ซูอินเดินเลาะมาตามตรอกซอยที่คุ้นเคยเมื่อชาติที่แล้ว ไม่นานก็มาถึงแถบแม่น้ำตะวันออกของจวนเฉิงอ๋อง นางชำเลืองมองไปยังกลุ่มแรงงานที่กำลังขนต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณเข้าไปข้างใน “เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เสียงสุขุมนุ่มลึกคุ้นเคยดังขึ้นข้างหูจากเบื้องหลังทำให้ซูอินสะดุ้ง “ขะ...ข้ามาดูสวนดอก
เสิ่นอินกำลังลงจากรถม้าได้ยินเสียงม้าดังกุบกับอยู่เบื้องหลังเมื่อหันไปก็สบสายลุ่มลึกอำพันน่าเกรงขามคู่หนึ่ง “ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ” เสิ่นอินเดิมก็มีความงามพิลาสพิสุทธิ์เมื่อได้รับปรับเปลี่ยนอาภรณ์เครื่องประดับก็ทำนางกลายเป็นหญิงสูงศักดิ์โฉมสะคราญไม่มีผู้ใดเปรียบเทียบได้
เฉิงอ๋องเหลือบตาขึ้นมามองเสิ่นอินแล้วพูดขึ้น “วันนี้เจ้าทำได้ดี” “ข้าน้อยยินดีเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเหตุใดท่านไม่บอกกล่าวพี่ซูอินไปตามจริงเจ้าค่ะ” จงถังได้ยินคำถามของเสิ่นอินก็ยิ้มที่มุมปาก มีคนกล้าตายแทนเขาแล้ว เฉิงอ๋องไม่ตอบ เพียงยิ้มบาง ๆ แล้วพูดที่ไม่เ
ในมื้อเช้าบ้านสกุลจางยังคงล้อมวงกินข้าวกันเหมือนเช่นเคย ซูอินจึงถือโอกาสเล่าเรื่องราวที่นางจะไปสมัครเป็นซื่อฝูของสำนักศึกษาให้คนในครอบครัวฟัง “เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก ทว่าด้วยวัยของเจ้า จะเป็นกดดันตนเองเกินไปหรือไม่ และภายหลังหากถอนตัวจะยิ่งทำให้เสียกำลังใจรึเปล่า” ส
ทุกคนพยักหน้าด้วยเห็นด้วยกับคำพูดของมารดา “แต่สำนักศึกษาคงไม่สามารถรับเด็ก ๆ ทุกคน ย่อมต้องมีอุปสรรคไม่น้อย ข้าในฐานะบัณฑิตได้รับการช่วยเหลือจากสำนักศึกษามาโดยตลอด ไม่อาจจะนิ่งนอนใจได้เจ้าค่ะ” ตอนแรกซูอินก็หนักใจ คิดไม่ออกว่าจะหาเหตุผลใดมาให้ครอบครัว ทว่าหลังจากได้ยินเฉิงอ๋อ
เสียงม้าควบตามมาข้างหลังพร้อมเสียงทำความเคารพ ซูอินจึงเลิกผ้าม่านขึ้นมองเห็นชายเสื้อสีม่วงอันคุ้นเคย พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแววตาอันอับอุ่นผสมรอยยิ้มบางของชายหนุ่มทำให้ความประหม่าของนางคล้ายสลายบางเบาแม้กระทั่งตัวเองก็ไม่รู้ตัวไป หญิงสาวคาดเดาว่าชายหนุ่มคงได้รับคำสั่งเช่นกัน เฉิงอ๋องควบม้าข
ห้องทรงพระอักษร “เฉิงอ๋อง เข้าวังมาด้วยหรือ” ฮ่องเต้ตรัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงระคนแปลกใจ “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทอีกทั้ง...ยังแสดงออกให้ความสำคัญกับจางซูอินด้วยขอรับ” ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้กล่าวรายงานด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “อย่างนั้นรึ หากเป็นเรื่องจริงก็น่ายินดียิ่งนัก”
ครอบครัวสกุลจางตื่นตั้งแต่เช้า วันนี้เหล่าสตรีตั้งใจจะไปไหว้พระขอพรที่วัดเส้าหลาง “ซูเอ๋อร์ เจ้าบอกแม่ว่าคุณหนูเสิ่นจะไปไหว้พระด้วยใช่หรือไม่” “ท่านแม่ ไม่เพียงคุณหนูเสิ่น องค์หญิงก็จะเสด็จด้วยเจ้าค่ะ” สวีซื่อเอามือทาบอกเล็กน้อย แม้กระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทำตั
“งดงามยิ่งนัก” จางซูอินพูดขึ้น “ในทุกปี…ฤดูหนาวเราจะมาที่นี่ดีหรือไม่” “ฮืม…” จางซูอินซบลงอกของชายหนุ่มด้วยท่าทางอ่อนคลาย แสดงความรักความสุขล้นออกมา เฉิงอ๋องโอบกอดหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนก่อนใบหน้าก้มลงไป จางซูอินปิดเปลือกตาลง เคลิบเคลิ้มไปกับจูบอันอ่อนโยนของชา
เมื่อม่านราตรีโรยตัวลงมา เฉิงอ๋องก็ยังอดใจไม่ไหวไปเยือนห้องพักของจางซูอิน เมื่อบ่าวไพร่ปิดประตูออกจากห้อง เขาจึงปรากฏกาย แม้เฉิงอ๋องจะมาอย่างไร้สุ่มเสียงแต่คล้ายจางซูอินจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว นางชำเลืองมองชายหนุ่ม ใบหน้าระบายยิ้มบาง ๆ “ข้าเพียงอยากเจอหน้าเจ้าก่อนนอน” เ
หญิงสาวปรายตามองดูในตะกร้าจึงพูดขึ้น “ข้าซื้อทั้งหมดนี่ ท่านคิดราคามาได้เลย” พ่อค้าเห็นจางซูอินรับทั้งหมดก็ยิ้มหน้าบานดีใจ แต่สักพักใบหน้าชายหนุ่มกลับจืดขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนู ปลาพวกนี้รสชาติทานลำบากอยู่บ้าง ท่านจะลองซื้อไปทำทานดูสักตัวสองตัวก่อนดีหรือไม่” จาง
ผู้ที่ตื่นเต้นในการเดินทางครั้งนี้มากกว่าผู้ใดก็คือ เฉิงอ๋องเทพแห่งสงครามของแคว้นต้าเว่ย หลังจากนี้ทุกวันคืนเขาจะได้อยู่ร่วมกับซูซู เขาสั่งให้จงถังจัดเตรียมทุกอย่างด้วยตนเอง จนเมื่อถึงออกเดินทาง รถม้าหรูหราคันใหญ่มาจอดรอรับจางซูอินหน้าสกุลจางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่
ตอนที่ 50 โกรธเป็นโง่ โมโหเป็นบ้า หลังราชโองการออกมา ผู้ที่ได้รับคำสั่งก็ต่างเตรียมตัวออกเดินทาง บรรยาศครื้นเครงต่างจากตำหนักบูรพาที่แม้กระทั่งเงาของก้อนเฆมก็ดูอึ้มครึมมากกว่าปกติ พระชายาเสิ่นจือ บีบผ้าในมือปิดจนเป็นเกลียวนางกัดริมฝีปากจนแทบจะเป็นแผล องค์รัชทายาทไม่ได้รับราชโ
หลังจากมื้อเที่ยงต้าเหยาก็เข้าวังทันที เมื่อไปถึงนางก็ไปคารวะพระสนมลู่ผินก่อน “พระมารดา ข้าคิดถึงท่านจังเลย” พระสนมลู่ลูบศรีษะต้าเหยาเบา ๆ พลางเอ่ยถามไถ่ เห็นสีหน้าแววตาของต้าเหยาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความสุข ก็วางใจอย่างอบอุ่น หลังจากพูดคุยกัน ต้าเหยาก็บอกเล่าว่านางจะมา
ยามเช้าในต้นฤดูหนาวแสงแดดยังคงเจิดจ้า ฤดูการเปลี่ยนแปลงผู้คนก็ต้องการปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิต เสียงพูดคุยหัวเราะดังแว่วมาจากในครัว จางซูอินเอียงหูฟังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกล้างหน้าล้างตา เมื่อคืนเฉิงอ๋องอ้อยอิ่งอยู่ห้องนางไม่ยามจากไปทำให้นางนอนไม่เต็มอิ่มเท่าไรนัก หญิงสาวเลือกช
จางซูอินล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์เมื่อเดินออกมาจากฉากกั้นก็เห็นร่างสูงโปรงอันคุ้นเคยนั่งอยู่บนโต๊ะน้ำชาด้วยท่าทางสบาย “ท่าน..เหตุใดมาอยู่ที่นี่” เฉิงอ๋องยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน เขาลุกขึ้นพลางเอาเสื้อคลุมขนสัตว์ห่อหุ้มกายของหญิงสาวพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น “เจ้าเคยขอให้ข้าพาไป
สวี่ซื่อจัดการให้สาวใช้ไปตั้งแผงขายขนมส่วนตนเองก็ยังคงไปทำงานที่ร้านลู่เหยาเช่นเดิม จางซูอินก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือให้แม้กระทั่งแสดงความคิดเห็น นางเพียงเฝ้ามองและคอยสนับสนุนเพียงเท่านั้น อากาศเริ่มเย็น หิมะเริ่มโปรยปราย จางเจินก็ถึงคราวยามออกเรือน แม้สกุลจางจะเป็นเพียงชาว