จากยอดหน้าผาสู่ปลายทางน้ำตกเชี่ยวกราก ลึกลงมาที่ก้นเหวสูงชัน ล้วนเป็นป่ารกทึบที่ปกคลุมไปด้วยความอับชื้น รอบด้านเต็มไปด้วยกลิ่นสาบสางเหม็นอับของซากสัตว์ล้มตาย กระแสไอเย็นมีมากนักเมื่อเทียบกับยอดผาด้านบน
ตรงด้านหน้าของชั้นดินและหินที่ทับถมกันจนเกิดเป็นเนินเขาขนาดเล็ก กระทั่งเป็นโพรงลึกเข้าไปในพื้นดิน กลายเป็นถ้ำขนาดย่อม ร่างสูงสง่าของหงซือกวนยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อประเมินความสูงชันของหน้าผาที่ตกลงมา สายตาคมเฉี่ยวของเขามองไปทั่วเพียงปราดเดียวอย่างไม่ใส่ใจ
การทะยานกายขึ้นไปนับว่าเป็นเรื่องยาก หากแต่มิใช่สำหรับเขา
ชายหนุ่มหมุนตัวเดินกลับเข้ามาภายในถ้ำเย็นเยียบแห่งหนึ่ง แล้วเบนสายตาไปมองหญิงสาวที่กำลังนอนหลับตัวสั่นอยู่ข้างกองไฟ
เจ้านกประหลาดตัวใหญ่บินเข้ามาพร้อมกิ่งไม้ที่มีใบหนาแน่นวางไว้ให้
หงซือกวนจึงจับอุ้มร่างนุ่มให้นอนลงบนใบไม้ ท่าทางของเจ้านายยังผลให้เจ้านกทมิฬต้องเอียงหัวเลิ่กลั่ก ดวงตาสีแดงฉานของมันมองอย่างฉงน จนผู้ถูกมองรู้สึกได้
“ออกไป” หงซือกวนเอ่ยเสียงเรียบ มองเจ้านกแสนรู้ด้วยสายตาเย็นชา หากมันไม่ประสาเขาคงไม่ไล่มันไป
เจ้านกตัวใหญ่จึงบินออกไปจากในถ้ำอย่างปราดเปรียวโดยไม่เหลียวมองอีกเลย
เมื่อเจ้าของสายตาใคร่รู้จากไปแล้ว ชายหนุ่มจึงนั่งลงข้างกายหญิงสาวที่หลับใหล นางนอนหมดสติและตัวสั่นไม่หยุด ใบหน้างดงามซีดเผือดไร้สีเลือดฝาด ริมฝีปากที่เดิมทีเป็นสีชมพูฉ่ำวาวบัดนี้ซีดเซียวไม่น่ามอง
เห็นได้ชัดแล้วว่านางถูกพิษไอเย็นเข้าแทรกไปทั่วร่าง นางคนธรรมดาที่มิได้ฝึกยุทธ์ขับลมปราณ ทั้งยังเป็นเพียงสตรีอ่อนแอร่างบาง แน่นอนว่าไม่สามารถต้านทานอากาศอันหนาวเหน็บของหุบเหวลึกได้แน่ เสื้อผ้าของนางที่เปียกชื้นล้วนเป็นสาเหตุให้นางมีอาการย่ำแย่
หงซือกวนนั่งนิ่งจ้องมองเหม่ยหลินเงียบงัน สายตาเรียวคมกวาดมองไปทั่วเรือนร่างที่มีอาภรณ์เปียกชุ่มแนบเนื้อนวลนาง เผยส่วนเว้าส่วนโค้งละมุนตา ไอเย็นที่แทรกซึมเข้ามาผสานกับเสื้อผ้าที่แฉะชื้น มิใช่เรื่องดีสำหรับนาง
ชั่วครู่ต่อมาเขาจึงตัดสินใจเอื้อมมือมาปลดชุดของนางออกทีละชั้น เขาเปลื้องผ้านางอย่างเบามือ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกรงนางจะตื่น หรือกลัวว่านางจะเจ็บ
ถอดไปถอดมาเขาพลันคิดได้ว่าคงเป็นอย่างแรกเสียมากกว่า
ชายหนุ่มค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของหญิงสาวที่กำลังหลับใหลทีละชั้นอย่างใจเย็น เขาถอดเสื้อของนางชั้นที่หนึ่งผ่านไป ตามด้วยชั้นที่สอง
ระหว่างถอดเสื้อให้ สายตาคมกริบยังสังเกตใบหน้างามยามหลับใหลอย่างมิอาจละไปทางใด เห็นแพขนตางามงอนภายใต้เรียวคิ้วดั่งคันศร จมูกโด่งเล็กได้รูป ริมฝีปากจิ้มลิ้ม ไล่ลงมาตามลำคอระหงที่จรดช่วงไหล่กลมมน ทุกอย่างสวรรค์ช่างบรรจงสรรสร้างนางได้อย่างงามตา
กระทั่งถอดถึงชั้นที่สาม สายตาคมกล้าพลันทอประกายวูบไหว ก่อนจะหรี่ตามองพร้อมเรียวคิ้วที่ขมวดพันกัน เมื่อนางตรงหน้าเขายามนี้นั้น ได้เผยช่วงไหล่กลมเนียนและผิวขาวผ่องดั่งนมแพะบริสุทธิ์
อึดใจต่อมา ฝ่ามือใหญ่พลันชะงักอยู่แค่นั้น เมื่อเลื่อนสายตาลงต่ำยามผ้าชั้นที่สามถูกปลดไป
โฉมสะคราญในยามนี้เผยเนื้อนวลกลมกลึงภายใต้เอี๊ยมสีนวลลวดลายดอกไม้ตัวบางกับกางเกงผ้าชั้นในที่อยู่ใต้เอวเล็กคอดกิ่วและหน้าท้องแบนราบ ชายหนุ่มจึงตัดใจหยุดมือเสีย ก่อนที่อะไรๆ จะเกินเลยไป
เมื่อถอดเสื้อผ้าของนางจนพอใจ ชายหนุ่มจึงนำเสื้อผ้าของนางไปตากเอาไว้ยังชั้นหินไม่ไกลจากกองไฟ ไอร้อนจากเปลวเพลิงย่อมทำให้มันแห้งเองได้ในไม่ช้า
เมื่อจัดการกับเสื้อผ้าเสร็จ คงเหลือเพียงเจ้าของเสื้อผ้านั้น ที่บัดนี้อยู่ในสภาพเกือบเปลือย
สตรีที่ไร้ซึ่งวรยุทธ์นางนี้ การขับเคลื่อนพลังลมปราณถ่ายทอดให้โดยตรงไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีนัก เขาจึงเลือกที่จะถ่ายทอดความอบอุ่นอีกรูปแบบหนึ่ง
ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องไล่เจ้านักแสนรู้ให้ออกไป
ชายหนุ่มเลือกที่จะปลดอาภรณ์เปียกชื้นของตนเองออกเช่นกัน คงเหลือเพียงกางเกงผ้าชั้นในก็เท่านั้น ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้างหญิงสาว เอื้อมวงแขนแข็งแกร่งออกแล้วโอบร่างนุ่มเข้าสู่อ้อมกอด หมายถ่ายทอดความร้อนที่เขาสามารถขับเคลื่อนพลังสายหนึ่งให้ออกมาได้
เมื่อท่อนกายเปล่าเปลือยช่วงบนแนบชิดกับหน้าอกหยุ่นนุ่มผ่านเอี๊ยมเนื้อบาง ความอบอุ่นพลันแผ่ซ่านจากเรือนร่างกำยำเข้าสู่ร่างเล็กตรงแผงอก
หงซือกวนมิได้ปล่อยพลังลมปราณที่ร้อนระอุซึ่งอาจจะทำให้นางเกิดธาตุไฟเข้าแทรกจนตีรวนกับไอเย็นในร่างนาง เขาเพียงโอบกอดนางเอาไว้นิ่งๆ ส่งผ่านความกรุ่นร้อนบางเบาที่นุ่มนวลสายหนึ่ง อันเกิดจากพลังแห่งปราณของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูง ผสานกับพลังธรรมชาติอีกสายหนึ่งที่อุ่นวาบแปลกใหม่
ชายหนุ่มกำลังยอมรับว่าเนื้อนวลนุ่มนิ่มที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นตรงหน้ากำลังทำให้เขารู้สึกดี หน้าอกเต่งตึงแต่หยุ่นนุ่มที่บดเบียดเสียดสีกับแผงอกแข็งขึงยิ่งทำให้เขาชื่นชอบอย่างบอกไม่ถูก ไม่แปลกใจที่ชายหญิงได้ใกล้ชิดกันอย่างนี้ จะสร้างทายาทออกมามากมาย
แน่นอนว่าเขามิได้คิดล่วงล้ำหรือล่วงเกินกัน และยิ่งมิได้คิดจะรังแกนาง
แต่หากนางตื่นแล้วยินยอมให้ทำก็ไม่แน่!
จากยอดหน้าผาสู่ปลายทางน้ำตกเชี่ยวกราก ลึกลงมาที่ก้นเหวสูงชัน ล้วนเป็นป่ารกทึบที่ปกคลุมไปด้วยความอับชื้น รอบด้านเต็มไปด้วยกลิ่นสาบสางเหม็นอับของซากสัตว์ล้มตาย กระแสไอเย็นมีมากนักเมื่อเทียบกับยอดผาด้านบนตรงด้านหน้าของชั้นดินและหินที่ทับถมกันจนเกิดเป็นเนินเขาขนาดเล็ก กระทั่งเป็นโพรงลึกเข้าไปในพื้นดิน กลายเป็นถ้ำขนาดย่อม ร่างสูงสง่าของหงซือกวนยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อประเมินความสูงชันของหน้าผาที่ตกลงมา สายตาคมเฉี่ยวของเขามองไปทั่วเพียงปราดเดียวอย่างไม่ใส่ใจ การทะยานกายขึ้นไปนับว่าเป็นเรื่องยาก หากแต่มิใช่สำหรับเขาชายหนุ่มหมุนตัวเดินกลับเข้ามาภายในถ้ำเย็นเยียบแห่งหนึ่ง แล้วเบนสายตาไปมองหญิงสาวที่กำลังนอนหลับตัวสั่นอยู่ข้างกองไฟเจ้านกประหลาดตัวใหญ่บินเข้ามาพร้อมกิ่งไม้ที่มีใบหนาแน่นวางไว้ให้หงซือกวนจึงจับอุ้มร่างนุ่มให้นอนลงบนใบไม้ ท่าทางของเจ้านายยังผลให้เจ้านกทมิฬต้องเอียงหัวเลิ่กลั่ก ดวงตาสีแดงฉานของมันมองอย่างฉงน จนผู้ถูกมองรู้สึกได้“ออกไป” หงซือกวนเอ่ยเสียงเรียบ มองเจ้านกแสนรู้ด้วยสายตาเย็นชา หากมันไม่ประสาเขาคงไม่ไล่มันไปเจ้านกตัวใหญ่จึงบินออกไปจากในถ้ำอย่างปราดเปรียวโดยไม่เหลียวมองอ
ภายใต้ผิวน้ำเย็นเยียบที่เสียดแทงไปถึงกระดูกลึกลงไปหลายจั้ง ร่างระหงของเหม่ยหลินจมดิ่งอยู่ในนั้น นางกำลังทรมานจากการจมน้ำจนขาดอากาศหายใจ แต่ที่กำลังบั่นทอนจิตใจของนางคือภาพในอดีตที่กำลังหวนกลับคืนยามเป็นเด็กหญิง นางตกน้ำในบึงใหญ่หลังตำหนัก นางจมอยู่ในน้ำที่มืดสลัว จนสติของนางดับวูบลง ตื่นมาอีกคราก็ผ่านไปหลายวัน โดยมีเสด็จแม่นั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงเสด็จพ่อทรงพิโรธหนักมาก พระองค์ทรงสั่งประหารบ่าวไพร่จนหมดทั้งตำหนัก นางที่เป็นเพียงเด็กไม่ประสา ผ่านการเฉียดตายจากการจมน้ำมาจึงกลัวน้ำมากนับแต่นั้นทว่าเหนือสิ่งอื่นใด นางเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งตำหนักต้องตาย... เหม่ยหลินพยายามลืมตาอ้าปากหาอากาศหายใจ ความหวาดกลัวกระแสน้ำกำลังแล่นริ้วเป็นเส้นเป็นสาย สองมือน้อยๆ พยายามปัดป่ายหาสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างยากลำบาก สัมผัสของน้ำที่กระทบฝ่ามือมีเพียงความเจ็บปวดราวกับหัวใจจะฉีกขาดนางทรมานมาก นางหวาดกลัวเหลือเกินยามเมื่อสติเส้นสุดท้ายใกล้สิ้นลง หญิงสาวจึงได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่มีสายตาคมเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ท่ามกลางความมืดสลัวน่ากลัว เขาฉุดนางเข้าหาแผงอก เพียงพริบตาเดียวก็ขึ้นมาเหนือผิวน้ำความน
ลึกลงไปจากยอดหน้าผาสูงชันเหม่ยหลินที่กำลังร่วงหล่นสู่ปลายทางพร้อมกับรถม้าคันใหญ่ทำได้เพียงเกาะผนังรถม้าแน่น ร่างบางถูกกระแทกกระทั้นจนเจ็บไปหมด แต่ความกลัวตายของนางมีเหนือกว่าความเจ็บปวดเนื้อตัวรถม้าเอียงตัวจนร่างบางไถลลื่น ยามผ้าม่านโบกสะบัดอย่างแรง ลำตัวช่วงบนของเหม่ยหลินจึงหลุดออกมาจากตัวรถด้านใน ยังผลให้นางรีบตะเกียกตะกายออกจากภายในรถ หวังเพียงได้เห็นพี่หงอีกสักครั้ง ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีใครกระโดดตามลงมาจากหน้าผาสูงชันขณะที่กำลังหมดหวัง เหม่ยหลินกลับเห็นเงามืดสายหนึ่งกระโดดลงมา ตามด้วยนกตัวใหญ่บินทะยานโฉบตัวอย่างแรง นางตื่นกลัวและตระหนกจนไม่รู้ว่าควรทำเยี่ยงไรชั่วอึดใจ เจ้านกตัวโตพลันโผเกาะที่ข้างรถม้ามันพยายามเอาจะงอยปากขนาดใหญ่จิกมาที่ตัวนางเหม่ยหลินผงะเพราะความกลัว เสียงนกร้องดังขึ้น คล้ายส่งเสียงเรียกนายของมัน เพียงชั่วครู่ เสียงตีปีกเกิดขึ้นอีกครั้ง แล้วใบหน้าของหงซือกวนก็ฝ่าความมืดสลัวปรากฏเข้าแทนที่ “พี่หง!”แม้สายลมรุนแรงจะพัดผ่านจนใบหน้าปวดแสบไปหมด ทั้งยังมีเสียงม้าร้องและเสียงลมที่ดังอื้ออึงจนหูอื้อตาลาย หากแต่หญิงสาวกลับร้องเรียกนามนั้นโดยไม่ต้องคิด เพราะชีว
ถึงแม้ในมือของหงซือกวนจะไร้ซึ่งอาวุธใดๆหากแต่พลังอันกล้าแกร่งที่มองไม่เห็นราวผุดมาจากขุมนรก ก็ทำให้หมาป่าล้มตายระเนระนาดปานดอกไม้ถูกเด็ดทิ้ง เศษซากของสัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากเศษหญ้าถูกเหยียบย่ำพวกมันยังมิทันได้แสยะเขี้ยวเพื่อขย้ำเสียด้วยซ้ำ หากแต่กลับต้องมาตายในพริบตาทว่ายามเมื่อเสียงเซียวขาดหาย เหล่าหมาป่าที่ยังไม่ตายจึงเสียการควบคุม จากเดิมที่พุ่งตัวมายังเป้าหมายหนึ่งเดียวคือบุรุษสูงใหญ่ พวกมันจึงเริ่มวิ่งกระจัดกระจายไปแบบไร้ทิศทางหลายตัวหนีตายราวหนูเจอราชสีห์ แต่หลายตัวกลับเลือกสัญชาตญาณสัตว์ร้ายพุ่งเข้ามา หงซือกวนเพียงสะบัดมือไปอีกครา เหล่าหมาป่าพลันพากันกระเด็นไปไกลแต่สิ่งไม่คาดคิดพลันบังเกิด เมื่อมีหมาป่าบางตัวบังเอิญฉลาดปราดเปรื่องเลือกที่จะจู่โจมม้าที่เชื่องช้ากว่ามันพวกมันพุ่งตัวไปกัดฝังเขี้ยวเอากับเจ้าม้าตัวใหญ่ที่คันรถ ยังผลให้ม้าตัวนั้นบาดเจ็บและตื่นตกใจพลันเตลิดจนเชือกที่ผูกกับต้นไม้ขาด แล้ววิ่งตะบึงตะบันอย่างไม่คิดชีวิตเหม่ยหลินที่เดิมทีนั่งหลบอยู่ในรถม้าตั้งแต่ตื่นจนเต็มตายามเมื่อได้ยินเสียงขู่กรรโชกรุนแรง ทำได้เพียงจับยึดผนังรถม้าเอาไว้แน่นยามที่มันเคลื่อ
บนต้นไม้ที่มีนกประหลาดเฝ้ายามอยู่พลันสะบัดปีกพึ่บรับรู้ถึงพลังของสัตว์ร้าย พร้อมๆ กับประสาทสัมผัสของหงซือกวนก็รับรู้ได้เช่นกันชายหนุ่มเพียงหลับตาฟังต้นทางแห่งเสียงย่ำปลายเท้าที่กำลังพากันย่างกรายเข้ามาใกล้ เมื่อแน่ใจในระยะทางจึงลืมตาขึ้นอย่างสงบเยือกเย็น เขาปรายสายตาคมดำมองสตรีที่นั่งหลับอยู่ข้างกายกันนิ่งๆแม้ว่ากลิ่นเหม็นสาบไม่พึงประสงค์จะย่างกรายคุกคามเข้ามาใกล้ทุกที หากแต่หงซือกวนยังคงใจเย็น เขาคิดว่าตนเองไม่เคยเลยที่จะต้องสนใจสิ่งใดยามภัยมาถึงตัว หากแต่ยามนี้มิรู้ได้ว่าทำไม...ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉงนพลางหรี่ตาคมมองร่างบางที่หลับตาพริ้มพิงต้นไม้ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือแตะไหล่นางเบาๆ“อือ...” เสียงตอบกลับจากสตรีผู้หลับใหลมีเพียงเท่านั้น เหม่ยหลินหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดทั้งสิ้นหงซือกวนยิ่งหรี่ตามอง ก่อนจะจ้องนิ่งที่นางอีกครา อึดใจต่อมาจึงโน้มตัวจับอุ้มนางไว้แนบอกแล้วลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ความนุ่มนิ่มจากเนื้อนวลที่ปะทะแผงอกแข็งแกร่ง ความหอมกรุ่นที่ปะทะจมูกโด่งสัน ทำให้เขาพลันเกิดกระแสประหลาดสายหนึ่งวูบผ่าน ปลายเท้าของร่างสูงพลันชะงัก ใบหน้าคมคายถึงกับก้มมอง สายตาโฉบเฉี่ยวจ้อ
ไกลออกมาจากสองชายหญิงกับหนึ่งนกประหลาดตัวใหญ่บนเชิงเขาสูงขึ้นไปปรากฏเงาร่างของชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนั่งเอนกายอยู่บนต้นไม้เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนแห่งรัตติกาล สายตาเรียวคมชื่นชมดวงจันทร์เต็มวงนวลกระจ่างอย่างรื่นรมย์ เขามีนามว่า เฟิงหลิวเฟิงหลิวเป็นชายหนุ่มผู้รักอิสระดั่งกระแสน้ำไหล แม้จะเป็นถึงบุตรชายแห่งชินอ๋องครองเมือง ฝีมือเชิงยุทธ์นับว่าไม่ด้อย เป็นหนึ่งในชาวยุทธ์ที่มีผู้คนกล่าวถึงแต่กระนั้นเขากลับไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเมืองหลวงหรือฝ่ายยุทธภพในขณะที่ชายหนุ่มกำลังชื่นชมจันทร์งามคืนวันเพ็ญที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้ากว้าง ดวงตาดอกท้อที่บ่งบอกความเจ้าสำราญพลันเหลือบไปเห็นนกประหลาดตัวใหญ่เมื่อหรี่ตาเพ่งมองดีๆ จึงได้เห็นชายงามสง่าผู้หนึ่งอยู่ไกลๆ ข้างกายแกร่งมีสตรีบอบบางนั่งอยู่ด้วยกัน ฝ่ายสตรีนั้นเขาไม่เห็นหน้า เพราะว่านางนั่งขดตัวพิงต้นไม้คล้ายกับหลับใหล หากแต่ฝ่ายชายนั้นกลับน่าสนใจ เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้พานพบมาก่อนเฟิงหลิวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในห้วงคำนึงพลันนึกถึงครั้งที่ตนเองมีโอกาสเดินทางไปชมการประลองของชาวยุทธ์ ครานั้นจัดขึ้นที่หุบเขาไร้เมตตา เป็นการประ