แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: มู่อวิ๋นเฉิง
สาวใช้ทั้งสองสั่นศีรษะเป็นกลองสั่น “ข้าน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าน้อยจะไม่กุเรื่องล้อเลียนฮูหยินอีกแล้ว ฮูหยินโปรดอย่าโกรธเลย”

เมิ่งจิ่นเหยาสีหน้าขรึมลงทันที พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ไม่ว่าข้าจะแต่งงานกับท่านโหวอย่างไร ตอนนี้ข้าก็เป็นนาย พวกเจ้าเป็นบ่าว กุเรื่องล้อเลียนเจ้านาย สาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เรือนเวยหรุยเซวียนจะเก็บไว้ไม่ได้”

นางพูดพร้อมกับเลื่อนสายตาไปที่ชิงชิวและหนิงตง “ชิงชิว หนิงตง ตบปากคนละยี่สิบครั้ง จากนั้นมอบพวกนางให้เป็นหน้าที่ของพ่อบ้าน ส่งไปอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท”

ชิงชิวและหนิงตงตอบรับ “เจ้าค่ะ ฮูหยิน”

ทันทีที่สิ้นเสียง สาวใช้อีกสามคนที่ไม่ได้ร่วมวงนินทาก็ถึงกับอึ้งไป สองคนนี้เป็นสาวใช้ชั้นสองในเรือน ฮูหยินบอกจะส่งพวกนางออกไปก็ส่งไปเลยหรือ? จู่ ๆ ก็รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ตัวเองไม่ชอบนินทาใคร ไม่เช่นนั้นพวกนางต้องลำบากเหมือนกันแน่

สาวใช้สองนางนั้นใบหน้ายิ่งซีดเผือดราวกับกระดาษ ตัวสั่นระริก โขกหัวอ้อนวอน “ฮูหยิน ข้าน้อยผิดไปแล้ว เป็นเพราะข้าน้อยปากมาก ข้าน้อยปากไม่ดีเอง ฮูหยินได้โปรดยกโทษให้ข้าน้อยสักครั้ง ข้าน้อยทำงานในจวนท่านโหวมาตั้งแต่ยังเล็ก รับใช้นายอย่างสุดความสามารถ แม้จะไม่มีผลงานแต่ก็ทุ่มเททำงานนะเจ้าคะ”

เมิ่งจิ่นเหยาทำไขสือ ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ก่อนจะพูดอย่างเฉยชา “ชิงชิว หนิงตง พวกเจ้ามัวอึ้งอยู่ทำไมล่ะ ลงมือสิ”

ชิงชิวและหนิงตงยกมือขึ้นตบ ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของสาวใช้อย่างไม่ปรานี สิ่งที่พวกนางใช้คือวิธีการอันชาญฉลาด เจ็บปวดจนทำให้สาวใช้ทั้งสองร้องไห้โฮ

“โอ๊ย...ฮูหยินได้โปรดไว้ชีวิตด้วย...”

กู้จิ่งซีเพิ่งกลับมาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร่ำไห้อย่างน่าเวทนาดังมาจากในเรือน คิ้วจึงกระตุกขึ้นมา เมื่อช่วงเช้าเพิ่งมีทีท่าขอความเห็นจากเขา พอตกบ่ายก็ทำจริงเสียแล้ว รวดเร็วฉับไวมาก สาวใช้ยังถึงกับร้องขอความเมตตา ดูภายนอกเป็นคุณหนูน้อยอ่อนหวานหยาดเยิ้ม ความจริงออกจะโหดร้าย แต่อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวถึงแก่ชีวิตก็พอ

เขารีบก้าวเข้าไปในเรือน พอแหงนหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นภรรยาสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่กำลังถือถ้วยน้ำชา จิบชาอย่างไม่เร่งรีบ ในขณะที่สาวใช้ประจำตัวภรรยาสาวสองคนกำลังตบสาวใช้อีกสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ส่วนสาวใช้ที่เหลืออีกสามคนก็ตกใจหน้าซีดเช่นกัน

เห็นดังนั้น สีหน้าของกู้จิ่งซีก็ขรึมลง ไม่เห็นด้วยกับการตบตีสาวใช้ของนาง หากสาวใช้ทำอะไรไม่พอใจ ใช้วิธีการลงโทษตักเตือนแบบอื่นก็ได้ แต่ถ้าจะให้หักหน้านางต่อหน้าสาวใช้เพราะสาวใช้สองคนนี้ก็ไม่ดีอีก ครั้นแล้วจึงถามว่า “ฮูหยิน เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

สาวใช้ทั้งสองที่ทำผิดได้ยินเสียงของกู้จิ่งซี พอเงยหน้ามองขึ้นไปก็เหมือนได้เห็นผู้ช่วยชีวิต ต่างรู้ใจกันโดยปริยาย รีบกระเสือกกระสนคลานเข้าไปอ้อนวอนกู้จิ่งซี “ท่านโหว ท่านโหว ช่วยข้าน้อยด้วย ฮูหยินใจร้ายเหลือเกิน จะขับไล่พวกข้าน้อยไปอยู่ข้างนอก ท่านโหวได้โปรดเห็นแก่ที่ข้าน้อยทำงานในเรือนเวยหรุยเซวียนมาหลายปี ปรนนิบัติรับใช้อย่างเต็มที่มาโดยตลอด ช่วยข้าน้อยด้วย”

กู้จิ่งซีไม่สนใจพวกนาง ถามเมิ่งจิ่นเหยาอีกครั้งว่า “ฮูหยิน ไม่ทราบว่าพวกนางทำอะไรผิดหรือ?”

เมิ่งจิ่นเหยาตอบอย่างตรงไปตรงมา “พวกนางกุเรื่องล้อเลียนข้าลับหลัง โดยบอกว่า ‘คิดไปว่าตัวเองได้แต่งงานเข้ามาก็จะได้เป็นฮูหยินท่านโหวโดยชอบธรรมแล้ว ไม่ได้คิดด้วยซ้ำไปว่าตัวเองแต่งงานกับท่านโหวได้อย่างไร เพิ่งเข้ามาได้สองวันก็มายุ่งกับเรือนของท่านโหวเสียแล้ว’ ยังพูดอีกว่า ‘ไม่แกร่งพอ แต่กลับวางท่าเสียใหญ่โต’”

พูดจบ นางก็เห็นกู้จิ่งซีขมวดคิ้วขึ้นมา จึงพูดต่อว่า “ท่านพี่ ข้าคิดว่าข้าแต่งงานกับท่านแล้ว ก็เป็นฮูหยินโดยชอบธรรมของท่านแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะยังไม่ใช่ ไม่รู้ว่าในใจของท่านพี่ใครคือฮูหยินโดยชอบธรรมของท่านหรือ? ถ้าท่านพี่ไม่พอใจตัวข้า ก็สามารถหย่าร้างกับข้าได้ ข้าจะสละตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ผู้ที่เหมาะสม”

กู้จิ่งซีได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ไม่นึกว่าสาวใช้ที่ปกติประพฤติตัวอยู่ในกฎเกณฑ์จะกล้ากุเรื่องล้อเลียนเจ้านายเช่นนี้ เขาพูดว่า “ฮูหยินอย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของพวกนางเลย ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว ก็เป็นภรรยาของข้า ฮูหยินของข้าก็มีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้น”

เขาหยุดพูดชั่วครู่ สายตาที่เย็นเยือกจับจ้องไปที่สาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะหันมาถามว่า “สาวใช้สามหาวสองคนนี้ ฮูหยินวางแผนจะจัดการเช่นไร?”

เมิ่งจิ่นเหยาตอบว่า “พวกนางกุเรื่องล้อเลียนเจ้านายด้วยเจตนาร้าย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตบปากยี่สิบครั้ง ส่งไปอยู่ที่หมู่บ้านในชนบท หากท่านพี่เสียดาย จะเก็บไว้ก็ได้ แต่ห้ามมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าเด็ดขาด”

กู้จิ่งซีถามอีกครั้ง “ตอนนี้ตบไปกี่ครั้งแล้ว?”

หนิงตงตอบว่า “เรียนท่านโหว ตอนนี้ตบไปสิบครั้งแล้วเจ้าค่ะ”

กู้จิ่งซีและเมิ่งจิ่นเหยาเห็นพ้องต้องกัน ตัดสินชี้ขาดว่า “ตบอีกสิบครั้งที่เหลือ ทำตามที่ฮูหยินต้องการ มอบพวกนางให้เป็นหน้าที่ของพ่อบ้านเพื่อเนรเทศไปยังหมู่บ้านในชนบท ห้ามกลับเข้ามาทำงานในจวนอีก”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 340

    กู้จิ่งซีค่อนข้างประหลาดใจ “เจ้าใช้วิธีใด ถึงทำให้เขารับสารภาพเร็วขนาดนั้น?”ฉีอวิ้นเหวินหยักไหล่ หัวเราะพลางกล่าว “นั่นไม่ใช่ความดีความชอบของข้า เมื่อวานมีแม่นางคนหนึ่งมาพบเขา ไม่รู้พูดอะไร เขาก็รับสารภาพแล้ว”เมื่อได้ยิน กู้จิ่งซีก็ขมวดคิ้วแน่น และสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง “แม่นางผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาถูกจับตัว?”ฉีอวิ้นเหวินเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ และถามกลับว่า “โจรขโมยหญิงงามที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ และชั่วร้ายถูกจับตัวได้แล้ว เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เมื่อคืนข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หรือว่าเจ้าไม่รู้หรือ? ก็จริง น้องสะใภ้ป่วยแล้ว เจ้าไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจเรื่องอื่นก็ปกติ”กู้จิ่งซีปรากฏสายตาที่รู้ทันออกมาฉีอวิ้นเหวินกล่าวอีกว่า “ข้าเห็นแม่นางผู้นั้นแต่งกายเป็นสาวชาวยุทธจักร ซึ่งน่าจะเป็นชาวยุทธจักร และคาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่ว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญมากนัก เพราะตอนนี้ไขคดีได้ก็พอแล้ว”......จวนฉางซินโหวกู้ซิวหมิงมาคารวะยามเช้าให้เมิ่งจิ่นเหยา เขามาสายก้าวหนึ่ง กู้จิ่งซีเพิ่งออกไป เขาก็เพิ่งจะมาถึงนับตั้งแต่การกักบริเวณสิ้นสุดลง ตราบใดที

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 339

    เมิ่งจิ่นเหยาก็ไม่ปิดบัง และเล่าเรื่องที่พบหญิงวัยกลางคนในวัดหลินอวิ๋นเมื่อวานตอนบ่ายให้ฟังรอบหนึ่งพูดถึงช่วงสุดท้าย นางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “สวรรค์มีตาจริง ๆ จู่ ๆ ข้าก็ฉุกคิดอยากจะไปจุดธูปให้ท่านแม่ที่โถงหว่างเซิงของวัดหลิงอวิ๋น จึงได้พบอดีตบ่าวรับใช้ของท่านแม่ ท่านป้าท่านนั้นป่วยหนักมาก และเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากเมื่อวานข้าไม่ได้ไปเจอนางที่วัดหลิงอวิ๋น ความลับนั้นคาดว่าข้าจะไม่มีทางรู้ไปตลอดกาลเจ้าค่ะ”กู้จิ้งซีสีหน้ามืดมนลง พลางละอายใจต่อวิธีที่พ่อตานั้นทำอย่างมาก แม้จะแต่งงานตามคำสั่งของบิดามารดาและการจับคู่ของแม่สื่อ พลางไม่มีความรักระหว่างชายหญิงต่อแม่ยายเขา จะปิดบังความจริงเพราะรู้สึกผิดก็ช่าง ยังปล่อยให้มารดาและแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อบุตรสาวที่บริสุทธิ์อย่างรุนแรงอีกเขาเห็นแม่นางน้อยที่โกรธแค้นผสมปนเปกัน ก็ตบหลังมือของแม่นางน้อยเหมือนจะปลอบใจ และกล่าวอย่างเป็นนัยว่า “ฮูหยิน วิญญาณของแม่ยายที่อยู่บนสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่”เมื่อได้ยิน สีหน้าของเมิ่งจิ่นเหยาก็ชะงักไป พลางสบตาเข้ากับสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งของเขา ก็เข้าใจความหมายของเขา และยกรอยยิ้มที่อันตรายขึ้น “จริงด้วย

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 338

    เมิ่งจิ่นเหยาถามเสียงเบาว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง?”หมอประจำจวนเก็บนิ้วมือทั้งสามข้อที่อยู่บนแขนของเมิ่งจิ่นเหยากลับลงไป พลางตอบกลับ “ฮูหยิน ท่านมีปมในใจจนเกิดอาการซึมเศร้า แถมยังได้รับความเย็นเกินไปอีก จึงทำให้จู่ ๆ ก็ไข้ขึ้นสูง และจำเป็นต้องใช้ยาคลายเครียดเสียหน่อยก็จะดีขึ้นขอรับ”เมิ่งจิ่นเหยาพยักหน้า “รบกวนท่านหมอแล้ว”“ไม่รบกวนขอรับ” หมอประจำจวนรีบส่ายหน้า และกล่าวอีกว่า “แต่ว่า ฮูหยินร่างกายอ่อนแอ ควรจะบำรุงร่างกายให้ดีตั้งแต่ยังสาวถึงจะได้นะขอรับ”มิ่งจิ่นเหยาฟังจบ ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะนางรู้มาโดยตลอดว่าตนเองร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น หากไม่ระวังนิดหน่อยก็จะเป็นหวัด เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านมารดา นางไม่มีความพร้อมที่จะดูแลตนเอง ตอนนี้อยู่บ้านสามี นางใส่ใจเรื่องการกินมากขึ้น และได้ดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้นางจึงรู้สึกดีมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ปกติข้าก็ดูแลตนเองอยู่แล้ว รบกวนท่านหมอจัดยาคลายเครียดให้ข้าก็พอ”หมอประจำจวนฟังจบ ก็จ่ายยาคลายเครียดให้นาง และให้สาวใช้ตามเขาไปเอายากลับมาต้มหลังหมอประจำจวนจากไป

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 337

    บนรถม้าชิงชิวกับหนิงตงที่แทบไม่ได้นอนทั้งคืนนั่งพิงกัน และเผลอหลับไปเมิ่งจิ่นเหยาหายป่วยได้ไม่นาน ยังรู้สึกมึนศีรษะ คนทั้งคนก็หมดเรี่ยวแรง จึงเอนหลังพิงผนังรถม้าและหลับตาพักสมองทันใดนั้น รถม้าก็สั่นสะเทือน ท้ายทอยของนางกระแทกเล็กน้อย จึงรีบนั่งตัวตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ศีรษะกระแทกอีกกู้จิ่งซีเห็นแม่นางน้อยขมวดคิ้ว พยายามฝืนให้มีชีวิตชีวาขึ้น นั่งตัวหลังตรง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน และให้นางพิงหน้าอกของตนเอง เมื่อสบตาเข้ากับสายตาที่ตกใจของนาง ก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หากฮูหยิน อ่อนเพลีย ก็พิงข้าแล้วนอนเสียเถอะ”ตอนนี้เมิ่งจิ่นเหยารู้สึกทั้งตัวไม่มีแรง ศีรษะยังมึน ๆ อยู่ จึงไม่เกรงใจเขา และพิงอยู่บนตัวเขาด้วยความสบายใจอย่าดูถูกแม้กู้จิ่งซีดูจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่หน้าอกกว้างใหญ่ พิงอยู่บนตัวเขาอบอุ่นสบายตัว แถมได้กลิ่นดอกกล้วยไม้ที่หอมละมุนจากตัวของเขา ก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก แต่กลับไม่มีอาการง่วงเลยบางทีเพราะถูกผู้ชายกอดไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ เลยรู้สึกไม่คุ้นชินหรืออาจเป็นเพราะได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นตึกตักอยู่ข้างหู มันดังก้องอยู่ที่หู

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 336

    ท่าทางที่ดูป่วยเช่นนี้ ดูน่าเป็นห่วงยิ่งนักคนที่มีไข้ขึ้นสูง ไม่ควรห่มผ้าจนอบอ้าว ไม่เช่นนั้นอาการป่วยจะแย่ลง เขาจึงเปิดผ้าห่มบางออกให้แม่นางน้อยผ่านไปไม่นาน หนิงตงก็ยกอ่างน้ำอุ่นมาด้วยความรีบร้อน โชคดีที่วัดหลิงอวิ๋นมีคนเข้ามาสักการะอย่างเนืองแน่น ปกติจะมีผู้แสวงบุญมาค้างคืน และมีผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยที่มาจากครอบครัวร่ำรวย ดังนั้นเพื่อความสะดวกสบายของแขก ตอนกลางคืนภายในวัดก็มีกักเก็บน้ำร้อนไว้หนิงตงวางอ่างทองแดง พลางถาม “ท่านโหว น้ำอุ่นยกเข้ามาแล้ว ต้องทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”กู้จิ่งซีตอบกลับ “เช็ดหน้าผาก คอ รักแร้ และแขนขาให้ฮูหยินเพื่อระบายความร้อน”หนิงตงตอบรับ ยกอ่างทองแดงมาข้างหน้าทันที พลางวางอ่างน้ำไว้บนเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง และเตรียมจะถอดเสื้อผ้าให้นายหญิง ก็มองไปทางกู้จิ่งซีโดยไม่รู้ตัว พบว่าเขาหันหลังให้พวกนาง นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะน้ำชาเมื่อเห็นดังนั้น หนิงตงก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแอบพูดในใจว่า ท่านโหวเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับฮูหยิน ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเอาเปรียบหนิงตงไม่คิดอะไรมาก ก็ถอดเสื้อผ้าให้เมิ่งจิ่นเหยาด้วยความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเช็ดตั

  • ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก   บทที่ 335

    ในวินาทีนั้น เมิ่งจิ่นเหยาทำจิตใจให้สงบ ก้มหน้าลงมอง เห็นว่าบาดแผลที่มือซ้ายใช้ผ้าพันแผลพันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมองเพียงแวบแรกดูท่าทางเหมือนว่าบาดเจ็บสาหัส จึงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ตอนนี้เลือดไม่ซึมออกมาแล้ว อันที่จริงไม่พันแผลก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”กู้จิ่งซีเหลือบมองนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถึงแม้ไม่ใช่บาดแผลสาหัส แต่หากไม่พันแผล เมื่อชนหรือกระแทกเข้าโดยไม่ระวังแล้วเลือดไหลออกมาอีก ไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัว โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อศอก เนื้อผ้าเสียดสีก็อาจเจ็บได้เช่นกัน”เมิ่งจิ่นเหยาตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าในทันทีหลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถูกมือของกู้จิ่งซีดึงดูดความสนใจไป มือคู่นั้นเรียวยาวและขาวสะอาด ข้อต่อชัดเจน ราวกับหยกขาวที่แกะสลักอย่างประณีต ดูแล้วสบายตาสบายใจนักเมื่อหลุดออกจากความคิด นางก็ใจลอยอีกครั้งผ่านไปเป็นเวลานาน กู้จิ่งซีช่วยนางพันแผลจนเสร็จ และปล่อยมือของนาง เมื่อเห็นว่ามือขวาของนางยังยกอยู่ ก็กล่าวว่า “ฮูหยิน เสร็จแล้ว”แต่เมิ่งจิ่นเหยาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขา เขาจึงเรียกอีกครั้ง “ฮูหยิน?”เวลานี้ เมิ่งจิ่นเหยาถึงค่อย ๆ ได้สติกลับมา และพบกับส

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status