“แล้ว..เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพหลี่เบาเสียงลง กลัวจะทำให้ลูกสาวเสียงดังมากขึ้น
“...ข้าก็ไม่รู้ เขาคงไม่อยากให้ข้าไปยุ่งกับเขา” นางตอบเบาลง
“เหลวไหล ใครจะไม่อยากยุ่งกับลูกพ่อ” แม่ทัพหลี่รีบเอาใจ
“มาๆ กินเยอะๆ เดี๋ยวพ่อไปถามให้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด พ่อจะบังคับให้เขาพูดให้ได้” เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยให้นาง เอาอกเอาใจลูกสาวเต็มที่
“ไม่ต้อง ข้า..ข้าจะ ไปถามด้วยตัวเอง”
หลี่เฟิ่งเซียนพอจะนึกบางอย่างได้ นางพาลู่มู่เฉินมาที่นี่ อ้างว่ามารักษาตัว แต่ไม่เคยถามว่าเขาอยากอยู่หรือไม่ ท่านพ่อของนางเป็นถึงแม่ทัพ หากเขาไม่เอ่ยปาก ผู้ใดจะกล้าออกไปจากที่นี่ บางทีลู่มู่เฉินอาจไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาอาจรู้สึกไม่ต่างจากถูกคุมขังในกรงสุนัข เขาอาจอยากกลับไปหาครอบครัว
สุดท้ายหลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจจะถามให้กระจ่าง นางตามหาเขาจนพบเขาอยู่ที่ห้องเก็บยา
“ลู่มู่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนมาถึงก็ถามตรงๆ
“..อืม” เขาหันมามองนางครู่หนึ่ง และหันไปยุ่งกับการตวงยาต่อไป
“เจ้าอยากกลับบ้านของเจ้าหรือไม่”
“ใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน”
เขาตอบตามจริง แต่นางรู้สึกบางอย่างในอกหนักอึ้ง
“เจ้ามีบ้านหรือไม่ มีพ่อแม่ ภรรยา...หรือคนที่รอให้กลับอยู่ใช่หรือไม่” นางถามต่อไป
“ข้ามี..ท่านแม่” เขาตอบสั้นๆ แต่ทำให้หลี่เฟิ่งเซียนยิ้มออกมาได้ ก่อนจะค่อยๆหุบยิ้มกลับไปดังเดิม
“เจ้า..อยากกลับไปหาท่านแม่ของเจ้าสินะ”
“...อืม” เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเช่นนั้น
“ข้าให้เจ้ากลับบ้านได้ เจ้าก็ใกล้หายดีแล้วนี่” หลี่เฟิ่งเซียนใช้ความกล้าหาญพูดไปเช่นนั้น แม้นางจะไม่อยากให้เขาไป แต่เขาต้องกลับบ้าน ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนที่บ้านจะห่วงเขามากเพียงใดแล้ว
ลู่มู่เฉินหันมามองตานางเป็นครั้งแรก แต่นางก็มองตอบ ไม่หลบ
“เจ้า..อยากให้ข้าไปหรือ?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในแววตาแฝงความน้อยใจบางอย่าง
“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ข้าพึ่งนึกได้ว่าไม่เคยถามเจ้าเรื่องนี้ ข้าถามความต้องการของเจ้า ข้าอยากรู้ความต้องการของเจ้า” นางรีบร้อนแก้ตัว แม้นางจะไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกเช่นนั้น แต่นางไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด
“ข้า..กลับไม่ได้แล้ว” เขาหันไปจดจ่อกับที่ตวงยาและตอบเสียงเบา หลี่เฟิ่งเซียนต้องเดินไปใกล้ตัวเขาให้มากขึ้นเพื่อจะได้ฟังชัด
“เหตุใดพูดเช่นนั้น” นางถาม
“ท่านแม่ของข้า..ตายไปนานแล้ว ข้าจึง..ไม่มีบ้านให้กลับ” เขาทำราวกับยาพวกนั้นสำคัญมากจนละสายตาไม่ได้ แต่ความจริงเขาเพียงไม่กล้าสบตานาง
“ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้” นางรู้สึกผิด
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
“เจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไปได้นะ ข้าเลี้ยงดูเจ้าได้”
เคร้งงงงง!!! เครื่องตวงยาในมือของลู่มู่เฉินตกพื้น ยากระจัดกระจาย แต่เขาขยับไปเก็บไม่ได้ มองไปทางคุณหนูใหญ่ยิ่งไม่ได้ ได้แต่ยืนนิ่งราวกับหยุดหายใจอยู่ตรงนั้น
หลี่เฟิ่งเซียนเอง บางอย่างกระจ่างขึ้นในใจ นางอยากให้เขาอยู่กับนาง!! ความเข้าใจกะทันหันนี้ ทำนางตกใจไม่น้อย
ทั้งสองคนยืนอยู่เช่นนั้นสักพัก เป็นลู่มู่เฉินที่รู้สึกตัวก่อน เขาขยับไปนั่งลงเก็บสมุนไพรพวกนั้นที่ตกพื้นเต็มไปหมด ทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก มองไปรอบๆห้อง เห็นกล่องใส่เข็มที่ยู่ยี่ทำให้เขาวางอยู่บนชั้น
นางมองกล่องแล้วรู้สึกไม่ยินยอม ในเมื่อนางรู้แล้วว่าตัวเองต้องการสิ่งใด ถึงจะเป็นยู่ยี่ที่นางชอบมาก นางก็จะลองแย่งชิงสักครั้ง!!
หลี่เฟิ่งเซียนเดินไปนั่งยองๆอยู่ใกล้ลู่มู่เฉิน มองเขาเก็บยาอย่างตั้งใจ เขาคล้ายจะให้ความสำคัญยาพวกนั้นมากจนนางนั่งอยู่ใกล้เท่านี้ เขายังไม่สนใจหันมามองดู มือของเขาพัลวันเก็บยาชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เจ้าชอบยู่ยี่หรือไม่?” หลี่เฟิ่งเซียนถาม
มือของลู่มู่เฉินหยุดชะงัก ก่อนเขาจะรีบกลบเกลื่อนเหมือนไม่มีอะไร แต่อาการมือสั่นที่นางไม่สังเกตก็ทุเลาลง ที่แท้นางหมายถึงหยวนหยวน นางหมายถึงนางเลี้ยงดูเขาได้ด้วยการให้เขาแต่งกับหยวนหยวน
“หยวนหยวน..นางก็ดี” เขาตอบเสียงเรียบ
“นางย่อมดีมาก แต่ข้าอยากรู้ว่าเจ้าชอบนางหรือไม่”
“ข้าชอบนาง” เขาลุกขึ้นยืน หลี่เฟิ่งเซียนก็ลุกตาม แต่ยืดเต็มความสูงแล้วก็ยังต้องเงยหน้ามองเขา
“เจ้า..เจ้าชอบนางหรือ ..ข้า..เจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนสับสนไม่รู้จะพูดอย่างไร
“แต่ข้าไม่ได้อยากแต่งกับนาง” เขาหันเอายาไปเก็บทางอื่น
“ห๊ะ! เจ้าชอบนาง แต่ไม่แต่งกับนาง แล้วเจ้าเอากล่องเข็มของนางมาทำไมกัน” นางวิ่งตามเพื่อมองหน้าเขา
หลี่เฟิ่งเซียนรู้ตัวว่าชอบลู่มู่เฉินเข้าแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ายู่ยี่ของนางไม่ได้รับความเป็นธรรมเอาเสียเลย มู่เฉินคนชั่วผู้นี้ถึงกับหลอกให้ยู่ยี่ทำกล่องเข็มราคาแพงให้แต่ไม่ยอมแต่งกับยู่ยี่หรือ? เช่นนี้จะต่างอะไรกับอ๋องเยียนที่ไม่เคยรักหญิงใดจริง ได้แต่เล่นสนุกกับหัวใจของพวกนาง
“กล่องเข็ม ที่เจ้าทิ้งเอาไว้คืนก่อนน่ะหรือ?” เขาหันมามองนางเต็มตา
“ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ของข้า เป็นของยู่ยี่”
ลู่มู่เฉินขมวดคิ้ว เข้าใกล้นางหนึ่งก้าวเพื่อจะมองนางให้ชัดขึ้น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกใจเต้นตึกตักจึงก้มหน้าลงไม่กล้าสบตา
“นี่เจ้า ไม่คิดจะรักษาสัญญาหรือ?” เขาถาม คืนก่อนเขายังเสียใจอยู่เลยที่ทำกิริยาเช่นนั้นกับนาง ทั้งที่นางตั้งใจเอากล่องเข็มไปให้เขาโดยเฉพาะ หากนางจะโกรธไม่คุยกับเขาก็เป็นเรื่องที่สมควร ที่แท้แล้วเขาก็เข้าใจผิด
“อะไรนะ” หลี่เฟิ่งเซียนไม่เข้าใจ
ลู่มู่เฉินเดินไปหยิบกล่องเข็มมาวางไว้ในมือของนาง
“หากเป็นเงินของหยวนหยวนก็เอาไปคืนเถิด ข้าไม่ต้องการ” เขาพูด
“ห๊ะ!” หลี่เฟิ่งเซียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลู่มู่เฉินเดินออกไปจากห้องเก็บยาแล้ว
ตอนเย็นหลังอาบน้ำเสร็จ ยู่ยี่ก็มานั่งเช็ดผมให้คุณหนูใหญ่หลี่เฟิ่งเซียน เช็ดไปหน้างอไปเพราะหลายวันนี้คุณหนูใหญ่อารมณ์ไม่ค่อยดี
“ยู่ยี่ เจ้าชอบลู่มู่เฉินหรือไม่”
“ห๋า ท่านพูดอะไร ข้าไม่ชอบเขา เป็นท่านที่ชอบเขาไม่ใช่หรือ” ยู่ยี่จำยอมรับชื่อนี้อย่างไม่เต็มใจ
“ห๊ะ!!!! ข้า!!.. เจ้าพูดสิ่งใดกัน” หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองยู่ยี่เก็บสีหน้าไม่อยู่
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” นางถามยู่ยี่
“ท่านอ๋องบอก เขาว่าท่านมักจะไปเกี้ยวเขาโดยการพูดแต่เรื่องของมู่เฉินคนเลว มู่เฉินคนชั่ว เป็นห่วงทุกเช้าว่าเขาจะไม่ยอมกินข้าว”
“ข้าไม่เป็นไร มันหายแล้ว แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างไรก็ยังต้องเป็นเช่นนี้เวลาอากาศหนาวมากๆ” เขาหลบตามองต่ำอธิบาย“เช่นนั้นเพราะหนาวหรือถึงได้เจ็บ” นางถาม ลู่มู่เฉินพยักหน้าหลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าดุก่อนจะวิ่งไปที่เตียงดึงผ้าห่มมาห่อตัวเขาไว้“แล้วเจ้าหนีมานอนที่พื้นเพื่ออันใดกัน ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก หากข้าเมาก็ต้องเรียกข้าให้เอาผ้าห่มให้เจ้า เข้าใจหรือไม่” นางดุลู่มู่เฉินพยักหน้ารับอีกครั้ง แต่ไม่กล้ามองนาง ไม่กล้าบอกนางว่ามือข้างนี้จะไม่หาย มันยังคงต้องเจ็บเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แม้จะตัดทิ้งความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่มีอยู่จริงก็ยังเกิดขึ้น เวลานี้ก็ยังรู้สึกเจ็บมาก แต่อย่างไรก็ต้องทนต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางไม่สบายใจแต่ห่มผ้าให้เขาแล้วนางก็ไม่ยอมไปไหน ยังคงนั่งมองเขา ทั้งยังกระเถิบมาใกล้ขึ้นจ้องมองเขาไม่วางตา ลู่มู่เฉินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำพูด แต่แล้วนางก็ยกมือขึ้นมาเช็ดบางอย่างที่ข้างแก้ม“เจ้านอนน้ำลายไหลเปื้อนแก้มด้วย”“!!..” เขาตกใจรีบก้มหน้าไม่ยอมให้นางเช็ดคราบน้ำลาย“ชิ ทำเป็นเล่นตัว อย่างไรเจ้าก็แต่งกับข้าแล้ว เป็นหรือตายก็ต้องเป็นคนของข้า” หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกอารมณ์เสีย เมื
เขาจึงยังไม่ได้พูดคุยกับนางให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้แต่คาดเดา เพราะเขาถามอ๋องเยียนก็แล้ว ท่านหมอก็ถามแล้ว แม้แต่แม่ทัพหลี่เขาก็พยายามถามแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของเขา"ตาของเจ้างดงามมากจริงๆ ราวกับเก็บดวงดาวยามค่ำคืนไว้ทั้งท้องฟ้า" พูดแล้วนางก็ล้มใส่ตัวเขา หลับไปทั้งเช่นนั้น‘ความฝันที่เป็นได้เพียงความฝัน ห้ามคิดฝันเกินตัว มันต้องมีบางสิ่งทำให้ท่านแม่ทัพตัดสินใจเช่นนี้ นางต้องทำความผิดใดจนท่านแม่ทัพโกรธ จนต้องลงโทษนางให้แต่งกับคนอัปลักษณ์ใกล้ตายเช่นเขา’ ลู่มู่เฉินตักเตือนตัวเองเขามั่นใจว่างานแต่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนางชอบเขา หรือเพราะดันมีคนรู้เข้าว่าเขาชอบนาง เขารู้ว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น นางจึงถูกบังคับให้แต่งกับเขาเขารู้ว่านางพูดชมเขาโดยไม่มีสิ่งใดลึกซึ้ง เพราะนางเป็นคนเช่นนั้น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ เพียงแต่..ทุกครั้งที่นางพูดเช่นนี้ ในอกของเขายังคงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ในท้องปั่นป่วนคล้ายมีผีเสื้อนับพันกำลังโผบินลู่มู่เฉินแอบยิ้มน้อยๆ งานแต่งนี้อาจต้องจบลงสักวัน เขาย่อมรู้ดี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานแต่งของเขากับนาง หากนางยังตื่นอยู่ เขาก็จะปั้น
แม่ทัพหลี่หันหน้าแบบประหลาดมากมามองลูกสาว เขากะพริบตาไล่ความงุนงง สังเกตอาการของลูกสาวที่หน้าแดงกระวนกระวายทำสิ่งใดไม่ถูก จู่ๆเขาก็เข้าใจทุกอย่าง‘ข้าว่าแล้วเชียว เท่าที่จำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกข้าเงียบได้ใช่หรือไม่ แต่มันดูแลลูกข้าได้แน่หรือ ถึงอย่างไรนางก็ดูจะชอบมันเข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เลย’ แม่ทัพหลี่คิด ยิ่งคิดยิ่งตกใจ นี่เขาไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ สุดท้ายเขาไม่พูดสิ่งใดแต่เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงทันทีปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนและอ๋องเยียนมองตามอย่างงุนงง ก่อนที่นางจะคิดบางอย่างได้และตะโกนออกไป“ท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขานะ!!” แล้วนางก็วิ่งตามแม่ทัพออกไป อ๋องเยียนค่อยๆพ่นลมออกมา รู้สึกโล่งอกที่คนถูกฆ่าไม่ใช่เขาลู่มู่เฉินกำลังช่วยเตรียมยาให้ทหารนายหนึ่ง ขาของเขาขาด ไม่ได้ทำแผลให้สะอาดแต่ต้น ยามนี้จึงทั้งบวมและเป็นหนอง“ลู่มู่เฉิน!!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ไหล “หยุดนะท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด!” หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งตามหลังแม่ทัพหลี่มาติดๆ ตะโกนอย่างร้อนรนลู่มู่เฉินไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางคงก่อเรื่องอีกแล้ว เขาถอนหายใจ ยื่นห่อยาให้ทหารอย่างใจเย็น ก
หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆหันกลับไป กะพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าใครๆก็มองออก แต่นางไม่รู้ตัว นี่นางโง่เพียงนี้เชียวหรือ“เจ้าไม่ชอบเขา แล้วสั่งทำกล่องเข็มให้เขาทำไมหรือ” นางยังคาใจ“ท่านเป็นคนสัญญาว่าจะออกเงินสร้างสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เขาบอกว่าอยากได้กล่องเข็มครบ 18 แบบ ข้าจึงไปสั่งร้านช่างในหมู่บ้านให้ ใช้เวลาหลายสิบวันกว่าจะเสร็จ วันก่อนช่างเอามาส่งแต่ข้าลืมบอกท่าน” ยู่ยี่อธิบายนางสัญญาไปเช่นนั้นจริงๆ นางรีบร้อนจะตามอ๋องเยียนไปขี่ม้าดูบึงใหญ่ จึงรับปากเขาไปส่งๆ จนนางก็ลืมไปแล้ว ดังนั้น ถือว่ากล่องเข็มนี้นางเป็นคนมอบให้เขา ไม่ใช่ยู่ยี่หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนพองโต นางไม่ต้องแย่งชิงเขากับยู่ยี่ เขาไร้ญาติขาดมิตร ครอบครัวก็ไม่มี ขอเพียงนางรวบหัวรวบหาง เขาต้องเป็นของนางแน่ ถึงเขาจะน่าเกลียดมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยนัยน์ตาของเขางดงามมาก นางชอบนัยน์ตาของเขาที่ราวกับเก็บดวงดาวไว้ทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืนคิดแล้วนางก็หยุดตัวเองไม่ได้ อยากจะไปหาเขาตอนนี้เสียเลย หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปหาลู่มู่เฉิน ไม่สนใจว่ายามนี้ดึกมากเพียงใด ยู่ยี่ห้ามอย่างไรนางก็ไม่ฟัง นางเอากล่องเข็มไปด้วย นางอยาก
“แล้ว..เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพหลี่เบาเสียงลง กลัวจะทำให้ลูกสาวเสียงดังมากขึ้น“...ข้าก็ไม่รู้ เขาคงไม่อยากให้ข้าไปยุ่งกับเขา” นางตอบเบาลง“เหลวไหล ใครจะไม่อยากยุ่งกับลูกพ่อ” แม่ทัพหลี่รีบเอาใจ“มาๆ กินเยอะๆ เดี๋ยวพ่อไปถามให้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด พ่อจะบังคับให้เขาพูดให้ได้” เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยให้นาง เอาอกเอาใจลูกสาวเต็มที่“ไม่ต้อง ข้า..ข้าจะ ไปถามด้วยตัวเอง”หลี่เฟิ่งเซียนพอจะนึกบางอย่างได้ นางพาลู่มู่เฉินมาที่นี่ อ้างว่ามารักษาตัว แต่ไม่เคยถามว่าเขาอยากอยู่หรือไม่ ท่านพ่อของนางเป็นถึงแม่ทัพ หากเขาไม่เอ่ยปาก ผู้ใดจะกล้าออกไปจากที่นี่ บางทีลู่มู่เฉินอาจไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาอาจรู้สึกไม่ต่างจากถูกคุมขังในกรงสุนัข เขาอาจอยากกลับไปหาครอบครัวสุดท้ายหลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจจะถามให้กระจ่าง นางตามหาเขาจนพบเขาอยู่ที่ห้องเก็บยา“ลู่มู่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนมาถึงก็ถามตรงๆ“..อืม” เขาหันมามองนางครู่หนึ่ง และหันไปยุ่งกับการตวงยาต่อไป“เจ้าอยากกลับบ้านของเจ้าหรือไม่”“ใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน”เขาตอบตามจริง แต่นางรู้สึกบางอย่างในอกหนักอึ้ง“เจ้ามีบ้านหรือไม่ มีพ่อแม่ ภรรยา...หรือคนที่รอใ
ค่ำวันนั้นนางไปหามู่เฉินคนชั่วของนาง แต่ท่านหมอบอกว่าเขาไม่อยู่ออกไปอาบน้ำ หลี่เฟิ่งเซียนไปรอเขาที่ห้องของเขาอยู่นานเขาก็ยังไม่กลับ นางจึงบุกไปที่ห้องอาบน้ำ แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นั่น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางกลัวว่าเขาจะออกไปข้างนอกค่ายแล้วเกิดถูกจับตัวไปขายอีกครั้งหลี่เฟิ่งเซียนวิ่งกลับไปที่ห้องของนางเพื่อหยิบกระบี่ไปช่วยเขา แต่กลับพบเขากำลังนั่งปลอบใจยู่ยี่ที่ร้องไห้อยู่ นางมองเขากำลังใช้มืออีกข้างตบหลังยู่ยี่เบาๆ อย่างปลอบโยน จู่ๆ นางก็เกิดไม่กล้าเดินเข้าไปรบกวนพวกเขา ในใจของนางมีบางอย่างหนักอึ้งจนนางเองก็อธิบายไม่ได้หลี่เฟิ่งเซียนหอบกล่องใส่เข็มไปนั่งเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ริมน้ำ เพราะนางไม่กล้าเข้าห้องของตัวเอง สายลมเย็นส่งเสียงหวีดเป็นบางครั้ง เสียงน้ำไหลกระทบก้อนหิน แม้จะหนวกหู แต่ช่วยให้นางสงบ ไม่ต้องได้ยินเสียงจี้ดๆ ที่ได้ยินในหูตั้งแต่เห็นสองคนนั้นนั่งด้วยกันยิ่งมืดดวงดาวยิ่งแจ่มชัด แต่จู่ๆ กลับมีแสงไฟใกล้นางมาทุกที หลี่เฟิ่งเซียนกลัวว่าจะมีคนร้ายมาแอบจับตัวนางไปอีก จึงรีบหลบหลังพุ่มไม้ แอบก่นด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักระวัง มืดแล้วยังไม่ระวังตัว ถูกจับไป