LOGINเมื่อต้าหวางทรงประทับนั่งบนตั่ง ไป๋เจิ้นให้สาวรับใช้รินน้ำชาให้ต้าหวาง เมื่อรินน้ำชาเสร็จสาวใช้จึงก้าวเดินออกไป ไม่ช้าชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งรอรับโทษ เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“กระหม่อมสมควรตาย ที่ปล่อยให้พระองค์อยู่ในอันตราย ทรงโปรดลงพระอาญาด้วยพระเจ้าค่ะ” "ข้าให้เจ้าไปสำนึกผิดด้วยตัวเอง" “ขอบพระทัยที่ทรงเมตตา กระหม่อมจะไม่ทำพลาดอีกครั้งพระเจ้าค่ะ” “ลุกขึ้นเถิด” ต้าหวางทรงหันพระพักตร์ไปหาไป๋เจิ้น ด้วยสีพระพักตร์เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด แล้วทรงตรัสด้วยความกังวล “วันนี้ข้าประมือกับโจรป่า ข้าคิดเห็นว่าโจรป่าพวกนี้ไม่ธรรมดา อาจเป็นสายข่าวของแคว้นเหลียนหรือแคว้นตัน ท่านช่วยตรวจสอบให้ข้าที ส่งเรื่องมาที่ข้าโดยตรง” “พระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะรีบดำเนินการทันที” ต้ากวางทรงลุกขึ้นจากตั่งดำเนินพร้อมกับใต้เท้าทั้งสอง อีกทั้งไป๋เจิ้นเดินตามมาส่ง ต้าหวางทรงหันกลับมาทางไป๋เจิ้นแล้วทรงตรัส “อีกทั้งบุตรสาวของเจ้า โจรเหล่านั้นได้เห็นใบหน้าของนางแล้ว ให้นางระวังตัวให้ดีด้วย” อวี้เฟิ่งลืมตาขึ้นช้าๆ มองเพดานห้อง นางจำได้ว่า เมื่อวานยังอยู่บนหลังม้ากับชายหนุ่มใบหน้างดงามนามว่า เป่ยเยว่ แล้วเหตุใดถึงมาอยู่ในเรือนเป่ยวาได้เล่ายิ่งคิดยิ่งงง ยิ่งนัก นางมองไปด้านนอก เห็นสาวใช้เดินเข้ามาพร้อมกับกาน้ำชา และถ้วยชา “เหม่ยอิง เหม่ยอิง” “คะ คุณหนู มีอะไรให้เหม่ยอิงรับใช้เจ้าคะ” เหม่ยอิงส่งถ้วยชาร้อนให้อวี้เฟิ่งรับไว้ อวี้เฟิ่งรับถ้วยชาแล้วก็ดื่มช้าๆ เหม่ยอิงจึงกล่าวต่อ “เมื่อวานต้าหวางมาส่งท่านที่นี่ เสด็จกลับไปแล้ว” “ต้าหวาง?” อวี้เฟิ่งเอ่ยขึ้นความสงสัย เมื่อวานคนที่ช่วยชีวิตนางคือ เป่ยเยว์ ไม่ใช่หรือ หรือความจริงแล้วเป่ยเยว์มีผู้เดียว ที่มีคนเดียวที่นางรู้จักคือ ต้าหวางเฉินเป่ยเยว์ที่นางเคารพนับถือ อีกทั้งเลื่อมใสศรัทธาพระองค์อย่างมาก เมื่อวานนั้นนางถูกโจรหลายคนรุมทำร้ายมีเขาเนี่ยล่ะที่ยื่นมือมาช่วย นางไม่คิดไม่ฝันจะได้เจอต้าหวางตัวเป็นๆ นางได้เจอแล้วรู้สึกปีติยินดียิ่งนัก เหม่ยอิงเห็นอวี้เฟิ่งเงียบไปนางจึงเอ่ยเรียก “คุณหนู คุณหนู” “เหม่ยอิงเจ้าว่าอะไรนะ” “โธ่! คุณหนู ข้าเรียกท่านตั้งนาน ท่านไม่ตอบข้า” “ข้าคิดอะไรหน่อย ข้าจะไปดูเด็กๆ เสียหน่อยนี่ก็สายมากแล้ว” เมื่ออวี้เฟิ่งกล่าวเช่นนั้นจึงลุกขึ้นมา นางกลับเห็นว่ามีป้ายหยกขาวลวดลายงดงามยิ่งนักนางรู้ได้ทันทีว่า เป็นของต้าหวางเพราะมีอักษรว่าเป่ยเยว่ นางจึงเผยยิ้ม แล้วเอามากอด จนเหม่ยอิงแปลกใจ อวี้เฟิ่งถามต่ออีกว่า “ต้าหวางเสด็จกลับแล้วหรือยัง” “เสด็จกลับฉางเทียนแล้วเจ้าค่ะ” เหม่ยอิงกล่าวจบ มองคุณหนูของนางจับป้ายหยกไม่ปล่อย ไม่เพียงเท่านั้นป้ายหยกชิ้นนี้คุณหนูไม่เคยห้อยติดตัวจึงเอ่ยถามต่อ “คุณหนูนี้ป้ายหยกของใครคะ หรือท่านขโมยใต้เท้ามา” “เหม่ยอิงเจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ” “เปล่าคะ ข้าแค่สงสัยว่าคุณหนูเอาป้ายหยกชิ้นนี้มาจากไหน” “ข้าไม่บอก” “คุณหนู” “เจ้าเห็นท่านพ่อหรือไม่” อวี้เฟิ่งเอ่ยถาม แต่มือเก็บป้ายหยกไว้ในเสื้อ “ใต้เท้าไปตรวจราชการเจ้าค่ะ” “ท่านพ่อกินอะไรหรือยัง” “เห็นพ่อบ้านบอกว่า กินหมั่นโถวไปหนึ่งลูกที่คุณหนูทำไว้เมื่อวาน คุณหนูไม่ต้องห่วง” “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะไปเที่ยวตลาด ข้าไม่ได้ไปนานแล้ว” “เจ้าค่ะ” “ต้าหวาง พระองค์อยากให้กรมพิธีการคัดเลือกนางกำนัลในปีนี้ อีกทั้งเพียงเวลาสามวัน ต้องป่าวประกาศทั่วทั้งแคว้น” หย่งเยี่ย มหาขันทีเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย มองราชโองการที่ทรงเขียน นับแต่ต้าหวางเฉินเป่ยเยว่ทรงครองราชย์มาจนบัดนี้ ไม่เคยแม้แต่ปีเดียวที่ต้าหวางคิดจะรับนางข้าหลวงตลอดจนนางใน เหตุใดกันต้าหวางคิดอยากจะเลือกนางกำนัล ทั้งที่เหล่าขุนนางทักท้วงให้ต้าหวางคัดเลือกฟูเหรินและนางกำนัลเข้าฝ่ายในเพิ่ม เมื่อเหล่าขุนนางเอ่ยถึงเรื่องนี้ทีไรก็ทรงบ่ายเบี่ยงอยู่ร่ำไป จนคิดไปต่างๆ นานๆ ว่าคงเป็นก็พวกเล่นชาย ทว่าเรื่องนี้อาจเป็นข้ออ้างว่า ทรงอยากจะเลือกเฟยเข้ามาในฝ่ายใน ก่อนที่หย่งเยี่ยจะคิดสิ่งใดต่อ ต้าหวางทรงดำรัสขึ้น “รอบสุดท้ายแค่สิบคน ไม่ใช่ห้าสิบคนเช่นสมัยพระราชบิดาของข้า ข้าไม่ชอบความวุ่นวาย ข้าพูดแค่นี้เจ้าทำได้ใช่หรือไม่ รอบสุดท้ายข้าจะไปดูด้วยตัวเอง ข้าจะเลือกนางกำนัลเพียงคนเดียวที่เข้ามารับใช้ในเทียนลู่กง” ต้าหวางทรงหยิบม้วนตำราขึ้นมาทรงอ่าน หย่งเยี่ยหนักใจแทนเหล่าขันทีใต้อาณัติของตนยิ่งนัก ความจริงแล้วการคัดเลือกนางกำนัลไม่เท่าไหร่ แต่เลือกนางกำนัลให้เหลือห้าสิบคนนี้ถือว่าเป็นงานหินแล้ว แต่ให้เหลือเพียงสิบคนอีกทั้งต้องให้ถูกพระทัยต้าหวาง งมเข็มในทะเลยังจะง่ายเสียกว่าอีก หลังจากวันนั้นที่โจรป่าลอบทำร้าย ต้าหวางทรงช่วยชีวิตไว้อย่างหวุดหวิด นางก็กลับไปสอนเด็กในหมู่บ้านเช่นเดิม ก่อนหลับนอนทุกๆ วัน นางก็นั่งอ่านตำราเรื่องของต้าหวางที่ท่านพ่อของนาง หรือบัณฑิตเขียนประกาศเกียรติคุณ คุณงามความดีในการชนะศึกอย่างตั้งใจ นางอ่านจนจำแม้กระทั่ง ต้าหวางโปรดสิ่งใดนางทำตามอย่างตั้งใจ ต้าหวางทรงโปรดหน้าไม้ นางก็เรียนรู้เรื่องหน้าไม้จากไป๋เจิ้นบิดาของนาง สิ่งหนึ่งที่ต้าหวางถนัดที่สุด แต่นางไม่ถนัดที่สุดคือวาดภาพ ต้าหวางทรงวาดงามงดงามดุจเสมือนจริง แต่นางคิดว่า นางคงใจไม่เย็นพอที่จะวาดภาพ จึงล้มเลิกความคิดนั้นเสีย จึงเอาดีด้านเพลงทวนด้านเพลงกระบี่ นางคิดว่าตนถนัดสุดแล้วหวางโฮ่วทรงประทับยืนทอดพระเนตรมองต้าหวางจากพระบัญชร กงจู่ก้าวทรงย่างพระบาทเข้ามาหาพระนาง แล้วจึงเอ่ยพระโอษฐ์ถาม เมื่อมาประทับเยื้องด้านขวาของพระนาง “เหนียงชิน จะไม่ทรงพูดคุยกับฟู่จวินหรือเพคะ”ทันใดนั้นสุรเสียงของต้าหวางดังขึ้นเรียกความสนใจให้หวางโฮ่วและกงจู่“ดื่มเหล้าพันจอกมิรู้เมา เท่ากับเมารักพันปีมิรู้ลืม ถึงทรมานปานใดไม่ท้อถอย แม้ตัวตายข้าขอมิหวั่นเกรง”เมื่อพระนางได้สดับเช่นนี้ ทรงดำริได้ถึงครั้งที่ทรงเมามาย เมื่อต้าหวางทรงรับอิ๋งฟูเหรินมาเป็นฟูเหรินของพระองค์ เมื่อพระนางทรงบ่นรำพัน และตัดพ้อพระองค์ไปครั้งนั้น จากนั้นไม่นานก็ทรงรับพระนางมาเป็นกุ้ยเฟย เข้ามาอยู่ในหยางหมิงกงจนถึงทุกวันนี้หวางโฮ่งทรงเสด็จลงมาจากเรือนพักของกงจู่ ทรงย่างก้าวย่างพระบาทดำเนินเข้ามาหาตรงพระพักตร์ของต้าหวาง พระองค์ทรงทอดพระเนตรพระนาง หวางโฮ่วทรงยื่นพระหัตถ์ให้พระองค์ทรงลุกขึ้นยืน ต้าหวางทรงทอดพระเนตรเช่นนี้จึงจับพระหัตถ์ของหวางโฮ่ว แล้วจึงลุกขึ้น ต้าหวางทรงมีตรัสต่อพระนาง“กลับวังกับข้าน่ะ”“หม่อมฉันก็สุขสบายดีแล้วเพคะ” หวางโฮ่วทรงดำรัสต่อพระองค์ ต้าหวางจึงจับพระหัตถ์พระนาง แล้วทรงตรัสถาม“เจ้ายังโกรธ
ต้าหวางลงจากม้าทรงอย่างว่องไว ทรงชักกระบี่เข้าหาชายอาภรณ์ดำ เมื่อพระองค์ชักกระบี่ออกมาชายสองคนเข้าสู้กับพระองค์ อวี้เฟิ่งเห็นมีคนช่วยยิ่งหึกเหิม จ้วงกระบี่แทงชายชุดดำตรงหน้าทันที ชายชุดดำจึงสิ้นใจ ต้าหวางกำจัดชายชุดดำตรงหน้าตายหมด เหลือเพียงคนเดียวที่วิ่งจาก ทรงไม่รอให้ชายผู้นั้นวิ่งจากไป ทรงน้าวศรยิงใส่ชายคนที่วิ่งไปปักกลางหลังตายในทันที อวี้เฟิ่งมองชายหนุ่มตรงหน้าของนาง นางจึงเอ่ยขอบคุณเขาทันที “ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือข้าในครั้งนี้ ข้าอยากทราบนามของผู้มีพระคุณว่าท่านมีนามว่าอะไร” “เฉินเป่ยเยว่” ต้าหวางทรงดำริถึงนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เจอหวางโฮ่ว แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงรู้สึกสนใจในตัวนางแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอวี้เฟิ่งเห็นชายผู้หนึ่งตรงมาหานาง นางได้จังหวะชกไปที่ท้องของโจรเต็มแรง แล้วหักมือให้กระบี่นั้นหลุดจากมือโจร อีกทั้งต้าหวางปิดชีพโจรตรงหน้านางด้วยในกระบี่เดียว โจรอีกคนชักกระบี่มาทางด้านหลังของนาง ต้าหวางเห็นเช่นนี้จึงดึงมือนาง ทำให้นางลอยเหนือพื้น เหวี่ยงตัวมาอยู่ในอ้อมพระกร ต้าหวางทรงปากระบี่ใส่โจรผู้นั้นตายเสีย ไม่ช้าราชองครักษ์เข้ามาทันที พร้อมกับหย่งเยี่ยและเหล่าขันที พวกโจร
“หวางโฮ่ว” ต้าหวางทรงดำรัสด้วยสุรเสียงดุดัน“มีอะไรเพคะ หรือว่าจะทรงลงโทษหม่อมฉันหรือเพคะ” หวางโฮ่วกล่าวด้วยสุรเสียงช้าๆ แต่ต้าหวางทรงตรัสด้วยสุรเสียงที่เย็นชาต่อพระนาง“เจ้าฆ่านางทำไม ข้าไม่เคยเอาหญิงใดมาตีเสมอเจ้า และชาตินี้ข้ามีเจ้าเพียงผู้เดียวที่เป็นฟูเหรินของข้ามาตลอด ถึงข้าจะเคยมีฟูเหรินถึงสองคน แต่ไม่ยกนางให้สูงถึงขั้นสนม แต่ทำไมเจ้าต้องฆ่านาง ทั้งที่นางกับข้าบริสุทธิ์ใจไม่ได้กระทำอย่างชู้สาว”หวางโฮ่วทรงประทับยืน แล้วหันมาหาต้าหวาง แล้วจึงเอ่ยพระโอษฐ์ “ถ้านางเป็นนางกำนัลต่ำศักดิ์จริงๆ พระองค์คงไม่มาทรงพิโรธหม่อมฉันแบบนี้แน่”“เจ้า…ไป๋อวี้เฟิ่ง พอได้แล้ว หกตำหนักว่างเปล่าเพื่อเจ้ามาตลอดหลายปี เจ้ายังไม่พอใจอีกเหรอ อีกทั้งคนในสกุลจางที่ตายไปทั้งครอบครัวโดยคำสั่งของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเขาบริสุทธิ์ ถ้าเจ้าจะฆ่าจางเฉา เหตุใดไม่ฆ่าเขาเพียงคนเดียว ทำไมต้องให้ผู้คนเหล่านั้นต้องตายด้วย”หวางโฮ่วทรงพระราชดำรัสต่อต้าหวางอย่างไม่ยำเกรง“เช่นนั้น ถ้าทรงดำริว่าหม่อมฉันทำผิดก็ปลดหม่อมฉันออกจากตำแหน่งหวางโฮ่วเลยเพคะ และหม่อมฉันจะไม่วุ่นวายอีก” “นี่เจ้า ได้เพราะข้าก็ตามใจเจ้ามาตลอดอยู่
ต้าหวางทรงตื่นบรรทมรุ่งสาง อีกแค่หนึ่งยามก็จะเข้าประชุมเช้า ทว่าทรงเห็นไม่เห็นหวางโฮ่ว มีเพียงหย่งเยี่ยที่เข้ามาพร้อมกับถ้วยชา ต้าหวางทรงมึนพระเศียรเมื่อลุกขึ้นมาประทับนั่ง แล้วจึงตรัสถาม“หวางโฮ่ว นางไปไหน” “หม่อมฉันเห็นพระนางไปประทับที่อุทยาน”“ทำไมเมื่อคืนข้าจำอะไรไม่ได้เลย” ต้าหวางทรงตรัสเช่นนี้ อีกทั้งทรงว่ายพระเศียร ทรงนึกคิดเรื่องเมื่อคืน ทรงจำได้ว่าทรงตรวจฎีกาเรื่องน้ำท่วม หลังจากนั้นทรงจำอะไรไม่ได้อีกเลยหวางโฮ่วทรงกลับเข้ามาในตำหนัก พร้อมกับเหม่ยฮัว และเม่นเหนียง หลิวเซียวเชิญหมอหลวงเข้ามา พระนางนั่งบนตั่งแล้วจึงทรงตรัสถาม ให้ผิงอันนำพงกงยานที่อยู่ในห่อผ้าส่งให้หมอหลวงดู หมอหลวงจึงเปิดดูได้สัมผัสกลิ่นก็รู้โดยทันที แล้วจึงรีบปิดห่อผ้า หวางโฮ่วจึงตรัสถามด้วยความสงสัย“หมอหลวงเว่ย ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งใดผสมในกำยานไม้จันทน์ขาวที่อยู่ในห่อนั้น”“ทูลหวางโฮ่ว ที่นั้นคือกำยานราคะ ยาชนิดนี้ใช้ได้กับบุรุษ แต่ไม่ออกฤทธิ์กับสตรี บุรุษใดสูดดมเข้าไปจะมีอาการกำหนัด อาจเห็นหน้าของคนที่ตนรักก็เป็นได้ ถ้าใช้เป็นเพลานาน อาจทำให้หลอนประสาทได้พระเจ้าค่ะ”“เรื่องนี้เรารู้เพียงเท่านี้ อย่าให้ผู้ใ
กาลเวลาหมุนวนผ่านพ้นไปถึงสิบหกปี ต้าหวางและหวางโฮ่วทรงมีพระชนฆมายุได้สี่สิบกว่าปี บัดนี้กงจู่หมิ่นลั่วย่างเข้าสิบหกพรรษา งดงามดั่งหวางโฮ่งเมื่อครั้งยังเยาว์วัย และสดใสร่าเริง ถ้าอยู่ในพิธีสำคัญกงจู่จะสงบนิ่ง เป็นหน้าเป็นตาใต้ต้าหวางและหวางโฮ่ว ย้อนกลับไปหลังจากประสูติกงจู่ได้สองปี หวางโฮ่วได้ประสูติอ๋องน้อยนามว่า “เฉินเจิ้น” อีกทั้งทั้งสองพระองค์ได้รับการอภิบาลจากหวางโฮ่ว และให้ราชครูสหายของไป๋เจิ้นเป็นผู้สอน ทั้งสององค์เรียกรู้วัยเกิดเด็กทั่ว หวางโฮ่วจึงสอนศาสตร์หลายแขนงที่นางเคยร่ำเรียนจากเตี่ย และกงจู่และอ๋องน้อยคอยไปเยี่ยมเยือนจวนของใต้เท้าไป๋ที่อยู่ในเมืองหลวงอยู่เสมอใดเนื่องด้วยต้าหวางมีราชโองการใต้เท้าไป๋ มาอยู่เมืองหลวง แต่ใต้เท้าไป๋เลือกที่จะออกจากราชการเพื่อไม่เป็นข้อครหาให้ใครมากล่าวร้ายว่า เตี่ยของพระนางเข้ายุ่งเกี่ยวในราชสำนัก อีกทั้งกงจู่และท่ายอ๋องน้อย ใต้เท้าไป๋เอ็นดูหลานทั้งสอง เกอเกอของพระนางคอยหาของเล่นให้เป็นประจำ หวางโฮ่วกลัวว่ากงจู่และอ๋องน้อยจะเสียคน มีแต่คนตามใจ หวางโฮ่วจึงให้เข้าวังและให้สลับอยู่ที่จวนบ้าง ส่วนกงจู่ยังไม่มีตำหนักนอกวังเช่นเดียวกับอ๋องน้อย จึง
พระกษิรธาราไหลจากพระถัน จึงทรงเสวยจากตรงนั้น หวางโฮ่วดิ้นรนใต้พระวรกายของพระองค์ ทันใดนั้นทรงเข้ามาในพระวรกายทันที ต้าหวางทรงเข้าและออกตามแต่พระทัยปรารถนา จนกระทั่งพระอารมณ์ดิบครอบงำ หวางโฮ่วทรงสะท้านไปทั้งพระวรกาย พระสติล่องลอยไปด้วยความลืมเลือน ต้าหวางทรงไม่ลดล่ะต่อการกระทํา จึงจับเพลาทั้งสองข้าง และส่งแรงทั้งหมดส่งหา หวางโฮ่วกรีดร้องอย่างลืมองค์ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่หวางโฮ่วทรงปลดปล่อยสายธาร ต้าหวางเอาแต่พระทัยไม่ปล่อยให้พระนางหายพระทัย มิหนำซ้ำยังดื่มจากพระถันอวบอิ่ม เนื่องด้วยน้ำนมไหลรินออกมาจากกายของพระนางยิ่งพระนางกรีดร้องมาก็เท่าไร ต้าหวางยิ่งทรงบรรเลงเพลงรักไม่รู้เหนื่อย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบสามเดือนพระองค์ไม่เคยมีสัมพันธ์สวาทกับพระนาง ต้าหวางกลัวว่าพระนางจะเจ็บ แต่ตอนนี้พระองค์จึงไม่ดำริที่จะถนอมพระนางบ้างเลย จนในที่สุดต้าหวางทรงปลดปล่อยสู่ตัวพระนาง ต้าหวางทรงประทับลงที่พระโอษฐ์ แล้วเอ่ยถามพระนาง“เจ้าเหนื่อยหรือไม่”“นิดหน่อย”ต้าหวางทรงลงพระทับบนตั่ง หวางโฮ่วจึงสวมกอดพระวรกายของต้าหวาง ทรงใช้พระหัตถ์เช็ดเหงื่อบนพระพักตร์ของหวางโฮ่ว “เจ้ามีสิ่งใดอย่าเก็บไว้คนเดียว มีข้







