ค่ำวันเดียวกัน – บ้านคุณหมออคิณ
บ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น รายล้อมด้วยสวนหย่อมที่คนสวนตัดแต่งเรียบร้อย ไฟสีขาวนวลส่องสว่างไปทั่วบริเวณ แต่ในใจอคิณกลับรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกขังอยู่ในห้องแคบๆ เขานั่งพิงพนักโซฟาในห้องรับแขก สวมเชิ้ตสีครีมติดกระดุมเรียบร้อย ใบหน้าคมคายดูเรียบเฉย แต่ในดวงตามีแววลังเลที่ซ่อนไว้ไม่มิด ตรงข้ามเป็นพ่อกับแม่ แต่งตัวหรูหราเพราะเพิ่งกลับจากงานเลี้ยง พ่อวางแก้วน้ำแร่ลงบนโต๊ะ พูดขึ้นก่อนใคร “เรื่องงานหมั้น…เราตกลงกับทางนั้นแล้วนะอคิณ” เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตาพ่อ “ผมยังไม่ได้ตอบตกลง” แม่ถอนหายใจเสียงดัง “อคิณ แม่กับพ่อไม่ได้จะบังคับ…แต่ลูกก็รู้ว่าเขาเป็นผู้หญิงดี ครอบครัวก็ดี จะหาคู่ที่เหมาะสมกว่านี้อีกเหรอ?” เขาไม่ตอบทันที จ้องมือตัวเองที่ประสานกันบนตัก “…ผมแค่ยังไม่แน่ใจ ว่าจะไปกันรอด” “ไม่รอดอะไร อยู่กันไปก็รักกันเอง” พ่อว่าเสียงหนัก “แกก็อายุสามสิบแล้วนะอคิณ ถึงเวลาคิดเรื่องครอบครัวได้แล้ว” เขาขยับตัวเล็กน้อย ริมฝีปากขบกันจนขึ้นรอยแดง ในหัวเขามันวุ่นวายไปหมด…ภาพงานหมั้น ภาพชีวิตที่ถูกจัดวางไว้เรียบร้อยเหมือนหมากกระดาน มันไม่ใช่สิ่งที่เขาฝันอยากมีมาตั้งแต่แรก แม่มองสีหน้าเขาแล้วพูดเสียงอ่อนลง “เรารู้ว่าลูกไม่อยากรีบร้อน แต่พ่อก็อายุมากแล้ว เขาอยากเห็นหลานก่อนจะ…จากไป” เสียงแม่สั่นนิดๆ ทำให้อคิณเงียบไป ใจเขาเหมือนถูกบีบแรงๆ “แม่ไม่ได้อยากกดดัน แต่บางทีความสุขของครอบครัว มันก็ต้องยอมกันบ้าง” เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มองพ่อกับแม่ที่รอคำตอบ “…แล้วถ้าผมไม่รักเขาล่ะ” “ความรัก…มันค่อยๆ สร้างได้” พ่อตอบเรียบๆ “แต่ความเหมาะสม มันต้องหาให้เจอก่อน” คำพูดนั้นเหมือนตอกย้ำความจริงที่เขาหนีมาตลอด อคิณเอนหลังพิงโซฟา หลับตา พยายามกลั้นความร้อนวูบในอก เขานึกถึงชีวิตที่ผ่านมา…เรียนหมอจนจบ ทำงานจนคนยกย่อง มีชื่อเสียง มีเงินทอง แต่ไม่มีสักอย่างที่เขารู้สึกว่าเป็น ของเขาจริงๆ แม้แต่คนข้างกาย…ก็ถูกเลือกมาให้เรียบร้อยแล้ว แม่ขยับมาจับมือเขาเบาๆ “เราขอแค่ให้ลูกลองเปิดใจ…” เขาลืมตาขึ้น ช้าๆ ดวงตาคมสบตาของแม่ที่เต็มไปด้วยความหวัง “…อีกไม่กี่วัน ก็ต้องไปทานข้าวกับครอบครัวเขา อย่าทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้าเลยนะอคิณ” อคิณไม่ตอบ เขาได้แต่นั่งนิ่ง มองออกไปนอกหน้าต่างที่ไฟสวนส่องสว่าง ภายนอกดูสงบเรียบร้อย แต่ในใจเขากำลังสับสนจนแทบหายใจไม่ออก อคิณนั่งเงียบอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ลุกขึ้นช้าๆ “ผมขอตัวนะครับ…” เสียงเขาแผ่วต่ำ เรียบจนแม่กับพ่อมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร เขาเดินออกจากห้องรับแขก ผ่านโถงทางเดินที่ประดับภาพครอบครัวเรียงราย ทุกภาพมีรอยยิ้ม แต่ในเวลานี้เขากลับไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับมันเลย บันไดไม้จริงส่งเสียงแผ่วๆ ใต้ฝ่าเท้า เขาก้าวขึ้นทีละขั้น เหมือนตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ ประตูห้องนอนสีขาวถูกผลักเปิดออก กลิ่นสะอาดของน้ำยาปรับอากาศโชยมาแตะจมูก เขาถอดนาฬิกาข้อมือวางบนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงเงียบๆ หัวใจมันเหนื่อยจนเจ็บไปหมด เขาก้มมองโทรศัพท์ในมือ สไลด์หาแอปเพลงที่เคยเปิดบ่อยๆ เพลงเก่าๆ ที่เขาชอบฟังเวลาไม่อยากคิดอะไร อคิณหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมา เสียบเข้าหูทั้งสองข้าง นิ้วเรียวยาวกดเลือกเพลย์ลิสต์ “Night Escape” ทันทีที่เสียงดนตรีนุ่มลึกดังขึ้น โลกทั้งใบก็ดูจะเงียบสงบลงนิดหนึ่ง เขาหลับตาเอนหลังพิงหมอน สูดลมหายใจลึกๆ พยายามไล่ความวุ่นวายออกจากหัว แต่ไม่ว่าจะหนีเข้าไปในเพลงสักกี่ครั้ง ในใจเขาก็ยังมีคำถามเดิมวนซ้ำไม่รู้จบ… นี่คือชีวิตที่ตัวเองเลือกจริงๆ หรือแค่ยอมให้คนอื่นขีดเส้นไว้ เสียงดนตรีล่องลอยข้างหู กลบความคิดได้เพียงชั่วคราว ในห้องมืดๆ ที่มีแค่เขากับเพลง อคิณนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นนาน จนไม่รู้ตัวว่าหลับไปตอนไหน…เช้าวันรุ่งขึ้น – บ้านเช่าของพริม แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านผ้าม่านสีครีมเข้ามาในห้อง พริมตื่นขึ้นก่อนลูก ลุกไปจัดการตัวเอง เธอสวมเสื้อเชิ้ตสะอาดกับกางเกงผ้าเรียบร้อย เสียงนาฬิกาปลุกมือถือดังเบาๆ น้องพายขยับตัวงัวเงีย กอดตุ๊กตากระต่ายแน่นก่อนลืมตา “แม่…เช้าแล้วเหรอคะ” “เช้าแล้วค่ะ…ตื่นได้แล้วคนเก่ง วันนี้เราต้องไปโรงเรียน” “พาย…อยากนอนต่อ” เด็กหญิงซุกหน้าลงหมอนเสียงอู้อี้ พริมหัวเราะเบาๆ ก้มลงหอมแก้มฟอด “ไม่ได้ค่ะคนขี้เซา ไปโรงเรียนใหม่ต้องตื่นเช้า” พายพยักหน้าอย่างจำยอม ยอมลุกมานั่งพับเพียบบนฟูก พริมช่วยเช็ดหน้าลูกแล้วค่อยๆ จัดผมให้ ขณะเตรียมกระเป๋านักเรียน เสียงเคาะประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้นสองครั้ง ก๊อก ก๊อก พริมชะงัก หันไปมองประตู ก่อนจะเดินไปเปิด ป้าเจ้าของบ้านเช่าเป็นผู้หญิงวัยประมาณ50 ผมซอยสั้น ใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุงลายดอก ยืนยิ้มถือถุงขนมอยู่ “สวัสดีจ้ะหนูพริม ตื่นแต่เช้าเลยนะ” พริมยกมือไหว้ รีบยิ้มรับ “สวัสดีค่ะป้า…ตื่นเตรียมลูกไปโรงเรียนค่ะ” ป้าหัวเราะเบาๆ ยื่นถุงขนมให้ “ป้าเอาขนมปังกับนมมาฝาก หลานจะได้กินรองท้องก่อนออกไป” น้องพายเดินมาเกาะชายเสื
ช่วงเย็น – หน้าบ้านหมวยรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองจอดชิดขอบฟุตบาท พริมลงจากรถในชุดทำงานเรียบๆ เสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงผ้าเรียบ เธอสูดหายใจเข้าลึก เหนื่อยแต่ก็โล่งใจที่วันนี้ผ่านไปได้อีกวันประตูรั้วบ้านหมวยค่อยๆ เปิดออก เด็กหญิงตัวเล็กผิวขาวอมชมพูวิ่งถลาออกมา ยิ้มกว้างจนตาหยี“แม่! แม่ขา!”“พาย…อย่าวิ่งเร็ว เดี๋ยวล้ม”พริมก้มลงอ้าแขนรับลูกสาวมากอดแน่น กลิ่นแป้งเด็กโชยขึ้นแตะจมูก เธอหัวเราะเบาๆ แล้วลูบผมลูก“คิดถึงแม่ไหมคะ”“คิดถึงเยอะเลย!” พายตอบเสียงใส ก่อนจะซบอกแม่แน่นพริมยิ้มอ่อนโยน ฝ่ามือไล้แผ่นหลังเล็กๆ ของลูก ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนว่าเดี๋ยวจะพาพายกลับไปพักที่ห้องเช่า แล้วค่อยพากันย้ายอีกทีหลังร่ำลา เธอจูงมือลูกเดินออกมาหน้าบ้าน“วันนี้หนูเล่นอะไรบ้างคะ”“พายเล่นบ้านตุ๊กตา แล้วก็ช่วยป้าจ๋าหั่นผัก…พายเก่งไหมแม่”“เก่งที่สุดเลยลูก”เด็กหญิงยิ้มตาหยี แก้มกลมๆ แดงนิดพริมก้มมองนาฬิกา ก่อนชวนลูกไปแวะซื้อข้าวกับของใช้“หนูอยากกินอะไรคะ แม่ว่าจะเข้าเซเว่นหน่อย”“กินโจ๊กไก่!”“ได้ค่ะ งั้นไปกัน”---หน้าเซเว่นพริมจูงมือลูกเข้ามาในร้าน เดินตรงไปโซนข้าวกล่อง น้องพายมองชั้นวางขนมตาลุกวาว“แม่…พาย
ค่ำวันเดียวกัน – บ้านคุณหมออคิณบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น รายล้อมด้วยสวนหย่อมที่คนสวนตัดแต่งเรียบร้อย ไฟสีขาวนวลส่องสว่างไปทั่วบริเวณ แต่ในใจอคิณกลับรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกขังอยู่ในห้องแคบๆเขานั่งพิงพนักโซฟาในห้องรับแขก สวมเชิ้ตสีครีมติดกระดุมเรียบร้อย ใบหน้าคมคายดูเรียบเฉย แต่ในดวงตามีแววลังเลที่ซ่อนไว้ไม่มิดตรงข้ามเป็นพ่อกับแม่ แต่งตัวหรูหราเพราะเพิ่งกลับจากงานเลี้ยง พ่อวางแก้วน้ำแร่ลงบนโต๊ะ พูดขึ้นก่อนใคร“เรื่องงานหมั้น…เราตกลงกับทางนั้นแล้วนะอคิณ”เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตาพ่อ“ผมยังไม่ได้ตอบตกลง”แม่ถอนหายใจเสียงดัง“อคิณ แม่กับพ่อไม่ได้จะบังคับ…แต่ลูกก็รู้ว่าเขาเป็นผู้หญิงดี ครอบครัวก็ดี จะหาคู่ที่เหมาะสมกว่านี้อีกเหรอ?”เขาไม่ตอบทันที จ้องมือตัวเองที่ประสานกันบนตัก“…ผมแค่ยังไม่แน่ใจ ว่าจะไปกันรอด”“ไม่รอดอะไร อยู่กันไปก็รักกันเอง” พ่อว่าเสียงหนัก “แกก็อายุสามสิบแล้วนะอคิณ ถึงเวลาคิดเรื่องครอบครัวได้แล้ว”เขาขยับตัวเล็กน้อย ริมฝีปากขบกันจนขึ้นรอยแดงในหัวเขามันวุ่นวายไปหมด…ภาพงานหมั้น ภาพชีวิตที่ถูกจัดวางไว้เรียบร้อยเหมือนหมากกระดาน มันไม่ใช่สิ่งที่เขาฝันอยากมีมาตั้งแต่แรกแม่มองส
ค่ำวันเดียวกัน – บ้านปกรณ์ บ้านสองชั้นตกแต่งหรูหราดูเงียบเกินปกติ ไฟในห้องรับแขกเปิดสลัวๆ ปกรณ์นั่งอยู่ตรงโซฟาหนังสีเข้ม มือคีบบุหรี่ค้างไว้ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความหงุดหงิด โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะสั่นเบาๆ เขาลากสายตามองชื่อคนโทรเข้าก่อนจะกดรับเสียงเย็น “ว่า…” เสียงนักสืบปลายสายรายงานเรียบๆ “เจอตัวแล้วครับ คุณพริมพาลูกไปอยู่กับเพื่อนผู้หญิงแถวเขตชานเมือง วันนี้เพิ่งไปสมัครงานใหม่” ปกรณ์ขมวดคิ้ว หรี่ตาลง “ลูกอยู่กับเขาด้วย?” “ครับ เด็กหญิงอายุประมาณสี่ขวบ แข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร” ปกรณ์พ่นควันบุหรี่ช้าๆ ใบหน้าดูคล้ายคนโกรธ และในแววตาเหมือนมีความคิดซ่อนอยู่ “…แล้วเขาอยู่ที่นั่นมานานแค่ไหน” “สองคืนแล้วครับ ดูเหมือนเพื่อนผู้หญิงคนนั้นจะช่วยเหลือเต็มที่” ปกรณ์เงียบไปอึดใจ ลมหายใจฟังดูหนักขึ้น “ถ่ายรูปมาส่งให้ฉันทุกวัน ฉันต้องรู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน” “ได้ครับ ผมจะรายงานทุกความเคลื่อนไหว” เขากดวางสายแล้วโยนมือถือไว้บนโต๊ะอย่างหัวเสีย ใจมันร้อนรุ่มไปหมด…โกรธที่พริมหนีไปไม่บอกอะไรสักคำ โกรธที่เธอกล้าพาลูกออกไปเงียบๆ แต่ก็…ห่วง ปกรณ์ยกมือกดขมับ ความอึดอัดแล่นเต็มอกจนแทบร
เช้าวันใหม่ – บ้านหมวยแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ห้องนอนอบอุ่นไปด้วยบรรยากาศสดใส น้องพายนั่งแต่งตัวอยู่บนเตียง มือเล็กๆ กำลังรวบผมเป็นเปียสองข้างด้วยความตั้งใจพริมยืนอยู่ข้างๆ ช่วยจัดเสื้อผ้าให้ลูกสาวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวัง“พายตื่นเต้นไหมลูก?”น้องพายหันมามองแม่ ดวงตากลมโตเปล่งประกายสดใส“พายตื่นเต้นมากค่ะ แม่! พายอยากเจอเพื่อนใหม่”พริมหัวเราะเบาๆ แล้วกอดลูกแน่น“แม่ก็อยากเห็นพายมีความสุขนะลูก วันนี้เป็นวันแรกของเราสองคนหมวยเดินเข้ามาในห้อง มือถือกล่องอาหารกลางวัน“เอาของกินมาฝากด้วยนะ เด็กเก่ง”น้องพายรับกล่องอาหารด้วยรอยยิ้มสดใส“ขอบคุณน้าหมวยค่ะ!”พริมหันไปมองหมวย“ขอบใจมากนะหมวย ที่ช่วยดูแลพายกับพริมมาตลอด”หมวยยิ้มตอบ“ไม่ต้องพูดเยอะ มึงทำดีอยู่แล้ว”ที่หน้าโรงเรียนใหม่พริมจอดรถมอเตอร์ไซค์ข้างทาง น้องพายจับมือแม่แน่น ใบหน้าตื่นเต้นแต่ก็มีความกังวลเล็กน้อย“แม่…ถ้าเพื่อนไม่ชอบพาย พายจะทำยังไงดี?”พริมกุมมือเล็กของลูก“แม่เชื่อว่าพายจะเจอเพื่อนดีๆ เยอะเลย ลูกแค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ”น้องพายยิ้มแล้วก้าวเข้าประตูโรงเรียนไปพร้อมแม่หมวยยืนส่งยิ้มให้ทั้งคู่“โ
เย็นวันเดียวกัน – บ้านหมวยโต๊ะกินข้าวไม้เล็กๆ ถูกจัดเรียบร้อยด้วยจานข้าวผัดสีทองหอมกรุ่น รสชาติกลมกล่อมและชวนน้ำลายสอ กลิ่นกระเทียมเจียวลอยฟุ้งไปทั่วบ้านน้องพายนั่งตักพริม มือเล็กจับช้อนอย่างตั้งใจ ดวงตากลมโตมองหมวยที่นั่งฝั่งตรงข้าม“น้าหมวย…พายกินเองได้นะ พายเก่งมากเลย”หมวยยิ้มแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวน้องพายเบาๆ“โห เก่งจริงๆ คนเก่งของน้าหมวย”น้องพายยืดอกเล็กๆ ก่อนตักข้าวผัดเข้าปาก หันมามองแม่ด้วยสายตาใส“แม่…พายว่าข้าวผัดอร่อยมากเลย แม่กินเยอะๆ นะ จะได้ไม่ผอม”พริมขำทั้งน้ำตา ยกมือแตะแก้มลูก“แม่ไม่ผอมหรอกลูก แม่อ้วนแล้ว ดูพุงสิ”น้องพายเอามือเล็กๆ จิ้มพุงแม่เบาๆ“พุงนิ่มนุ่ม…พายชอบ”หมวยหัวเราะเสียงดังจนแทบสำลัก“เด็กคนนี้น่ารักเป็นบ้าเลย”แม่หมวยยิ้มมองสองแม่ลูกด้วยความรัก“กินเยอะๆ นะลูก เดี๋ยวอิ่มแล้วก็ไปนอนกัน”น้องพายเงยหน้าขึ้น ยกมือไหว้“ขอบคุณคุณยาย…พายอร่อยมากเลยค่ะ”พริมยิ้มเจื่อนๆ“พายเรียกป้าเขาก็ได้ลูก…”แม่หมวยโบกมือเบาๆ“ไม่เป็นไรหรอก เรียกอะไรก็ได้ ถ้าหนูมีความสุข”น้องพายยิ้มกว้าง กินข้าวผัดต่ออย่างมีความสุขก่อนนอน – ห้องนอนบ้านหมวยหลังเก็บจานข้าวผัด หมวยปูฟูกเ