ทันทีที่รถหยุดลง เซียนอวี่ก็รีบก้าวลงจากรถทันที เธอไม่มีท่าทางอิดออดหรือเหนื่อยอ่อนเหมือนคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย ขนาดผู้คุมยังอดแปลกใจไม่ได้ แต่ผู้คนเยอะแยะมากมาย ไม่มีใครมาสนใจเซียนอวี่มากขนาดนั้น ทุกคนยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง คนที่สนใจเซียนอวี่ก็มีแต่ซ่งหนิงหนิงเท่านั้น
ตั้งแต่ขึ้นรถ ซ่งหนิงหนิงเอาแต่นั่งร้องไห้ เธออยากจะรู้จริง ๆ ว่าร้องไห้ทำไม ร้องไห้เพราะถูกแยกกับครอบครัวที่พึ่งเจอกัน หรือร้องไห้เพราะตัวเองถูกกระชากลงจากสวรรค์ ก็แหม...คนไม่ชอบขี้หน้ากัน จะให้ไปมองในแง่ดีก็ออกจะประหลาดไปสักหน่อย
“เอาล่ะ ต่อจากนี้ทุกคนจะต้องมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ร่วมกัน ขาดเหลืออะไรก็มาติดต่อที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านได้ เรื่องหน้าที่ของทุกคนเดี๋ยวจะมีคนไปแจกแจงอีกที ตอนนี้ทุกคนเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนเถอะ”
เซียนอวี่ยืนฟังนิ่ง ๆ เหมือนคนรับชะตากรรมตัวเองได้ เมื่อจบคำของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอรีบเดินตรงไปยังบ้านพักที่ถูกสร้างเอาไว้สำหรับเยาวชนทันที แม้ว่าจะยังไม่มีใครบอกว่าหลังไหนก็ตาม
แต่คนอื่น ๆ ก็แค่แปลกใจ พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไรมาก รู้ไม่รู้แล้วอย่างไร สุดท้ายเด็ก ๆ พวกนี้ก็ต้องมาอยู่ที่นี่อีกนาน บางคนอาจจะช่างสังเกตกว่าคนอื่น ๆ ก็ได้
“คุณป้าสวัสดีค่ะ หนูเป็นเยาวชนที่ถูกส่งมาจากเมืองหลวงนะคะ ตอนนี้เลือกห้องพักได้เลยมั้ยคะ” จากประสบการณ์ในชีวิตก่อน การทำตัวดีกับพวกชาวบ้านเอาไว้เป็นเรื่องที่ควรทำมากที่สุด ถ้าเป็นไปได้อย่าให้ใครเกลียดหรือไม่ชอบหน้า หรือถ้ามี ก็มีเรื่องให้น้อยที่สุด ทำตัวอ่อนหวานว่าง่าย จะได้มีชีวิตอยู่ที่นี่อย่างสงบสุข แถมถ้าทำตัวดี เวลาจะขอความช่วยเหลือหรือทำอะไรก็ง่ายไปหมดด้วย
“ใช่แล้วจ้ะ มาเถอะ ป้าจะพาไปดูห้อง คนอื่น ๆ คงเดินตามมาข้างหลัง อีกสักพักน่าจะถึง หนูมาถึงก่อนก็เข้าไปเลือกก่อนได้เลย” หญิงวัยกลางคนค่อนข้างกลัว เธอไม่เคยคุยกับคนในเมือง ยิ่งบอกว่ามาจากเมืองหลวง มีทั้งการศึกษา มีทั้งฐานะที่ดี เธอไม่เคยต้องข้องเกี่ยวกับลูกคุณหนูหรือคุณชายทั้งหลายมาก่อน เลยอดไม่ได้ที่จะต้องกังวลเมื่อถูกเลือกให้มาช่วยจัดการต้องรับเด็ก ๆ พวกนี้
แต่ไม่คิดว่าเด็กสาวแสนสวยจากเมืองหลวงพวกนี้จะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิด นอกจากจะไม่มีท่าทางรังเกียจเธอแล้ว ยังทักทายเธออย่างสุภาพอีกด้วย แบบนี้มีหรือเธอจะไม่เอ็นดู
เซียนอวี่แอบยิ้มในใจ อันที่จริงทุกคนต้องเข้าไปเลือกห้องพร้อมกัน แต่เพราะเธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่านั่นไม่ใช่กฎ เป็นแค่การจัดการในรูปแบบหนึ่งของหัวหน้าหมู่บ้านและผู้ช่วยเท่านั้น เธอเลยเลือกเดินมาทักทายป้าฮุ่ยก่อน
ป้าฮุ่ยคนนี้ค่อนข้างจะมีส่วนในหลาย ๆ เรื่องของเยาวชน ทั้งจัดการเรื่องอาหาร ทั้งเรื่องแบ่งงานในแต่ละวัน เมื่อก่อนเธอทำตัวไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไหร่ ป้าฮุ่ยก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรกับเธอสักเท่าไหร่ แต่งานก็จะได้งานทั่ว ๆ ไป
เพราะอย่างนั้นชีวิตเธอเลยตั้งใจว่าจะประจบป้าฮุ่ยมากหน่อย อย่างน้อยไม่ได้งานหนัก ๆ เหมือนคนอื่นก็ยังดี ดีกว่าต้องทำงานลงไล่ลงนาเหมือนชีวิตก่อน
เซียนอวี่เดินขึ้นบ้านแล้วตรงปรี่เข้าไปยังห้องที่เธอหมายตาเอาไว้ทันที ห้องนี้ค่อนข้างเล็ก เลยเป็นห้องที่ต้องนอนคนเดียว เพื่อความเป็นส่วนตัวในการทำอะไรหลาย ๆ อย่าง เธอเลยเลือกห้องเล็ก ๆ ห้องนี้ ดีกว่าต้องไปนอนรวมกับคนอื่น ๆ เหมือนชาติก่อนที่ทุกคนเกี่ยงกันให้มานอนห้องนี้ เพราะเห็นว่ามันเล็ก
และในชีวิตนี้ก็ยังเป็นเหมือนในชาติก่อน คนอื่น ๆ ไม่มีใครเต็มใจหรือยินดีที่จะอยู่ห้องที่เล็กและคับแคบแบบนี้ได้ สุดท้ายก็เลยไม่มีใครสนใจห้องเล็ก ๆ ของเธอเลยสักคน
จะมีก็แต่ซ่งหนิงหนิงที่เดินมาทำหน้าเศร้า ๆ ใส่เธออยู่หน้าห้อง แต่เธอเลือกที่จะไม่สนใจ ตั้งแต่บ้านซ่งส่งเธอมาที่นี่ เธอถือว่าตัวเองได้หมดพันธะทั้งหลายกับคนบ้านนั้นไปหมดแล้ว ดังนั้นสำหรับเธอในตอนนี้ ซ่งหนิงหนิงคือคนอื่น
การเลือกห้องจบลงที่ซ่งหนิงหนิงไปนอนรวมในห้องเก่าที่เธอเคยอยู่ในชาติที่แล้ว แม้ว่าจะนอนห้องละสองถึงสามคนต่อห้อง แต่ก็มีหลายคนที่ไม่พอใจ เพราะอย่าลืมว่าหลาย ๆ คนเป็นลูกท่านหลานเธอจากเมืองหลวงเชียวนะ
แต่เรื่องนั้นเซียนอวี่ไม่สนหรอก เธอรีบเอนตัวลงนอนพักเอาแรง เพราะในอีกไม่นานจะต้องมีงานเข้ามาให้ทำแน่ อย่างน้อย ๆ ก็งานบ้านทั่ว ๆ ไปเช่นการทำอาหารกินง่าย ๆ ในคืนนี้นี่แหละ ชาวบ้านเขาไม่ได้มีหน้าที่มาคอยรับใช้พวกเยาวชนเหมือนที่หลาย ๆ คนในกลุ่มเข้าใจ
เซียนอวี่ไม่สนใจอะไร เธอหลับไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจะถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตูห้องในตอนเย็น เธอรีบเช็ดหน้าเช็ดตาจัดผมและชุดให้เรียบร้อยก่อนจะไปเปิดประตู
คนที่มาเคาะคือหนิงหนิงที่ได้รับไหว้วานให้มาเรียกเธอไปรวมตัวกันที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอแปลกใจนิดหน่อยที่ซ่งหนิงหนิงเป็นคนมาเคาะ เธอคิดว่าป้าฮุ่ยจะเป็นคนมาเคาะเรียกเหมือนชาติก่อนเสียอีก
“มากันแล้วหรือ มาเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เราต้องเริ่มทำอาหารได้แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้จะไม่มีอะไรกินกัน วันนี้ป้าจะพาทำก่อนนะ แต่พรุ่งนี้ต้องเริ่มทำอาหารกันเองแล้วนะ วัตถุดิบจะอยู่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ทุกคนมารับได้ทุกเจ็ดวัน มาเถอะ”
ป้าฮุ่ยพูดจบก็เดินนำทุกคนเข้าครัว ฝ่ายผู้หญิงนั้นได้เข้าครัว ส่วนผู้ชายถูกจับแยกไปอีกทาง ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าจะถูกดึงไปสอนการหาอาหารหรือเปล่าเธอไม่แน่ใจเท่าไหร่
ซ่งหนิงหนิงที่เป็นงานกว่าคนอื่น ๆ ดูจะเป็นที่ชื่นชอบของป้า ๆ ในหมู่บ้านมาก หนิงหนิงหยิบจับอะไรก็คล่องแคล่วไปหมด เรียกสายตาเอ็นดูจากหลาย ๆ คนในหมู่บ้านได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นลูกหลานคนรวยที่ไม่ถือตัวเลยสักนิด คะแนนความเอ็นดูของซ่งหนิงหนิงเลยนำโด่งทุกคนในกลุ่มเยาวชน
แม้กระทั่งเซียนอวี่ที่ได้เปรียบคนอื่นอยู่หลายเท่าก็ยังไม่อาจสู้ได้ แต่เรื่องนั้นเธอไม่ได้คิดมากอะไรนักหรอก การยุ่งกับคนในหมู่บ้านมากไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะเธอไม่คิดจะอยู่ที่นี่นานอะไร แถมชาวบ้านก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคน แค่ป้าฮุ่ยที่เป็นคนมอบหมายงานไม่หมายหัวหรือไม่ชอบหน้าก็พอแล้วสำหรับเธอ
“เซียนอวี่ดูถนัดงานในครัวนะ ดูสิ ทำอะไรก็คล่องไปหมด คนบ้านซ่งสอนเข้าครัวมาอย่างดีเลยหรือ เก่งทั้งพี่ทั้งน้องเลย ทำงานคล่องแคล่วเชียว” เหล่าป้า ๆ น้า ๆ ที่อาสามาสอนอดจะเอ่ยปากออกมาไม่ได้ สองพี่น้องแซ่ซ่งช่างทำงานคล่องแคล่ว ไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่หยิบจับอะไรก็ดูจะไม่เป็นงานเอาเสียเลย
“ปกติตอนอยู่บ้านก็ไม่เห็นพี่จะเคยเข้าครัวเลยนะคะ พี่ชอบอยู่ในห้องทั้งวัน ออกจากห้องก็ออกไปเที่ยวเล่นซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับใหม่ ๆ กับเพื่อน ๆ น่าแปลกมาเลยค่ะที่พี่เข้าครัวได้คล่องขนาดนี้” ซ่งหนิงหนิงรีบเอ่ยปากก่อนเจ้าตัวจะได้ตอบเสียอีก
คำพูดของหนิงหนิงทำให้ป้า ๆ หลายคนแปลกใจ ถ้าบอกว่าไม่เคยหยิบจับอะไรก็ไม่น่าใช่ เพราะท่าทางของเซียนอวี่คล่องแคล่วมาก ฝีมือพอ ๆ กับหนิงหนิงเลยด้วยซ้ำ
เซียนอวี่แค่ยิ้มให้บาง ๆ แล้วทำงานต่อเท่านั้น เธอยังไม่อยากเถียงหรือต่อว่าหนิงหนิงในตอนนี้ ตอนนี้เธอต้องรีบทำคะแนนความน่าเอ็นดูกับคนในหมู่บ้านก่อน เรื่องแผลงฤทธิ์เอาไว้ทีหลังก็ไม่สาย เธอไม่รีบ เรายังต้องอยู่ที่นี่กันอีกนาน
เพราะมีเซียนอวี่และหนิงหนิงที่หยิบจับงานในครัวเป็น อาหารวันนี้เลยเสร็จเร็วขึ้นกว่ากำหนด แถมรสชาติก็ยังไม่แย่มากเท่าที่หลาย ๆ คนคิดเอาไว้อีกด้วย คนที่ได้หน้าก็จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากสองพี่น้องแซ่ซ่ง แต่คนที่ดูจะภูมิใจกับคำชมดูจะมีแค่ซ่งหนิงหนิง
เซียนอวี่ไม่ได้สนใจคำชมพวกนั้นสักเท่าไหร่ เธอตอบรับคำชมของทุกคนด้วยรอยยิ้มอย่างถ่อมตัว ก่อนจะแยกตัวออกไปพักผ่อนเมื่อกินเสร็จ แน่นอนว่าเธอจะไม่โง่อาสาทำงานทุกอย่างเองเหมือนซ่งหนิงหนิง แค่ทำอาหารให้ทุกคนกินก็เหนื่อยมากแล้ว หน้าที่เก็บล้างจานควรเป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีฝีมือในการทำอาหาร
แต่เจ้าตัวขันอาสาเอง เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปขัดทำไม คนอื่น ๆ ก็ชอบด้วยที่ตัวเองไม่ต้องไปทำงานแบบนั้น สุดท้ายเลยกลายเป็นซ่งหนิงหนิงไปนั่งล้างหม้อไหจานชามอยู่คนเดียว กว่าจะกลับเข้ามาพักก็ฟ้ามืดแล้ว
ส่วนเซียนอวี่นั้นหลับไปตั้งแต่อาบน้ำบำรุงผิวเสร็จแล้ว ชีวิตนี้เธอตั้งใจว่าจะไม่หยุดบำรุงผิวเหมือนชาติก่อน เธอไม่ชอบเอาเสียเลยเวลาที่ตัวเองไม่สวยเนี่ย เป้าหมายหลักของเธอในชาตินี้ก็คือรักษารูปร่างหน้าตาให้สวยเข้าไว้ การศึกษาต้องไม่ขาด เงินยิ่งสำคัญกว่าอะไร
เพราะแบบนั้นในตอนที่กล่องพัสดุของซ่งเซียนอวี่มาส่งที่หมู่บ้าน ข้างในนั้นเลยมีของใช้หนึ่งลังเต็ม ๆ ส่วนอีกลังก็เป็นพวกของใช้ที่ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร แต่ถ้าเอาไปขายเป็นเงินก็ได้หลายร้อยหลายพันหยวนเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะ” เซียนอวี่ขอบคุณคนตัวโตที่ถือวิสาสะแย่งของไปถือแล้วเดินมาส่งตัวเองถึงบ้านพัก อันที่จริงเธอก็ขอบคุณมาก ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าคนตัวโตนี่เอาแต่แซะนั่นแวะนี่เธอไม่หยุดตลอดทาง ว่าเธอขาสั้นบ้างล่ะ ตัวเตี้ยบ้างล่ะ“ไม่เป็นไร ของนี่ถ้ายกไม่ไหวก็ลากเข้าไปในห้องนะ” เขาไม่อยากเข้าไปในบ้านพักของสตรี อย่างไรบ้านหลังนี้ก็มีแต่ผู้หญิง ถ้าให้ผู้ชายตัวโตอย่างเขาเข้าไป คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่“อื้ม ว่าแต่...นายชื่ออะไรหรอ เจอกันหลายรอบแล้ว ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย อ้อ ฉันชื่อซ่งเซียนอวี่ เรียกว่าเซียนอวี่ก็ได้” เธอได้อีกคนช่วยไว้ตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขากลับไม่เคยถามชื่อหรือแนะนำตัวกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว“หมิงหาน เหยาหมิงหาน เธอเรียกว่าหมิงหานก็ได้ ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวมีคนมา-” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ซ่งหนิงหนิงก็โผล่เข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงร้องตะโกนจนทุกคนต้องหันไปมองเธอ“พี่หมิงหาน! เอ้ะ พี่เซียนอวี่ พี่รู้จักพี่หมิงหานด้วยหรอคะ” ซ่งหนิงหนิงเดินสะพายตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักเข้ามาพร้อมกับคนอื่น ๆ ระหว่างกำลังจะกลับเข้าบ้านพัก เธอกลับเห็นคนคุ้นตาเข้าเสียก่อ
เช้าวันนี้เซียนอวี่เตรียมตัวลงไร่กับคนอื่น ๆ หลังจากที่เธอเลือกจะเข้าป่าหาของมาให้คนในบ้านพักกินมาหลายวัน ตอนนี้ก็เริ่มมีคนไม่พอใจ หาว่าเธออู้งานกินแรงเพื่อนคนอื่น ๆ เธอเลยเปลี่ยนใจไม่เข้าป่าเหมือนทุกวัน“พี่คะ งานในไร่หนักมาก พี่ไม่เคยหยิบจับอะไรมาก่อน แบบนี้จะทำได้หรอคะ กลับไปเข้าป่าหาผักดีกว่ามั้ยคะ” ซ่งหนิงหนิงพยายามเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาคุยกับเซียนอวี่ แต่ก็มักจะถูกเซียนอวี่เมินเฉยราวกับอากาศไปเสียทุกทีวันนี้ซ่งหนิงหนิงเองก็ถูกซ่งเซียนอวี่เมินอีกเช่นเคย ท่าทางจองหองถือตัวนั้นทำให้หลาย ๆ คนไม่พอใจ บวกกับหลายวันที่ผ่านมาเซียนอวี่มักจะแยกตัวออกไปทำงานเข้าป่ากับเหล่าชาวบ้าน แถมห้องพักก็พักเป็นห้องเดี่ยวไม่มีเพื่อน ซ่งหนิงหนิงเลยสนิทกับคนอื่น ๆ มากกว่า“อะไรกัน เซียนอวี่ก็เป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำตัวสูงส่งนักล่ะ เธอควรจะขอบใจและซึ้งใจหนิงหนิงเข้าไว้สิ ตัวเองไปแย่งวาสนาคนอื่นมาแท้ ๆ ตอนนี้ยังจะมาจองหองใส่คนเขาอีก”ปกติแล้วเซียนอวี่จะนิ่งเฉยกับคนอื่น ๆ ในบ้านพัก แต่ครั้งนี้เธอเลือกจะไม่ปล่อยผ่านไปเหมือนเช่นเคย ขาเรียวยาวที่กำลังเตรียมตัวจะก้าวลงไปในไร่และเริ่มงานหยุ
ลูกธนูแหลมคมแล่นผ่านหน้าเซียนอวี่ไปยังด้านหลัง ก่อนจะปักเข้าที่เจ้าหมูป่าตัวอ้วนที่กำลังวิ่งไล่เด็กสาวอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงร้องด้านหลังจะดังขึ้นดังกว่าปกติ หลังจากนั้นก็เงียบไปแต่ขาของเซียนอวี่ก็ยังคงวิ่งอยู่ เธอวิ่งเข้าไปหาคนที่ยิงธนูเฉียดหน้าเธอไปอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะเข้าไปหลบด้านหลังของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเองทันทีหมูป่าถูกลูกธนูเมื่อสักครู่ปัดลงกลางหัว ทำให้ตอนนี้มันล้มตัวนอนอยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าสิ้นใจตายแล้วหรือยัง แต่เรื่องนั้นเซียนอวี่ไม่ได้สนใจ ขอแค่มันไม่วิ่งไล่เธอเหมือนเมื่อครู่ก็พอ เธอกลัวจนฉี่แทบจะราดต่อหน้าทุกคนเสียแล้ว โชคดีที่กลั้นเอาไว้ทัน เธอบอกแล้วว่าสวรรค์เล่นตลกกับเธอ ขนาดมีคนตั้งเยอะตั้งแยะ ไอ้หมูบ้านั่นยังเลือกจะวิ่งไล่เธอเลย“มันตายแล้ว” เสียงเข้มดังขึ้นบนหัว เซียนอวี่ได้แต่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้เป็นใคร เธอเม้มปากกลั้นน้ำตามที่จวนจะไหลออกมาเต็มแก่เอาไว้ ก่อนจะพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนช้า ๆยังไม่ทันที่เธอจะยืนขึ้นเองได้เสร็จ คนตรงหน้าก็จับต้นแขนของเธอแล้วดึงขึ้นเสียก่อน ร่างกายของเธอไม่สามาร
อย่างที่เธอบอก หลังจากมาถึงที่หมู่บ้าน ทุกคนก็จะได้ทำงานทันที ไม่มีข้อยกเว้นให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น หลาย ๆ คนไม่ทันระวังตัว พวกเขาคิดว่าชาวบ้านจะให้ปรับตัวก่อนสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ให้คนสิบยี่สิบคนมาอยู่เฉย ๆ เป็นอาทิตย์ แล้วใครจะเป็นคนออกเงินค่าข้าวค่าน้ำให้กันล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่าให้ไปเอาอาหารที่บ้านของตนเองก็จริง แต่นั่นก็เป็นส่วนแบ่งจากการทำงานของทุกคนตลอดอาทิตย์ต่างหากพูดตามตรง หัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่ก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร ยิ่งภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านนั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย ของหลาย ๆ อย่างที่ดีหน่อยก็ถูกยายแก่นั่นยึดเอาไปกินเองในครอบครัว ชาติที่แล้วเธอเจออะไรแบบนี้มาไม่รู้ตั้งกี่เท่าไหร่ บางอาทิตย์ต้องทนกินแต่แป้งย่างโง่ ๆ เพราะของที่ดีหน่อยถูกริบเอาไปก่อนจะมาถึงพวกเธอจะรู้ตัวเสียอีก“วันนี้มีการเก็บข้าวโพดและเข้าไปหาของในป่า ทุกคนต้องแบ่งกันว่าจะทำหน้าที่ไหน แต่ต้องบอกก่อนว่าเข้าป่ามีความเสี่ยงที่จะเจอสัตว์ป่า ค่อนข้างอันตราย” ป้าฮุ่ยเข้ามาที่บ้านพักของเหล่าเยาวชนตั้งแต่เช้าตรู่หลายคนได้ยินว่าอาจจะเจอสัตว์ป่าที่อันตรายก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที ทุกคนพร้อมใจกัน
ทันทีที่รถหยุดลง เซียนอวี่ก็รีบก้าวลงจากรถทันที เธอไม่มีท่าทางอิดออดหรือเหนื่อยอ่อนเหมือนคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย ขนาดผู้คุมยังอดแปลกใจไม่ได้ แต่ผู้คนเยอะแยะมากมาย ไม่มีใครมาสนใจเซียนอวี่มากขนาดนั้น ทุกคนยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง คนที่สนใจเซียนอวี่ก็มีแต่ซ่งหนิงหนิงเท่านั้นตั้งแต่ขึ้นรถ ซ่งหนิงหนิงเอาแต่นั่งร้องไห้ เธออยากจะรู้จริง ๆ ว่าร้องไห้ทำไม ร้องไห้เพราะถูกแยกกับครอบครัวที่พึ่งเจอกัน หรือร้องไห้เพราะตัวเองถูกกระชากลงจากสวรรค์ ก็แหม...คนไม่ชอบขี้หน้ากัน จะให้ไปมองในแง่ดีก็ออกจะประหลาดไปสักหน่อย“เอาล่ะ ต่อจากนี้ทุกคนจะต้องมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ร่วมกัน ขาดเหลืออะไรก็มาติดต่อที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านได้ เรื่องหน้าที่ของทุกคนเดี๋ยวจะมีคนไปแจกแจงอีกที ตอนนี้ทุกคนเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนเถอะ”เซียนอวี่ยืนฟังนิ่ง ๆ เหมือนคนรับชะตากรรมตัวเองได้ เมื่อจบคำของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอรีบเดินตรงไปยังบ้านพักที่ถูกสร้างเอาไว้สำหรับเยาวชนทันที แม้ว่าจะยังไม่มีใครบอกว่าหลังไหนก็ตามแต่คนอื่น ๆ ก็แค่แปลกใจ พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไรมาก รู้ไม่รู้แล้วอย่างไร สุดท้ายเด็ก ๆ พวกนี้ก็ต้องมาอยู่ที่นี่อีกนาน บางคนอ
หลังจากซื้อของวันนั้น ในที่สุดเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันที่ทุกครอบครัวต้องร่ำไห้ หลายครอบครัวออกมาส่งลูกหลานของตัวเองไปต่างที่ต่างทาง แต่ก็มีหลายครอบครัวที่มีท่าทางเมินเฉยแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือคนบ้านซ่ง หลังจากซื้อของจนพอใจ แถมยังไปขอเอาเงินจากคุณนายซ่งมาได้หลายพันหยวน เซียนอวี่ก็รีบขนย้ายของออกไปจากบ้านทันที ไม่ใช่เธอย้ายตัวเองออก แต่เป็นการย้ายเพียงแค่ของที่ต้องการจะเอาไปเพราะหลังจากที่เธอย้ายของมีค่าทั้งหลายออกไปฝากไว้ที่ไปรษณีย์ จดหมายจากทางการก็ส่งตรงมาที่บ้านซ่งในทันที หัวข้อคือการส่งตัวทายาทในบ้านให้ไปเป็นเยาวชนที่ชนบทห่างไกลแต่บ้านซ่งได้ส่งรายชื่อไปแล้วว่าจะให้ใครไป พวกเขาได้แต่แปลกใจว่าทำไมถึงมีจดหมายส่งมาซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะได้อ่านจดหมายแนบอีกฉบับที่แนบมาด้านหลังเนื้อความในจดหมายแนบนั้นมีอยู่ว่า ทางการรับรู้เรื่องการรับเลี้ยงซ่งเซียนอวี่ของตระกูลซ่งแล้ว ท่านผู้น้ำต้องการให้ทุกครอบครัวส่งทายาทของตนเองไป ดังนั้นครอบครัวซ่งจำเป็นต้องส่งทายาทที่แท้จริงของตนเองไป ไม่ใช่เด็กที่รับมาเลี้ยงตามที่ส่งรายชื่อมามือไม้ของสามพ่อแม่ลูกอ่อนไปหมด ส่วนคนที่ถึงกับล้มพับไปกับพื้นก็จะเ