เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ “เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย” เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ “เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…” เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ “เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก” ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง “ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?” มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้ “ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…” “เช่นนั้นก็นอนกันเถิด” เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว ยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน น่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบลล่าเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัว วันนี้ เธอจะไปที่วิหาร! ….. “ข้าต้องการพักที่คฤหาสน์เมบิล…” ไบรอันกล่าวพร้อมทั้งส่งยิ้มให้เลโอ และวัลโด้ “เรื่องนั้นข้ามิอาจจะให้คำตอบได้ องค์รัชทายาทควรจะไปถามดัชเชสเมบิลเอง” การที่องค์รัชทายาทยอมช่วยเหลือนั่นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การขอเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของเมบิลดูท่าว่าจะเป็นคำขอที่มากไปหน่อย “ข้ายอมลดตัวลงไปทำตามแผนการของแกรนด์ดยุค ท่านไม่คิดจะตอบแทนเวลาที่แสนล้ำค่าของข้าหน่อยงั้นหรือ? ทหารจากมาเดลีนก็ถูกส่งมาช่วยดยุคเอเซล่ารบกับชนเผ่าและมอนเตอร์ ข้าใจดีถึงเพียงนี้เหตุใดท่านยังใจจืดใจดำอย่าลืมสิ หากว่าข้าเปลี่ยนใจไปเข้าข้างเมเบโล่ เกมมันจะเปลี่ยนทันที…” เลโอมองไปที่องค์รัชทายาทมาเดลีนอย่างไม่พอใจ เขาอยากจะลุกขึ้นไปซัดหน้าไอ้คนหน้ามึนนี่ซะเหลือเกิน!! “ข้าจะให้จักรพรรดินีไปคุยกับเบลล่าให้เอง เมบิลกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น นางคงจะไม่ใจแคบขนาดจะขับไล่องค์รัชทายาทไปหรอก” “ขอบคุณครับองค์จักรพรรดิ ข้ายอมช่วยเหลือทางฝั่งท่านเต็มที่เลย!!” “เบลล่าเป็นคนรักของข้า หากพระองค์ประสงค์จะเป็นคนรักของนาง ข้าก็ไม่คิดขัดขวาง แต่หากพระองค์คิดจะเอานางไปจากข้า ข้าไม่คิดว่าข้าจะยินยอมได้ ต่อให้เกิดสงคราม…” “เลโอ ใจเย็นก่อน” วัลโด้รีบลุกขึ้นมาห้ามเลโอ เพราะเขารู้ดีว่าหากปล่อยให้เลโอโกรธเรื่องราวยุ่งยากมันจะตามมาแน่นอน! ไบรอันไม่ได้กล่าวสิ่งใดเขาเพียงยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม…พร้อมทั้งยกยิ้มที่มุมปาก …….. เม็ดฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุด เบลล่าถือร่มเดินเข้าไปที่วิหารเพียงเธอส่งกุญแจให้นักบวชที่เฝ้าหน้าประตู เขาก็พาเธอไปที่ห้องของอาเชอร์ เธอเคยมาหาเขาที่นี่ราวสองถึงสามครั้งตอนที่เธอให้เขาสร้างโพชั่นห้ามตั้งครรภ์ขึ้นมา นักบวชผู้นั้นส่งยิ้มให้เธอก่อนที่เขาจะเดินออกไป ห้องทำงานของอาเชอร์นั้นกว้างใหญ่พอสมควร อาจจะเป็นเพราะว่าเขามียศเป็นถึงพระคาดินัน เธอยกมือขึ้นมาจับที่โต๊ะไม้แล้วลูบมันเบาๆ เริ่มมีฝุ่นเกาะบ้างแล้วแสดงว่าไม่มีใครมาที่นี่เป็นเวลานาน เธอนอนรักษาตัวบนเตียงราวหนึ่งเดือน แต่ห้องนี่ราวกับไม่มีใครเข้ามาใช้นานมากกว่านั้น ขวดโพชั่นมากมายวางเรียงรายอยู่บนชั้น ไม่มีจดหมายหรือว่าอะไรเลย เขาให้เธอมาที่นี่ทำไมกัน เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่เขานั่งทำงาน แล้วลองเปิดดูตามลิ้นชักก็พบสูตรการปรุงโพชั่นต่างๆ พร้อมกับวิธีใช้ ส่วนกระดาษบนโต๊ะคือการจดช่วงเวลาที่อาเชอร์ทำงานอยู่ที่นี่ เบลล่าเดินไปที่ชั้นหนังสือเธอสุ่มหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านราวสิบเล่ม..ก็ไม่พบอะไรที่จะอาเชอร์จะบอกกับเธอเลย เธอล้มตัวนอนลงที่พื้นอย่างหมดแรง อาเชอร์เจ้าต้องการบอกอะไรกันแน่! เหตุใดถึงต้องหนีไปเช่นนี้ หรือว่าเจ้ามีธุระจริงๆ ต้องด่วนขนาดที่จากไปโดยไม่ร่ำลากันเลยงั้นหรือ? “ก๊อก! ก๊อก!!” เบลล่าลุกขึ้นอย่างตกใจเพราะเธอได้ยินเสียงเคาะประตู พอเธอมองไปยังประตูที่กำลังเปิดออกก็พบใบหน้าที่ส่งยิ้มให้เธออย่างดีใจ องค์รัชทายาทมาเดลีน? “ข้าเห็นรถม้าของเมบิลจอดอยู่ พอถามนักบวชด้านหน้าเขาบอกว่าเจ้าอยู่ในห้องนี้ เจ้าหายดีรึยัง ไม่ได้พบกันเป็นเดือนคิดถึงจังเลย~” “….” เบลล่าไม่ได้ตอบเธอเพียงลุกขึ้นเดินไปหาไบรอันก่อนจะปิดประตูห้อง เธอรู้เรื่องมาคร่าวๆ แล้วว่าเขายอมอยู่ฝั่งเราแลกกับอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับตัวเธอ “ท่านน่าจะทราบดีว่าห้องนี้ไม่ได้อนุญาตให้คนนอกเข้ามา!” “แต่เจ้ายังเข้ามาได้เลยนี่!” “ก็ข้าไม่ใช่คนนอก!! หากท่านไม่ได้มาช่วยก็ออกไป!” ไบรอันยกยิ้มเขาดึงมือของเบลล่าขึ้นมาจูบ “ที่จริงอยากหอมแก้มมากกว่า แต่วันนี้เอาเท่านี้ก่อนก็พอ…” เธอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าชายผู้นี้จริงๆ “ว้าว!! พวกนี้คือโพชั่นงั้นเหรอ สุดยอดไปเลยนะ ข้าพึ่งเคยเห็นครั้งแรกเพราะที่มาเดลีนไม่มีนักบุญหรือว่านักเวทเลย…” ไบรอันกล่าวพร้อมทั้งยกมือขึ้นมาทำท่าจะจับ “จะดีมากหากว่าท่านไม่แตะต้องมัน…” “เพล้ง!!!” ไบรอั้นรีบวิ่งมาโอบกอดเบลล่าเอาไว้เพราะมีควันสีชมพูพวยพุ่งออกมาจากขวดโพชั่นที่แตก “แค่ก!! แค่ก!!” กลิ่นดิน? เบลล่าตกใจจนต้องหันไปมองที่ควันเหล่านั้น มันเกิดเป็นภาพขึ้นมาราวกับว่าเธอกำลังดูละครอยู่ เพียงแต่คนที่แสดงในนั้นคือตัวเธอเอง “หากข้าตาย แม่ของเจ้าก็จะตาย ทุกคนที่มีสายเลือดของเมเบโล่ก็จะตายด้วย!!!” ใบหน้าของเบลล่าในนั้นฉายแววตกใจพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมา เธอไม่เห็นเหตุการณ์รอบๆ เลย และไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด เพราะเธอเห็นเพียงแต่ใบหน้าตัวเองที่กำลังกรีดร้องอย่างทรมาน เธอกระอักเลือดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมทั้งพยายามที่จะลุกขึ้นมา.. ไบรอันโอบกอดเบลล่าเอาไว้แน่น เพราะควันพวกนั้นจางหายไปตั้งนานแล้วแต่ตัวของเธอยังสั่นไม่หยุด แววตาของเบลล่ายังคงจับจ้องไปที่ด้านหน้าที่แสนว่างเปล่า ราวกับว่าเธอนั้นหวาดกลัว อาเชอร์ซ่อนเรื่องราวในอนาคตไว้ในโพชั่นงั้นหรือ? “เบลในควันพวกนี้มีอะไรกัน เหตุใดตัวของเจ้าถึงดูหวาดกลัวขนาดนี้!!” “ท่านไม่เห็นงั้นหรือ?” ไบรอันส่ายหน้า เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากควันสีชมพูและท่าทางที่ตกใจของเธอ เบลล่าหลับตาลงอย่างใช้ความคิด…อย่าบอกนะว่าที่เธอหลับไปแรมเดือนก็เพราะโพชั่นที่อาเชอร์ให้กินมันไม่ใช่ยารักษา แต่มันคือยาที่ปลุกประสาทสัมผัสที่หกของเธอ หากว่าเขาอยู่ที่นี่เธอกระโดดถีบเขาแน่นอนเธอสัญญา!! ไบรอันลูบผมเบลล่าอย่างเป็นห่วงเขาพาเธอมานั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะเดินไปหยิบไม้กวาดมาจัดการกวาดเศษแก้วพวกนั้นเพราะเขากลัวว่ามันจะบาดเบลล่าเข้า เธอมองท่าทีที่อ่อนโยนของไบรอันด้วยหัวใจที่สั่นไหว ในตอนที่ควันพวกนั้นพุ่งออกมาเขารีบกระโดดมาหาเธออย่างรวดเร็ว นี่มันแปลว่าเขาห่วงเธอใช่รึเปล่านะ แล้วท่าทางของเขาที่ถือไม้กวาดนี่มัน น่ารักชะมัด!! เธอมองเขาพร้อมทั้งยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ไบรอันก้มลงเก็บเศษแก้วทว่าเขาเห็นกระดาษม้วนอยู่ด้านในขวด พอกางออกด้านในกระดาษเขียนว่าห้ามดื่มน้ำหนึ่งชั่วโมงหลังจากสูดควันสีชมพูเข้าไป “!!!” ไบรอันเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเบลล่ากำลังดื่มน้ำ ในกระดาษไม่ได้บอกด้วยว่าทำไมถึงห้าม!! แต่เขาก็รีบลุกขึ้นมาแย่งแก้วน้ำในมือของเบลล่าออกมา พร้อมกับส่งกระดาษให้เธออ่าน ทว่าเธอไม่ทันได้รับกระดาษจากมือของไบรอันมือของเธอมันก็ดันสั่นเทาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ อีกทั้งเธอรู้สึกร้อนไปทั่วร่างกาย อย่างไม่ต้องเดาว่านี่คือโพชั่นอะไร มันคือยาปลุกอารมณ์แน่นอน!!! ไอ้เวรอาเชอร์!!
เบลล่าตื่นขึ้นมากลางดึก ไบรอันยังคงโอบกอดเธอเอาไว้ ส่วนเลโอนอนอีกฝั่งนึกตอนที่ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ออกเลย แต่รอยช้ำที่แก้มของไบรอันก็บอกเธอได้ดี ว่ากว่าเลโอจะยอมคงจะตกลงกันนานพอสมควรเธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะมองไปด้านล่าง เบลล่ามองฝนที่ยังคงตกลงมาต่อเนื่องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะแล้งเธอไม่ชอบเวลาฝนตกเลย มันเหมือนกับว่าบรรยากาศรอบข้างมันเศร้ายังไงไม่รู้เลโอลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง“นอนไม่หลับอีกแล้วงั้นหรือ ไปเจออะไรที่วิหารมา”เธอถอนหายใจ“ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าเห็นมันจะเป็นจริงรึเปล่า แต่ในอนาคตที่ไม่รู้ว่าระยะเวลามันจะอีกแค่ไหน ข้าจะตาย…”เบลล่าสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่แน่นขึ้นของเลโอ เขาพรมจูบที่ต้นคอของเธอไล่ลงไปจนถึงไหล่“นั่น!..อาจจะมีอะไรผิดพลาด ข้าจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”เธอยกมือขึ้นมากุมหน้าเขาเอาไว้“ข้ารู้เลโอ ว่าท่านจะต้องปกป้องข้า ข้าก็ไม่คิดจะยอมรับโชคชะตาเช่นนั้นเหมือนกัน การที่อาเชอร์บอกเรื่องนี้กับข้าแสดงว่าเขาอยากให้ข้าเป็นคนแก้ปัญหา…”“ข้าจะช่วยแก้ปัญหาด้วย!”ไบรอันลุกขึ้น เขาเดินมาหาเบลล่าพร้อมทั้งเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ของเธอ“ตอนที่เจ้า
ไบรอันมองเบลล่าอย่างเป็นห่วง เขายกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากของเธอเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอมันกำลังแดง จริงๆ ไม่ใช่แดงแค่หน้าแต่แขนและคอของเธอมันแดงไปหมด“เบล ข้าควรไปตามนักบุญด้านนอกมารักษาเจ้า”“โพชั่นที่อาเชอร์ทำ ไม่มีเวทมนตร์ใดที่สามารถรักษาได้ มีแต่ต้องรอให้มันหายไปเองเท่านั้น!”อาการของเธอดูน่าเป็นห่วงจนไบรอันรู้สึกไม่ดีเลย ใบหน้าที่งดงามของเธอมันบิดเบี้ยวเพราะเธอกำลังเจ็บปวด“ล็อกห้องนี้แล้วพาข้ากลับเมบิล…”ไบรอันอุ้มเธอขึ้นมาเขาพาเธอเดินออกไปพร้อมกับปิดห้องให้เรียบร้อย แล้วรีบอุ้มเบลล่าไปที่รถม้า“อื้อ!!”เขาวางเธอลงบนรถม้า ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ“ข้าควรจะตามหมอมารักษาเจ้า”เบลล่าส่ายหน้า“ไม่ต้อง!! ไปตามเลโอมาก็พอ อึก!!”ความปรารถนากำลังโจมตีเธออยากหนักจนขาทั้งสองข้างมันกำลังสั่นเทา เบลล่าสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่จุดกึ่งกลางจนเธอจนต้องหนีบขาเข้าด้วยกัน คอของเธอมันแห้งผาดราวกับว่าเธอกำลังกระหายน้ำ“แกรนด์ดยุคเขาจะรักษาเจ้าได้ยังไง เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย”เธอกำลังหงุดหงิด เขาจะถามอะไรมากมายนัก แค่ไปทำตามที่เธอสั่งมันยากนักรึไง!!ไบรอันเห็นตัวของเบลล่ากำลังสั่นเทา
เลโอดึงเบลล่าไปกอด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความกังวลมากมายจากสายตาของเธอ“เบล ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ ข้าจะเป็นคนปกป้องเจ้าเอง อย่าได้กังวลไปเลย”เธอกำกุญแจในมือเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดเลโอ“เลโอ ท่านทำให้ข้ามีแรงสู้ขึ้นมา หากว่าไม่มีท่านข้าอาจจะซื้อเรือสำเภาสักลำแล้วหอบเงินขึ้นเรือหนีไป…”เลโอพรมจูบที่ซอกคอของเธอเบาๆ“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะเบล ไม่อย่างนั้นตอนที่พบกันครั้งแรกเจ้าไม่กล้ารับงานที่ข้าสั่งไปทำหรอก”ใบหน้าที่งดงามของเบลล่ายกยิ้มขึ้นมา เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนแรกเธอและเลโอคือเจ้านายและลูกจ้าง“ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?”มือของเขานั้นเริ่มซุกซนจนเธอต้องยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ข้ายังเหนื่อยอยู่มาก…”“เช่นนั้นก็นอนกันเถิด”เขากลืนความอยากลงคอไปแล้วโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน เสียงฝนที่ตกอย่างหนักราวกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้เขาและเธอเข้าสู้ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วยามเช้าที่ไร้แสงตะวัน เธอลืมตาขึ้นมาโดยปราศจากเงาของเลโอ เบลล่าลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่หน้าต่าง เช้านี้ฝนตกปรอยๆ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงวันน่าแปลกที่วันนี้เธอไม่รู้สึกง่วงแล้ว เบ
เลโอยกมือขึ้นมากุมมือของเบลล่าเอาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาแห่งความเจ็บปวด ถึงอาเชอร์จะช่วยรักษาเธอแล้วแต่อวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างมาก จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูตัวเองที่ห้องข้างๆ ก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน ถึงจักรพรรดินีจะได้รับยาพิษไปในปริมาณเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่ทำให้เธอสูญเสียลูกคนแรกไป ถึงแม้จะพ้นขีดอันตรายแล้วแต่สภาพจิตใจของคิร่าแย่มากทีเดียวงานเลี้ยงด้านล่างยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการยกเลิก…“พระองค์ควรจะลงไปข้างล่าง…ซ่อนความเจ็บปวดและอ่อนแอในใจเอาไว้ให้มิดชิด อย่าให้คนที่กระทำรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด”เอซยกมือขึ้นมาตบไหล่ของวัลโด้เบาๆ วัลโด้มองมาที่เลโอที่พยักหน้าให้เขาเขาสูญเสียลูกคนแรกไป ในตอนนี้ขาทั้งสองข้าจะยืนไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่หากว่าเขาอ่อนแอ คนด้านหลังจะอยู่ได้อย่างไร ตอนนี้เขาถือเป็นผู้นำของทุกคนวัลโด้ถอนหายใจเขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเหงื่อและน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างพร้อมราชเลขา“สภาพเราทุกคน มันดู…แย่ไปหมด คนพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ได้โจมตีแค่ร่างกายแต่โจมตีที่จิตใจของเรา…”โคลด์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำไมมันถึงเกิดเรื่องกับเบลล่าและคิร่าซ้ำแล้วซ้ำ
สตรีใบหน้างดงามที่เข้ามา..นั่นคือภรรยาของเขาไม่ใช่รึไง!!ชายที่เธอควงแขนอยู่นั่นก็ไม่ใช่โคลด์ แล้วไอ้เวรนั่นเป็นใครกันวะ!!!วัลโด้สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก ในห้องพอเขามองตามสายตาของเลโอไปก็พบกับผู้ที่เดินเข้ามาในงาน..นั่นมันองค์รัชทายาทมาเดลีนไม่ใช่รึไง ข้างกายของเขาคือสตรีใบหน้างดงามที่คุ้นตา เบลล่า!?“อย่าบอกว่านั่นคือองค์รัชทายาท?”เลโอกล่าวถามพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านล่าง วัลโด้พยักหน้า เขาส่งยิ้มจางๆ ให้เลโอ“นี่มันเป็นไปตามแผนของเราเลยไม่ใช่รึไง เป็นเบลล่าก็ถือว่า…”“อย่าได้พูดอะไรเช่นนี้ออกมาอีก และอย่ามาคิดใช้ภรรยาของข้าเป็นหมากในกระดานนี้”เลโอกล่าวจบก็รีบเดินไปหาเบลล่าด้านล่าง วัลโด้ยักไหล่พร้อมกับหัวเราะเบาๆ“เอซ ไม่ลงไปรึไง?”เอซยกยิ้ม“กับเบลข้าไม่ห่วงนางแล้วล่ะ เมื่อคืนได้พูดคุยอะไรกับนางหลายๆ อย่าง ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้พระองค์ต่างหากที่ควรลงไปห้ามแกรนด์ดยุค ไม่ให้เขาทำร้ายองค์รัชทายาทมาเดลีน”วัลโด้ชะงักพร้อมกับมองไปที่บันได เลโอกำลังเดินอย่างรวดเร็วไปหาเบลล่าอ่า..ให้ตายเถอะ!!เขามองไปที่ราชเลขาเพื่อสั่งให้วงดนตรีบรรเลงเพลง แล้วรีบเดินลงไปด้านล่างตามเลโอไปติดๆ“นี่คงจะเป็
องค์จักรพรรดิวัลโด้ถอนหายใจเมื่อเขาเห็นจดหมายในมือ เขารู้สึกรำคาญเมเบโล่ยิ่งนัก แกรนด์ดัชเชสผู้นั้นยื่นเรื่องให้เขารับหลานสาวของนางขึ้นมาเป็นสนมเอกปัญหาก็คือแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่สนิทกับท่านพ่อนี่แหละ!! เขาไม่อยากผิดใจกับคิร่าเลยจริงๆ นางกำลังตั้งครรภ์ด้วยเขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเลย“หากไม่อยากรับสตรีผู้นั้นมาพระองค์ก็แค่หาทางสร้างพรหมลิขิตให้นางกับชนชั้นสูงสักคน…”เลโอกล่าวพร้อมกับวางกระดาษรายงานเรื่องงบประมาณลงบนโต๊ะ“อันที่จริงข้าส่งนางไปเป็นภรรยาน้อยของแกรนด์ดยุคโอเว่นก็ได้นี่นา”“หากไม่กลัวว่าพระองค์จะสูญเสียกำลังทางทหารไปก็ลองดู”“อ่า ล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้งั้นหรือ?”“ข้าแนะนำทางแก้ไปแล้ว สุดแต่พระองค์จะตัดสินใจเถิด…”เลโอและวัลโด้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน ทำให้เลโอไม่นึกกลัวองค์จักรพรรดิ และวัลโด้ก็ไม่ได้นึกโกรธคำกล่าวของเลโอเลยเพราะเขามองเลโอเป็นพี่ชายมาโดยตลอดเอซยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม“เมื่อเช้ากิลข้อมูลส่งข่าวมาว่าอาร์ชดยุคกูเรี่ยนเคลื่อนไหวแปลกๆ เมื่อคืนหลังจากที่เบลล่ากลับมา โดโนแวนตามดูต่อ ปรากฏว่าแกรนด์ดัชเชสเมเบโล่เข้าไปพบกับอาร์ชดยุคที่โรงแรม…”เลโอแย่งแก้วเหล้าในมือของเอซมาดื่มจ
อาร์ชดยุคกูเรี่ยนพาสตรีใบหน้างดงามทั้งสองขึ้นโรงแรมไป ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดสังเกต เบลล่าเรียกให้โดโนแวนมาเฝ้าอาร์ชดยุคต่อ ส่วนเธอจะกลับไปพักที่คฤหาสน์ พอมาถึงเมบิลก็มีบัตรเชิญจากพระราชวังส่งมา เปิดอ่านก็พบว่าคิร่าเชิญเธอไปที่งานเลี้ยงต้อนรับองค์รัชทายาทมาเดลีน เธอโยนบัตรเชิญนั้นไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟา ไม่อยากไปเลยแฮะ…เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบเข้าสังคมของชนชั้นสูงอยู่แล้ว เบลล่าพยายามหลีกเลี่ยงงานเข้าสังคมมาตลอด เพราะเธอคิดว่ามันไร้สาระ “ท่านหญิงคะ ดยุคเอเซล่ามาขอเข้าพบค่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเบลล่าเธอไม่ทันจะลุกขึ้นเอซก็เดินเข้ามาใจห้องแล้ว เบลล่าอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดเขา “คิดถึงจะบ้าอยู่แล้ว!!” เอซกล่าวพร้อมทั้งจูบลงบนผมของเบลล่าอย่างแรง “เหตุใดถึงมายามนี้ ท่านก็รู้ว่าการเดินทางยามค่ำคืนมันอันตราย บ้านเรือนของเรามิได้อยู่ในช่วงที่สงบ…” “ตั้งแต่ข้าย้ายเข้าไปที่เดเลี่ยน ในใจมันก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ อีกแล้ว ที่นั่นอยู่ติดกับชายแดน ข้าศึกพร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ที่หายไปก็เพราะข้าต้องเฝ้าดูการก่อสร้างกำแพงเมือง โชคดีที่ท่านแกรนด์ดยุคโอเว่นส่งทหารไปช่วยเป
ด้านนอกหน้าต่างฝนกำลังตกอย่างหนัก ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงของเม็ดฝนที่ตกลงมาแรง พร้อมกับเสียงครางแว่วหวานในห้องผ้าปูที่นอนที่ยับเยินและเปียกชุ่มบ่งบอกได้ดีว่าสตรีและบุรุษบนเตียงนั้นร่วมรักกันอย่างรุนแรงแค่ไหน“อื้อ!! ไม่ไหวแล้ว!!”“หึ ใครจะยอมให้เจ้าเสร็จสมกันที่รัก…”เขาดึงแก่นกายออกมาจากทางรักที่เปียกชุ่มของเธอ ผิวกายที่ขาวราวกับหิมะนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้าที่งดงามของเธอมีสีหน้าเจ็บปวดและโมโหในเวลาเดียวกัน ดวงตากลมโตของเธอมองมาที่เขาอย่างหงุดหงิด แพรขนตายาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา…ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านใบหน้าของเธอมันช่าง สาแก่ใจเขายิ่งนัก!!ไม่บ่อยที่เขาจะรู้สึกสนุกกับการร่วมรักเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการและเฝ้ามองเธอมาอย่างยาวนานเขายกมือขึ้นมาชักรูดตัวตนของเขา พร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวนไปให้เธอ…จนกว่าฝนในค่ำคืนนี้จะหยุดตก เขาจะไม่ยอมหยุดทรมานเธอแน่!!!……..“ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะตั้งครรภ์ได้ไวขนาดนั้น มีเจ้าเด็กตัวอ้วนอยู่ในนี้ใช่ไหม?”คิร่าหัวเราะให้กับท่าทางที่ประหลาดใจของเบลล่า เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว“ไม่ท้องสิ
อาเชอร์ก้มมองดอกกุหลาบสีขาวในมือ ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำเขาออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเที่ยง…หลังจากเข้าไปด้านในเธอก็คงจะด่าเขาเช่นเดิมไม่สิ อาจจะหนักกว่าทุกวันทว่าทันทีที่อาเชอร์เข้ามาภายในบ้านก็มืดสนิท เขายกมือขึ้นมาร่ายเวทย์เพื่อจุดตะเกียงที่ต่างๆ ในบ้านอาเชอร์วางดอกไม้เอาไว้บนโต๊ะ เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปหาโจลี่“เจ้า..กินข้าวรึยัง?”เขากลืนน้ำลายลงคออย่างคนที่รู้สึกผิด…อาเชอร์นั่งลงบนเตียงข้างๆ โจลี่“วันนี้ลูกดิ้นรึเปล่า ยังแพ้ท้องอยู่ไหม….”เขาชะงักเมื่อเห็นดวงตาของเธอบวมช้ำราวกับว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก“โจลี่…ข้าขอโทษ ข้าไปทำงานมา…”“ทำงาน!! ท่านก็อ้างแต่ว่าทำงานตลอด อาเชอร์ท่านหายไปหนึ่งวันโดยที่ไม่บอกกล่าวข้าเลย!!”เธอลุกขึ้นมา แล้วยกมือทุบเขาอย่างแรง อาเชอร์ไม่ได้ตอบโต้เขาทำเพียงนั่งนิ่งๆ เพื่อให้เธอได้ระบายอารมณ์จนกว่าเธอจะพอใจ“เหตุใดถึงไม่หลบการโจมตีของข้า…”“ก็ข้าผิดจริงๆ นี่นา เจ้าทุบตีข้าได้เลย ทุบตีได้จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ”เธอเม้มปากแน่น อาเชอร์ยกมือขึ้นมา บรรจงเช็ดน้ำตาให้เ