หลังจากซื้อของวันนั้น ในที่สุดเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันที่ทุกครอบครัวต้องร่ำไห้ หลายครอบครัวออกมาส่งลูกหลานของตัวเองไปต่างที่ต่างทาง แต่ก็มีหลายครอบครัวที่มีท่าทางเมินเฉย
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือคนบ้านซ่ง หลังจากซื้อของจนพอใจ แถมยังไปขอเอาเงินจากคุณนายซ่งมาได้หลายพันหยวน เซียนอวี่ก็รีบขนย้ายของออกไปจากบ้านทันที ไม่ใช่เธอย้ายตัวเองออก แต่เป็นการย้ายเพียงแค่ของที่ต้องการจะเอาไป
เพราะหลังจากที่เธอย้ายของมีค่าทั้งหลายออกไปฝากไว้ที่ไปรษณีย์ จดหมายจากทางการก็ส่งตรงมาที่บ้านซ่งในทันที หัวข้อคือการส่งตัวทายาทในบ้านให้ไปเป็นเยาวชนที่ชนบทห่างไกล
แต่บ้านซ่งได้ส่งรายชื่อไปแล้วว่าจะให้ใครไป พวกเขาได้แต่แปลกใจว่าทำไมถึงมีจดหมายส่งมาซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะได้อ่านจดหมายแนบอีกฉบับที่แนบมาด้านหลัง
เนื้อความในจดหมายแนบนั้นมีอยู่ว่า ทางการรับรู้เรื่องการรับเลี้ยงซ่งเซียนอวี่ของตระกูลซ่งแล้ว ท่านผู้น้ำต้องการให้ทุกครอบครัวส่งทายาทของตนเองไป ดังนั้นครอบครัวซ่งจำเป็นต้องส่งทายาทที่แท้จริงของตนเองไป ไม่ใช่เด็กที่รับมาเลี้ยงตามที่ส่งรายชื่อมา
มือไม้ของสามพ่อแม่ลูกอ่อนไปหมด ส่วนคนที่ถึงกับล้มพับไปกับพื้นก็จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากซ่งหนิงหนิง เด็กสาวร้องห่มร้องไห้อยู่กับพื้น ท่าทางน่าสงสารนั้นน่าเข้าไปประคองกอดเอาไว้เสียจนสามพ่อแม่ลูกทนไม่ไหว
ส่วนเธอก็ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ มองคนที่เคยคิดว่าเป็นครอบครัวกำลังปลอบใจซ่งหนิงหนิงที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะต้องเป็นคนที่ถูกส่งตัวไป
“เรื่องนี้หลุดไปถึงหูคนนอกได้ยังไง ใครเป็นคนแจ้งเรื่องนี้ให้กับคนของรัฐ”
พ่อซ่งเอ่ยปากถามอย่างเหลืออด เขาอยากรู้ว่าเรื่องนี้มันหลุดออกไปได้ยังไง แม้แต่ตัวของเซียนอวี่เองก็ยังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็จับมือใครดมไม่ได้ พวกเขาได้แต่กัดฟันส่งตัวลูกสาวที่พึ่งกลับเข้าสู่อ้อมกอดตามคำสั่งของรัฐ
เธอมองภาพความอบอุ่นของครอบครัวซ่งด้วยสายตาชื่นชม รักกันดีเสียจริง ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะอ่อนโยนกับลูกสาวได้มากเท่านี้ เธอเคยคิดว่าพวกเขาให้เงินใช้ ให้ทุกอย่างที่ควรได้แก่เธอนั่นก็คือการแสดงออกถึงความรักของคนในบ้าน แต่ตอนนี้ไม่ใช่ คำว่าครอบครัว พวกเขาแค่ไม่เคยให้เธอก็เท่านั้น ที่ผ่านมาเธอเป็นได้แค่ตัวปลอม
ตัวปลอมก็คือตัวปลอม ไม่มีวันได้เป็นตัวจริง
ทุกคนเอาแต่ปลอบหนิงหนิงที่ร้องไห้ จนลืมคิดเรื่องที่เธอเองก็พึ่งจะได้รู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตัวเองไปเสียด้วยซ้ำ ไม่มีใครหันมาสนใจเธอแม้แต่คนเดียว ทั้งที่เธอยืนอยู่ไม่ไกลจากกันแท้ ๆ เพียงแค่หันมามองเธอ คนพวกนั้นก็ยังไม่ทันมาเลยด้วยซ้ำ เธอนี่มันน่าตลกจริง ๆ ที่ไปคาดหวังอะไรแบบนั้น
แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นย่อมเป็นเพราะการกระทำของเธอ เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรติดค้างกับคนบ้านซ่งแล้ว เพราะแบบนั้นคนบ้านซ่งก็ไม่ควรจะได้อยู่กันสุขสบายบนความทุกข์ของเธอนี่นา
รัฐต้องการคัวแทนครอบครัวละหนึ่งคน เธอก็แค่ไปยื่นหนังสือยืนยันตัวตน ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของคนบ้านซ่ง เจ้าหน้าที่เขาไม่สนใจหรอกว่าเธอจะถูกรับเลี้ยงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จุดประสงค์ของรัฐคือการเอาตัวสมาชิกของทุกครอบครัวเป็นตัวประกัน ดังนั้นแค่เธอยื่นเรื่องไปว่าตัวเองไม่ใช่คนตระกูลซ่ง เธอก็จะถูกกันออกไปเป็นคนนอก แต่ก็ยังถูกส่งตัวไปเป็นเยาวชนเหมือนเดิม
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว การที่ตัวตนของเธอถูกเปิดเผยออกมา ทำให้เธอใช้ข้ออ้างนี้ตัดขาดคนบ้านซ่งได้ อย่างไรคนพวกนี้ก็เลือกส่งเธอไปเป็นเยาวชนในชนบทอยู่ดี จะว่าอย่างไรดี ส่งเธอไปเป็นเยาวชน ก็เหมือนส่งเธอไปตายนั่นแหละ ไม่มีใครรู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าจะทนกับความยากลำบากได้นานแค่ไหน จะมีโอกาสกลับมาหาครอบครัวอีกหรือเปล่า เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลย
“ฮึก ทำไมลูกแม่ถึงได้อาภัพแบบนี้กันนะ ฮือออ แม่พึ่งได้กอดลูกยังไม่ถึงเดือน ทำไมต้องกันนะ” เสียงร่ำไห้ของแม่ซ่งไม่ได้เอื้อเฟื้อมาทางลูกปลอม ๆ คนนี้เลย ทุกคนต่างรุมล้อมซ่งหนิงหนิงที่ยืนทำหน้าเศร้ากันหมด แค่นี้มันก็ชัดมากแล้ว
เธอเลือกจะไม่สนใจอีก ในเมื่อคนพวกนี้ไม่คิดจะเหลียวแล เธอเองก็ควรจะเดินหน้าต่อได้แล้ว ถือว่าไม่ติดค้างกันอีกแล้วในชีวิตนี้ สายตาคมหันหน้ามองหาเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเดินไปรายงานตัวแล้วขึ้นรถเตรียมตัวทันที
คนที่ขึ้นรถก่อนก็จะได้เลือกที่นั่งที่ดี ๆ ก่อน ชีวิตก่อนเธอมัวแต่ร่ำรี้ร่ำไร จนสุดท้ายต้องยืนไปตลอดทาง กว่าจะถึงที่หมาย ขาของเธอแทบไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำตื่นเช้ามายังต้องไปลงมือทำงานต่อทันที ไม่มีเวลาให้หยุดพักเลยด้วยซ้ำ
การจัดแบ่งเยาวชนไปทำงานในชนบทนั้นแบ่งยังไงเธอไม่อาจทราบได้ แต่เธอมั่นใจ ว่าตัวเองน่าจะได้ไปที่เดิม ชะตาชีวิตแม้จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่หลาย ๆ อย่างก็เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
พอได้ที่นั่ง เซียนอวี่ก็เอนตัวพิงที่นั่ง ก่อนจะหลับตาลงพักผ่อนไปเงียบ ๆ แน่นอนว่าเธอไม่ได้หลับ ของมีค่าที่เอาติดตัวมาก็ไม่ใช่น้อย ๆ จะมาหลับแล้วโดนหยิบฉวยไปก็คงจะไม่ได้
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ซ่งหนิงหนิงเลือกจะขึ้นรถคันเดียวกับเธอ แถมยังมานั่งข้าง ๆ เธออีกต่างหาก ไม่ใช่ว่าจะได้ไปที่เดียวกันหรอกหรือแบบนี้ ไม่เอาน่า เธออุตส่าห์ตั้งใจว่าจะตัดขาดกับบ้านซ่งไปแล้ว ถ้ามีตัวน่ารำคาญติดตามไปด้วยแบบนี้ก็ไม่เหมือนหลุดจริงน่ะสิ ให้ตายเถอะ
และสิ่งที่เซียนอวี่คิดเอาไว้ก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ซ่งหนิงหนิงที่ชาติก่อนไม่ได้ถูกส่งตัวมาเป็นเยาวชน แต่เพราะชาตินี้ถูกเซียนอวี่เล่นเล่ห์ใส่ ทำให้สาวน้อยที่ควรจะได้เสวยสุขอยู่บ้านกับครอบครัวต้องถูกส่งตัวมาเป็นเยาวชนในชนบทเหมือนกับคนอื่น ๆ
แน่นอนว่าสวรรค์จะไม่เข้าข้างคนชั่ว ซ่งหนิงหนิงถึงได้ถูกจัดให้มาอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับซ่งเซียนอวี่ กลายเป็นสองพี่น้องแซ่ซ่งผู้น่าสงสาร
ตอนที่รู้ว่าซ่งหนิงหนิงถูกส่งมาที่เดียวกับตัวเอง เซียนอวี่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป เธอแสนจะเหนื่อยหน่ายกับซ่งหนิงหนิง ขนาดชีวิตก่อนได้แต่ติดต่อกันทางจดหมาย เจอหน้ากันจริง ๆ ก็แค่ไม่กี่ครั้งก็ยังทำให้เธอชิงชังได้ขนาดนี้แล้ว แล้วนี่ต้องมาเป็นเยาวชนในหมู่บ้านเดียวกัน แถมยังต้องพักในบ้านเดียวกันอีก เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองตายเสียจริง ๆ
ทั้งที่ตั้งใจจะให้ของขวัญกับครอบครัวซ่งด้วยการทำให้ซ่งหนิงหนิงถูกส่งตัวมาด้วย แต่ไม่คิดว่าตัวเองก็จะโดนไอ้ของขวัญบ้านี่เล่นงานกลับ โลกใบนี้มันจะอะไรกับเธอนักหนา ให้เธอย้อนเวลากลับมาแล้วก็น่าจะเข้าข้างเธอเยอะ ๆ หน่อยสิ บ้าที่สุด
“ขอบคุณค่ะ” เซียนอวี่ขอบคุณคนตัวโตที่ถือวิสาสะแย่งของไปถือแล้วเดินมาส่งตัวเองถึงบ้านพัก อันที่จริงเธอก็ขอบคุณมาก ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าคนตัวโตนี่เอาแต่แซะนั่นแวะนี่เธอไม่หยุดตลอดทาง ว่าเธอขาสั้นบ้างล่ะ ตัวเตี้ยบ้างล่ะ“ไม่เป็นไร ของนี่ถ้ายกไม่ไหวก็ลากเข้าไปในห้องนะ” เขาไม่อยากเข้าไปในบ้านพักของสตรี อย่างไรบ้านหลังนี้ก็มีแต่ผู้หญิง ถ้าให้ผู้ชายตัวโตอย่างเขาเข้าไป คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่“อื้ม ว่าแต่...นายชื่ออะไรหรอ เจอกันหลายรอบแล้ว ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย อ้อ ฉันชื่อซ่งเซียนอวี่ เรียกว่าเซียนอวี่ก็ได้” เธอได้อีกคนช่วยไว้ตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขากลับไม่เคยถามชื่อหรือแนะนำตัวกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว“หมิงหาน เหยาหมิงหาน เธอเรียกว่าหมิงหานก็ได้ ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวมีคนมา-” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ซ่งหนิงหนิงก็โผล่เข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงร้องตะโกนจนทุกคนต้องหันไปมองเธอ“พี่หมิงหาน! เอ้ะ พี่เซียนอวี่ พี่รู้จักพี่หมิงหานด้วยหรอคะ” ซ่งหนิงหนิงเดินสะพายตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักเข้ามาพร้อมกับคนอื่น ๆ ระหว่างกำลังจะกลับเข้าบ้านพัก เธอกลับเห็นคนคุ้นตาเข้าเสียก่อ
เช้าวันนี้เซียนอวี่เตรียมตัวลงไร่กับคนอื่น ๆ หลังจากที่เธอเลือกจะเข้าป่าหาของมาให้คนในบ้านพักกินมาหลายวัน ตอนนี้ก็เริ่มมีคนไม่พอใจ หาว่าเธออู้งานกินแรงเพื่อนคนอื่น ๆ เธอเลยเปลี่ยนใจไม่เข้าป่าเหมือนทุกวัน“พี่คะ งานในไร่หนักมาก พี่ไม่เคยหยิบจับอะไรมาก่อน แบบนี้จะทำได้หรอคะ กลับไปเข้าป่าหาผักดีกว่ามั้ยคะ” ซ่งหนิงหนิงพยายามเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาคุยกับเซียนอวี่ แต่ก็มักจะถูกเซียนอวี่เมินเฉยราวกับอากาศไปเสียทุกทีวันนี้ซ่งหนิงหนิงเองก็ถูกซ่งเซียนอวี่เมินอีกเช่นเคย ท่าทางจองหองถือตัวนั้นทำให้หลาย ๆ คนไม่พอใจ บวกกับหลายวันที่ผ่านมาเซียนอวี่มักจะแยกตัวออกไปทำงานเข้าป่ากับเหล่าชาวบ้าน แถมห้องพักก็พักเป็นห้องเดี่ยวไม่มีเพื่อน ซ่งหนิงหนิงเลยสนิทกับคนอื่น ๆ มากกว่า“อะไรกัน เซียนอวี่ก็เป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำตัวสูงส่งนักล่ะ เธอควรจะขอบใจและซึ้งใจหนิงหนิงเข้าไว้สิ ตัวเองไปแย่งวาสนาคนอื่นมาแท้ ๆ ตอนนี้ยังจะมาจองหองใส่คนเขาอีก”ปกติแล้วเซียนอวี่จะนิ่งเฉยกับคนอื่น ๆ ในบ้านพัก แต่ครั้งนี้เธอเลือกจะไม่ปล่อยผ่านไปเหมือนเช่นเคย ขาเรียวยาวที่กำลังเตรียมตัวจะก้าวลงไปในไร่และเริ่มงานหยุ
ลูกธนูแหลมคมแล่นผ่านหน้าเซียนอวี่ไปยังด้านหลัง ก่อนจะปักเข้าที่เจ้าหมูป่าตัวอ้วนที่กำลังวิ่งไล่เด็กสาวอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงร้องด้านหลังจะดังขึ้นดังกว่าปกติ หลังจากนั้นก็เงียบไปแต่ขาของเซียนอวี่ก็ยังคงวิ่งอยู่ เธอวิ่งเข้าไปหาคนที่ยิงธนูเฉียดหน้าเธอไปอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะเข้าไปหลบด้านหลังของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเองทันทีหมูป่าถูกลูกธนูเมื่อสักครู่ปัดลงกลางหัว ทำให้ตอนนี้มันล้มตัวนอนอยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าสิ้นใจตายแล้วหรือยัง แต่เรื่องนั้นเซียนอวี่ไม่ได้สนใจ ขอแค่มันไม่วิ่งไล่เธอเหมือนเมื่อครู่ก็พอ เธอกลัวจนฉี่แทบจะราดต่อหน้าทุกคนเสียแล้ว โชคดีที่กลั้นเอาไว้ทัน เธอบอกแล้วว่าสวรรค์เล่นตลกกับเธอ ขนาดมีคนตั้งเยอะตั้งแยะ ไอ้หมูบ้านั่นยังเลือกจะวิ่งไล่เธอเลย“มันตายแล้ว” เสียงเข้มดังขึ้นบนหัว เซียนอวี่ได้แต่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้เป็นใคร เธอเม้มปากกลั้นน้ำตามที่จวนจะไหลออกมาเต็มแก่เอาไว้ ก่อนจะพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนช้า ๆยังไม่ทันที่เธอจะยืนขึ้นเองได้เสร็จ คนตรงหน้าก็จับต้นแขนของเธอแล้วดึงขึ้นเสียก่อน ร่างกายของเธอไม่สามาร
อย่างที่เธอบอก หลังจากมาถึงที่หมู่บ้าน ทุกคนก็จะได้ทำงานทันที ไม่มีข้อยกเว้นให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น หลาย ๆ คนไม่ทันระวังตัว พวกเขาคิดว่าชาวบ้านจะให้ปรับตัวก่อนสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ให้คนสิบยี่สิบคนมาอยู่เฉย ๆ เป็นอาทิตย์ แล้วใครจะเป็นคนออกเงินค่าข้าวค่าน้ำให้กันล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่าให้ไปเอาอาหารที่บ้านของตนเองก็จริง แต่นั่นก็เป็นส่วนแบ่งจากการทำงานของทุกคนตลอดอาทิตย์ต่างหากพูดตามตรง หัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่ก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร ยิ่งภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านนั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย ของหลาย ๆ อย่างที่ดีหน่อยก็ถูกยายแก่นั่นยึดเอาไปกินเองในครอบครัว ชาติที่แล้วเธอเจออะไรแบบนี้มาไม่รู้ตั้งกี่เท่าไหร่ บางอาทิตย์ต้องทนกินแต่แป้งย่างโง่ ๆ เพราะของที่ดีหน่อยถูกริบเอาไปก่อนจะมาถึงพวกเธอจะรู้ตัวเสียอีก“วันนี้มีการเก็บข้าวโพดและเข้าไปหาของในป่า ทุกคนต้องแบ่งกันว่าจะทำหน้าที่ไหน แต่ต้องบอกก่อนว่าเข้าป่ามีความเสี่ยงที่จะเจอสัตว์ป่า ค่อนข้างอันตราย” ป้าฮุ่ยเข้ามาที่บ้านพักของเหล่าเยาวชนตั้งแต่เช้าตรู่หลายคนได้ยินว่าอาจจะเจอสัตว์ป่าที่อันตรายก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที ทุกคนพร้อมใจกัน
ทันทีที่รถหยุดลง เซียนอวี่ก็รีบก้าวลงจากรถทันที เธอไม่มีท่าทางอิดออดหรือเหนื่อยอ่อนเหมือนคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย ขนาดผู้คุมยังอดแปลกใจไม่ได้ แต่ผู้คนเยอะแยะมากมาย ไม่มีใครมาสนใจเซียนอวี่มากขนาดนั้น ทุกคนยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง คนที่สนใจเซียนอวี่ก็มีแต่ซ่งหนิงหนิงเท่านั้นตั้งแต่ขึ้นรถ ซ่งหนิงหนิงเอาแต่นั่งร้องไห้ เธออยากจะรู้จริง ๆ ว่าร้องไห้ทำไม ร้องไห้เพราะถูกแยกกับครอบครัวที่พึ่งเจอกัน หรือร้องไห้เพราะตัวเองถูกกระชากลงจากสวรรค์ ก็แหม...คนไม่ชอบขี้หน้ากัน จะให้ไปมองในแง่ดีก็ออกจะประหลาดไปสักหน่อย“เอาล่ะ ต่อจากนี้ทุกคนจะต้องมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ร่วมกัน ขาดเหลืออะไรก็มาติดต่อที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านได้ เรื่องหน้าที่ของทุกคนเดี๋ยวจะมีคนไปแจกแจงอีกที ตอนนี้ทุกคนเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนเถอะ”เซียนอวี่ยืนฟังนิ่ง ๆ เหมือนคนรับชะตากรรมตัวเองได้ เมื่อจบคำของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอรีบเดินตรงไปยังบ้านพักที่ถูกสร้างเอาไว้สำหรับเยาวชนทันที แม้ว่าจะยังไม่มีใครบอกว่าหลังไหนก็ตามแต่คนอื่น ๆ ก็แค่แปลกใจ พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไรมาก รู้ไม่รู้แล้วอย่างไร สุดท้ายเด็ก ๆ พวกนี้ก็ต้องมาอยู่ที่นี่อีกนาน บางคนอ
หลังจากซื้อของวันนั้น ในที่สุดเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันที่ทุกครอบครัวต้องร่ำไห้ หลายครอบครัวออกมาส่งลูกหลานของตัวเองไปต่างที่ต่างทาง แต่ก็มีหลายครอบครัวที่มีท่าทางเมินเฉยแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือคนบ้านซ่ง หลังจากซื้อของจนพอใจ แถมยังไปขอเอาเงินจากคุณนายซ่งมาได้หลายพันหยวน เซียนอวี่ก็รีบขนย้ายของออกไปจากบ้านทันที ไม่ใช่เธอย้ายตัวเองออก แต่เป็นการย้ายเพียงแค่ของที่ต้องการจะเอาไปเพราะหลังจากที่เธอย้ายของมีค่าทั้งหลายออกไปฝากไว้ที่ไปรษณีย์ จดหมายจากทางการก็ส่งตรงมาที่บ้านซ่งในทันที หัวข้อคือการส่งตัวทายาทในบ้านให้ไปเป็นเยาวชนที่ชนบทห่างไกลแต่บ้านซ่งได้ส่งรายชื่อไปแล้วว่าจะให้ใครไป พวกเขาได้แต่แปลกใจว่าทำไมถึงมีจดหมายส่งมาซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะได้อ่านจดหมายแนบอีกฉบับที่แนบมาด้านหลังเนื้อความในจดหมายแนบนั้นมีอยู่ว่า ทางการรับรู้เรื่องการรับเลี้ยงซ่งเซียนอวี่ของตระกูลซ่งแล้ว ท่านผู้น้ำต้องการให้ทุกครอบครัวส่งทายาทของตนเองไป ดังนั้นครอบครัวซ่งจำเป็นต้องส่งทายาทที่แท้จริงของตนเองไป ไม่ใช่เด็กที่รับมาเลี้ยงตามที่ส่งรายชื่อมามือไม้ของสามพ่อแม่ลูกอ่อนไปหมด ส่วนคนที่ถึงกับล้มพับไปกับพื้นก็จะเ