจวอวี๋ชูขึ้นมา ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“วันนี้ฉันไม่กลับไปแล้วค่ะ” เสียงของเธอราบเรียบยิ่งนัก ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “คุณกล่อมเขาเถอะ”

พอกล่าวจบ เสิ่นชิงซูก็วางโทรศัพท์ทันที

ทว่าวินาทีต่อมาฟู่ซือเหยียนก็โทรกลับมาอีก

เสิ่นชิงซูนึกรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว จึงปิดเครื่องแล้วโยนมือถือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะผลักเปิดประตูห้องพักผ่อนแล้วเดินเข้าไป

นักบูรณะศิลป์โต้รุ่งทำโอทีเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ดังนั้นในตอนแรกที่ทำสตูดิโอ เธอจึงกั้นห้องทำเป็นห้องพักผ่อนในห้องทำงานส่วนตัว

ในห้องพักผ่อนมีห้องอาบน้ำ ของใช้ในชีวิตประจำวันตลอดจนผลิตภัณฑ์ซักล้างเสื้อผ้า

ในบางครั้งที่งานยุ่งมาก เธอก็จะพาฟู่ซืออวี่มาด้วย กล่อมฟู่ซืออวี่นอนก่อน แล้วเธอค่อยไปทำงานต่อ

ดังนั้นในห้องพักผ่อนนี้จึงมีของใช้ในชีวิตประจำวันของฟู่ซืออวี่อยู่ด้วย

หลังอาบน้ำเสร็จ เสิ่นชิงซูเปลี่ยนมาสวมชุดนอน ขณะกำลังตั้งท่าจะนอนลงก็มีเสียงร้องไห้โวยวายของเด็กดังมาจากด้านนอก

“แม่ครับ! แม่ แม่เปิดประตูสิครับ…”

เสิ่นชิงซูอึ้งงัน

ฟู่ซืออวี่?

เธอออกมาจากห้องทำงาน รีบเดินไปยังประตูบานใหญ่ของสตูดิโอ

อีกฝั่งหนึ่งของประตูกระจก ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ที่กำลังร้องไห้โวยวายไม่หยุดพลางมองเธอ

ฟู่ซืออวี่อยู่ในชุดนอนที่สวมทับไว้ด้วยเสื้อกันหนาวขนเป็ดแค่ตัวเดียว

เท้าเล็กคู่นั้นว่างเปล่า ไม่ได้สวมแม้กระทั่งถุงเท้า

อุณหภูมิข้างนอกในคืนฤดูหนาวในเมืองเป่ยติดลบเกือบสามสิบองศา

ฟู่ซืออวี่ภูมิต้านทานต่ำขนาดนั้น เกิดเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร!

เสิ่นชิงซูเริ่มรู้สึกฉุนเฉียว เธอเดินเข้าไปเปิดประตู “ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังต้องพาเขาออกมา…”

“แม่ครับ!”

ฟู่ซืออวี่ผละตัวออกจากฟู่ซือเหยียนแล้วกระโจนเข้ามาหาเสิ่นชิงซูทันที

เสิ่นชิงซูเอื้อมมือออกไปรับตัวเขาตามจิตใต้สำนึก

ฟู่ซืออวี่กอดคอเสิ่นชิงซูไว้แน่น มุดหน้าไว้ในซอกคอเธอพลางร้องไห้ยกใหญ่

“แม่ครับ แม่ไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม! ฮือ ๆ ๆ แม่จะทิ้งผมไม่ได้นะ…”

หัวคิ้วของเสิ่นชิงซูขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าดูซีดขาวอยู่บ้าง

ท้องน้อยที่เดิมทีหายเจ็บแล้วปวดหน่วงขึ้นมาทันใด…
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
วนิดา ศรีรัตนกูล
เด็กผีเลียงไม่เชื่อง
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 611

    กรทั่งตอนกลางคืนจิ้นเชวี่ยจึงจะกลับมาตอนที่เขากลับมา เจียงหมี่รั่วกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้วเสิ่นชิงซูนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งจิ้นเชวี่ยเดินเข้ามา เห็นเธอนั่งอยู่คนเดียวตรงโซฟา ก็เดินเข้ามา มองสำรวจแวบหนึ่งแล้วถามว่า “รอผมอยู่เหรอ?”เสิ่นชิงซูเงยหน้ามองเขา “จิ้นเชวี่ย เรามาคุยกันหน่อย”จิ้นเชวี่ยกระตุกยิ้มมุมปาก “คุยเรื่องงานแต่งได้ เรื่องอื่นไม่จำเป็น”“ได้” สีหน้าของเสิ่นชิงซูเย็นชา “ฉันแต่งงานกับคุณได้ แต่มีเงื่อนไขว่าขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสของเราต้องทำที่ในประเทศ นอกจากนี้ฉันยังต้องเซ็นสัญญาก่อนสมรสกับคุณ ทรัพย์สินของเราทั้งสองฝ่ายต้องทำนิติกรรมรับรอง”จิ้นเชวี่ยจ้องมองเธอค่อนข้างแปลกใจกับท่าทีที่อ่อนลงอย่างกะทันหันของเธอแต่ในไม่ช้า เขาก็เข้าใจ“เจียงหมี่รั่วพูดอะไรกับคุณ?”“เธอจะพูดอะไรกับฉันได้?” เสิ่นชิงซูแค่นเสียงเย็นชา “ตอนนี้เธอเป็นแค่คนคลั่งรัก ด้านหนึ่งก็มีลูกให้คุณ อีกด้านก็เกลี้ยกล่อมให้ฉันแต่งงานกับคุณ จิ้นเชวี่ย ต้องบอกเลยว่าคุณล้างสมองเจียงหมี่รั่วได้สำเร็จมาก”“อาซู เรื่องนี้คุณเข้าใจผมผิดแล้วล่ะ” จิ้นเชวี่ยเดินเข้ามา บีบคางของเสิ่นชิงซูเบา ๆ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 610

    “ฉันหิวแล้ว อยากลงมากินอะไรหน่อยน่ะ” เจียงหมี่รั่วพูดพลางเดินมา สายตาเบนไปมองเสิ่นชิงซู “พี่ชิงซู พี่ก็หิวแล้วใช่ไหม เรากินด้วยกันเถอะ”เสิ่นชิงซูมองเจียงหมี่รั่ว ถ้าไม่คำนึงถึงว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ ก็อยากไปตบสักฉาดจริง ๆเธอมองเจียงหมี่รั่วอย่างเย็นชา “แค่เพราะว่าฉันยืนกรานจะยกเลิกสัญญากับเธอ เธอก็เลยหักหลังฉันเหรอ?”“พี่ชิงซู ใคร ๆ ก็มีจุดยืนของตัวเองทั้งนั้น ฉันหวังว่าพี่จะเข้าใจฉันนะคะ”เสิ่นชิงซูโมโหจนหัวเราะ “เธอคลอดลูกให้เขา เขากลับฝืนใจให้คนอื่นแต่งงานด้วย เรื่องนี้เธอก็ทนยอมรับได้เหรอ?”เจียงหมี่รั่วยิ้มขม “ถ้าฉันไม่ทนยอมรับ เด็กคนนี้ก็ลืมตาดูโลกไม่ได้”เสิ่นชิงซูอึ้งจิ้นเชวี่ยกลับใช้เด็กข่มขู่เจียงหมี่รั่ว“หมี่รั่ว เธอยังไม่เข้าใจเหรอ? จิ้นเชวี่ยกำลังใช้ความรักของเธอควบคุมเธออยู่นะ เธอจะมีสติหน่อยได้ไหม!”“พี่ชิงซู ฉันตัดสินใจไม่ได้ว่าเขาจะรักใคร แต่ลูกเป็นของเขากับฉัน เรามีลูกด้วยกัน ลูกก็คือการเชื่อมต่อระหว่างเรา เขาจะมีเยื่อใยกับฉัน ก็เหมือนพี่กับฟู่ซือเหยียน ต่อให้พวกพี่หย่ากันแล้ว แต่เพราะมีลูก ระหว่างพวกพี่จึงมีความเชื่อมโยงกันตลอด ต่อให้ไม่ใช่คนรัก อย่างน

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 609

    “จิ้นเชวี่ย คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”“ผมเคยบอกแล้วว่าผมอยากแต่งงานกับคุณ”“ฉันไม่รับปากหรอก” เสิ่นชิงซูจ้องเขาอย่างเย็นชา “จิ้นเชวี่ย คุณอย่าเป็นฟู่ไป๋เซิงคนที่สอง”“ผมไม่เหมือนกับเขา” จิ้นเชวี่ยมองเธอ ท้องนิ้วถูคางเธอเบา ๆ “อาซู คุณเคยช่วยผม ผมไม่ทำกับคุณเหมือนที่พ่อผมทำกับแม่ผมหรอก แค่คุณอยู่กับผมแต่โดยดี ผมสาบานว่าจะมอบทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับคุณ”“จิ้นเชวี่ย ฉันไม่ได้รักคุณ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับคุณ”“ความรักมันบ่มเพาะกันได้” จิ้นเชวี่ยพูด “คุณแต่งงานลับ ๆ กับฟู่ซือเหยียนห้าปี คุณก็ไม่ได้รักเขาแต่แรกสักหน่อย? ผมรู้ คุณเป็นคนใจอ่อน แค่เราอยู่ด้วยกันสักสองสามปี ยังไงคุณก็ต้องรักผม”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว รู้สึกราง ๆ ว่าความยึดมั่นที่จิ้นเชวี่ยมีต่อเธอมีสาเหตุมาจากฟู่ซือเหยียนมากกว่าใจเขาอาจเห็นฟู่ซือเหยียนเป็นศัตรูในความคิดมาตลอด“จิ้นเชวี่ย ฉันไม่สนเรื่องการแต่งงานมานานแล้ว ฉันชอบชีวิตในตอนนี้ของฉัน และฉันก็ไม่รักฟู่ซือเหยียนแล้ว คุณไม่ต้องบีบให้ฉันแต่งงานกับคุณเพื่อเอาชนะเขาหรอก”“คุณคิดว่าที่ผมจะแต่งกับคุณให้ได้ เป็นเพราะฟู่ซือเหยียนเหรอ?”“ความจริงจะใช่หรือไม่ก็ไม่สำคัญ” เสิ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 608

    ฉือกั่วเอ๋อร์จะติดต่อเธอเรื่องยกเลิกสัญญา” เสิ่นชิงซูเดินไปถึงประตู “ต่อไปเธอก็ดูแลตัวเองให้ดี”เสิ่นชิงซูพูดจบก็เปิดประตูห้อง“พี่ชิงซู” เสียงเจียงหมี่รั่วดังมาจากข้างหลังเสิ่นชิงซูหันกลับมาเจียงหมี่รั่วเอามือปิดปาก ความหมองเศร้าอัดแน่นอยู่ในดวงตา “ขอโทษค่ะ”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะพูดก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลังเธอมีลางสังหรณ์ไม่ดี จังหวะที่หมุนตัวก็ถูกปิดปากปิ่นจมูก กลิ่นแสบจมูกสายหนึ่ง จากนั้นก็หมดสติไปในพริบตา……โม่ไป๋รออยู่ที่ล็อบบีของโรงแรมเกือบหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่เห็นเสิ่นชิงซูลงมาครั้นตระหนักได้ถึงความผิดปกติ โม่ไป๋ก็โทรศัพท์ไปยังหมายเลขหนึ่ง “เหมือนว่าคุณเสิ่นยังไม่ลงมาครับ”“ขึ้นไปดูเดี๋ยวนี้”โม่ไป๋ขึ้นไปตามหาทันทีแต่ยังมีเสิ่นชิงซูอยู่ที่ไหน?…...ในตอนที่เสิ่นชิงซูฟื้นขึ้นมา เธอก็อยู่ในห้องแปลกหน้าแล้วห้องโอ่โถงมาก ตกแต่งสไตล์จีนประยุกต์เสิ่นชิงซูเลิกผ้าห่มลงจากเตียง เพิ่งเดินมาถึงประตู ประตูก็ถูกผลักออกจิ้นเชวี่ยเดินเข้ามาจากข้างนอกเสิ่นชิงซูถอยหลังสองสามก้าวตามจิตใต้สำนึก “จิ้นเชวี่ย นี่คุณทำอะไรน่ะ?”“อาซู ผมคิดว่าที่คุณไม่ชอบผม

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 607

    ห้องสวีทที่เจียงหมี่รั่วพักอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม มีความเป็นส่วนตัวสูงมากเสิ่นชิงซูเคาะประตูได้ไม่นานประตูก็เปิดออกเจียงหมี่รั่วในประตูอยู่ในชุดเดรสสีเบจ ดวงหน้าหมดจดสะอาด ริมฝีปากซีดเล็กน้อย“พี่ชิงซู ขอบคุณนะคะที่มาพบฉันได้” เจียงหมี่รั่วเริ่มพูดมาก็สะอื้นเสิ่นชิงซูเป็นผู้หญิงเหมือนกันจึงมองออก ความจริงอาการเจียงหมี่รั่วในเวลานี้ไม่ดีเลยเมื่อเธอเดินเข้าห้อง เจียงหมี่รั่วที่อยู่ด้านหลังก็ปิดประตู“พี่ชิงซู พี่จะดื่มอะไรหน่อยไหมคะ? มีกาแฟกับชา หรือว่าจะเอาน้ำผลไม้...”“หมี่รั่ว ที่ฉันมาไม่ได้จะพูดคุยเรื่องเก่าก่อน” เสิ่นชิงซูตัดบทเจียงหมี่รั่ว มองเธอแล้วพูด “เธออยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ”เจียงหมี่รั่วมองเสิ่นชิงซู ดวงตาแดงระเรื่อ“พี่ชิงซู พี่ผิดหวังกับฉันใช่ไหมคะ?”“มาถามตอนนี้จะมีความหมายอะไร” เสิ่นชิงซูมองเธอ “หมี่รั่ว ความสำเร็จที่เธอเดินมาถึงตอนนี้ ต้องพยายามทุ่มเทกายใจเท่าไร เธอรู้ดีที่สุด ตอนนี้เธอยอมทิ้งเส้นทางศิลปินเพื่อความรัก จะด้วยฐานะเจ้านายหรือเพื่อน ฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งทั้งนั้น”“แต่ฉันรักเขา...” เจียงหมี่รั่วพูดปนสะอื้น “พี่ชิงซู ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอน

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 606

    หนึ่งอาทิตย์นี้ เสิ่นชิงซูใช้โอกาสนี้ให้เด็กใหม่ในฮ่วนซิงเปิดตัวให้มาก ๆนับจากวันนั้น จิ้นเชวี่ยก็ไม่ปรากฏตัวอีกเสิ่นชิงซูนึกว่าเวลาต่อจากนี้เขาจะอยู่ที่ประเทศเอ็นเพราะเจียงหมี่รั่วตั้งครรภ์เสียอีก……กลางเดือนกุมภาพันธ์ หิมะเมืองเป่ยหยุดตกแล้วแต่อากาศยังหนาวมากเหมือนเดิมในช่วงเลิกงานของวันนี้ เสิ่นชิงซูได้รับข้อความจากเจียงหมี่รั่วเจียงหมี่รั่ว [พี่ชิงซู ฉันกลับมาแล้ว ฉันจะเจอพี่สักครั้งค่ะ]เสิ่นชิงซูแปลกใจอยู่บ้างเจียงหมี่รั่วกำลังท้องกำลังไส้ กลับมาทำไม?เสิ่นชิงซู [ถ้าจะพูดเรื่องการยกเลิกสัญญา เธอติดต่อหยางเหิงตรง ๆ ก็พอ]เจียงหมี่รั่ว [ฉันกลับเมืองก่างเพื่อตรวจสอบงานศพของแม่ พรุ่งนี้ก็จะกลับประเทศเอ็นแล้ว ไปครั้งนี้คงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก ฉันอยากเจอพี่อีกครั้งก่อนจะไป]งานศพของแม่เจียง?เสิ่นชิงซูรู้สถานการณ์ครอบครัวของเจียงหมี่รั่วพอสังเขปเจียงหมี่รั่วเกิดในหมู่บ้านที่ค่อนข้างยากจนในเมืองก่าง ในบ้านมีลูกสาวสี่คน น้องชายหนึ่งคนหมู่บ้านนั้นให้ความสำคัญกับลูกชาย เหยียดลูกสาวมากลูกสาวแต่ละครัวเรือนเกิดมาก็ถูกลิขิตต้องเป็นผู้เสียสละตอนนั้นที่เจียงหมี่รั่วอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status