Share

บทที่ 5

Author: หรงหรงจื่ออี
โจวอวี๋ชูผละตัวออกจากฟู่ซืออวี่ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบของขวัญมากมายจากข้างโซฟามา

“ของพวกนี้เป็นของที่แม่ซื้อให้ลูกหมดเลยนะ ลูกดูสิว่ามีที่ชอบบ้างไหม?”

ฟู่ซืออวี่ดวงตาเป็นประกายวาววับ “หุ่นไอรอนแมนนี่!”

“ซืออวี่ชอบหรือเปล่าจ๊ะ?” โจวอวี๋ชูลูบศีรษะเขาเบา ๆ “นี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันเลยนะ แม่วานให้เพื่อนตั้งหลายคนช่วยหาให้ กว่าจะซื้อมาได้”

“ขอบคุณครับแม่!” ฟู่ซืออวี่รับหุ่นไอรอนแมนมา เสียงสดใสของเด็กน้อยดังกังวานไปทั่วทั้งคฤหาสน์ “แม่ใจดีจังเลย!”

โจวอวี๋ชูเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ “ลูกรัก ในที่สุดลูกก็ยอมเรียกแม่ว่าแม่แล้ว”

“เมื่อกี้พ่อบอกกับผมแล้วว่า แม่ต้องลำบากมากกว่าจะคลอดผมออกมาได้”

ฟู่ซืออวี่วางหุ่นไอรอนแมนลง ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งมาซับน้ำตาให้โจวอวี๋ชู “ขอโทษนะครับแม่ เมื่อเช้าผมไม่ควรใจร้ายกับแม่เลย ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นกับแม่อีกแล้วครับ”

โจวอวี๋ชูได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลพรากยิ่งกว่าเดิม เห็นแล้วน่าสงสารมากขึ้นอีก

“ลูกรัก ลูกไม่ผิดหรอก เป็นแม่เองที่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้ไปแม่จะพยายามเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งอย่างสุดความสามารถแน่นอน”

“แม่ไม่ได้ไม่ดีเลยครับ!” ฟู่ซืออวี่เป็นฝ่ายเข้ามาสวมกอดโจวอวี๋ชู “พ่อบอกแล้วว่าแม่รักผมมากมาโดยตลอด ต่อไปผมก็จะรักแม่ให้มาก ๆ เหมือนกันครับ!”

โจวอวี๋ชูมองไปยังฟู่ซือเหยียน น้ำตาไหลเป็นสายยิ่งกว่าเก่า “ขอบคุณนะ ซือเหยียน”

ฟู่ซือเหยียนเดินเข้ามา ยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้เธอ “มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวซืออวี่จะปวดใจเอาได้”

“ใช่ครับแม่ แม่ออกจะสวยขนาดนี้ อย่าร้องไห้ไปเลยนะครับ ร้องไห้แล้วเดี๋ยวไม่สวยนะ!”

พอโจวอวี๋ชูได้ยินก็รับผ้าเช็ดหน้าจากฟู่ซือเหยียนมาซับน้ำตา “จ้ะ แม่ไม่ร้องแล้ว”

แม่ลูกยอมรับกันแล้ว ช่างอบอุ่นหวานชื่นยิ่งนัก

ฟู่ซืออวี่ได้รับของขวัญมากมายก่ายกอง จึงหอบของขวัญขึ้นไปนั่งเล่นบนโซฟา

โจวอวี๋ชูนั่งมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน

ฟู่ซือเหยียนนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวด้านข้าง ก้มหน้าใช้โทรศัพท์สะสางงาน

โจวอวี๋ชูหันมามองเขา คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว “ทางด้านคุณเสิ่น คุณคิดจะทำยังไงคะ?”

ฟู่ซือเหยียนได้ยินก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเฉยชา “ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

“หลายปีมานี้คุณเสิ่นดูแลซืออวี่ได้ดีมากนะคะ บอกตามตรง ในใจฉันมักรู้สึกผิดกับเธอ”

“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ฟู่ซือเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “ซืออวี่เป็นลูกของคุณอยู่แล้ว”

“ใช่ครับแม่!” ฟู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมาจากกองของขวัญ ปากน้อย ๆ หวานราวกับเคลือบด้วยน้ำผึ้ง “แม่คลอดผมออกมา เราจะนับแม่นับลูกกันก็สมควรอยู่แล้ว! อีกอย่างแม่สวยขนาดนี้ พ่อบอกว่าที่ผมน่ารักแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าแม่หน้าตาดี!”

“เด็กขี้ประจบ!” โจวอวี๋ชูแตะปลายจมูกของเขาเบา ๆ “ลูกอย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ชิงซูเชียวล่ะ เดี๋ยวเธอจะโกรธเอา”

“ไม่หรอกครับ!” ฟู่ซืออวี่มั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก “เธอโกรธผมไม่ลงหรอก!”

มีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาฟู่ซือเหยียนด้วยเรื่องงาน

เขาลุกขึ้น “ผมขอตัวกลับสำนักงานก่อนนะครับ”

“ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนซืออวี่เอง” โจวอวี๋ชูชะงักไปเล็กน้อยก่อนถาม “แล้วคุณจะกลับมากินข้าวเย็นไหมคะ?”

ฟู่ซือเหยียนเม้มริมฝีปากครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนกล่าวตอบ “ผมเสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณขับรถดี ๆ นะคะ”

“ไว้เจอกันครับพ่อ!”

ฟู่ซือเหยียนตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะหมุนกายจากไป

……

เวลากลางดึก ห้องบูรณะในสตูดิโอยังเปิดไฟสว่างจ้า

ผมยาวถึงเอวของหญิงสาวถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นปักผม เผยลำคอยาวขาวนวล แว่นตานิรภัยวางคาดอยู่บนสันจมูก มือสองข้างที่สวมถุงมือสีขาวถือเครื่องมือเอาไว้

เธอก้มหน้าลง แววตาจดจ่อ กำลังทำการบูรณะวัตถุโบราณในขั้นตอนสุดท้าย

คนอื่น ๆ กลับไปกันหมดแล้ว อาคารทั้งชั้นเงียบสงัดเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงเสียงเบา ๆ ดังขึ้นระหว่างที่เสิ่นชิงซูลงมือบูรณะ

ยิ่งชีวิตไม่ได้ดั่งใจ ก็จะยิ่งหย่อนยานเรื่องงานไม่ได้

หลายปีมานี้ ได้เห็นทั้งด้านอบอุ่นและเย็นชาของมนุษย์มาหมดแล้ว เสิ่นชิงซูจึงค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลข้อหนึ่งที่ว่า... นิสัยมนุษย์ยากจะแยกแยะ ใจคนยากจะคาดเดา มีเพียงเงินกับงานเท่านั้นที่เธอแค่พยายามก็จะคว้าไว้อย่างมั่นคงได้

ห้าปีที่แล้วเธออยู่ต่อที่เมืองเป่ยเพื่อดูแลฟู่ซืออวี่ เธอยอมทิ้งโอกาสที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้ อาจารย์จึงตัดการติดต่อกับเธอด้วยความโมโหชั่วขณะ

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เสิ่นชิงซูเสียใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้

เนื่องจากรู้สึกละอายใจต่ออาจารย์ที่ปรึกษาที่ทั้งคอยบ่มเพาะและให้ความสำคัญ ดังนั้นเธอจึงยังคงหาซื้อหนังสือมาศึกษาเพื่อพัฒนาตัวเองในยามว่างมาตลอดห้าปีนี้

หลังเรียนจบก็กู้เงินมาเปิดสตูดิโอ

เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ สตูดิโอก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่าตอบแทนที่เธอได้จากการรับงานก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ

เงินเก็บส่วนตัวของเธอเพียงพอให้เธอกับแม่ใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไร้ความกังวล

ความจริงทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี

ส่วนพวกคนที่ไม่อาจไขว่คว้าหรือเหนี่ยวรั้งไว้ได้ ถ้ารู้จักอยู่ให้ห่างได้ก็นับว่าเติบโตแล้ว…

พอทำงานบูรณะในส่วนสุดท้ายเสร็จ เสิ่นชิงซูก็นำวัตถุโบราณไปเก็บไว้ในกล่องบรรจุภัณฑ์

กลับมายังห้องทำงานส่วนตัว เธอตวงน้ำอุ่นแก้วหนึ่งมาดื่มจนหมดในรวดเดียว

เธอวางแก้วน้ำลง ก่อนจะเหลือบมองปฏิทินบนโต๊ะแวบหนึ่ง

หยิบปากกาขึ้นมาทำเครื่องหมายกากบาทลงบนวันที่ของวันนี้ในปฏิทิน

ยังเหลืออีกแปดวัน ก็จะถึงวันที่แม่ออกจากเรือนจำแล้ว

พยากรณ์อากาศรายงานว่าวันนั้นจะเป็นวันที่อากาศสดใส

ครืด ๆ…

มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้น

เป็นฟู่ซือเหยียนที่โทรมา

เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ก่อนจะกดรับสาย

“จะกลับเมื่อไร?” เสียงทุ้มต่ำของฟู่ซือเหยียนดังมาจากปลายสาย

เสิ่นชิงซูเหลือบมองเวลาแวบหนึ่ง ตีสองแล้ว

เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ไม่อยากขับรถกลับไปอีกครึ่งชั่วโมงแล้ว

นวดหลังคอที่ปวดเมื่อยเบา ๆ เสียงของเธอแผ่วเบาและเย็นชา “มีเรื่องอะไรคะ?”

“ซืออวี่รอให้คุณกลับมาเล่านิทานให้เขาฟังก่อนนอนอยู่”

มือข้างที่นวดคออยู่ของเสิ่นชิงซูถึงกับหยุดชะงัก

นึกถึงเรื่องตอนกลางวันที่ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ไปปลอบใจโจวอวี๋ชูขึ้นมา ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“วันนี้ฉันไม่กลับไปแล้วค่ะ” เสียงของเธอราบเรียบยิ่งนัก ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “คุณกล่อมเขาเถอะ”

พอกล่าวจบ เสิ่นชิงซูก็วางโทรศัพท์ทันที

ทว่าวินาทีต่อมาฟู่ซือเหยียนก็โทรกลับมาอีก

เสิ่นชิงซูนึกรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว จึงปิดเครื่องแล้วโยนมือถือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะผลักเปิดประตูห้องพักผ่อนแล้วเดินเข้าไป

นักบูรณะศิลป์โต้รุ่งทำโอทีเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ดังนั้นในตอนแรกที่ทำสตูดิโอ เธอจึงกั้นห้องทำเป็นห้องพักผ่อนในห้องทำงานส่วนตัว

ในห้องพักผ่อนมีห้องอาบน้ำ ของใช้ในชีวิตประจำวันตลอดจนผลิตภัณฑ์ซักล้างเสื้อผ้า

ในบางครั้งที่งานยุ่งมาก เธอก็จะพาฟู่ซืออวี่มาด้วย กล่อมฟู่ซืออวี่นอนก่อน แล้วเธอค่อยไปทำงานต่อ

ดังนั้นในห้องพักผ่อนนี้จึงมีของใช้ในชีวิตประจำวันของฟู่ซืออวี่อยู่ด้วย

หลังอาบน้ำเสร็จ เสิ่นชิงซูเปลี่ยนมาสวมชุดนอน ขณะกำลังตั้งท่าจะนอนลงก็มีเสียงร้องไห้โวยวายของเด็กดังมาจากด้านนอก

“แม่ครับ! แม่ แม่เปิดประตูสิครับ…”

เสิ่นชิงซูอึ้งงัน

ฟู่ซืออวี่?

เธอออกมาจากห้องทำงาน รีบเดินไปยังประตูบานใหญ่ของสตูดิโอ

อีกฝั่งหนึ่งของประตูกระจก ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ที่กำลังร้องไห้โวยวายไม่หยุดพลางมองเธอ

ฟู่ซืออวี่อยู่ในชุดนอนที่สวมทับไว้ด้วยเสื้อกันหนาวขนเป็ดแค่ตัวเดียว

เท้าเล็กคู่นั้นว่างเปล่า ไม่ได้สวมแม้กระทั่งถุงเท้า

อุณหภูมิข้างนอกในคืนฤดูหนาวในเมืองเป่ยติดลบเกือบสามสิบองศา

ฟู่ซืออวี่ภูมิต้านทานต่ำขนาดนั้น เกิดเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร!

เสิ่นชิงซูเริ่มรู้สึกฉุนเฉียว เธอเดินเข้าไปเปิดประตู “ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังต้องพาเขาออกมา…”

“แม่ครับ!”

ฟู่ซืออวี่ผละตัวออกจากฟู่ซือเหยียนแล้วกระโจนเข้ามาหาเสิ่นชิงซูทันที

เสิ่นชิงซูเอื้อมมือออกไปรับตัวเขาตามจิตใต้สำนึก

ฟู่ซืออวี่กอดคอเสิ่นชิงซูไว้แน่น มุดหน้าไว้ในซอกคอเธอพลางร้องไห้ยกใหญ่

“แม่ครับ แม่ไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม! ฮือ ๆ ๆ แม่จะทิ้งผมไม่ได้นะ…”

หัวคิ้วของเสิ่นชิงซูขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าดูซีดขาวอยู่บ้าง

ท้องน้อยที่เดิมทีหายเจ็บแล้วปวดหน่วงขึ้นมาทันใด…
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 307

    เสี่ยวเนี่ยนอันขมวดคิ้วไม่ได้พูด แต่ก้มหน้ามองตะเกียบเด็กที่ตัวเองถืออยู่ในมือท่าทางการจับตะเกียบของเขาไม่ถูกเสี่ยวอันหนิงจึงหยุดแล้วสอนเขาว่าต้องใช้ตะเกียบเด็กอย่างไรด้วยตัวเอง“เอานิ้วโป้งไว้ตรงนี้ นิ้วชี้ไว้ตรงนี้...ใช่แล้ว เสี่ยวเนี่ยนอันเก่งจังเลย งั้นตอนนี้ลองดูสิ ทำเหมือนกับฉัน คีบเนื้อ คีบขึ้นมา อ้าปาก อ้ำ~ภายใต้การสอนด้วยความอดทนของเสี่ยวอันหนิง เสี่ยวเนี่ยนอันใช้ตะเกียบเด็กคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากได้สำเร็จเสี่ยวอันหนิงวางตะเกียบลงทันที ตามด้วยปรบมือ “เสี่ยวเนี่ยนอันสุดยอดไปเลย! ตอนที่ฉันเพิ่งเริ่มใช้ตะเกียบนี่ต้องเรียนตั้งหลายวันแน่ะถึงจะเป็น แต่เสี่ยวเนี่ยนอันเป็นอัจฉริยะน้อย เรียนครั้งเดียวก็เป็นแล้ว!”เสี่ยวเนี่ยนอันได้รับคำชมจึงอาย ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อเขามองไปทางเฟิงอวิ๋นเฉียนด้วยความอายเล็กน้อยเฟิงอวิ๋นเฉียนดื่มเหล้านิดหน่อย มึนนิด ๆเมื่อกี้เขาเห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมของลูกชายแล้วเขาวางแก้วเหล้าลง แล้วยกมือใหญ่ยีหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน “เนี่ยนอันก้าวหน้ามากเลยนะ”เสี่ยวเนี่ยนอันได้รับคำชมจึงดีใจมาก ยกมุมปาก แย้มยิ้มขี้อายเสิ่นชิงซูสังเกตปฏิสัมพันธ์ขอ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 306

    เวินจิ่งซีเม้มริมฝีปาก ก่อนจะพยักหน้าด้วยท่าทางหนักอกมีดในมือเสิ่นชิงซูร่วงตกลงพื้น“ระวัง!”เวินจิ่งซีรีบไปดึงเธอออกไป๋เจี้ยนเหวินตกใจกับเสียงจึงรีบปิดไฟกระทะผัดแล้วหันมามองเสิ่นชิงซูเห็นเธอมีสีหน้าแปลกไป ไป๋เจี้ยนเหวินจึงขมวดคิ้ว “เป็นอะไรไปน่ะ?”เสิ่นชิงซูหน้าซีดเผือด ดวงตาแดงก่ำโจวอวี๋ชูทำให้ลูกชายของเธอตายแต่เมื่อกี้เธอทำอะไรลงไป?เมื่อกี้เธอยังอุ้มเด็กคนนั้น...เสิ่นชิงซูหลับตาลง ข่มอารมณ์แล้วพูด “ให้เฟิงอวิ๋นเฉียนพาเด็กคนนั้นไป เอาไปเดี๋ยวนี้!”เธอรู้ว่าเด็กบริสุทธิ์แต่แม่ของเด็กคนนั้นคือฆาตกรที่ทำให้ลูกชายของเธอตาย!ไป๋เจี้ยนเหวินพยุงเสิ่นชิงซูพลางมองเวินจิ่งซี “ยังยืนเฉยทำไม รีบไปสิ!”เวินจิ่งซีถอนหายใจและหมุนตัวออกจากห้องครัว เกือบได้เจอกับเฟิงอวิ๋นเฉียนแล้วเฟิงอวิ๋นเฉียนอยากเข้าห้องครัว แต่เวินจิ่งซีขวางเขาไว้ทัน“คุณทำอะไรน่ะ?”เวินจิ่งซีขมวดคิ้วจ้องเขา “อาซูรู้แล้วว่าเสี่ยวเนี่ยนอันคือลูกของคุณกับโจวอวี๋ เธอไม่ให้อภัยชูโจวอวี๋ชู ถ้าคุณยังมีหัวใจเหลืออยู่ก็รีบพาลูกชายของคุณไสหัวไปเถอะ!”เฟิงอวิ๋นเฉียนมองเวินจิ่งซีด้วยสายตาราบเรียบ “เนี่ยนอันเป็นลูกช

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 305

    เสี่ยวเนี่ยนอันพยักหน้าเสิ่นชิงซูนั่งยองลงอีกครั้ง มองเขาแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสียงของเสี่ยวเนี่ยนอันไพเราะมาก น้าอยากฟังอีกจังเลย ได้ไหมจ๊ะ?”เสี่ยวเนี่ยนอันอ้าปาก ค่อย ๆ เปล่งเสียงออกมาคำหนึ่งช้า ๆ “ครับ”“เก่งจังเลย!” เสิ่นชิงซูลูบศีรษะของเขา ตามด้วยมองเสี่ยวอันหนิง “ลูกพาเสี่ยวเนี่ยนอันไปเล่นก่อนเถอะ”“ได้ค่ะ!”เสี่ยวอันหนิงจูงมือเสี่ยวเนี่ยนอันวิ่งไปเล่นที่ห้องรับแขกอย่างสุขสันต์ทันทีเสี่ยวเนี่ยนอันยินดีตามเสี่ยวอันหนิงไปเสี่ยวอันหนิงขนกล่องของเล่นตัวเองออกไปแล้วเทของออกทั้งหมด “เสี่ยวเนี่ยนอัน ของเล่นพวกนี้เลือกได้ตามสบายเลยนะ ชอบอันไหนฉันจะให้ แต่เลือกได้แค่ชิ้นเดียวนะ~”เด็กสองคนเล่นกันเอง ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องกังวลเสิ่นชิงซูลุกขึ้นยืนมองจางอวิ๋นและถาม “เสี่ยวเนี่ยนอันกี่ขวบแล้วคะ?“เดือนที่แล้วเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบสามปีไปค่ะ”เสิ่นชิงซูพยักหน้า “งั้นก็เด็กกว่าเสี่ยวอันหนิงไปปีหนึ่ง สามขวบยังเด็ก พวกคุณอย่ายอมแพ้กับเขานะ อย่างอื่นเขาฟังรู้เรื่องหมด แค่ว่าจิตใจอ่อนไหวกว่าเด็กคนอื่น ผู้ใหญ่ต้องแนะนำด้วยความอดทนเป็นเวลานาน“คุณพูดถูกค่ะ เจ้านายรักคุณชายน้อยมาก เขา

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 304

    เสี่ยวเนี่ยนอันมีตรวจพบว่ามีแนวโน้มปิดกั้นตัวเองตั้งแต่สองขวบนับจากตรวจพบ จางอวิ๋นกับครูพี่เลี้ยงอีกคนหนึ่งเพียรพยายามแนะนำเสี่ยวเนี่ยนอันอยู่ตลอด กลับได้ผลผิดจากที่หวังทว่าเวลานี้ เสี่ยวอันหนิงกับเสิ่นชิงซูกลับเปลี่ยนแปลงเสี่ยวเนี่ยนอันได้อย่างง่ายดายจางอวิ๋นรู้สึกว่าอัศจรรย์ใจมาก!ไม่เพียงจางอวิ๋น แม้แต่เจี่ยงเหวินจิ่นกับเวินจิ่งซีก็ประหลาดใจมากเหมือนกันเวินจิ่งซีกระซิบบ่น “มิน่าฟู่ซือเหยียนถึงไม่ยอมหย่าสักที ดวงสมพงษ์กับเด็กที่มีมากอย่างนี้ คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ไหนบ้างจะไม่หวั่นไหว!”เจี่ยงเหวินจิ่นถลึงตาใส่เขา “วันดี ๆ อย่าพูดถึงตัวซวย!”เวินจิ่งซี “...ก็ได้ครับ!”เสิ่นชิงซูนั่งยองลงมองเสี่ยวเนี่ยนอันด้วยความอ่อนโยน “เสี่ยวเนี่ยนอัน น้าอุ้มหนูได้ไหมจ๊ะ?”เสี่ยวเนี่ยนอันกะพริบตาปริบ ๆ หน้าเป๋อเหลอนาทีนี้บรรยากาศเงียบกริบทันใดทุกคนกำลังรอปฏิกิริยาของเสี่ยวเนี่ยนอันแม้แต่เสี่ยวอันหนิงก็ไม่กล้าพูดสักแอะ แค่ยืนจ้องเสี่ยวเนี่ยนอันอยู่ด้านข้างเงียบ ๆเวลาผ่านไปทุกนาที เสี่ยวเนี่ยนอันยังไม่ตอบสนองพวกผู้ใหญ่ต่างเข้าใจ การขอแบบนี้เป็นการฝืนเสี่ยวเนี่ยนอันเกินไป“ไม่เป็นไ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 303

    เสิ่นชิงซูลูกชิ้นหัวสิงโตที่เพิ่งทำเสร็จออกมาจากห้องครัว“เสี่ยวอันหนิงอย่าเข้ามา ระวังร้อนนะ”เสี่ยวอันหนิงได้ยินหย่างนั้นจึงลากเสี่ยวเนี่ยนอันหลบไปอีกทางหนึ่งทันทีกระทั่งเห็นเสิ่นชิงซูวางอาหารไว้บนโต๊ะแล้ว เสี่ยวอันหนิงจึงลากเสี่ยวเนี่ยนอันเดินไปตรงหน้าเสิ่นชิงซู“แม่คะ แม่ดูสิ นี่คือเสี่ยวเนี่ยนอัน!”เสี่ยวอันหนิงผลักเสี่ยวเนี่ยอันไปตรงหน้าเสิ่นชิงซูเสิ่นชิงซูยิ้ม ลูกสาวเป็นพวกเข้าสังคมเก่งคนหนึ่ง ชอบพาเพื่อนมาที่บ้าน เธอชินกับเรื่องแบบนี้นานแล้วเธอนั่งยองลงเหมือนทุกที คิดจะทักทายกับเด็กน้อย แต่จังหวะที่เห็นดวงตาดำขลับกลมโตของเสี่ยวเนี่ยนอันกลับชะงักงันความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายถาโถมเข้ามาในหัวใจเสี่ยวเนี่ยนอันก็มองเสิ่นชิงซูเหมือนกันดวงตาเด็กน้อยดำขลับสะท้อนใบหน้าของเสิ่นชิงซู ดวงหน้าทื่อ ๆ เล็ก ๆ ยังคงไม่มีอารมณ์ใดเสี่ยวอันหนิงเดินไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูของเสิ่นชิงซู “แม่คะ เสี่ยวเนี่ยนอันไม่ค่อยเหมือนกับเด็กทั่วไปค่ะ น้าจางบอกว่าเขาไม่ชอบพูด”พอเสิ่นชิงซูได้ฟังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ค่อยเหมือน?ตอนนี้เอง เวินจิ่งซี เจี่ยงเหวินจิ่นและจางอวิ๋นเดินเข้ามาจากข้างน

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 302

    เสี่ยวเนี่ยนอันชอบเสี่ยวอันหนิงมากจริง ๆ เวลาที่เขาอยู่กับเสี่ยวอันหนิง แม้จะไม่ค่อยพูดเท่าไร แต่แค่เสี่ยวอันหนิงถามเขา เขาก็จะตั้งใจตอบทุกครั้งจะพูดง่าย ๆ ไม่กี่คำจางอวิ๋น เวินจิ่งซีเจี่ยงและเหวินจิ่นซึ่งเป็นผู้ใหญ่สามคนยืนมองอยู่ข้างนอก รู้สึกว่าภาพที่เด็กสองคนอยู่ด้วยกันช่างเป็นการเยียวยาที่แสนสวยงามเหลือเกิน“จะว่าไปก็แปลกนะคะ ฉันดูแลคุณชายน้อยมาสองปี นอกจากเจ้านายเรา ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขายอมสนิทสนมกับใครก่อนเลย”“จะเป็นไปได้ไหมว่าลูกสาวผมน่ารักมาก?” เวินจิ่งซีเลิกคิ้วด้วยความภาคภูมิใจเต็มประดา “อยู่ที่โรงเรียนอนุบาล เธอเป็นเด็กที่พ็อปที่สุดเลยนะ”พอจางอวิ๋นได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะพูด “งั้นคุณมีความสุขมากเลยนะคะ มีลูกสาวน่ารักอย่างนี้ ภรรยาของคุณต้องเป็นคนดีมากเลยค่ะ เธอเลี้ยงดูเสี่ยวอันหนิงได้ดีมาก”เวินจิ่งซีกระแอมกระไอ “นี่ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของผมครับ เป็นลูกสาวบุญธรรม”“หา อย่างนี้นี่เอง....” จางอวิ๋นก็อีหลักอีเหลืออยู่บ้างเหมือนกัน จึงเปลี่ยนเรื่องพูด “ถ้าข้างตัวคุณชายน้อยมีเพื่อนน่ารัก ๆ อย่างเสี่ยวอันหนิง อาการของเขาต้องดีขึ้นมากแน่ค่ะ”“พวกคุณก็อยู่ที่เมืองเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status