“เหว่ยเอ๋อร์ ตัวเจ้าเองก็รู้เห็นเป็นใจ ยินดีทำทุกทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับเยี่ยเหมย แต่ใครไหนเลยจักคาดคิดว่าหลังจากที่เจ้าแต่งกับเยี่ยเหมยก็แอบไปมีสัมพันธ์กับนังจิ้งจอกนี่ ทำให้ต้องรับผิดชอบพาเข้าบ้าน”ครานี้ผู้ถูกจับจ้องจากฮูหยินผู้เฒ่าคือฮูหยินรอง“หึ! สตรีดีงามกระนั้นหรือ หากดีจริงดังวาจาเจ้า แล้วเหตุใดจึงคลอดบุตรภายในเจ็ดเดือนหลังจากแต่งเป็นอนุภรรยาเล่า เห็นได้ชัดว่าเจ้าปล่อยตัวพลีกายให้บุตรชายข้าเชยชมโดยไม่สนใจฟ้าดิน ใครกันแน่ที่หวังแย่งสามีผู้อื่นอย่างไร้ยางอาย”ประโยคนี้ยังไม่ทันสิ้น เสียงฮือฮาพลันดังลั่นฮูหยินผู้เฒ่าไม่สนใจใครทั้งนั้น แม้แต่บุตรชายและหลานชายคนโตที่นั่งคุกเข่า นางเดินเข้ามาทางเว่ยหยางหลานชายคนรองโดยมีเพ่ยหลิงในชุดสาวใช้คอยประคอง“หยางเอ๋อร์ เป็นย่าเอง ย่าทำผิดต่อเจ้า ที่ชักนำแม่เจ้ามาให้พ่อผู้โง่เขลาเช่นนี้ ย่าผิดไปแล้ว”ชายหนุ่มยืนนิ่งมองย่าของตนเนิ่นนาน “ท่านยา...”หลังจากความตะลึงลานจางหาย ฮูหยินรองจึงได้สติกลับมาอีกครั้ง นางตะโกนลั่นอย่างไม่ยินยอมว่า“เห็นได้ชัดว่าข้ารักกับท่านพี่มาก่อน ฮูหยินใหญ่ต่างหากที่ไร้ยางอาย กล้าแย่งชายคนรักของผู้อื่น”ฮูหยินผู้เฒ่า
นับเป็นฉากอันน่าเศร้าของสกุลจ้าวโดยแท้เว่ยหยางหาได้นำพาความอับอายที่เสื่อมเสียชื่อเสียง ของเพียงได้เอาคืนเช่นนี้ ตัวเขาย่อมพึงพอใจหลังจากผู้ร้ายสาธยายความชั่วจนหมด ทุกผู้คนก็ส่งเสียงดังอื้ออึงไปทางนายท่านจ้าวและเว่ยหนานที่กำลังคุกเข่ายอมรับผิดทุกประการสีหน้าของแขกเหรื่อมีผู้คนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งผสมผสานฮูหยินรองที่สังเกตเห็นจึงร่ำไห้ออกมา สั่งน้ำตาให้ไหลบ่า ถือโอกาสกล่าวโทษเว่ยหยางเสียงดัง หวังกลับดำเป็นขาวต่อหน้าทุกคนว่า“คุณชายรองช่างโหดร้ายนัก มีมารดาเป็นหญิงเพศยาแย่งคนรักของผู้อื่นยังไม่พอ ยังแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพี่ชาย แม้แต่บิดาบังเกิดเกล้า เจ้าก็ยังไม่เว้น คำว่าชั่วช้ายังไม่สาสม”ทุกคนที่ได้ยินพลันเบิกตาโพลง มองไปทางเว่ยหยางอย่างพร้อมเพรียง ในใจคิดว่า อันใดอีก?นับเป็นการสะกิดแผลได้ตรงจุด เรื่องนี้เว่ยหยางถือเป็นตราบาปในใจไม่น้อยชั่ววูบนั้น ความรู้สึกสับสนพลันปะทุขึ้นกลางใจการที่มารดาของเขาเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ แย่งชิงบิดาจากหญิงคนรัก ทำเขาจำยอมต่อบิดาและพี่ชายมาโดยตลอด จนกระทั่งแพ้พ่ายที่ริมผา ยอมจากลาไปถึงสามปีเว่ยหยางไม่อาจปฏิเสธความผิดในเรื่องนี้ได้ เขานึกละอา
ก่อนที่ใครจะได้ตั้งตัวพลันนั้นก็มีบุรุษร่างสูงใหญ่งามสง่าควบขี่อาชาพุ่งทะยานเข้ามาภายในงานอย่างเหี้ยมหาญทุกคนเบิกตาโพลงราวกับเห็นผีโดยเฉพาะจ้าวเหว่ยกับเว่ยหนาน เบ้าตาทั้งสองถลนยิ่งเว่ยหยางไม่มีเสียเวลา เขาพลิกตัวลงจากหลังม้าอย่างปราดเปรียวผ่าเผย พาท่วงท่าองอาจดุจพยัคฆ์ร้ายเดินข้ามนักฆ่าทั้งสอง นักพรตและหมอผีที่ถูกมัดแน่น ขึ้นหน้ามาที่บิดาและพี่ชายเนตรพยัคฆ์คมปลาบมองบุคคลทั้งสองอย่างเย็นชา แววตาท้าทาย ใบหน้าหล่อเหลาเผยเพียงความเหยียดหยัน ก่อนที่น้ำเสียงราบเรียบทว่าแผ่ซ่านไอสังหารเอ่ยออกมา“เป็นอันใดไปเล่าท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าแค่ยังไม่ตายตามแผนชั่วของพวกท่าน ไม่ดีใจหรือ?”หลังจากความตระหนกตกใจผ่านพ้น บรรดาแขกเหรื่อต่างส่งเสียงอื้ออึ้ง และเริ่มสังเกตสีหน้าของคนบ้านจ้าว“เป็นไปได้อย่างไร นายท่านจ้าวจัดพิธีศพให้คุณชายรองไปแล้วเมื่อสามปีมิใช่หรือ?”“นั่นสิ! จู่ๆ คุณชายรองก็กลับมา”“อย่างนี้หมายความว่าเยี่ยงไร?”“อะไรกัน!?”ถึงแม้จะเกิดประโยคคำถามตามมารยาท ทว่าทุกคนกลับล้วงรู้คำตอบแล้วโดยไม่ต้องบอกหรือสาธยาย นี่คงเป็นแผนการช่วงชิงอำนาจผู้นำตระกูลระหว่างบุตรชายสายหลักกับบุตรชายสายรองทุก
วันนี้อากาศแจ่มใสจวนสกุลจ้าวจัดงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดให้นายท่านจ้าว ซึ่งแท้จริงแล้วกำลังต้องการแสดงตัวว่าที่ผู้นำตระกูลคนใหม่ให้รับรู้โดยทั่วกัน ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน หลังจากเว่ยหนานผู้เป็นพี่ชายของเว่ยหยาง ได้ท้าประลองและทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสจนตกหน้าผา ตัวเขาก็กลับมารายงานบิดาว่าน้องชายทำตัวเกเรท้ารบกับเขาผู้เป็นพี่ชาย สุดท้ายก็ตกหน้าผาเสียเอง ศพก็ลอยไปกับกระแสน้ำ ตามหาเท่าใดก็ไม่เจอบิดาซึ่งมิได้รักบุตรชายคนรองสักเท่าไหร่ จึงเชื่อบุตรชายคนโตสนิทใจ รอหลายวันผันผ่านจนแน่ใจว่าเว่ยหยางหายสาบสูญไปแล้วจริงๆ จึงเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อรายงานถึงความเสเพลหลงลำพองตนเองของเว่ยหยาง กระทั่งตัวตายร่างหายสาบสูญ จนส่งผลกระทบใหญ่หลวง นับเป็นความเสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูล ถือเป็นความผิดต่อราชสำนักโดยแท้ จึงขอแสดงความรับผิดชอบโดยการร้องขอต่อฮ่องเต้ให้ทรงถอนยศแม่ทัพคืนจากเว่ยหยาง เพื่อส่งต่อป้ายพยัคฆ์ขาวให้เป็นของเว่ยหนานแทนฮ่องเต้ทรงมีขุนนางมากมายในอาณัติก็จริงอยู่แต่กระนั้นความสามารถของเว่ยหยางกลับต้องพระเนตรไม่น้อย จึงเสียพระทัยไม่เบาหากแต่คนได้ตายและหายตัวไปแล้วเช่นนั้น จึงออกรับสั่งเรียกต
เพ่ยหลิงเบ้หน้าไม่กล้าร้องไห้แม้แต่นิดเดียว ทำได้เพียงยอมรับทั้งใจ แน่นอนว่านางรักเขา ทว่ากลับไม่มั่นใจเลยสักนิด เหตุที่คนตรงหน้าต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ เพราะนางโดยแท้เรื่องนี้ร้ายแรงยิ่งกว่าช่วยคนผิดที่ริมผาเสียอีก! ฮือ...ส่วนเว่ยหยางยังคงขัดเคืองจึงคำรามลั่น“ชาติที่แล้วเราต้องแยกกัน ชาตินี้ก็เกือบจะต้องพรากกัน พรุ่งนี้เตรียมตัวรับหมั้นได้เลย ข้าจะมาสู่ขอเจ้า เราจะแต่งงานกันทันที อยู่ด้วยกันตลอดไป”ช่างบุรุษที่เผด็จการอย่างยิ่ง เพ่ยหลิงได้แต่ก้มหน้ายอมรับพลางนึกกังขาในใจข้ายังมิได้ปักปิ่นเลยนะ...ก่อนหน้านั้นช่วงเวลาที่ดวงจิตออกจากร่างเทพอสูรเช่นเว่ยหยางไม่คิดกลับสวรรค์ เขาสละพลังเทพของตนเองให้กลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม เพื่อที่จะได้อยู่กับเพ่ยหลิงหมิงเฉิงและโม๋เอ๋อร์รู้เรื่องนี้จากเจ้านรกผู้เป็นบิดามารดา จึงต่างพากันชื่นชมเว่ยหยางจากใจจริง เมื่อเทพอสูรขอเข้าพบเพื่อขอหมั้นหมายบุตรสาวคนเล็กซึ่งเป็นคนรักเมื่อชาติที่แล้ว ทั้งสองจึงรับการหมั้นหมายอย่างยินดี ให้พวกเขาได้เป็นสามีภรรยาทุกชาติไปเดิมทีเว่ยหยางไม่คิดจะกลับสกุลจ้าวอีก ตำแหน่งผู้นำ และผู้สืบทอดอำนาจตระกูลอันยิ่งใหญ่เกรียงไก
ท่ามกลางความเงียบงันผสานห้วงอารมณ์ลุ้นระทึกของคนบ้านหมิงที่ยืนรุมล้อม ร่างสูงของเว่ยหยางเริ่มมีปฏิกิริยา แสงสีม่วงแทรกซึมทั่วร่าง เรียวนิ้วค่อยๆ ขยับ ก่อนที่เปลือกตาจะมีอาการสั่นไหว ขนตากระเพื่อมเบาๆชายหนุ่มผู้เป็นเทพอสูรไป๋หู่กลับชาติมาจุติจึงค่อยๆ ลืมตาในที่สุดภาพแรกที่เขาเห็น คือสตรีนางน้อยน่ารักที่ยืนน้ำตารื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้น นางยังอยู่ในชุดสีฟ้าเปื้อนเลือด ดวงตาฉ่ำชื้น พวงแก้มแดงก่ำ กลีบปากแดงช้ำ ช่างน่าสงสารจับใจ พาให้หัวใจเย็นชืดที่หยุดเต้นก่อนนี้ ต้องเต้นระส่ำรุนแรงกระทั่งมีชีวิตอีกครา เส้นเสียงแตกพร่าจึงเอ่ยออกมา“ข้ากลับมาแล้ว กระต่ายน้อย”แค่เพียงเท่านั้น เพ่ยหลิงถึงกับร้องไห้โฮ โถมกายเข้ากอดเว่ยหยางทั้งตัวหลังจากฟื้นคืนชีพ เว่ยหยางจึงจำเรื่องราวในอดีตชาติได้แรกเริ่มคือความดีใจ ยิ่งได้เห็นหน้าคนรักอีกครายิ่งมีความสุขหาใดเปรียบเรียกได้ว่าเปรมปรีดิ์จนท่วมท้นล้นใจหากทว่าความทะนงตนย่อมมีตัวเขารักนางถึงเพียงนั้น แต่นางกลับโง่เขลายิ่งเรื่องราวจึงกลับมาซ้ำรอยเดิม เพิ่มเติมคืออาการแง่งอน“ข้าผิดไปแล้ว...”เพ่ยหลิงยอมรับเสียงเบา นางกำลังตามง้อว่าที่สามีอย่างสุดกำลัง เดิมที