Home / LGBTQ+ / ชตรีญา / จำปา (1)

Share

จำปา (1)

last update Last Updated: 2025-10-16 07:56:23

‘สูตรแกงรัญจวนของวังเจ้านั้นพิถีพิถันนัก เริ่มจากปลายครกที่ต้องตำพริกขี้หนูสวนด้วยเกลือป่นให้ฟู ต้มปลาเค็มที่รมด้วยฟืนเปลือกมะกรูด น้ำแกงต้องขลุกขลิก ใส่ตะไคร้หั่นบาง ใบมะกรูดฉีก และใบโหระพาจากสวนด้านเหนือเท่านั้น กลิ่นขึ้นจากไอร้อน เหมือนจิตใจคนกำลังเร่าร้อนแต่ไม่กล้ากล่าวรัก แกงนี้ต้องกลั้นใจขณะตัก กลิ่นจะยิ่งลอยชัด… คล้ายรักที่ยิ่งปิด ยิ่งฉุน ยิ่งยากลืม’

นรีปิดหนังสือลงวางกับตัก เมื่อได้ยินเสียงคุณทิพย์ขยับตัว พยายามปรับสติเรียกอารมณ์ให้ตนเองกลับสู่โลกแห่งความจริงเพียงชั่วพริบตา ก่อนหันไปหาคุณทิพย์ที่กำลังกลับจากภวังค์นิทรายามบ่าย

“ลมดีจริงเชียว” คุณทิพย์พึมพำเสียงแผ่ว ตาปรือเล็กน้อย ออกอาการเพลียคล้ายติดงัวเงียอยู่สักนิด

“สักพักฝนอาจจะตก… เข้าบ้านกันดีมั้ยคะ” นรีเอ่ยชวนพลางรวบรวมเอาชุดถ้วยชาลายครามใส่ถาดเดียวกับกาน้ำชาไว้รอท่า เมื่อเห็นคุณพยักหน้าเชิงว่ารับคำ

ระหว่างประคองคุณทิพย์เดินเข้าชายคา นรีเหลือบมองขึ้นไปยังฝั่งตะวันตกของเรือน เห็นว่าหน้าต่างห้องคุณเจ้านายเปิดกว้างแทบทุกบาน เป็นสัญญาณว่า เธอไม่ได้ออกไปไหน หล่อนจึงเริ่มคิดในใจทันทีว่า มื้อเย็นวันนี้จะทำเมนูใดดี หากจะลองภูมิเนรมิตแกงรัญจวนตามในหนังสือเสียเลย ก็เห็นว่าจะเป็นการเสี่ยงให้มื้อเย็นกลายเป็นมื้อผิดพลาดได้ หล่อนคิดครวญอยู่เพลินๆ แม้จะพาคุณทิพย์ไปนั่งที่อาร์มแชร์ตัวเก่งในโซนรับแขก และย้อนกลับออกมาเก็บหนังสือกับถาดกาน้ำชาที่ศาลาในสวนก็ยังคงคิดอยู่เช่นเดิม ว่า ต้ม ผัด แกง ทอด อะไร อย่างไรดี แล้วเผลอมองไปที่ฝั่งตะวันตกของเรือนอีกครั้ง ทว่าหนนี้ เจ้าของห้องนั้นกลับมองลงมาที่หล่อนอยู่ก่อนแล้ว ทำเอานรีนิ่งงันไปอึดใจกว่าจะหลบสายตาคู่นั้น เพื่อรีบรนยกเอาทุกสิ่งในหอบมือเดินจ้ำกลับเข้าชายคาเรือน

และเย็นวันนั้น สำรับของคุณเจ้านายถูกยกเสิร์ฟไว้ที่โต๊ะไม้สนริมหน้าต่างเช่นเดิมด้วยเมนูข้าวไข่ดาวกับน้ำพริกไก่สับ ที่นรีตั้งใจปรุงแยกจากรสที่ทำให้คุณทิพย์รับประทาน ซึ่งอ่อนกว่ามาก

‘อร่อยอีกแล้ว ขอบคุณนะคะ’

ข้อความบนกระดาษโน้ตสีน้ำตาลจากคุณเจ้านายวางนิ่งอยู่ข้างจานเปล่าในยามดึก ฉุดเอาใจนรีสั่นไหว แม้จะเป็นข้อความธรรมดาเดิมๆ ก็ตาม

หล่อนอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นนานกว่าปกติ สูดหายใจลึกก่อนเริ่มกวาดสายตามองรอบตัวอย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก หลังจากเอาแต่เกรงเกร็ง รีบมารีบไป ซ้ำยังก้มหน้าก้มตาเสียเป็นส่วนใหญ่เมื่อได้ก้าวเข้ามา ณ ฝั่งตะวันตก ตามหน้าที่ หล่อนไม่เคยกล้ามองสังเกตสรรพสิ่งแวดล้อมเลยสักครั้ง

ว่านอกจากชุดโต๊ะไม้สนริมหน้าต่างแล้ว ยังมีชุดรับแขกสไตล์วินเทจที่ไม่ว่าจะโซฟายาวหรืออาร์มแชร์ที่เข้าชุดกันก็ล้วนแต่เป็นหนังสีเข้มเงางามหรูหรา อย่าที่นรีเคยเห็นแต่ในละคร ตรงมุมห้องมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ดูเก่าแก่ล้ำค่า ฝั่งหนึ่งเป็นชั้นวางแผ่นเสียง เรียงโทนสีสุขุม กินเนื้อที่ฝาผนังแทบจะทั้งหมด ส่วนอีกฝั่งเป็นเฟรมผ้าใบขนาดใหญ่เต็มผนังอันเป็นกำแพงเดียวกับห้องน้ำ เป็นภาพดอกไม้นานาพรรณ เน้นโทนขาว ดำ น้ำตาลแดง และทอง

ทั้งหมดที่ปรากฎต่อสายตา แม้แต่ลายกระเบื้องที่หล่อนเหยียบย่างทุกวันคืนก็ลวดลายวิจิตรจนนรีชักไม่แน่ใจ ว่าหล่อน ได้หลุดเข้ามาอยู่ในละครโทรทัศน์บางเรื่องหรือวรรณกรรมบางเล่มแล้วหรือไม่

เสียงดนตรีคุ้นหูเริ่มบรรเลงอีกครั้ง โดยดังแว่วลงมาจากชั้นบน ช่วยดึงสติให้นรีรู้ว่า ความต้องเก็บสำรับตรงหน้าและจัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อยอย่างทุกที หล่อนจึงประคองถาดสำรับออกจากฝั่งตะวันตกมาด้วยใจเผลอคิดซุกซน นึกอยากรู้เห็นให้เต็มตา ว่าภายในห้องของคุณเจ้านายเป็นเช่นไร ตกแต่งแบบใด และมีหนังสือมากมายกว่าที่เคยลอบมองหรือไม่

ดึกคืนนั้น นรีขึ้นไปนั่งหน้าห้องคุณเจ้านายพร้อมเล่มนิยาย กลิ่นรัญจวนในครัวใจ ที่อ่านใกล้ถึงหน้าสุดท้ายเต็มที มือสองข้างที่ประคองเล่มหนังสือเริ่มเย็นเฉียบ เมื่อคิดว่า อีกไม่กี่นาทีต้องคืนหนังสือ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าหล่อนจะต้องรบกวนคุณเจ้านาย หากต้องการคืนหนังสือภายในดึกนี้

หล่อนยอมรับกับใจตนได้สักพักแล้วว่า รู้สึกประหม่ามากพอควรในทุกครั้งที่จะได้พูดคุยต่อหน้ากับคุณเจ้านาย โดยไม่ใช่การสื่อสารผ่านสำรับอาหารและข้อความบนกระดาษโน้ตอย่างทุกวัน แม้จะอนุมานไว้แล้วว่า คงเป็นเพียงการตอบโต้สนทนาสั้นๆ ทั่วไปก็ตามที

หน้ากระดาษถูกพลิกผ่าน แผ่นแล้ว แผ่นเล่า จนถึงหน้าปิดฉาก ที่ระบุตัวพิมพ์ลงท้ายว่า สิ้นสุดเรื่องราว ท่ามกลางกลิ่นควันกำยานจางๆ นรีเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนัง เห็นเป็นเวลาตีหนึ่งเศษ เมื่อผละสายตาจากหน้าปัด มองไปในห้องคุณเจ้านายก็พบว่าเธอฟุบหน้าลงกับโต๊ะเขียนงานไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบชัด แม้ยังไม่แน่ใจว่า ควรรบกวนเธอเพียงเพราะอยากจะคืนหนังสือดีหรือไม่ แต่หล่อนก็ลุกจากเก้าอี้ไม้สักมายืนที่ช่องประตูและถือวิสาสะลอบมองเข้าไปในห้องคุณเจ้านายเสียแล้ว

หล่อนตั้งใจกวาดสายตามองสำรวจให้ถ้วนทั่วเช่นเดียวกับที่หล่อนทำก่อนหน้านี้ที่ชั้นล่างของฝั่งตะวันตก เห็นว่าในห้องนั้นมีชั้นวางหนังสือมากกว่าที่คิด เพราะปกติจากมุมมองที่หล่อนนั่งเก้าอี้ไม้สัก หล่อนเห็นชั้นหนังสือขนาดใหญ่ สูงราวสองเมตร เรียงกันสามแถว ขนาบสองฝั่ง แต่พอมายืนมองดีๆ กลับพบว่า จริงๆ แล้วมีชั้นหนังสือทั้งหมดห้าแถว และนอกจากชั้นหนังสือขนาบข้างโต๊ะเขียนงาน ผนังด้านในสุดก็เป็นตู้หนังสือวางเรียงชิดผนังทั้งหมด จากมุมห้องไปจรดบานหน้าต่างยาวทิศเดียวกับหลังเรือน โดยทุกตู้บรรจุหนังสือเต็มพื้นที่ ราวกับว่าห้องนี้คือหอสมุดขนาดย่อมเสียมากกว่าจะเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานส่วนตัวของคุณเจ้านาย

ยิ่งมองนรียิ่งตื่นเต้น จิตวิญญาณนักอ่านผลิบานราวได้รับแรงกระตุ้นที่ยากจะต่อต้าน หล่อนไม่เคยเห็นห้องส่วนตัวใครที่ใกล้เคียงห้องสมุดได้ถึงเพียงนี้ หากนึกย้อนไปในอดีตสมัยเรียนมัธยม หล่อนยังบอกได้อย่างมั่นใจเลยว่า จำนวนหนังสือในห้องสมุดของโรงเรียนก็ยังน้อยกว่าในห้องนี้ ซึ่งหล่อนสนใจอยากจะอ่านทั้งหมด ทุกปก ทุกเล่ม ทุกหน้ากระดาษ แม้ยังไม่ทราบดีเสียด้วยซ้ำว่า ที่เรียงรายอยู่เต็มชั้นเต็มตู้นั้น เป็นหนังสืออะไร หมวดไหนบ้าง

หล่อนกำลังเพ่งมองสันหนังสือบนชั้นไกลๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ยืมอยู่อย่างจดจ่อ ท่ามกลางเสียงเพลงหวานที่บรรเลงแผ่วลงและกลิ่นกำยานที่จางจนหายไปกับลมดึก เสียงกระแอมไอและขยับตัวของคุณเจ้านายดังชัด ดึงให้หล่อนละสายตาจากสันหนังสือ เลื่อนไปที่ร่างของเธอคนนั้นที่โต๊ะเขียนงานริมหน้าต่างทันที คุณเจ้านายยืดเหยียดแขนสองข้างขึ้นสูงจนสุด ก่อนทิ้งตัวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เงยหน้าสูดหายใจเข้าและผ่อนหายใจออกช้าๆ นิ่งๆ นรีลอบมองเธออยู่อึดใจ แล้วอยู่ๆ เธอก็เหลือบมองมาที่ประตูห้อง คล้ายจะทราบด้วยสัญชาตญาณว่า ตัวเธอกำลังตกอยู่ในสายตาหล่อน

“คะ…” เพียงพยางค์เดียวนั้นออกมาจากปากคุณเจ้านาย ก็กระตุกใจนรีให้เริ่มจังหวะรัว

“อ่านจบแล้วค่ะ” นรีว่าพลางชูหนังสือในมือขึ้นมาเล็กน้อย

“อ่อ… ค่ะ” ดารัณขยับลุกจากเก้าอี้เขียนงาน ก้าวเดินเซๆ ในวูบแรก แต่ยังทรงตัวได้ดีหลังจากนั้น เธอเดินไปหานรีที่หน้าประตู มือข้างซ้ายยื่นออกไปรับหนังสือคืน ส่วนมือขวาผายเชิญนรีไปที่ชั้นหนังสือแถวนอกสุด ให้นรีได้เข้ามายืนที่หน้าชั้นหนังสือที่เธอเคยออกปากว่า ให้ยืมอ่านได้

“จำได้ว่า บอกให้นรีเอาไปคืนที่โต๊ะเรานี่คะ” คุณเจ้านายว่าเช่นนั้น ขณะเดินอ้อมไปอีกฝั่งของชั้นหนังสือ เธอเอื้อมมือเอา กลิ่นรัญจวนในครัวใจ เล่มนั้นสอดกลับ เก็บไว้ที่เดิม

“เห็นคุณกำลังหลับอยู่เลยไม่กล้ากวนค่ะ” นรีตอบไปตามความคิดจริงของตน คุณเจ้านายเดินย้อนกลับมายืนข้างๆ กันที่หน้าชั้นหนังสือเดียวกับหล่อน เธอฟังคำของนรีแล้วนิ่งคิดสักครู่ก่อนพยักหน้านิดๆ พลางบอก

“ถ้าหากคราวหน้าเห็นเราฟุบแล้วคิดว่าหลับ เรารบกวนเข้ามาสะกิดให้เราไปนอนดีๆ ได้มั้ยคะ” ว่าแล้วคุณเจ้านายก็ชี้นิ้วไปข้างหลัง เป็นองศาที่มุ่งไปทิศฝั่งหน้าเรือน ให้นรีพอเดาได้ว่า เตียงนอนของคุณเจ้านายคงจะอยู่ในส่วนนั้น

“ได้ค่ะ” นรีรับคำทั้งพยักหน้าเบาๆ แววตาซื่อใส ที่เมื่อได้สบสายตาเข้ากับดารัณที่มองมาอยู่ก่อน หล่อนกลับรีบก้มหัวก้มหน้าหลบตาลงต่ำทันที

“ฝากด้วยนะคะ ขืนปล่อยให้หลับท่านั้นจริงๆ เราคงตื่นมาทรามานแน่” คุณเจ้านายว่าอย่างนั้นก่อนหันไปสนใจหนังสือบนชั้นวางตรงหน้าเธอ นรีเองก็หันมองไปที่สันหนังสือเรียงรายในระดับสายตาหล่อนเช่นกัน 

“เลือกเล่มที่จะอ่านถัดไปได้รึยังคะ” คุณเจ้านายถามเสียงแผ่ว

“ยังเลยค่ะ” นรีส่ายหน้าเบาๆ พร้อมตอบไปอย่างนั้น โดยไล่สายตามองคุณเจ้านายว่าเธอกำลังดูหนังสือเล่มใดอยู่ ในตอนนี้เองที่หล่อนเพิ่งจะได้โอกาสสังเกตอย่างจริงจังว่า คุณเจ้านายของหล่อนนั้น นอกจากจะผิวสวย และกายหอม เธอก็ตัวสูงกว่าหล่อนถึงขั้นที่ระดับสายตาของเธอคือ ชั้นหนังสือที่สูงขึ้นไปจากระดับสายตาของนรีหนึ่งชั้นเลยทีเดียว

“ว่าแต่… อ่านแล้วคิดยังไงเหรอคะ” อยู่ๆ คุณเจ้านายก็หันมายิงคำถามใส่หล่อน

“คะ…” นรีส่งแววตาฉงนไปพร้อมน้ำเสียงสงสัย

“หอมลมกลิ่นรักน่ะค่ะ อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง” คุณเจ้านายเอ่ยถามอีกครั้งด้วยเนื้อความถามที่ละเอียดขึ้น

“ชอบค่ะ ภาษาสวย อ่านเพลิน เป็นรักที่หวานลึก และงดงามนะคะ” นรีตอบกลับด้วรอยยิ้มและแววตาไร้คำปด หล่อนบอกความรู้สึกที่มีต่อบทประพันธ์กลิ่นรัญจวนในครัวใจไปตามตรงและลงท้ายอีกว่า

“รู้สึกดีใจที่ได้อ่าน… ขอบคุณนะคะ ที่ให้อ่าน”

“ยินดีที่ได้แบ่งปันค่ะ” คุณเจ้านายรับคำขอบคุณด้วยถ้อยยินดีและรอยยิ้มที่นรีไม่กล้ามองนาน หล่อนหลบสายตาอีกครั้งระหว่างคุณเจ้านายพูดเสียงเบาราวพึมพำกับตนเองว่า

“นานๆ จะได้พบปะนักอ่านตัวจริง อย่างใกล้ชิดสักคน” 

คำพูดของคุณเจ้านายเรียกรอยยิ้มให้สถิตบนเรียวปากนรีได้บ่อยครั้ง จนหล่อนเกรงว่าคุณเจ้านายจะเห็นเป็นว่าหล่อนพิลึกพิลั่นไปซะก่อน หล่อนจึงพยายามวางสติให้อยู่กับเหล่าสันหนังสือนับสิบๆ เล่มตรงหน้า กระทั่งคุณเจ้านายผละเดินห่างออกไป หล่อนได้ลอบถอนหายใจก่อนดึงให้ตนเองตั้งใจมองสันหนังสือบนชั้นวางตรงหน้าแบบจริงๆ จังๆ สักที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชตรีญา   พุดจีบ (1)

    “แปลว่ารักได้ ไม่ติดเหรอคะ” คุณเจ้านายเอ่ยถาม แน่นอนว่าเธอได้รับเพียงแววตาเกือบจะงุนงงของนรีตอบกลับไป เธอจึงได้ขยายความถามนั้น“หมายถึง นรีเอง ก็รักผู้หญิงได้ ใช่มั้ยคะ”“...”นรีกระพริบตาปริบๆ ทั้งเงียบไปครู่หนึ่ง ทำเอาคนรอฟังคำ นิ่งเงียบตามกันไปด้วย แต่เธอยังคงวางสายตาจับไว้ที่หล่อน ไม่ละไปโดยง่าย กระทั่งได้คำตอบ“คิด ว่ารักได้นะคะ” นรีตอบเสียงแผ่ว“ท่าทางไม่แน่ใจ” คุณเจ้านายกล่าวเช่นนั้น แล้วผินมองไปทางอื่น ในท่าทีใช้ความคิด เป็นจังหวะให้นรีได้รับอิสระเล็กน้อยจากการรอดพ้นสายตาเธอ แต่ยังไม่พ้นไปจากสนทนา“ที่ผ่านมา ยังไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงเลยสักคน… เหรอคะ” คุณเจ้านายปรายตากลับมามองนรีในท้ายประโยค พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่นรีมองทันเพียงชั่วครู่ก็รู้สึกใจเต้น พาลให้หล่อนนิ่งจนลืมตอบความ พยายามเลี่ยงหลบสายตาเธอสุดฤทธิ์ ขณะที่คุณเจ้านายวางมือลงค้ำยันกับโต๊ะเขียนงาน และโน้มตัวเข้าใกล้นรีมากขึ้น พลางกระซิบสรุป“เงียบแบบนี้ เราจะเหมาว่าเธอเคยตกหลุมรักใครสักคน ที่เป็นผู้หญิงนะคะ”นรีหันกลับไปมองคุณเจ้านายในระยะประชิดมากกว่าที่เคย หล่อนนึกเรียบเรียงคำโต้ตอบที่ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่า จะเอ่ยปฏิเสธห

  • ชตรีญา   พุดซ้อน (2)

    คืนนั้น คุณเจ้านายไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนงานเมื่อหล่อนไปถึงหน้าห้อง พอตัดสินใจไปชะเง้อมองที่ใกล้ๆ บานประตู สอดส่องสายตาจนทั่วก็ยังไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหนในห้อง นรีถอยจากประตูลายโบตั๋นมาเกาะขอบหน้าต่างโถงทางเดินที่มักเปิดไว้เสมอเพียงบานเดียวเพื่อรับลมในทุกคืน หล่อนคาดว่า คุณเจ้านายอาจลงไปเก็บดอกไม้กลางคืนเช่นเดียวกับตอนที่ลงไปเก็บดอกสเลเตก็เป็นได้ ทว่า เพ่งมองสวนดอกไม้สักเท่าไหร่ก็ไร้วี่แววร่างเงาเธอ“ดูอะไรอยู่เหรอ” เสียงคุณเจ้านายดังมาจากด้านหลัง พาหล่อนสะดุ้งใจหาย แต่ก็รีบเก็บอาการนั้นให้สงบลงโดยเร็วก่อนตอบกลับเธอไปว่า“เปล่าค่ะ” พลางเดินกลับไปที่เก้าอี้ไม้สน คุณเจ้านายพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะเขียนงาน เธอหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้ รวบรวมเอกสารสองสามชุดให้เป็นกองเดียวกัน จัดเก็บเข้าแฟ้ม นำแฟ้มไปสอดไว้บนชั้นวางข้างโต๊ะฝั่งมุมห้อง ครั้นพอเดินย้อนกลับมาที่เก้าอี้อีกหน และเห็นว่านรียืนละล้าละลังอยู่หน้าห้อง

  • ชตรีญา   พุดซ้อน (1)

    กลิ่นตะไคร้บุบ และใบมะกรูดฉีก ในน้ำซุป โชยฟุ้งทั่วครัวในช่วงเย็นของวันถัดมา ในหม้อต้มขนาดกลาง มีเนื้อวัวส่วนที่นรีพอหาได้จากตลาดเช้า ถูกเคี่ยวตุ๋นมาได้พักใหญ่แล้ว แม้แรกทีเดียว หล่อนเคยคิดว่าจะไม่ลองภูมิใดใดกับการทำเมนูโบราณที่ไม่คุ้นเคย ทว่าเหลียวมองไปถ้วนทั่วสวนผักหลังเรือน ก็พบว่า เครื่องผักสมุนไพรครบครันตามสูตรที่จดมาจากหนังสือ กลิ่นรัญจวนในครัวใจ แค่เพียงหาเนื้อวัวให้ได้ก็พร้อมปรุง หล่อนจึงทำใจดีสู้เสือเลือกเอาเมนูนี้มาตั้งสำรับเย็น“กลิ่นชวนหิวดีจังวันนี้” คุณทิพย์เอ่ย เมื่อนรียกชามแกงรัญจวนวางเสิร์ฟที่โต๊ะอาหาร จิตใจหล่อนดูจะล่องลอยสักนิด จึงไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากยิ้มนอบน้อมเช่นเคยเหตุที่ทำให้หล่อนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คือสิ่งที่เกิดกับตัวหล่อนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ โดยเนื่องมาจากว่า หล่อนไม่แน่ใจในคำสั่งของคุณเจ้านายที่บอกไว้เมื่อคืนที่ให้หล่อนยืมเล่ม หอมลมกลิ่นรัก มา เธอว่า‘คืนที่โต๊ะนะคะ’หล่อนซึ่งปกติไม่เคยก้าวเข้าห้องส่วนตัวคุณเจ้านายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงตีความเอาเองว่า โต๊ะที่เธอพูดถึง คงหมายถึงโต๊ะไม้สนชั้นล่าง เพราะเป็นโต๊ะที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่หล่อนโดยตรง วั

  • ชตรีญา   จำปา (2)

    ‘สองฝั่งคลอง’… ‘มาลัยสามชาย’ … ‘ทวิภพ’‘กรงกรรม’ … ‘ฤกษ์สังหาร’ … ‘บ้านทรายทอง’รายนามบนสันหนังสือที่นรีเลื่อนสายตาผ่านนั้น มีแต่ชื่อโด่งดังคุ้นหู ที่บางเรื่องก็เคยดูเป็นละครโทรทัศน์รีรันซ้ำซากจนคุ้นตาแทบทั้งหมด หล่อนเถียงในประเด็นที่ว่า นี่คือหนังสือหายากทรงคุณค่า และหล่อนก็ไม่เกี่ยงนักหรอกที่ต้องอ่านนิยายละครโทรทัศน์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เรื่องเล่าในเล่มเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องราวแปลกใหม่ น่าสนใจเพียงพอจะดึงความสนใจของหล่อนได้‘สาปภูษา’ … ‘กำไลมาศ’ … ‘กาหลมหรทึก’ ‘เกิดแต่ตม’ … ‘หลงเงาจันทร์’ … ‘รากนครา’หากต้องเลือกเล่มใดไปอ่านเฉพาะชั้นวางนี้ นรีก็ไม่ติดขัดใจ เพราะอย่างน้อยการได้มีอะไรให้อ่า

  • ชตรีญา   จำปา (1)

    ‘สูตรแกงรัญจวนของวังเจ้านั้นพิถีพิถันนัก เริ่มจากปลายครกที่ต้องตำพริกขี้หนูสวนด้วยเกลือป่นให้ฟู ต้มปลาเค็มที่รมด้วยฟืนเปลือกมะกรูด น้ำแกงต้องขลุกขลิก ใส่ตะไคร้หั่นบาง ใบมะกรูดฉีก และใบโหระพาจากสวนด้านเหนือเท่านั้น กลิ่นขึ้นจากไอร้อน เหมือนจิตใจคนกำลังเร่าร้อนแต่ไม่กล้ากล่าวรัก แกงนี้ต้องกลั้นใจขณะตัก กลิ่นจะยิ่งลอยชัด… คล้ายรักที่ยิ่งปิด ยิ่งฉุน ยิ่งยากลืม’นรีปิดหนังสือลงวางกับตัก เมื่อได้ยินเสียงคุณทิพย์ขยับตัว พยายามปรับสติเรียกอารมณ์ให้ตนเองกลับสู่โลกแห่งความจริงเพียงชั่วพริบตา ก่อนหันไปหาคุณทิพย์ที่กำลังกลับจากภวังค์นิทรายามบ่าย“ลมดีจริงเชียว” คุณทิพย์พึมพำเสียงแผ่ว ตาปรือเล็กน้อย ออกอาการเพลียคล้ายติดงัวเงียอยู่สักนิด“สักพักฝนอาจจะตก… เข้าบ้านกันดีมั้ยคะ” นรีเอ่ยชวนพลางรวบรวมเอาชุดถ้วยชาลายครามใส่ถาดเดียวกับกาน้ำชาไว้รอท่า เมื่อเห็นคุณพยักหน้าเชิงว่ารับคำ

  • ชตรีญา   จำปี (2)

    มื้อเย็นวันนั้น ไม่มีอะไรเด่นแซ่บไปกว่าลาบหมูฝีมือดารัณที่ทำแยกมาสองรส สำหรับคุณทิพย์และสำหรับทุกคน รสเค็มเผ็ดนัวตัดเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาวแป้นสดจากสวนหลังเรือน คละเคล้าผักหอมแล้วยังฟุ้งไปด้วยข้าวคั่วสมุนไพรที่ทำพิเศษเฉพาะวันนี้ ทำให้ทุกคำที่บดเคี้ยว สติของนรีหวนคืนมวลอารมณ์คิดถึงบ้าน คิดถึงยาย บาดลึกไปทุกทีการเก็บกลืนรส แม้จะทำตัวนิ่ง ดูสงบ แต่น้ำตากลับคลอรื้นออกมาอยู่ดี“นรี… นรีคะ” เสียงคุณเจ้านายทักขึ้นเบาๆ พร้อมสายตาอุ่นๆ ที่ส่งมาจากอีกฝั่งโต๊ะอาหาร ก่อนเอ่ยถาม“เป็นอะไรรึเปล่า”“แค่… คิดถึงบ้านค่ะ” นรีตอบสั้นๆ ตามตรง พร้อมรอยยิ้มบางๆ พลางเอื้อมหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา“ เพราะลาบหมูเนี่ยเหรอ” คุณทิพย์ถามขึ้น นรีพยักหน้ารับและตอบว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status