ไม่รู้โชคช่วยหรือดวงซวย! เลขาฯ หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ‘André Bernard’ เลยได้มาเป็นเลขาฯ คนที่แปดของเจ้านายสาวเรื่องเยอะ ลูกสาวคนเดียวของบ้านคุณหญิงวริศรา ทายาทไฮโซ ร่ำรวยลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย
View More“ดูสิ... คนที่แปดแล้วแก...”
เสียงกระซิบกระซาบของพนักงานสาววัยกลางคนหน้าเคาน์เตอร์แผนกต้อนรับ ยกมือป้องปากบอกเพื่อนร่วมงานอย่างใช้ความระมัดระวัง ทันทีที่เจ้าของร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีน้ำเงินเข้มขยับขายาวชะลูดผ่านหน้าไป
ฝรั่ง! ฝรั่ง!
ไม่แปลกที่สาว ๆ แต่ละนางจะตื่นเต้นเกินเบอร์ เมื่อบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งนี้ไม่เคยว่าจ้างต่างด้าวเข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขานุการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เอกสารส่วนใหญ่เป็นภาษาไทย มีภาษาอังกฤษแทรกแซมอยู่ประปรายประสาบริษัทสินค้าแบรนด์เนมไทย อาจทำให้การทำงานมีปัญหา
แล้วพ่อฝรั่งขายาวจะอ่านเขียนไทยได้อย่างคล่องแคล่ว พร้อมรองรับอารมณ์เจ้านายหรือ? มันจะเป็นไปได้ยังไง แต่ก็นั่นแหละ พ่อฝรั่งขายาวได้รับการให้อภัย
“อุ๊ยแม่เจ้า นาน ๆ จะมีฝรั่งหล่อลากกระชากตับหลุดมาสักคน”
“งานดีเป็นบ้า แต่ป้าให้เต็มที่สามวันอะคุณน้อง”
“วันเดียวก็เหลือแหล่ค่ะป้าปิ๊ก”
“โธ่... นุ้ยรู้สึกเสียดายจังเลย ทำไมบอสเราผีเข้าผีออก ไล่เลขาฯ ออกในเดือนเดียวตั้งเจ็ดคน มิสเตอร์อองเดรของพวกเราจะอยู่เป็นอาหารตาได้สักกี่วัน” เสียงหัวเราะคิกคักดัง ต่างคนมองซ้ายขวาหน้าหลังก่อนนินทา ลดเสียงลงให้เบาที่สุด โดยไม่มีคำว่าพลาด ใคร ๆ ก็รู้ เจ้านายที่นี่ดันเหมือนใครเสียที่ไหน
‘คุณเฌอเอม’
ลูกสาวคนเดียวของบ้านคุณหญิงวริศราและศาสตราจารย์ชรัณ ทายาทนักธุรกิจกลุ่มคอสเมติก ร่ำรวยลำดับต้น ๆ ของเมืองไทย
บ้านไอยเรศเป็นทั้งเจ้าของห้างสรรพสินค้า เสื้อผ้าแฟชั่นงานแบรนด์เนม เครื่องสำอางสำหรับคนรักสุขภาพ ดีต่อทุกสภาพผิว สินค้าของคุณหญิงเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงมายาวนาน หนึ่งในตลาดหุ้นภายใต้ชื่อบริษัท IMR คอสเมติก จำกัด (มหาชน)
ว่าก็ว่าเถอะ บ้านคุณหญิงน่ะ ไฮโซของแท้แน่จริง คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด พอลูกสาวคนเดียวเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในลอนดอน หล่อนก็สั่งให้ลูกสาวเข้ามาบริหารงานต่อ นั่งเก้าอี้ตำแหน่ง CEO ในทันที
เลขานุการคนใหม่เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ ยังไม่ทันเริ่มงาน เขาก้มลงมองพนักงานสาวชาวเอเชียทั้งสามในแผนกต้อนรับชั้นบนสุดของตึกระฟ้า ทักทายอย่างสุภาพด้วยสำเนียงไทยชัดถ้อยชัดคำ
“สวัสดีครับ ผมอองเดรนะ ที่ส่งไลน์ไปเมื่อคืน ได้รับข้อความนะครับ”
“ได้รับค่ะคุณน้อง” พนักงานสาวในชุดสูทเรียบร้อยอายุรุ่นราวคราวแม่เอาแต่ส่งยิ้มหวาน มองแววตาฉงนของหนุ่มรูปงาม “คุณน้องพูดไทยชัดมากเลยนะคะ อยู่เมืองไทยมานานหรือยังนะ ป้าว่าตาคุณน้องสวยมาก เกรงว่าป้าคงถูกดูดวิญญาณไปแล้ว I love Farang”
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ I appreciate มาก But...” ปลายเสียงเงียบไป ฉีกยิ้มให้พวกหล่อนอย่างมีจุดประสงค์แอบแฝง “ผมรีบนิดนึง ยังไม่อยากโดนไล่ออกวันนี้น่ะครับ คุณเฌอเอมเธอต้องการเอกสารด่วน รบกวนด้วยนะครับ”
“ดาวเตรียมไว้แล้วค่ะคุณอองเดร เอกสารรายงานการประชุม เลขาฯ คนเก่าเพิ่งส่งอีเมลมาให้เมื่อเช้า”
ในความหวังดีของสาววัยยี่สิบปลายตั้งใจเก็บเอกสารเอาไว้เป็นอย่างดี หล่อนส่งกระดาษให้แล้วยังคงยิ้ม ส่วนฝรั่งหนุ่มรีบคว้ากระดาษเก็บเข้าแฟ้มอย่างระวังไม่ให้ยับ พร้อมมอบคำขอบคุณผ่านรอยยิ้มกระชากวิญญาณสาว ค่อยเดินจ้ำอ้าวไป
----------------------------------
André Bernard ชื่อภาษาไทยนั้นเขียนตรงตัว ‘นายอองเดร เบอร์นาร์ด’ หนุ่มลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส หรือหนุ่มตาน้ำข้าวที่คนไทยเรียกกัน
ฝรั่ง!
ชายหนุ่มชินชากับคำนี้ ไปไหนมาไหนก็มักได้ยิน ซึ่งมันดันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เอาเสียเลย ในเมื่อเขามีแค่ใบหน้าหล่อเหลาคลับคล้ายคลับคลาคุณแม่นวล แต่พันธุกรรมส่วนอื่นดันไปเหมือนคุณพ่อและคุณปู่ทุกกระเบียดนิ้ว
ด้วยความสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรทำให้เขาดูโดดเด่น ขยับขายาวชะลูดผ่านหน้าสาวน้อยใหญ่ พวกหล่อนก็เอาแต่จ้อง ทั้งผมสีบลอนด์ทองดูนุ่มสลวยเป็นประกาย นัยน์ตาสีมรกตราวท้องทะเลสีคราม ใบหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างหนุ่มฝรั่งเศส ขณะที่เขากลับมีผิวขาวละเอียดดูนุ่มเนียนเหมือนผิวของผู้หญิง แทนที่จะเป็นหนุ่มผิวแทนตามความนิยมของชาวต่างชาติส่วนใหญ่ ซึ่งคลั่งไคล้การเข้าเครื่องอบผิวเสียเหลือเกิน
น้อยคนจะรู้ว่าอองเดรสามารถ พูด-อ่าน-เขียน ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วเพราะเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนนานาชาติไทย-ฝรั่งเศสใจกลางกรุงเทพฯ มาตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลหรือ K1 ก่อนได้ทุนไปเรียนต่อบ้านเกิดในลียง (Lyon) โดยใช้สิทธิการถือสัญชาติฝรั่งเศส
ชายหนุ่มมาส่งเอกสารตามนัดหมาย มาก่อนเวลาถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ปลายรองเท้าเป็นเงามันหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่สไตล์โมเดิร์นเข้ากับห้องทำงานกว้างขวาง ด้วยสีหน้าสุขุมนุ่มลึกและนิ่งเฉย
ขณะใบหน้าสดสวยของเจ้านายสาวเงยขึ้นจากแท็บเล็ตในมือ ถัดจากคอมพิวเตอร์จอใหญ่ เธอเลิกคิ้วขึ้นพูด
“ฉันอยากคุยเรื่องเมื่อวาน คุณควรระมัดระวังมากกว่านี้ มันไม่ควรมีคำว่าผิดพลาด การก้าวพลาดสักก้าวหนึ่งเป็นปัญหาสำหรับฉัน” ในน้ำเสียงเย็นยะเยือก ดวงตาคู่สวยสว่างใสเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ไม่เป็นมิตรกับคนมาใหม่ แถมเธอกำลังพูดถึงเรื่องเมื่อวาน ตอนรับพนักงานคนใหม่กะทันหัน ขอให้มาพบเธอที่บ้านตอนเย็น จากนั้นก็เกิดเรื่องราวไม่คาดฝัน
“ไม่ทันได้สัมภาษณ์เลขาฯ สักคำ เลยไม่มีโอกาสได้ไล่ออก เมื่อคืนนี้ฉันยังนอนไม่หลับ เกิดกลัวขึ้นมาว่าอาจโดนฆ่าตายเสียก่อน”
“ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มนะครับ แล้วผมแน่ใจว่าใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ผมคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ตอนนี้ก็ยังคิด...”
“Of course... เป็นอุบัติเหตุ สรุปว่าเป็นความผิดของฉันอย่างนั้นสิ”
“ในฐานะลูกจ้างคงไม่เหมาะสมถ้าหากผมจะพูดว่าคุณผิด ผมไม่พูดออกมาแน่ ๆ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของผมอยู่ดีนะครับคุณเฌอเอม” มือหนาพลันวางแฟ้มหนาลงบนโต๊ะกระจกสีดำสนิท เลขานุการหนุ่มคนใหม่คล้ายจะยั่วโทสะเจ้านาย ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นฝ่ายผิด
มันเหมือนกับว่าเขากำลังเล่นสงครามประสาท ยิ่งเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องประตูบ้าน มันเปิดออกกว้างด้วยมือของแม่บ้านผู้ไม่ได้ใช้ความตั้งใจในการเปิดประตู ทำให้ลูกสาวเจ้าของบ้านวิ่งออกมาล้มทับฝรั่งหนุ่ม
Mouth to mouth... ปากกระแทกปาก!
จูบแรกของเฌอเอมถูกช่วงชิงไปโดยฝรั่งแปลกหน้า แถมอีตาว่าที่คู่หมั้นเดินออกมาพอดี เธอเลยอาศัยจังหวะนั้นเล่นใหญ่ไปซะเลย
ริมฝีปากแนบริมฝีปาก ปลายลิ้นไม่เป็นงานถือโอกาสฉกฉวยเอาบางอย่างจากฝรั่งหนุ่มหล่อล่ำ อองเดรไม่ใช่คนชอบปฏิเสธใคร โดยเฉพาะสาว ๆ สวย ๆ เขาก็ตอบกลับจูบเงอะงะของเธอ จนเธอหายใจหอบระทวย
เจ้านายสาวไม่ถึงกับต้องหยิบยาพ่นสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดขึ้นมาพ่นใส่ปาก
“ช่างเป็นการต้อนรับเลขานุการคนใหม่ที่น่าจดจำ อื้ม... ฉันดูใบตรวจโรคก่อนรับเข้าทำงานแล้วไม่มีปัญหา ฉันคงไม่จำเป็นต้องไปตรวจสุขภาพปากและฟันหลังจากที่เผลอจูบฝรั่ง ก็ดี...”
จะมีสักกี่คนที่กล้าปะทะคารมกับเจ้านายตั้งแต่ก้าวแรกเหยียบบริษัท! ส่วนใหญ่มักพยักหน้าแล้วขอโทษขอโพย
สองสายตาสบประสานกันลึกซึ้ง ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะสองหนุ่มสาวที่จับมือกันแน่น เว้นเพียงพนักงานสาวคนหนึ่งซึ่งมัวแต่สนใจจอสี่เหลี่ยม เพิ่งเห็นว่าเจ้านายและเพื่อนร่วมงานมา“คุณเฌอ... ไม่กลับมาช่วยงานคุณหญิงกับอาจารย์จริงหรือคะ? นุ้ยเหงาแย่...”“คงไม่มาแล้ว... อุ้บ...!” เฌอเอมยกมือปิดปากทันควัน พลันวิ่งไปเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด โดยมีสามีตามไปติด ๆอองเดรก้มหน้าลงมองคนที่กอดชักโครกราวคนรักพรากจากกันมาแสนนาน ช่วยลูบหลังให้ด้วยสีหน้าสงสัยเป็นกังวล“เฌอเป็นอะไร? ทำไมอ้วกล่ะ อาหารเป็นพิษเหรอ ใช่กิมจิที่กินเมื่อวานหรือเปล่า”เมื่อคืนวานไปเดินตลาดกลางคืน กินเที่ยวกันเพลิน ชายหนุ่มคิดได้เพียงอย่างเดียว แต่เขาดันลืมไปเสียสนิท! เมื่อมองใบหน้าสดสวยซีดเผือดเหยเก ได้ยินเสียงกรี๊ดกราดของพนักงานในห้องกว่าสิบชีวิต ซึ่งมีคุณป้าปิ๊กเป็นตัวตั้งตัวตี“ว๊ายยตายย คุณเฌอมีน้องแน่ ๆ เลยค่าา พี่ปิ๊กแสดงความยินดีล่วงหน้านะค้าา!”“ผู้หญิงผู้ชายคะเนี่ยย ดาวจะได้อุ้มหลานฝรั่งตาฟ้า หน้าตาจิ้มลิ้มแล้วใช่ไหม?”“คุณเฌออ... มีน้องฝรั่ง! นุ้ยจะได้อุ้มหลานแล้ว อย่าลืมพาน้องมาวิ่งเล่นนะคะ”สิ้นเสียงโวยวายหยอกล้อ คุณหญิงแม่ผู้
“เฌอเอม หยุดร้องได้แล้วนะ เราสองคนไม่ได้ลำบากขนาดนั้นหรือเปล่า เราพอมีพอกิน ถึงเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ เราก็มีชีวิตอยู่ได้ ความรู้เรามี วุฒิบัตรวิชาชีพเรามี เรามีความสามารถมีเงินเก็บสักก้อน ค่อยไปหาธุรกิจทำ หาอนาคตของเรา ไม่มีอะไรต้องกลัว...”“เฌอแค่ดีใจค่ะ เฌอได้เจอพี่ฝรั่ง เลขาฯ คนโปรดของเฌอ ขอบคุณที่พี่เดินเข้ามาสมัครงานบริษัท IMR ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่พี่ทำให้เฌอ คุณเฌอเอมเหมือนถูกลอตเตอรีรางวัลที่หนึ่ง” แล้วเธอก็หัวเราะกลบเสียงสะอื้นไห้ ซุกใบหน้าลงในอ้อมแขนแข็งแรง อบอุ่นปลอดภัยอย่างที่สุดต่อให้ชายหนุ่มอาจไม่ได้รวยล้นฟ้า เป็นแค่คนเดินดินธรรมดา เรื่องบางเรื่องช่างไม่มีเหตุผล สำหรับเฌอเอมแล้ว มันเป็นเพียงความปรารถนาที่จะใช้ช่วงเวลาสุขทุกข์ร่วมกัน----------------------------------“ของป๊าไม่ต้อง บาทเดียวลูกก็ไม่ต้องให้ ส่วนของคุณหญิงถ้าเธออยากได้คืน ป๊าจะให้ฝ่ายบัญชีคำนวณให้แล้วกันนะ” คุณพ่อเข้ามาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าฝ่ายบัญชีในบริษัทรอบหนึ่ง ตอนลูกสาวเข้ามาเก็บของทั้งหมดไปจากโต๊ะทำงานเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ขาดเกินไปแม้แต่บาทเดียวไม่ได้ เป็นธรรมดาของคุณหญิงวริศรา แต่เป็นเพราะว่าเจ้าตัวไม่
‘ไปแล้ว... อะไรเนี่ย ทำไมจอดแว้บเดียวไปแล้วอะ คนยังไม่ทันขึ้นเลย’เฌอเอมไม่รู้ตัวว่าเจ้าของร่างสูงในเชิ้ตสีกรมท่ามาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ได้สักพัก หลังจากที่เธอทำเก้ ๆ กัง ๆ ถามอะไรคุณป้า สักพักก็นั่งลงมองรถเมล์ตาละห้อย“ทำไมไม่โทรเรียกพี่ล่ะครับ?”หญิงสาวมองขวับตามแววตาตัดพ้อ อองเดรผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ เมื่อเธอกลอกตาไปมาอย่างคนไร้ความมั่นใจ ผิดจากคุณเฌอเอมคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก“คือเฌอ... ทะเลาะกับหญิงแม่ เฌอคืนของหญิงแม่ไปหมด เหลือแค่บัตรประชาชนกับ ATM เฌอ...”“อยากนั่งรถเมล์เหรอ?”ดวงตาคู่สวยฉาบประกายแห่งความหวัง เมื่อคนรู้ใจไม่เอ็ดว่าเธอสักคำ เขาสนับสนุนความคิดพิสดารของเธอ โน้มตัวลงกุมมือที่เล็กกว่าแนบแน่น“ไปสิ พี่พาไป จอดรถไว้ที่นี่ก็ได้ครับ ไว้ค่อยมาเอา” พูดพลางสอดประสานทุกปลายนิ้วเข้าหาหว่างนิ้วของหญิงสาวอย่างคู่รัก ส่งยิ้มหวานจนเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ เฌอเอมเลยอมยิ้มแก้มกลมตุ่ย ด้วยใจปลื้มปิติยินดี----------------------------------เช้านี้เจ้านายสาวในเสื้อยืดกางเกงยีนเดินไปเดินมาในห้องนอนของเลขาฯ ที่กลายมาเป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย แต่เธอตกอยู่ในสภาพไม่มีเงินติดตัวสักบาท หลังส่งคืน
“เอาเป็นว่าเป็นทางเลือกสุดท้าย พี่เองก็ไม่อยากให้เฌอเสียหาย ถึงเฌอเป็นผู้ถูกกระทำ คนที่ควรอายคือผู้กระทำความผิด ไม่ใช่เฌอเอม...” สิ้นเสียงขู่ฟ่อ นอกเสียจากชายหนุ่มมีหนทางหนีทีไล่ให้กับหญิงสาวแล้ว เขาพร้อมเรียกร้องความยุติธรรมให้อีกหลายคน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายวัชรพลล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงมากหน้าหลายตา อย่างไม่เคยสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีสักครั้งถึงแม้ว่าบรรดาสาว ๆ ส่วนใหญ่อาจยอมเป็นของเล่น เพราะว่ามันรูปหล่อบ้านรวย เปย์ไม่อั้น อองเดรไม่ยอมให้ผู้หญิงของเขาถูกเอาเปรียบอีกต่อไป“ว่าแต่... พี่จะพาเฌอไปไหนคะ?” ถามหน้าเหลอหลา ชายหนุ่มล้วงหยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกง เปิดประตูรถผลักเธอเข้าไปในรถยนต์ดื้อ ๆ“ไปอำเภอ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้”“ฮะ!? ไปทำอะไรอำเภอ” ใบหน้าสดสวยตื่นตระหนกตกใจไม่ทันคนขับ รถยนต์ญี่ปุ่นสีขาว รถส่วนตัวของเลขานุการหนุ่มก็แล่นฉิวออกไปแล้ว“ทีหญิงแม่ของเฌอยังบังคับเฌอได้ พี่จะบังคับเฌอบ้าง ต่อไปนี้ใครมันมายุ่งกับเมียจะได้ฟ้องข้อหาคบชู้ ประจานมันให้ไม่มีที่ยืนในสังคม ให้หุ้นมันตก เจ๊งไปให้หมด หิวเงินกันนักใช่ไหม”ท่าทีเกรี้ยวกราดของเลขาฯ ที่จับพวงมาลัยอย่างมั่นคง ทำเอาเจ้านายไม่กล้าเถีย
ลูกมีความสุข พ่อก็มีความสุข คุณพ่อเหมือนได้ลูกสาวคนเดิมกลับมาสักชั่วขณะหนึ่งหญิงสาวไม่ทานอะไรนอกจากผักผลไม้ที่อาป๊าตักให้ อาหารรสเลิศคล้ายว่ามีรสชาติขมไปเสียอย่างนั้น เธอเขี่ยสลัดในจาน หันไปสนใจเลขานุการอีกคน“นิดส่งนัดหมายให้ทางนั้นไปแล้วนะคะ เรียบร้อยทุกอย่างค่ะ โรงแรม เสื้อผ้า...”“ดีมากเลยคุณนิด แม่อดใจไม่ไหวจะได้เห็นลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝา” แล้วคุณแม่จึงบอกับลูกสาวในฝั่งตรงกันข้าม “วันพฤหัสห้าโมงเย็น เข้ามาที่บ้านนะ”“ค่ะ หญิงแม่ เฌออิ่มแล้วไปแล้วนะคะ”ลูกสาวตอบรับคำขอของคุณหญิงแม่อย่างว่าง่ายเสียจนคนในบ้านต่างแปลกใจ เธอยังลุกขึ้นยกมือประนมไหว้ลาคุณพ่อคุณแม่และญาติคนอื่น ๆ อย่างสุภาพนอบน้อม“มีอะไรครับ? คุณวัชระ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจ นัยน์ตาคู่สีมรกตฉายประกายโทสะ สบมองแววตาคมกริบของชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกโกรธแค้นเกลียดชัง“วันที่สิบยังนัดหมายเดิมนะ แหวนมาอาทิตย์หน้าวันพฤหัสฯ ที่บ้านน้องเฌอ วันนี้จะมาพาไปลองชุด รอหญิงแม่ก่อน”“...”อองเดรเกือบพ่นพิษร้ายในถ้อยคำใส่ศัตรูหัวใจ เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงคิดว่าเขาเป็นผู้ชายให้เจ้านายคั่วเล่น ไม่ได้รู้เลยว่าเขาและเธอคบหากันจริงจังมาหลายเ
“กลายเป็นพวกคลั่งรักตั้งแต่เมื่อไรกันคะ?”“เพิ่งเป็นครับ ตอนมาเจอคุณเฌอเอมนี่แหละ ไม่รู้หยอดยาอะไรใส่พี่”“ก็เลยชอบทำตัวติดเมีย?”“ชอบสุด ๆ ชอบอยู่กับคุณเฌอ ชอบเอาใจคุณเฌอ ไปไหนก็คิดถึงคุณเฌอ”“พี่เป็นโรคติดเมียมาตั้งแต่เมื่อไร มีเมียมาแล้วกี่คนล่ะเนี่ย น่าสงสัยจริง ๆ นะ” สีหน้าฉงนมองเจ้าของอ้อมกอดอุ่น เขายิ้มอ่อนมองเธอบอกว่าไม่เคยมีเมีย ที่ผ่านมาก็นับไม่ได้เลยสักคนเพราะว่าเขาไม่เคยจริงจังกับใคร“เชื่อเถอะว่าพี่มีคนเดียว มีรักเดียว พิสูจน์ได้...”พลันนัยน์คู่สวยสีมรกตฉายประกายอ่อนโยนเร่าร้อน สร้างความเชื่อมั่นให้กับหญิงสาวผู้ไม่เคยอดใจไหว เธอคิดว่าการสานสัมพันธ์กับคนรักทุกคืนวันเป็นเรื่องแสนวิเศษ อองเดรทะนุถนอมเธอราวแก้วอันแสนบอบบาง ขณะเดียวกันนั้นกลับร้อนแรงถึงอกถึงใจในห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินอย่างสวยงามลงตัว สไตล์โมเดิร์นลอฟท์ทันสมัย โทนสีขาวสลับดำ เสียงหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีดังกังวานเฌอเอมแน่ใจว่าเธอได้ยินเสียงหัวเราะของตนเองนับครั้งได้ ชีวิตราวนกน้อยในกรงทองของคุณแม่ ข้าวของเงินทองมากมาย บ้านหลังใหญ่ไม่สามารถทำให้เธอมีความสุข สิ่งเหล่านั้นตอบสนองจิตใจเธอไม่ได้ ต่างจากกา
“แขนไปโดนอะไรมา ฉีดยาเหรอ? วัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือว่ายาอะไร เพิ่งฉีดไปเองนี่”“เฌอไปฉีดยาคุมมาน่ะ กลัวหญิงแม่มารื้อกระเป๋าเฌอ แต่ว่าคงไม่มาหรอกช่วงนี้มีคนประกบเฌอ อาป๊าเหม็นขี้หน้าไอ้วัชระแล้วด้วย” เฌอเอมไม่ได้ต่อว่าเขาผู้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์ ขณะก้มหน้าลงมองรอยสำลี ซึ่งถ้าหากว่าไม่เข้ามาใกล้ ๆ คงไม่เห็น“เฌอว่าแบบนี้สะดวกกว่า”“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ป้องกันเอง เฌอก็...”หญิงสาวทำลดเสียงลงกระซิบ “เฌอไม่ชอบให้มีอะไรมากั้น เฌอรู้สึกดีกับพี่ค่ะ”“โธ่ น้องเฌอ เรานี่จริง ๆ เลยนะ พี่ไม่อยากให้เฌอเจ็บรู้ไหม”“ไม่เจ็บค่ะ แหม เข็มอันนิดเดียว เคยโดนใหญ่กว่านี้เยอะ”คำพูดมีนัยในท่าทางหยอกล้อ อองเดรไม่หัวเราะตามเธออย่างเคย ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับเธอทุกประการ สัมผัสรสชาติการมีอุปกรณ์ขวางกั้นบาง ๆ บางแค่ไหนก็ยังรู้สึกขัดใจเมื่อเคยลิ้มรสชาติสัมพันธ์ที่สุขสมทว่าการเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว ผลักภาระให้ฝ่ายหญิงทุกอย่างไม่ใช่เรื่องดี เขาไม่อยากให้เธอเจ็บแม้สักนิดเดียว แต่เป็นอันว่ารู้กันเรื่องความดื้อรั้นของเฌอเอมโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เธอไม่ยอม พอมีคุณพ่อให้ท้าย งานหมั้น
“ป๊า... ทำไมเอาเลขาฯ เฌอไปใช้งานอะคะ แล้วใครจะช่วยงานเฌอล่ะ?” เสียงหวานเรียกผ่านประตูบานคู่ที่เปิดอ้าออกกว้าง ห้องทำงานของอาจารย์ชรัณถัดไปอีกห้องหนึ่ง ติดกับห้องทำงานหลักซึ่งเป็นออฟฟิศของพนักงาน ทั่วทั้งห้องตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์หลักเป็นไม้เสียส่วนใหญ่ นาน ๆ เจ้าของห้องจะเข้ามาสักครั้ง“เลขาฯ เต็มบริษัท อยากได้คนไหนเลือกเอา เอาคุณนิดหน่อยไปก็ได้”ใบหน้าสดสวยตื่นตะลึง หันไปทางหาเลขาฯ คนโปรดตรงมุมห้อง เขากลับทำเป็นไม่สนใจเธอ เลยกลับมาเบิกตากว้างมองหน้าตานิ่งเฉยของคุณพ่ออีกรอบ“ทำไมทำหน้าเหมือนไฟไหม้บ้าน”“ป๊าก็รู้ว่าแกเป็นไงปะ ให้ลูกเรียกเลขาฯ คนนั้นมาทำงานด้วย เหมือนไม่ได้เรียกเลขานุการ เหมือนมีเจ้านายอีกคนมาสั่งงาน”“เอา ๆ ไปเถอะ สักคนน่ะ อย่าเรื่องมากนะลูกนะ คุณนิดเธอก็ทำงานดี”อยู่ดี ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าสวยหวาน หญิงสาวยกมือกอดอก กลอกตาไปมาว่า “โอเค งั้นเฌอเรียกคุณนิดหน่อยมาทำงานด้วยกันก็ได้...”“นี่ ๆ อย่าไปแกล้งเธอนะ ถึงเธอเป็นอย่างนั้น ป๊าว่าเธอทำงานละเอียด เธออดทนไม่บ่นเรื่องงานหนักด้วย”“ดีของป๊ากับดีของเฌออาจไม่เท่ากัน เฌอมีมาตรฐานการทำงานค่อนข้างสูงนะคะ”ร
ถึงทำเรื่องเกินตัวไปสักหน่อย แต่อองเดรก็มีเหตุผล มันเป็นเรื่องที่เขาจำเป็นต้องทำ เมื่อเขาไม่อยากเป็นคนในความลับ เป็นผู้ชายคั่นเวลาให้เธอกินยามหิว สักวินาทีเดียวก็ไม่อยากจะเป็น! เขายินดียืดอกรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายเลขานุการในเชิ้ตหล่อเหลาหิ้วกระเป๋าหนังคู่กาย ตามคุณพ่อของเจ้านายมาถึงร้านอาหารไทยชื่อดังย่านทองหล่อด้านหน้าห้องอาหาร VIP เป็นประตูไม้สลักลวดลายสวยงาม บานประตูคู่ชนชิดกัน ลักษณะเป็นบ้านไม้เก่าแก่ที่มีห้องรับรองแขกเป็นห้อง ๆ ไป เหมาะสำหรับลูกค้ามารับประทานอาหารกับครอบครัว ต้องการความเป็นส่วนตัวร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่นิยมของผู้ใหญ่วัยเกษียณ มีฐานะพอสมควร อาหารรสเลิศปรุงโดยพ่อครัวระดับแชมป์ แม่นวลเองก็รู้จักกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี เคยพาลูกชายมารับประทานอาหารเป็นประจำ“ห้ามทิ้งงานในบริษัท ป๊าไม่มีลูกแล้ว มีแค่คนเดียว ถ้าป๊าตาย ลูกสาวไม่ทำงาน คนอื่น ๆ ก็ตกงานนะ บริษัทเรามีพนักงานตั้งกี่ชีวิต มีกี่ร้อยสาขา” อาป๊าเพิ่งวางมือจากแท็บเล็ต ท้องหิวก็ก้มหน้ารับประทานอาหารอาหารจานโปรดของคุณพ่อเป็นมัสมั่น เมนูจำพวกปลานึ่งและทอด อองเดรรับประทานไปได้ไม่เยอะ เพราะมัวแต่นั่งฟังอีกฝ่ายเล่า
Comments