แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: หรงหรงจื่ออี
โจวอวี๋ชูผละตัวออกจากฟู่ซืออวี่ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบของขวัญมากมายจากข้างโซฟามา

“ของพวกนี้เป็นของที่แม่ซื้อให้ลูกหมดเลยนะ ลูกดูสิว่ามีที่ชอบบ้างไหม?”

ฟู่ซืออวี่ดวงตาเป็นประกายวาววับ “หุ่นไอรอนแมนนี่!”

“ซืออวี่ชอบหรือเปล่าจ๊ะ?” โจวอวี๋ชูลูบศีรษะเขาเบา ๆ “นี่เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันเลยนะ แม่วานให้เพื่อนตั้งหลายคนช่วยหาให้ กว่าจะซื้อมาได้”

“ขอบคุณครับแม่!” ฟู่ซืออวี่รับหุ่นไอรอนแมนมา เสียงสดใสของเด็กน้อยดังกังวานไปทั่วทั้งคฤหาสน์ “แม่ใจดีจังเลย!”

โจวอวี๋ชูเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ “ลูกรัก ในที่สุดลูกก็ยอมเรียกแม่ว่าแม่แล้ว”

“เมื่อกี้พ่อบอกกับผมแล้วว่า แม่ต้องลำบากมากกว่าจะคลอดผมออกมาได้”

ฟู่ซืออวี่วางหุ่นไอรอนแมนลง ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งมาซับน้ำตาให้โจวอวี๋ชู “ขอโทษนะครับแม่ เมื่อเช้าผมไม่ควรใจร้ายกับแม่เลย ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนั้นกับแม่อีกแล้วครับ”

โจวอวี๋ชูได้ยินดังนั้นน้ำตาก็ไหลพรากยิ่งกว่าเดิม เห็นแล้วน่าสงสารมากขึ้นอีก

“ลูกรัก ลูกไม่ผิดหรอก เป็นแม่เองที่ไม่ดีเอง ต่อจากนี้ไปแม่จะพยายามเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งอย่างสุดความสามารถแน่นอน”

“แม่ไม่ได้ไม่ดีเลยครับ!” ฟู่ซืออวี่เป็นฝ่ายเข้ามาสวมกอดโจวอวี๋ชู “พ่อบอกแล้วว่าแม่รักผมมากมาโดยตลอด ต่อไปผมก็จะรักแม่ให้มาก ๆ เหมือนกันครับ!”

โจวอวี๋ชูมองไปยังฟู่ซือเหยียน น้ำตาไหลเป็นสายยิ่งกว่าเก่า “ขอบคุณนะ ซือเหยียน”

ฟู่ซือเหยียนเดินเข้ามา ยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้เธอ “มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวซืออวี่จะปวดใจเอาได้”

“ใช่ครับแม่ แม่ออกจะสวยขนาดนี้ อย่าร้องไห้ไปเลยนะครับ ร้องไห้แล้วเดี๋ยวไม่สวยนะ!”

พอโจวอวี๋ชูได้ยินก็รับผ้าเช็ดหน้าจากฟู่ซือเหยียนมาซับน้ำตา “จ้ะ แม่ไม่ร้องแล้ว”

แม่ลูกยอมรับกันแล้ว ช่างอบอุ่นหวานชื่นยิ่งนัก

ฟู่ซืออวี่ได้รับของขวัญมากมายก่ายกอง จึงหอบของขวัญขึ้นไปนั่งเล่นบนโซฟา

โจวอวี๋ชูนั่งมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาอ่อนโยน

ฟู่ซือเหยียนนั่งลงตรงโซฟาเดี่ยวด้านข้าง ก้มหน้าใช้โทรศัพท์สะสางงาน

โจวอวี๋ชูหันมามองเขา คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว “ทางด้านคุณเสิ่น คุณคิดจะทำยังไงคะ?”

ฟู่ซือเหยียนได้ยินก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเฉยชา “ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”

“หลายปีมานี้คุณเสิ่นดูแลซืออวี่ได้ดีมากนะคะ บอกตามตรง ในใจฉันมักรู้สึกผิดกับเธอ”

“นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ฟู่ซือเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น “ซืออวี่เป็นลูกของคุณอยู่แล้ว”

“ใช่ครับแม่!” ฟู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมาจากกองของขวัญ ปากน้อย ๆ หวานราวกับเคลือบด้วยน้ำผึ้ง “แม่คลอดผมออกมา เราจะนับแม่นับลูกกันก็สมควรอยู่แล้ว! อีกอย่างแม่สวยขนาดนี้ พ่อบอกว่าที่ผมน่ารักแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าแม่หน้าตาดี!”

“เด็กขี้ประจบ!” โจวอวี๋ชูแตะปลายจมูกของเขาเบา ๆ “ลูกอย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าแม่ชิงซูเชียวล่ะ เดี๋ยวเธอจะโกรธเอา”

“ไม่หรอกครับ!” ฟู่ซืออวี่มั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก “เธอโกรธผมไม่ลงหรอก!”

มีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาฟู่ซือเหยียนด้วยเรื่องงาน

เขาลุกขึ้น “ผมขอตัวกลับสำนักงานก่อนนะครับ”

“ค่ะ คุณไปทำงานเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนซืออวี่เอง” โจวอวี๋ชูชะงักไปเล็กน้อยก่อนถาม “แล้วคุณจะกลับมากินข้าวเย็นไหมคะ?”

ฟู่ซือเหยียนเม้มริมฝีปากครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนกล่าวตอบ “ผมเสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณขับรถดี ๆ นะคะ”

“ไว้เจอกันครับพ่อ!”

ฟู่ซือเหยียนตอบรับเสียงเรียบ ก่อนจะหมุนกายจากไป

……

เวลากลางดึก ห้องบูรณะในสตูดิโอยังเปิดไฟสว่างจ้า

ผมยาวถึงเอวของหญิงสาวถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นปักผม เผยลำคอยาวขาวนวล แว่นตานิรภัยวางคาดอยู่บนสันจมูก มือสองข้างที่สวมถุงมือสีขาวถือเครื่องมือเอาไว้

เธอก้มหน้าลง แววตาจดจ่อ กำลังทำการบูรณะวัตถุโบราณในขั้นตอนสุดท้าย

คนอื่น ๆ กลับไปกันหมดแล้ว อาคารทั้งชั้นเงียบสงัดเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงเสียงเบา ๆ ดังขึ้นระหว่างที่เสิ่นชิงซูลงมือบูรณะ

ยิ่งชีวิตไม่ได้ดั่งใจ ก็จะยิ่งหย่อนยานเรื่องงานไม่ได้

หลายปีมานี้ ได้เห็นทั้งด้านอบอุ่นและเย็นชาของมนุษย์มาหมดแล้ว เสิ่นชิงซูจึงค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลข้อหนึ่งที่ว่า... นิสัยมนุษย์ยากจะแยกแยะ ใจคนยากจะคาดเดา มีเพียงเงินกับงานเท่านั้นที่เธอแค่พยายามก็จะคว้าไว้อย่างมั่นคงได้

ห้าปีที่แล้วเธออยู่ต่อที่เมืองเป่ยเพื่อดูแลฟู่ซืออวี่ เธอยอมทิ้งโอกาสที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้ อาจารย์จึงตัดการติดต่อกับเธอด้วยความโมโหชั่วขณะ

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เสิ่นชิงซูเสียใจมากที่สุดจนถึงตอนนี้

เนื่องจากรู้สึกละอายใจต่ออาจารย์ที่ปรึกษาที่ทั้งคอยบ่มเพาะและให้ความสำคัญ ดังนั้นเธอจึงยังคงหาซื้อหนังสือมาศึกษาเพื่อพัฒนาตัวเองในยามว่างมาตลอดห้าปีนี้

หลังเรียนจบก็กู้เงินมาเปิดสตูดิโอ

เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ สตูดิโอก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่าตอบแทนที่เธอได้จากการรับงานก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ

เงินเก็บส่วนตัวของเธอเพียงพอให้เธอกับแม่ใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไร้ความกังวล

ความจริงทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี

ส่วนพวกคนที่ไม่อาจไขว่คว้าหรือเหนี่ยวรั้งไว้ได้ ถ้ารู้จักอยู่ให้ห่างได้ก็นับว่าเติบโตแล้ว…

พอทำงานบูรณะในส่วนสุดท้ายเสร็จ เสิ่นชิงซูก็นำวัตถุโบราณไปเก็บไว้ในกล่องบรรจุภัณฑ์

กลับมายังห้องทำงานส่วนตัว เธอตวงน้ำอุ่นแก้วหนึ่งมาดื่มจนหมดในรวดเดียว

เธอวางแก้วน้ำลง ก่อนจะเหลือบมองปฏิทินบนโต๊ะแวบหนึ่ง

หยิบปากกาขึ้นมาทำเครื่องหมายกากบาทลงบนวันที่ของวันนี้ในปฏิทิน

ยังเหลืออีกแปดวัน ก็จะถึงวันที่แม่ออกจากเรือนจำแล้ว

พยากรณ์อากาศรายงานว่าวันนั้นจะเป็นวันที่อากาศสดใส

ครืด ๆ…

มือถือในกระเป๋าสั่นขึ้น

เป็นฟู่ซือเหยียนที่โทรมา

เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งที ก่อนจะกดรับสาย

“จะกลับเมื่อไร?” เสียงทุ้มต่ำของฟู่ซือเหยียนดังมาจากปลายสาย

เสิ่นชิงซูเหลือบมองเวลาแวบหนึ่ง ตีสองแล้ว

เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ไม่อยากขับรถกลับไปอีกครึ่งชั่วโมงแล้ว

นวดหลังคอที่ปวดเมื่อยเบา ๆ เสียงของเธอแผ่วเบาและเย็นชา “มีเรื่องอะไรคะ?”

“ซืออวี่รอให้คุณกลับมาเล่านิทานให้เขาฟังก่อนนอนอยู่”

มือข้างที่นวดคออยู่ของเสิ่นชิงซูถึงกับหยุดชะงัก

นึกถึงเรื่องตอนกลางวันที่ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ไปปลอบใจโจวอวี๋ชูขึ้นมา ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างเลี่ยงไม่ได้

“วันนี้ฉันไม่กลับไปแล้วค่ะ” เสียงของเธอราบเรียบยิ่งนัก ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “คุณกล่อมเขาเถอะ”

พอกล่าวจบ เสิ่นชิงซูก็วางโทรศัพท์ทันที

ทว่าวินาทีต่อมาฟู่ซือเหยียนก็โทรกลับมาอีก

เสิ่นชิงซูนึกรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว จึงปิดเครื่องแล้วโยนมือถือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะผลักเปิดประตูห้องพักผ่อนแล้วเดินเข้าไป

นักบูรณะศิลป์โต้รุ่งทำโอทีเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ดังนั้นในตอนแรกที่ทำสตูดิโอ เธอจึงกั้นห้องทำเป็นห้องพักผ่อนในห้องทำงานส่วนตัว

ในห้องพักผ่อนมีห้องอาบน้ำ ของใช้ในชีวิตประจำวันตลอดจนผลิตภัณฑ์ซักล้างเสื้อผ้า

ในบางครั้งที่งานยุ่งมาก เธอก็จะพาฟู่ซืออวี่มาด้วย กล่อมฟู่ซืออวี่นอนก่อน แล้วเธอค่อยไปทำงานต่อ

ดังนั้นในห้องพักผ่อนนี้จึงมีของใช้ในชีวิตประจำวันของฟู่ซืออวี่อยู่ด้วย

หลังอาบน้ำเสร็จ เสิ่นชิงซูเปลี่ยนมาสวมชุดนอน ขณะกำลังตั้งท่าจะนอนลงก็มีเสียงร้องไห้โวยวายของเด็กดังมาจากด้านนอก

“แม่ครับ! แม่ แม่เปิดประตูสิครับ…”

เสิ่นชิงซูอึ้งงัน

ฟู่ซืออวี่?

เธอออกมาจากห้องทำงาน รีบเดินไปยังประตูบานใหญ่ของสตูดิโอ

อีกฝั่งหนึ่งของประตูกระจก ฟู่ซือเหยียนอุ้มฟู่ซืออวี่ที่กำลังร้องไห้โวยวายไม่หยุดพลางมองเธอ

ฟู่ซืออวี่อยู่ในชุดนอนที่สวมทับไว้ด้วยเสื้อกันหนาวขนเป็ดแค่ตัวเดียว

เท้าเล็กคู่นั้นว่างเปล่า ไม่ได้สวมแม้กระทั่งถุงเท้า

อุณหภูมิข้างนอกในคืนฤดูหนาวในเมืองเป่ยติดลบเกือบสามสิบองศา

ฟู่ซืออวี่ภูมิต้านทานต่ำขนาดนั้น เกิดเป็นหวัดขึ้นมาจะทำอย่างไร!

เสิ่นชิงซูเริ่มรู้สึกฉุนเฉียว เธอเดินเข้าไปเปิดประตู “ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังต้องพาเขาออกมา…”

“แม่ครับ!”

ฟู่ซืออวี่ผละตัวออกจากฟู่ซือเหยียนแล้วกระโจนเข้ามาหาเสิ่นชิงซูทันที

เสิ่นชิงซูเอื้อมมือออกไปรับตัวเขาตามจิตใต้สำนึก

ฟู่ซืออวี่กอดคอเสิ่นชิงซูไว้แน่น มุดหน้าไว้ในซอกคอเธอพลางร้องไห้ยกใหญ่

“แม่ครับ แม่ไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม! ฮือ ๆ ๆ แม่จะทิ้งผมไม่ได้นะ…”

หัวคิ้วของเสิ่นชิงซูขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าดูซีดขาวอยู่บ้าง

ท้องน้อยที่เดิมทีหายเจ็บแล้วปวดหน่วงขึ้นมาทันใด…
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
วนิดา ศรีรัตนกูล
เด็กผีเลียงไม่เชื่อง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 733

    “เธอมีพรสวรรค์ดีมาก ด้วยฐานะทางบ้านอย่างเธอ สามารถหาอาจารย์เก่ง ๆ มาชี้แนะได้สบาย”ชีเยว่วาดไปได้แค่ครึ่งเดียว ก็ได้ยินประโยคนี้หลุดจากปากเสิ่นชิงซูเขาชะงักมือ เงยหน้าขึ้นมองเธอเสิ่นชิงซูสีหน้าเย็นชา “แกลเลอรีของฉันไม่รับเธอ เธอกลับไปซะเถอะ”ชีเยว่วางพู่กันลง จ้องมองเสิ่นชิงซู “เป็นเพราะลุงฟู่แต่งงานกับแม่ผม คุณถึงไม่ชอบผมเหรอครับ?”“ใช่” เสิ่นชิงซูมองเด็กชายที่มีความคิดความอ่านเกินเด็กแปดขวบไปไกล น้ำเสียงยังคงเย็นยะเยือก “เพราะชีหมิงเสวียน และเพราะฟู่ซือเหยียน คนหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยทั้งนั้น”ชีเยว่เริ่มร้อนใจ ขมวดคิ้วรีบอธิบาย “ลุงฟู่รักคุณมากนะครับ เขากับแม่ผมแค่ร่วมมือกันทางธุรกิจเฉย ๆพวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ”เสิ่นชิงซูเพียงแค่นยิ้มเย็น “ฉันไม่สนหรอก เธอเป็นเด็ก ฉันไม่อยากใจร้ายกับเธอเกินไป แต่ขอให้เธออย่ามาที่นี่อีก”ชีเยว่มองเสิ่นชิงซูตาละห้อยเสิ่นชิงซูละสายตากลับมา หันไปสั่งผู้อำนวยการเซวีย “ฉันไปก่อนนะคะ ถ้าเขายังดื้อไม่ยอมกลับ คุณก็แจ้งตำรวจให้มาจัดการได้เลย”ผู้อำนวยการเซวียพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วครับ”เสิ่นชิงซูหันหล

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 732

    เมื่อสบตากัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัดชีเยว่จ้องมองเสิ่นชิงซูอย่างเหม่อลอยผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงลุกขึ้นยืน มองหน้าเสิ่นชิงซู แล้วถามว่า “คุณเป็นเจ้าของแกลเลอรีนี้เหรอครับ?”เสิ่นชิงซูเดินเข้ามา มองเด็กชายที่มีท่าทางแก่แดดเกินวัย นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยปาก “เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้าจะสมัครเรียน ต้องให้ผู้ปกครองมาด้วยถึงจะสมัครได้นะ”“แม่ไม่สนใจผมหรอกครับ” ชีเยว่มองเสิ่นชิงซู ทั้งที่อายุแค่แปดขวบ แต่คำพูดคำจากลับดูเป็นผู้ใหญ่ “ผมตัดสินใจเองได้ ทุกบ่ายวันอาทิตย์ผมจัดสรรเวลาเองได้ครับ”เด็กคนนี้อายุน้อยแค่นี้ แต่กลับมีบุคลิกความเป็นผู้นำแผ่ออกมาพูดง่าย ๆ ก็คือ สุขุมเกินวัยแต่เขาเป็นลูกชายของชีหมิงเสวียน และเป็นลูกเลี้ยงของฟู่ซือเหยียนเสิ่นชิงซูไม่ได้อยากรับเขาไว้นัก“ขอโทษนะ ตามกฎแล้ว แกลเลอรีของเรารับผู้เยาว์เข้าเรียนโดยที่ผู้ปกครองไม่ยินยอมไม่ได้” เสิ่นชิงซูใช้น้ำเสียงเป็นการเป็นงาน“เป็นเพราะแม่ผมคือชีหมิงเสวียน คุณถึงไม่อยากรับผมใช่ไหมครับ?”เสิ่นชิงซูชะงัก “ใช่ เพราะงั้นอย่าฝืนใจคนอื่นเลย ฉันเปิดประตูทำธุรกิจก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่จำเป็นต้อ

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 731

    “หานหมิงอวี่” ชีหมิงเสวียนเอ่ยชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกหานหมิงอวี่ชะงักนิ่งไป“แปดปีแล้วสินะ” ชีหมิงเสวียนหัวเราะในลำคอ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา “ที่แท้คุณก็ยังจำเขาได้ ที่แท้คุณก็จำได้ว่าชีเยว่เป็นลูกของเขา ที่แท้คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าคุณกับฉี่ซือเนี่ยนเป็นพี่น้องกัน”หานหมิงอวี่ขมวดคิ้ว กำโทรศัพท์แน่นขึ้นปลายสาย เสียงของชีหมิงเสวียนยังคงดังต่อเนื่อง “งั้นทำไมตลอดแปดปีมานี้ คุณถึงไม่เคยมาดูดำดูดีพวกเราแม่ลูกเลย? ฉี่ซือเนี่ยนตายไปแล้ว ความเป็นพี่น้องก็ตายตามไปด้วยเหรอ? ทำไม? ทำไมถึงปล่อยให้พวกเราแม่ลูกต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในขุมนรกตระกูลชีตามยถากรรม?”หานหมิงอวี่นิ่งอึ้ง“หานหมิงอวี่ ตอนนี้คุณจะมาแกล้งทำเป็นรักลึกซึ้งอะไรกับเสิ่นชิงซู?” ชีหมิงเสวียนแค่นหัวเราะ “ความจริงแล้ว คุณต่างหากที่เป็นคนเลือดเย็นที่สุด”เสียงของผู้หญิงลอดผ่านโทรศัพท์เข้าสู่โสตประสาทของชายหนุ่มท่ามกลางความเงียบสงัดในศาลบรรพชน ลมหายใจของหานหมิงอวี่เริ่มติดขัดแพขนตากะพริบถี่รัววินาทีถัดมา ชายหนุ่มก็กดตัดสายอย่างร้อนรนราวกับคนหนีความผิด......หลังจากวันนั้น เสิ่นชิงซูเก็บตัวอยู่ในวิลล่

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 730

    ฟู่ซือเหยียนมองเสิ่นชิงซูอย่างเหม่อลอยแต่เสิ่นชิงซูไม่แยแสเขาอีก หันหลังเดินตรงเข้าบ้านไปประตูหน้าบ้านปิดลงเสียงดังปัง ตัดขาดสายตาของผู้ชายคนนั้นฟู่ซือเหยียนจ้องประตูที่ปิดสนิทบานนั้น แววตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า…...คฤหาสน์ตระกูลหานหลังจากหานหมิงอวี่ส่งญาติผู้ใหญ่ทั้งสี่กลับถึงบ้าน ก็อธิบายเรื่องราวให้พวกเขาฟังตามฉบับที่ตกลงกับเสิ่นชิงซูไว้ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เขาคาด ต้องไปคุกเข่ารับโทษที่ศาลบรรพชนคุณปู่หานพอได้ยินว่าหลานชายตัวดีเป็นคนทำผิดต่อฝ่ายหญิง ทำให้เธอต้องคลอดลูกโดยไร้สถานะ เป็นเหตุให้หลานคนโตของตระกูลหานต้องตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกด้วยความโมโห คุณปู่เลยฟาดไม้เท้าใส่หลังหานหมิงอวี่ไปหนึ่งทีหานหมิงอวี่กัดฟันแน่นไม่ร้องสักแอะคุณย่าหานปวดใจแทนหลาน ปากก็ดุด่าความผิดของหลาน สั่งให้คนลากตัวไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชน แต่ความจริงคือหาทางปกป้องหลาน กลัวว่าคุณปู่เลือดขึ้นหน้าจะฟาดซ้ำอีกหลายไม้หานหมิงอวี่ถูกทำโทษให้คุกเข่าสำนึกผิดในศาลบรรพชนคุณปู่หานยื่นคำขาด ต้องคุกเข่าถึงพรุ่งนี้ ใครกล้ามาช่วยพูด ให้ไปคุกเข่าเป็นเพื่อนเขาด้วย!พ่อหานแม่หานส่ายหน้าถอนหายใจผู้ชายอกสาม

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 729

    ฟู่ซือเหยียนไม่ได้ปฏิเสธลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง “อาซู ผมรู้ว่าเรื่องนี้ผมต้องรับผิดชอบ ให้เวลาผมหน่อย เรามาคุยกันเถอะ”หานหมิงอวี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ก้าวเข้าไปขวางหน้าเสิ่นชิงซูไว้ “ฟู่ซือเหยียน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วคุณยังกล้าเอาลูกมาขู่เธออีก หน้าไม่อายไปหน่อยมั้ง?”ฟู่ซือเหยียนแค่นเสียงหัวเราะ “ผมเอาลูกมาบีบเธอ? หรือเป็นคุณกันแน่ที่มีเจตนาแอบแฝง?”สายตาของหานหมิงอวี่วาวโรจน์ จ้องเขม็งอย่างไม่ลดละสองหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ไล่เลี่ยกันยืนประจันหน้า บรรยากาศตึงเครียดจนแทบหยุดหายใจเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ตระกูลหานได้แต่ยืนอึ้งทำตาปริบ ๆสุดท้ายพ่อหานจึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากไกล่เกลี่ย“ดูท่าวันนี้พวกเราจะคิดน้อยไปหน่อยจริง ๆ” พ่อหานมองเสิ่นชิงซู น้ำเสียงอ่อนโยน “คุณเสิ่น ต้องขอโทษด้วยที่พวกเราบุ่มบ่าม เรื่องของพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็ตัดสินใจกันเองน่าจะดีกว่า เอาอย่างนี้ สินสอดพวกเราจะฝากไว้ให้ก่อน ถ้าคุณเสิ่นกับหมิงอวี่มีวาสนาต่อกัน ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ถ้าพวกคุณยังไม่อยากแต่งงาน... สินสอดพวกนี้ก็ถือซะว่าเป็นของรับขวัญที่พวกเราให้เสี่ยวเนี่ยนเนี่ยนก็แล้วกัน”พ่อหานพูดจาได้อย่างสวยหรูไร้ที่

  • คุณทนายตัวร้าย ฉันขอบายนะคะ   บทที่ 728

    เสิ่นชิงซูถึงกับไปไม่เป็นลีลาของคุณย่าหานช่างดุดันเหลือเกิน จนเธอไปไม่เป็น ได้แต่หันหน้าไปมองหานหมิงอวี่หานหมิงอวี่ยกมือนวดหว่างคิ้ว เอ่ยกับคุณย่าว่า “คุณย่าครับ ใจเย็น ๆ ก่อน สถานการณ์ระหว่างเราซับซ้อนนิดหน่อย คุณย่าทำแบบนี้ ชิงซูจะลำบากใจเอานะครับ”“อะไรคือสถานการณ์ซับซ้อน?” คุณย่าหานขมวดคิ้วมองหลานชาย “หรือว่า พวกหลานแอบไปจดทะเบียนสมรสกันมาแล้ว?”หานหมิงอวี่ “...”เสิ่นชิงซู “...”ฟู่ซือเหยียนที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ทนดูต่อไปไม่ไหว“อาซู” ฟู่ซือเหยียนก้าวเข้ามา เมินเฉยคนอื่นรอบข้าง สายตาคมเข้มจับจ้องเพียงเสิ่นชิงซู “เรามาคุยกันหน่อยได้ไหม?”เสิ่นชิงซูมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “ขอโทษนะคะคุณฟู่ เกรงว่าตอนนี้ฉันคงไม่ว่างต้อนรับคุณ”คุณย่าหานและแม่หานมองฟู่ซือเหยียน แม่ผัวลูกสะใภ้ลอบสบตากันแวบหนึ่งความจริงก่อนจะบุกมาที่นี่ พวกเขาสืบประวัติของเสิ่นชิงซูมาเรียบร้อยแล้วเรื่องที่เสิ่นชิงซูและฟู่ซือเหยียนเคยเป็นสามีภรรยากัน แม้ทั้งคู่จะไม่เคยเปิดเผย แต่สำหรับตระกูลหาน การสืบเรื่องแค่นี้มันง่ายมากเสิ่นชิงซูเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แถมยังมีลูกชายหญิงกับฟู่ซือเหยียนอีกหนึ่งคู่ แม้คนตระ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status