Share

บทที่ 5

Author: หรงหรงจื่ออี
โจวอวี๋ชูผละตัวออกจากฟู่ซืออวี่ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบของขวัญมากมายจากข้างโซฟามา

“ของพวกนี้เป็นของที่แม่ซื้อให้ลูกหมดเลยนะ ลูกดูสิว่ามีที่ชอบบ้างไหม?”

ฟู่ซืออวี่ดวงตาเป็นประกายวาววับ “หุ่นไอรอนแมนนี่!”

“ซืออวี่ชอบหรือเปล่าจ๊ะ?” โจวอวี๋ชูลูบศีรษะเขาเบา ๆ “นี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันเลยนะ แม่วานให้เพื่อนตั้งหลายคนช่วยหาให้ กว่าจะซื้อมาได้”

“ขอบคุณครับแม่!” ฟู่ซืออวี่รับหุ่นไอรอนแมนมา เสียงสดใสของเด็กน้อยดังกังวานไปทั่วทั้งคฤหาสน์ “แม่ใจดีจังเลย!”

โจวอวี๋ชูเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ “ลูกรัก ในที่สุดลูกก็ยอมเรียกแม่ว่าแม่แล้ว”

“เมื่อกี้พ่อบอกกับผมแล้วว่า แม่ต้องลำบากมากกว่าจะคลอดผมออกมาได้”

ฟู่ซืออวี่วางหุ่นไอรอนแมนลง ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งมาซับน้ำตาให้โจวอวี๋ชู “ขอโทษนะครับแม่ เมื่อเช้าผมไม่ควรใจร้ายกับแม่เลย ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นกับแม่อีกแล้วครับ”

โจวอวี๋ชูได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลพรากยิ่งกว่าเดิม เห็นแล้วน่าสงสารมากขึ้นอีก

“ลูกรัก ลูกไม่ผิดหรอก เป็นแม่เองที่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้ไปแม่จะพยายามเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งอย่างสุดความสามารถแน่นอน”

“แม่ไม่ได้ไม่ดีเลยครับ!” ฟู่ซืออวี่เป็นฝ่ายเข้ามาสวมกอดโจวอวี๋ชู “พ่อบอกแล้วว่าแม่รักผมมากมาโดยตลอด ต่อไปผมก็จะรักแม่ให้มาก ๆ เหมือนกันครับ!”

โจวอวี๋ชูมองไปยังฟู่ซือเหยียน น้ำตาไหลเป็นสายยิ่งกว่าเก่า “ขอบคุณนะ ซือเหยียน”

ฟู่ซือเหยียนเดินเข้ามา ยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้เธอ “มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวซืออวี่จะปวดใจเอาได้”

“ใช่ครับแม่ แม่ออกจะสวยขนาดนี้ อย่าร้องไห้ไปเลยนะครับ ร้องไห้แล้วเดี๋ยวไม่สวยนะ!”

พอโจวอวี๋ชูได้ยินก็รับผ้าเช็ดหน้าจากฟู่ซือเหยียนมาซับน้ำตา “จ้ะ แม่ไม่ร้องแล้ว”

แม่ลูกยอมรับกันแล้ว ช่างอบอุ่นหวานชื่นยิ่งนัก

ฟู่ซืออวี่ได้รับของขวัญมากมายก่ายกอง จึงหอบของขวัญขึ้นไปนั่งเล่นบนโซฟา

โจวอวี๋ชูนั่งมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน

ฟู่ซือเหยียนนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวด้านข้าง ก้มหน้าใช้โทรศัพท์สะสางงาน

โจวอวี๋ชูหันมามองเขา คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว “ทางด้านคุณเสิ่น คุณคิดจะทำยังไงคะ?”

ฟู่ซือเหยียนได้ยินก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเฉยชา “ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

“หลายปีมานี้คุณเสิ่นดูแลซืออวี่ได้ดีมากนะคะ บอกตามตรง ในใจฉันมักรู้สึกผิดกับเธอ”

“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ฟู่ซือเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “ซืออวี่เป็นลูกของคุณอยู่แล้ว”

“ใช่ครับแม่!” ฟู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมาจากกองของขวัญ ปากน้อย ๆ หวานราวกับเคลือบด้วยน้ำผึ้ง “แม่คลอดผมออกมา เราจะนับแม่นับลูกกันก็สมควรอยู่แล้ว! อีกอย่างแม่สวยขนาดนี้ พ่อบอกว่าที่ผมน่ารักแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าแม่หน้าตาดี!”

“เด็กขี้ประจบ!” โจวอวี๋ชูแตะปลายจมูกของเขาเบา ๆ “ลูกอย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ชิงซูเชียวล่ะ เดี๋ยวเธอจะโกรธเอา”

“ไม่หรอกครับ!” ฟู่ซืออวี่มั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก “เธอโกรธผมไม่ลงหรอก!”

มีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาฟู่ซือเหยียนด้วยเรื่องงาน

เขาลุกขึ้น “ผมขอตัวกลับสำนักงานก่อนนะครับ”

“ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนซืออวี่เอง” โจวอวี๋ชูชะงักไปเล็กน้อยก่อนถาม “แล้วคุณจะกลับมากินข้าวเย็นไหมคะ?”

ฟู่ซือเหยียนเม้มริมฝีปากครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนกล่าวตอบ “ผมเสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณขับรถดี ๆ นะคะ”

“ไว้เจอกันครับพ่อ!”

ฟู่ซือเหยียนตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะหมุนกายจากไป

……

เวลากลางดึก ห้องบูรณะในสตูดิโอยังเปิดไฟสว่างจ้า

ผมยาวถึงเอวของหญิงสาวถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นปักผม เผยลำคอยาวขาวนวล แว่นตานิรภัยวางคาดอยู่บนสันจมูก มือสองข้างที่สวมถุงมือสีขาวถือเครื่องมือเอาไว้

เธอก้มหน้าลง แววตาจดจ่อ กำลังทำการบูรณะวัตถุโบราณในขั้นตอนสุดท้าย

คนอื่น ๆ กลับไปกันหมดแล้ว อาคารทั้งชั้นเงียบสงัดเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงเสียงเบา ๆ ดังขึ้นระหว่างที่เสิ่นชิงซูลงมือบูรณะ

ยิ่งชีวิตไม่ได้ดั่งใจ ก็จะยิ่งหย่อนยานเรื่องงานไม่ได้

หลายปีมานี้ ได้เห็นทั้งด้านอบอุ่นและเย็นชาของมนุษย์มาหมดแล้ว เสิ่นชิงซูจึงค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลข้อหนึ่งที่ว่า... นิสัยมนุษย์ยากจะแยกแยะ ใจคนยากจะคาดเดา มีเพียงเงินกับงานเท่านั้นที่เธอแค่พยายามก็จะคว้าไว้อย่างมั่นคงได้

ห้าปีที่แล้วเธออยู่ต่อที่เมืองเป่ยเพื่อดูแลฟู่ซืออวี่ เธอยอมทิ้งโอกาสที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้ อาจารย์จึงตัดการติดต่อกับเธอด้วยความโมโหชั่วขณะ

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เสิ่นชิงซูเสียใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้

เนื่องจากรู้สึกละอายใจต่ออาจารย์ที่ปรึกษาที่ทั้งคอยบ่มเพาะและให้ความสำคัญ ดังนั้นเธอจึงยังคงหาซื้อหนังสือมาศึกษาเพื่อพัฒนาตัวเองในยามว่างมาตลอดห้าปีนี้

หลังเรียนจบก็กู้เงินมาเปิดสตูดิโอ

เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ สตูดิโอก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่าตอบแทนที่เธอได้จากการรับงานก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ

เงินเก็บส่วนตัวของเธอเพียงพอให้เธอกับแม่ใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไร้ความกังวล

ความจริงทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี

ส่วนพวกคนที่ไม่อาจไขว่คว้าหรือเหนี่ยวรั้งไว้ได้ ถ้ารู้จักอยู่ให้ห่างได้ก็นับว่าเติบโตแล้ว…

พอทำงานบูรณะในส่วนสุดท้ายเสร็จ เสิ่นชิงซูก็นำวัตถุโบราณไปเก็บไว้ในกล่องบรรจุภัณฑ์

กลับมายังห้องทำงานส่วนตัว เธอตวงน้ำอุ่นแก้วหนึ่งมาดื่มจนหมดในรวดเดียว

เธอวางแก้วน้ำลง ก่อนจะเหลือบมองปฏิทินบนโต๊ะแวบหนึ่ง

หยิบปากกาขึ้นมาทำเครื่องหมายกากบาทลงบนวันที่ของวันนี้ในปฏิทิน

ยังเหลืออีกแปดวัน ก็จะถึงวันที่แม่ออกจากเรือนจำแล้ว

พยากรณ์อากาศรายงานว่าวันนั้นจะเป็นวันที่อากาศสดใส

ครืด ๆ…

มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้น

เป็นฟู่ซือเหยียนที่โทรมา

เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ก่อนจะกดรับสาย

“จะกลับเมื่อไร?” เสียงทุ้มต่ำของฟู่ซือเหยียนดังมาจากปลายสาย

เสิ่นชิงซูเหลือบมองเวลาแวบหนึ่ง ตีสองแล้ว

เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ไม่อยากขับรถกลับไปอีกครึ่งชั่วโมงแล้ว

นวดหลังคอที่ปวดเมื่อยเบา ๆ เสียงของเธอแผ่วเบาและเย็นชา “มีเรื่องอะไรคะ?”

“ซืออวี่รอให้คุณกลับมาเล่านิทานให้เขาฟังก่อนนอนอยู่”

มือข้างที่นวดคออยู่ของเสิ่นชิงซูถึงกับหยุดชะงัก

นึกถึงเรื่องตอนกลางวันที่ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ไปปลอบใจโจวอวี๋ชูขึ้นมา ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“วันนี้ฉันไม่กลับไปแล้วค่ะ” เสียงของเธอราบเรียบยิ่งนัก ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “คุณกล่อมเขาเถอะ”

พอกล่าวจบ เสิ่นชิงซูก็วางโทรศัพท์ทันที

ทว่าวินาทีต่อมาฟู่ซือเหยียนก็โทรกลับมาอีก

เสิ่นชิงซูนึกรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว จึงปิดเครื่องแล้วโยนมือถือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะผลักเปิดประตูห้องพักผ่อนแล้วเดินเข้าไป

นักบูรณะศิลป์โต้รุ่งทำโอทีเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ดังนั้นในตอนแรกที่ทำสตูดิโอ เธอจึงกั้นห้องทำเป็นห้องพักผ่อนในห้องทำงานส่วนตัว

ในห้องพักผ่อนมีห้องอาบน้ำ ของใช้ในชีวิตประจำวันตลอดจนผลิตภัณฑ์ซักล้างเสื้อผ้า

ในบางครั้งที่งานยุ่งมาก เธอก็จะพาฟู่ซืออวี่มาด้วย กล่อมฟู่ซืออวี่นอนก่อน แล้วเธอค่อยไปทำงานต่อ

ดังนั้นในห้องพักผ่อนนี้จึงมีของใช้ในชีวิตประจำวันของฟู่ซืออวี่อยู่ด้วย

หลังอาบน้ำเสร็จ เสิ่นชิงซูเปลี่ยนมาสวมชุดนอน ขณะกำลังตั้งท่าจะนอนลงก็มีเสียงร้องไห้โวยวายของเด็กดังมาจากด้านนอก

“แม่ครับ! แม่ แม่เปิดประตูสิครับ…”

เสิ่นชิงซูอึ้งงัน

ฟู่ซืออวี่?

เธอออกมาจากห้องทำงาน รีบเดินไปยังประตูบานใหญ่ของสตูดิโอ

อีกฝั่งหนึ่งของประตูกระจก ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ที่กำลังร้องไห้โวยวายไม่หยุดพลางมองเธอ

ฟู่ซืออวี่อยู่ในชุดนอนที่สวมทับไว้ด้วยเสื้อกันหนาวขนเป็ดแค่ตัวเดียว

เท้าเล็กคู่นั้นว่างเปล่า ไม่ได้สวมแม้กระทั่งถุงเท้า

อุณหภูมิข้างนอกในคืนฤดูหนาวในเมืองเป่ยติดลบเกือบสามสิบองศา

ฟู่ซืออวี่ภูมิต้านทานต่ำขนาดนั้น เกิดเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร!

เสิ่นชิงซูเริ่มรู้สึกฉุนเฉียว เธอเดินเข้าไปเปิดประตู “ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังต้องพาเขาออกมา…”

“แม่ครับ!”

ฟู่ซืออวี่ผละตัวออกจากฟู่ซือเหยียนแล้วกระโจนเข้ามาหาเสิ่นชิงซูทันที

เสิ่นชิงซูเอื้อมมือออกไปรับตัวเขาตามจิตใต้สำนึก

ฟู่ซืออวี่กอดคอเสิ่นชิงซูไว้แน่น มุดหน้าไว้ในซอกคอเธอพลางร้องไห้ยกใหญ่

“แม่ครับ แม่ไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม! ฮือ ๆ ๆ แม่จะทิ้งผมไม่ได้นะ…”

หัวคิ้วของเสิ่นชิงซูขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าดูซีดขาวอยู่บ้าง

ท้องน้อยที่เดิมทีหายเจ็บแล้วปวดหน่วงขึ้นมาทันใด…
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 100

    แกร้ง!เสียงมีดผ่าตัดหล่นลงพื้นดังขึ้นอย่างชัดเจนแพทย์วิสัญญีที่กำลังจะฉีดยาก็ชะงักทันที!หัวหน้าเจียงขมวดคิ้ว มองไปยังผู้ช่วยคนที่หนึ่ง “เธอเป็นอะไรไป?”ผู้ช่วยคนที่หนึ่งทำหน้าไร้เดียงสา “ไม่ใช่ฉันนะคะ นี่มัน...”ทันใดนั้นแพทย์วิสัญญีก็ดึงเข็มฉีดยาออก “แผ่นดินไหว!”เสิ่นชิงซูเบิกตาโพลงขึ้นทันที......ไฟผ่าตัดเหนือศีรษะกะพริบติด ๆ ดับ ๆ เธอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย เตียงผ่าตัดใต้ร่างกำลังสั่นไหว!ในวินาทีต่อมา เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นทั่วทั้งโรงพยาบาล!“หยุดการผ่าตัด! อพยพไปทางหนีไฟเร็วเข้า...”เสิ่นชิงซูงุนงงไปหมด ถูกเฉียวซิงเจียและแพทย์วิสัญญีประคองลงจากเตียงผ่าตัดประตูห้องผ่าตัดเปิดออก ทางเดินเต็มไปด้วยผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ สถานการณ์วุ่นวายอยู่พักหนึ่งเวินจิ่งซีเห็นพวกเธอออกมาก็รีบเข้าไปหา“เป็นยังไงบ้าง? ผ่าตัดไปหรือยัง?”“ออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” เฉียวซิงเจียพูดพร้อมกับประคองเสิ่นชิงซูเวินจิ่งซีพยักหน้า ร่างสูงใหญ่ของเขาคอยป้องกันพวกเธอขณะเดินไปยังทางหนีไฟ...โชคดีที่แผ่นดินไหวหยุดลงอย่างรวดเร็วในขณะนี้ ทั้งทางหนีไฟและทางเดินต่างเต็มไปด้วยผู้คนถึงแ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 99

    เสิ่นชิงซูต้องตรวจเจอว่าท้องตั้งนานแล้วแน่ ๆ และที่สำคัญคือเธอไม่เคยคิดจะบอกเขาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ!ฟู่ซือเหยียนนึกถึงวันนั้น...วันนั้นทั้งลมทั้งหิมะรุนแรงขนาดนั้น ท่าทีของเสิ่นชิงซูก็เด็ดเดี่ยวขนาดนั้น ทำให้เขาในตอนนั้นถูกความโกรธเข้าครอบงำจนหน้ามืดตามัว กลับมองข้ามรายละเอียดที่สำคัญที่สุดไป!รถเมย์บัคแล่นด้วยความเร็วสูงอยู่บนถนนในเมือง เปลี่ยนเลนอย่างอันตรายอยู่หลายครั้ง แต่ความเร็วกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย!ภายในรถ มือที่กุมพวงมาลัยของฟู่ซือเหยียนเกร็งแน่น ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเย็นชานี่เสิ่นชิงซูวางแผนที่จะหย่าทั้ง ๆ ที่ท้องลูกของเขา แล้วไปคบกับเวินจิ่งซีอย่างนั้นเหรอ?เธอคิดจะให้ลูกของเขาเรียกคนอื่นว่าพ่องั้นเหรอ?ริมฝีปากบางของชายหนุ่มที่เม้มแน่นอยู่พลันโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน“เหอะ เสิ่นชิงซู คุณนี่มันแน่จริง ๆ!”ฟู่ซือเหยียนกุมพวงมาลัยด้วยมือเดียว เปิดรายชื่อผู้ติดต่อ แล้วโทรออกหาฉินเยี่ยนเฉิง“เสิ่นชิงซูอยู่ที่โรงพยาบาลพวกนาย นายรีบช่วยฉันเช็คประวัติการรักษาของเธอให้หน่อยสิ...”ปรี๊น ปรี๊น...ทันใดนั้นก็มีรถบรรทุกคันใหญ่ฝ่าไฟแดงพุ่งออกมาจากสี่แยกข้างหน้า!ฟู่ซือ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 98

    เฉียวซิงเจียช่วยเสิ่นชิงซูทำเรื่องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก่อน จากนั้นก็พาเธอไปที่ห้องผู้ป่วยเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดของโรงพยาบาลหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นอีกสองสามอย่างผลตรวจจะออกในอีกครึ่งชั่วโมงเวลาแห่งการรอนั้นยาวนานและทรมาน เสิ่นชิงซูยืนอยู่ริมหน้าต่าง ไม่พูดอะไรสักคำเฉียวซิงเจียและเวินจิ่งซีอยู่เป็นเพื่อนเธอเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าไปรบกวนครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผลตรวจออกมา ทุกอย่างเป็นปกติ สามารถทำการผ่าตัดได้ในขณะเดียวกัน ทางห้องผ่าตัดก็ส่งข่าวมาว่าเตรียมพร้อมแล้ว“อาซู” เฉียวซิงเจียเรียกเธอ “เราต้องไปที่ห้องผ่าตัดแล้วนะ”เมื่อได้ยินดังนั้น ขนตาของเสิ่นชิงซูก็สั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมาเฉียวซิงเจียเดินเข้ามาสวมกอดเธอ “ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง”เสิ่นชิงซูตอบรับเสียงเบา “อืม”เวินจิ่งซียืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักทั้งสามคนมาถึงหน้าห้องผ่าตัด เวินจิ่งซีหยุดเดินเฉียวซิงเจียควงแขนเสิ่นชิงซูเดินเข้าไป ประตูห้องผ่าตัดปิดลงอย่างหนักหน่วง......ศาลประชาชนเมืองเป่ย ผู

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 97

    “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ” เสิ่นชิงซูเม้มปากถอนหายใจเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า “ฉันขอบคุณในความหวังดีของคุณมากนะ แต่ฉันตัดสินใจไปแล้ว”เวินจิ่งซีลุกขึ้นยืนตาม จ้องมองเธอแล้วถามย้ำ “แน่ใจแล้วเหรอครับ?”“อืม” เสิ่นชิงซูพยักหน้า น้ำเสียงหนักแน่น “ตอนแรกฉันยังคิดอยู่เลยว่าหลังผ่าตัดจะปิดบังคุณยังไงดี แต่ในเมื่อตอนนี้คุณรู้แล้ว ก็ช่วยฉันเก็บเป็นความลับด้วยแล้วกันนะ”เวินจิ่งซีเห็นว่าเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงไม่ได้พูดเกลี้ยกล่อมอะไรต่อ“คุณวางใจได้เลย ผมช่วยคุณเก็บเป็นความลับแน่นอน” เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วถามต่อ “พรุ่งนี้คุณผ่าตัดกี่โมงเหรอ?”“เก้าโมงค่ะ”“งั้นพรุ่งนี้ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาล”“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เสิ่นชิงซูไม่อยากรบกวนเวินจิ่งซี “ซิงซิงอยู่ที่โรงพยาบาล เดี๋ยวเธอจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อยเอง”“อาจารย์กับภรรยาของอาจารย์กำชับผมนักหนาก่อนที่เขาจะไป ว่าต้องดูแลคุณให้ดี” เวินจิ่งซีพูด “คุณจะให้ผมช่วยเก็บเป็นความลับ งั้นอย่างน้อยผมก็ต้องอยู่เฝ้าคุณ ให้แน่ใจว่าการผ่าตัดของคุณเรียบร้อยดี ผมถึงจะวางใจได้!”เสิ่นชิงซูยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เวินจิ่งซีก็ชิงพูดตัดหน้าขึ้นก่

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 96

    ฟู่ซือเหยียนพาฟู่ซืออวี่จากไป พร้อมกับแมวพันธุ์แร็กดอลล์ที่โจวอวี๋ชูย้ำนักย้ำหนาว่าเสิ่นชิงซูจะต้องชอบหลังจากพวกเขาไปแล้ว เสิ่นชิงซูที่ฝืนทนมาตลอดก็ล้มพับลงเวินจิ่งซีรับร่างที่อ่อนแรงของเธอไว้ แล้วอุ้มเธอไปวางบนโซฟาในห้องทำงานเสิ่นชิงซูพิงโซฟา มือข้างหนึ่งกุมหน้าอก หายใจหอบถี่ ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษนี่คืออาการหายใจเร็วเกินไปที่เกิดจากอารมณ์ที่รุนแรงเกินไปเวินจิ่งซีใช้มือปิดปากเธอ แล้วแนะนำอย่างใจเย็น “คุณหายใจเร็วเกินไป ปิดปาก แล้วทำตามจังหวะผมนะ หนึ่ง สอง หายใจ ใช่ แบบนั้นแหละ หนึ่ง สอง หายใจ...”ด้วยความช่วยเหลือของเวินจิ่งซี ในที่สุดการหายใจของเสิ่นชิงซูก็กลับมาเป็นปกติเวินจิ่งซีรินน้ำอุ่นแก้วหนึ่ง ส่งไปจ่อที่ริมฝีปากเธอ “ดื่มน้ำหน่อยนะ”เสิ่นชิงซูพิงโซฟาอยู่ หลังจากดื่มน้ำอุ่นไปครึ่งแก้ว ร่างกายที่เกร็งอยู่ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงเวินจิ่งซีคว้าหมอนอิงใบหนึ่งมารองหลังให้เธอ “พิงไว้จะสบายขึ้นหน่อย”เสิ่นชิงซูมองเวินจิ่งซี ริมฝีปากที่ซีดเซียวเม้มขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณค่ะ”จากการที่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายวันนี้ เธอพบว่าถึงแม้เวินจิ่งซีจะปากร้ายไปหน่อย แต

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 95

    เสิ่นชิงซูมองฟู่ซือเหยียน ถ้อยคำของเขาแทงใจจนเธอต้องยิ้มทั้งน้ำตา“ฟู่ซือเหยียน ลูกชายของคุณเขามีแม่ของเขาอยู่แล้ว แม่ของเขาชื่อโจวอวี๋ชู ไม่ใช่ฉันเสิ่นชิงซู! แล้วก็ ในเมื่อคุณคิดว่าฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่ใช่แม่ที่ได้เรื่อง งั้นก็ได้ ฉันยอมรับ! เป็นฉันเองที่ไม่คู่ควรจะเป็นแม่ของฟู่ซืออวี่ เพราะฉะนั้นตอนนี้เชิญคุณพาลูกชายของคุณไสหัวออกไปจากที่ของฉันได้แล้ว!”เสิ่นชิงซูพูดรวดเดียวจบ ก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย ร่างบางโงนเงนเหมือนจะล้มเวินจิ่งซีรีบเข้าไปประคองเธอไว้ ก้มลงกระซิบถามข้างหูเบา ๆ “คุณยังโอเคไหม?”เสิ่นชิงซูสูดหายใจลึก ภาพที่พร่ามัวกลับมาชัดเจนขึ้น เธอส่ายหน้า “ยังไหว”ฟู่ซือเหยียนมองการกระทำของคนทั้งสอง สันกรามล่างเกร็งแน่น แววตาเย็นเยียบในขณะที่ฟู่ซืออวี่กำลังจ้องมองเสิ่นชิงซูอย่างเหม่อลอย ปากเล็ก ๆ ยังอ้าค้างอยู่ แต่กลับลืมไปแล้วว่าต้องร้องไห้เมื่อกี้แม่พูดว่าอะไรนะ?แม่...ไม่ต้องการเขาแล้วจริง ๆ เหรอ?ความหวาดกลัวอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาในใจของฟู่ซืออวี่ มือที่โอบคอฟู่ซือเหยียนอยู่กระชับแน่นขึ้น “พ่อครับ แม่แค่พูดประชดใช่ไหมครับ? แม่เป็นแม่ของผม แม่ไม่มีทางไม่ต้องการผมใช่ไหมค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status