เข้าสู่ระบบปานประดับรู้ว่าการจะหาเงินที่ง่ายและเร็วก็ไม่พ้นพวกธุรกิจสีเทา จะว่าไปมันก็ไม่มีงานไหนที่ง่ายอย่างเช่นเด็กเอนฯ เองก็ไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่ว่า ผู้ว่าจ้างจ้างไป 3 ชั่วโมงดูเหมือนจะใช้เวลาไม่นาน แต่วินาทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในปาร์ตี้นั้นชีวิตครึ่งหนึ่งก็เหมือนจะฝากไว้ที่ประตูผี
มีข่าวมากมายที่เด็กเอนฯ ตายเพราะพิษแอลกอฮอล์ บ้างรับยาเกินขนาด เงินสามหมื่นที่ผู้ว่าจ้างให้ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงเหล่านั้นขายชีวิตให้ หากไม่มีเขี้ยวเล็บเอาไว้ปกป้องตัวเองจากเสือสิงห์เหล่านี้ ปานประดับคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนนี้ เธอรู้หมดว่าต้องผสมอะไรกับอะไร ดื่มมากน้อยแค่ไหน หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองทุกฝีก้าว เด็กเอนฯ คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน ที่สำคัญไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงเหล่านี้ทำประกันชีวิตตัวเองไว้สูงลิ่วเพื่อคนข้างหลัง ปานประดับเป็นเด็กเอนฯ ในเครือของเจ๊สร และพี่ลูกหว้าที่เป็น MC พริตตี้มอเตอร์โชว์ ปานประดับไม่เกี่ยงงาน ขอแค่ค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อเธอก็ยินดี ตราบใดที่ไม่ใช่งานขึ้นเตียงอ้าขา หากพวกเขาจะจับจะล้วงอะไรด้วยแบงก์พันเธอก็ยินดี แต่ก็มักจะใช้ลูกเล่นตุกติกอยู่บ้างเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ภายในงานปาร์ตี้งานวันเกิดของลูกค้า เด็กเอนฯ สามคนที่ถูกจ้างมาทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แต่พอลูกค้าเริ่มเมา เริ่มลามปาม แถมภายในงานยังมีการใช้ยาเสพติดอีกด้วย สามสาวเริ่มส่งสัญญาณให้กัน ลูกค้าที่ให้พวกเธอแทนตัวเองว่า ‘เฮียไช้’ เริ่มหยิบผงขาวออกมา สามสาวก็มองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก
แม้จะดูหล่อเหลาแต่สายตากลับเลื่อนลอย อีกทั้งแววตากลับแข็งกร้าวในบางที ดูยังไงก็ไม่ปกติในความคิดของปานประดับ แต่ในเมื่อเธอรับเงินเขามาแล้ว ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 30 นาที เฮียไช้ที่ว่ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเรียกเพื่อน ๆ ของเขาให้มาลองของใหม่ที่ว่า
“บริสุทธิ์กว่าที่ขายในท้องตลาด”
“แม่งเจ๋งว่ะ” หนึ่งในบรรดานั้นเอ่ยชมปะเหลาะทันที
“ราคาแพงมากไม่ใช่เหรอเฮีย เฮียเอามาแจกพวกผมแบบนี้ไม่เสียดายแย่เหรอ”
“พี่น้องจะเสียดายทำไม” เฮียไช้ตอบอย่างใจกว้าง ก่อนจะหันมาสบตากับปานประดับ ผู้หญิงคนนี้สะดุดตาเขาตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในงาน สองคนที่เหลือแม้จะสวยก็จริง แต่เสน่ห์และแววตาสู้ผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้เลยสักนิด แถมยังดูฉลาดเฉลียว
“มานั่งนี่” เขาสั่งพลางตบต้นขาตัวเอง ปานประดับตัวแข็งค้างแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างเกิดเขาบ้าสั่งให้พวกนี้รุมโทรมพวกเธอสามคนคงไม่ดีแน่ ทั้ง ๆ ที่เลือกรับงาน เลือกลูกค้ามาแล้วแท้ ๆ ที่แท้ลูกค้าก็ไม่ตรงปกแถมยังจกตาอีกด้วย…นี่มันดงเสือ ดงจระเข้ชัด ๆ มิน่า 3 ชั่วโมงถึงให้คนละห้าหมื่นโดยไม่ต่อราคา ตอนแรกเรียกไปสามหมื่น แต่อีกฝ่ายกลับใจป้ำเพิ่มมาให้อีกสองหมื่น เพราะว่าพวกเขาต้องการต่อรองชีวิตของพวกเธอนี่เอง ไม่ก็อยากเล่นสนุกกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็กเอนฯ ปานประดับฉีกยิ้มให้ทำตามอย่างว่าง่าย พอนั่งลงฝ่ามือเย็นเยียบก็วางลงบนต้นขาของเธอทันทีพร้อมกับถ้อยคำกระซิบข้างหู
“ระหว่างฉันกับมันเธอจะเลือกใคร?” ปานประดับใจตกที่ตาตุ่มทันที มือเย็นเยียบแต่ก็ยังพยายามตีหน้านิ่ง สองแขนคล้องคออีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ นิ้วมือเรียวยาวที่ทาด้วยยาทาเล็บสีแดงกรีดกรายอยู่บนพวงแก้มของเฮียไช้อย่างหยอกล้อ
“แล้วเฮียอยากให้หนูเลือกใครละคะ” น้ำเสียง ท่าทางเย้ายวน แถมยังมีลูกล่อลูกชน เฮียไช้หัวเราะชอบใจเสียงดังก่อนจะกระชับร่างแน่งน้อยที่นั่งหน้าข้าเขาข้างเดียวให้นั่งตักอยู่ตรงกลางเขาสวมกอดเธอพลางจ้องมองผู้ชายที่จ้องมองอีกฟากหนึ่งตาเป็นมัน
“ของสวย ๆ งาม ๆ จะเก็บไว้คนเดียวใช้ได้ที่ไหนล่ะเฮียไช้” ลูกหว้า และใบสนเองก็เลิ่กลั่กเช่นกัน ก่อนมางานนี้สามสาวต่างก็ตกลงวางแผนกันมาอย่างดิบดี แต่หน้างานไม่ได้มีช่องโหว่และเวลาชีวิตให้ตัดสินใจได้มากนัก พวกเธอต้องหาที่เกาะเป็นหลักแหล่งดีกว่าถูกรุมโทรม ผู้ชายหนึ่งคนรับมือได้ง่ายกว่าทั้งฝูงแบบนี้
“นั่นสิ…” เฮียไช้พูดก่อนจะจูบหนัก ๆ ที่กระหม่อมของหญิงสาวในอ้อมกอด
“ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ…รับรองว่าเธอจะสบายไปทั้งชาติ” ปานประดับจ้องตาเขาโดยไม่หลบสายตาก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก จูบคางของเขาอย่างเอาใจ
“พอใจหรือยังคะ”
“ยัง” เธอหันไปจูบลูกกระเดือกของเขาขบเม้มเบา ๆ อย่างเอาใจแม้ว่าภายในใจจะกรีดร้องรังเกียจแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้การเอาชีวิตรอดสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เฮียไช้ดึงท้ายทอยของปานประดับอย่างแรงก่อนจะก้มลงมาประกบริมฝีปาก ดูดดึงอย่างเอาแต่ใจและมูมมาม สองมือก็ปัดป่ายเริ่มอยู่ไม่สุข ภายในงานมีหลายตาสิบคู่แต่เขาไม่แคร์สายตาใครหน้าไหน อีกทั้งเมื่อถอนจูบออกมาก็หัวเราะอย่างชอบใจ แถมยังอุ้มปานประดับพาดบ่าเหมือนตุ๊กตาอีกต่างหาก
ก่อนจะหันมาเอ่ยด้วยท่าทีอย่างเป็นกันเอง
“ตามสบาย” ผงขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ เหล้าบุหรี่ราคาแพงวางเกลื่อนกลาด หลังจากนั้นสามสาวก็ทำตามแผนทันที ที่นี่เป็นคลับส่วนตัว ก่อนมาก็สำรวจทางหนีไฟ หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วล่วงหน้า ตอนนี้แค่รอจังหวะและโอกาสเท่านั้น
“แล้วเราขอพี่หรือยัง” จินส่ายหน้า“แต่จินเป็นน้อง” จิรภีมม์แฝดน้องว่าพลางชี้นิ้วชี้เข้าหาตัว สามขวบแต่ช่างเจรจาและไม่ยอมเสียเปรียบใครหน้าไหนทั้งนั้น นายท่านจริญนั่งยอง ๆ พลางจ้องเข้าไปในดวงตาเด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงปกติ“จินเราเป็นน้องก็จริง แต่พี่เขาไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องยอมเราตลอดเวลาเพราะว่าเราเป็นน้องหรอกนะ” นายท่านจริญว่าพลางชี้นิ้วไปยังจินตะ“ถ้าอยากเล่นก็ต้องขอพี่เขาก่อน ถ้าพี่เขาไม่อนุญาตเราต้องรอ เข้าใจไหมครับเด็กดีของปู่” จิรภีมม์กอดอกพลางหันหลังให้ นายท่านจริญถอนหายใจพลางจับตัวเด็กน้อยให้หันหน้ามาประจันกันเหมือนเดิม“ขอโทษพี่เขา”“ไม่ จินไม่ผิด”“ไม่ผิดก็ไม่ต้องเล่น จนกว่าเราจะสำนึกค่อยไปเล่นกับพี่เขา” นายท่านจริญหันไปสั่งบรรพต “พาเด็กทั้งสองคนไปเล่นฝั่งโน้นก่อนไป”“ครับ” บรรพตรับคำ ก่อนจะพาเด็กทั้งสองไปเล่นอีกทาง“ถ้าจินว่าจินไม่ผิดก็ยืนอยู่กับปู่ที่นี่แหละ ปู่มีเวลาให้จินสำนึกผิดอีกนาน” นายท่านจริญว่าพลางยืนถือไม้เท้ายืนขึ้น รอให้หลานน้อยมีท่าทีสงบ พอได้ยินเสียงพี่ ๆ เล่นกันอย่างสนุกสนานก็อยากจะไปเล่นด้วยบ้าง จิรภีมม์ยืนอยู่อย่างนั้นสักครู่ก่อนจะจับขากางเกงคุณปู่เขย่ายิก
“ขอบคุณนะครับคุณปู่”“ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”“แล้วแกจะมีข้ออ้างอะไรอีก อายุอานามเท่าไหร่แล้วเพิ่งจะมีลูกคนเดียว”“มีน้อยแต่โตมาอย่างมีคุณภาพ” เจอคำตอบนี้ไปจริญถึงกับจุกไปไม่ถูก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเฉไฉ“ระบบกงสียังอยู่ ใครมีลูกเล็กเด็กแดงฉันจะส่งเสียจนกว่าจะเรียนจนพอใจ” ก่อนจะเชิดหน้า“ข้าวของเครื่องใช้ก็เบิกกับบริษัท รวมทั้งค่าใช้จ่ายรายเดือน รวมถึงพี่เลี้ยงพอใจหรือยัง?”“อ่า…ผมขอคิดดูก่อนละกันครับ” นายท่านจริญกัดฟันกรอด จิรัติกรเคาะหน้าปัดนาฬิกาบอกความนัย“อาทิตย์ละวัน ตามนี้นะครับ”“แก!”“ก็ต้องดูพฤติกรรมคุณปู่ประกอบว่าพูดจริงทำจริงหรือเปล่า อาจจะเพิ่มเป็นสองถึงสามวัน พาไปกินข้าวที่ห้างได้บ้างอะไรบ้าง”“บรรพต! จัดการให้เรียบร้อยและเร็วที่สุด”“ได้ครับ!”คล้อยหลังปานประดับที่เดินกอดแขนสามีเอ่ยถามพลางทำสีหน้าเห็นใจ“ฉันรู้ว่าเธอจะพูดอะไร ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ตาแก่นั่นต้องโดนซะบ้าง เธอก็เห็นผลลัพธ์ในการเลี้ยงลูกของเขาแล้วนี่”“จะว่าไปก็น่าเศร้านะคะ ท่านเลยตั้งความหวังไว้กับจินตะเอาไว้มากเลยทีเดียว” ปานประดับลูบหัวลูกน้อยด้วยความเห็นใจ“แล้วใครใช้ให้เลี้ยงลูกหลานแบบนั้นล่ะ” จิรัติกรตอบ
“คุณจะไม่ลงไปเจอหน่อยเหรอคะ”“ไม่ล่ะ…ชั่วโมงเดียว”“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” ปานประดับอุ้มลูกน้อยแนบอกโดยมีบอดีการ์ดเดินตามเป็นพรวน ลงไปหาคุณปู่ด้านล่าง นายท่านจริญที่ดูแก่ชราแต่ยังคงเหลือมาดท่านเจ้าสัว ยังคงความน่าเกรงขามแม้จะนั่งรอที่ห้องรับแขกด้านล่าง แต่สีหน้าเก็บซ่อนความกระวนกระวายไม่มิดชะเง้อมองหาหลานน้อยไม่วางตา“เดี๋ยวก็มาครับ” บรรพตที่ตามมารับใช้เอ่ยเตือน “นั่นไงครับ มาแล้ว”“ไหน ๆ”“สวัสดีค่ะ” ปานประดับยกมือไหว้พร้อมกับอุ้มจินตะที่หันหน้าออก“ขอฉันอุ้มหน่อย” ปานประดับให้อุ้มแต่โดยดีเพราะสงสารคนแก่ตรงหน้า ว่ากันว่าปู่ย่าสมัยที่เป็นพ่อแม่มักจะเข้มงวดกับลูก แต่กับหลานจะสปอยนั้นเป็นความจริง นายท่านจริญอุ้มจินตะโยกไปมาอย่างมีความสุขก่อนจะโบกมือน้อย ๆ บรรพตที่ถือหูกระเป๋าพลาสติกสีดำดูมีน้ำหนักเลื่อนมาทางปานประดับ“อะไรคะ”“ของรับขวัญหลาน” นายท่านจริญพูดโดยไม่เงยหน้ามามองปานประดับ พูดอ้อมแอ้มในคอ“ฉันเตรียมไว้นานแล้ว”“ขอบคุณค่ะ”“ของหลานไม่ใช่ของเธอ”“ดิฉันทราบค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้วไปเล่นกันที่สวนด้านหลังดีไหมคะ อากาศเย็นกำลังดี”“เธอนำไปสิ”“ได้ค่ะ”สักพักก็มีเสียงโวยวายเมื่อนายท่านจริญ
“ไอ้จิเมื่อไหร่แกจะเอาหลานมาให้ฉันอุ้ม” จิรัติกรยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะทำงานไม่สนใจเสียงก่นด่าของนายท่านจริญที่ดังลอดออกมาตามสาย แม้ว่าการให้กำเนิดทายาทของผู้บริหารยักษ์ใหญ่ JK1 GROUP ไม่ได้เป็นความลับแต่ก็ไม่เคยปรากฏบนสื่อที่ไหนมาก่อน อีกทั้งปานประดับเองก็อยากจะให้ลูกชายเติบโตมาอย่างอิสระ ไม่มีพันธะกับ JK1 GROUP ที่ต้องแบกภาระเอาไว้บนบ่าตั้งแต่ลืมตาดูโลกเพราะคำว่าทายาท เธอยากให้โอกาสลูกชายได้เลือกทางเดินเอง และเด็กชายจินตะเองก็ไม่เคยพบเจอญาติฝั่งเอกาฤกษ์ยกเว้นฝั่งแม่อย่างอารยาที่มาหา ช่วยเลี้ยงหลานอาทิตย์ละสามสี่วัน“นายท่านจริญมีหลานตั้งแต่เมื่อไหร่”“แก แกอยากเห็นฉันอกแตกตายใช่ไหม”“ก็แล้วแต่จะคิดครับ”“ฉันเป็นพ่อแก”“แล้ว?”“เมื่อไหร่แกจะยกโทษให้ฉัน”“แล้วต้องยกโทษให้ด้วยเหรอครับ”“ฉันสูญเสียลูกเต้าไปตั้งหลายคน ฉัน…ไม่อยากเสียแกไปอีกคน มีทางไหนที่พอจะให้ฉันแก้ไข แกบอกมาฉันจะทำ”“ขอคิดดูก่อนละกันนะครับ” จิรัติกรกดวางสายพร้อมกับเมินสายเรียกเข้าที่สั่นครืดคราดต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนต้องกดปิดสั่นแล้ววางไว้ในลิ้นชัก ปานประดับที่อุ้มลูกน้อยวัยหกเดือนที่กำลังฝึกน
“ไม่เคยได้ยินหรือคะ รักใครให้ดื่มนม นี่แหละค่ามัดจำของญ่า” เชาวน์ชลิตได้แต่เลยตามเลย เพราะเขาเองก็ยอมที่จะให้ชัญญ่ามัดมือชกในวิธีการของเธอเอง เอวบางเริ่มบดเบียดแนบชิดส่วนล่าง กระโปรงบางของชุดนอนที่เป็นปราการสุดท้ายปกปิดของสงวน ชัญญ่าเองก็ขุดหลุมรอเหยื่อเข้ามาติดกับอย่างแยบยลเช่นกัน พี่น้องคู่นี่แสบพอ ๆ กัน“ญ่า” เชาวน์ชลิตครางเสียงกระเส่าเมื่อกางเกงชุดนอนถูกถอดออกพร้อมกับส่วนชื้นแฉะที่ถูไถขึ้นลงหยอกล้อกับความเป็นชายให้ค่อย ๆ ผงาด“เป็นของญ่า แล้วญ่าจะไม่ทำให้พี่เชาวน์เสียใจ” คำนี้เขาเองต้องเป็นฝ่ายพูดไม่ใช่เหรอไง เชาวน์ชลิตที่กำลังจะอ้าปากแย้งริมฝีปากบางก็งับลงมาดูดดึงอย่างมันเขี้ยวเสียก่อน สายตาและท่าทางของชัญญ่าในตอนนี้เหมือนนางแมวยั่วสวาท ไม่เหลือเค้าชัญญ่าที่ขี้อายก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย“ญ่า เดี๋ยวจะเจ็บเอา” เมื่ออีกฝ่ายพยายามใช้ความเปียกปอนของเธอถูไถกับหัวบากนั้นช้า ๆ เหมือนจะเข้าแต่ก็ไม่เข้า เชาวน์ชลิตได้แต่ข่มความอึดอัดเอาไว้ไม่อยากจะกระแทกสวนขึ้นไปแรง ๆ เขาอยากจะทะนุถนอมคนตรงหน้าให้เหมาะสมกับที่ชัญญ่าคอยดูแลเขาเสมอมา ชัญญ่าก้มลงไปจูบตรงซอกคอไล่ลงมายังหน้าอกขาวที่เหมือนจะซูบผอมล
“ขอบคุณนะคะ” เชาวน์ชลิตที่หลังจากฟังคำตัดสินก็โล่งใจและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และความกะล่อนก็เริ่มมีให้เห็น“ญ่ารับคำขอบคุณไว้ก็ได้ค่ะ แต่ว่าพี่เชาวน์ต้องกลับไปนอนที่ห้องตัวเอง”“นี่คอนโดพี่”“งั้นญ่ากลับเอง” เรื่องอะไรเธอจะยอมให้เขากินฟรี แม้ว่าเธออยากจะกินเขาจนตัวสั่น ทำทีสงวนตัวเล็กน้อยแต่พองามย่อมเรียกคะแนนความน่ารักน่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นเป็นกองข้อมือขาวถูกจับไว้หลวม ๆ พร้อมกับวางทาบไว้ที่หน้าอกซ้าย“พี่เพิ่งผ่านเหตุการณ์หน้าเสียวหน้าขวานมา ญ่านอนเป็นเพื่อนพี่ได้หรือเปล่า”“อ้อนวอนหรือคะ”“ใช่”“แล้วให้ญ่านอนในฐานะอะไร”“แล้วญ่าอยากได้ฐานะอะไรล่ะ” ชัญญ่าทำสีหน้าครุ่นคิด“ขอคิดดูก่อนละกัน”“อย่าคิดนานพี่แก่แล้ว”“เหอ ๆ ญ่าไม่ใช่ของตายนะคะ”“พี่ไม่เคยเห็นญ่าเป็นของตาย เพียงแต่เมื่อก่อน…” เชาวน์ชลิตหลุบตา“เราอายุห่างกันมากขนาดนั้น” ชัญญ่ายักไหล่“ก็จริง…อีกอย่างเด็กหนุ่มมหาลัยกับเด็กสาวม.ต้นก็ยังไง ๆ อยู่”“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก อีกอย่างเรามีศักดิ์เป็นน้องไอ้จิด้วย เอาน้องเพื่อนเป็นแฟนก็ยังไงอยู่ ตอนนั้นพี่เองไม่มีความคิดจะหยุดที่ใคร”“เหรอคะ…ตอนนี้ล่ะ”“พี่ว่าตอนนี้ถูกที่ถูกเวลา และพี่







