LOGINเทวีแห่งหนันไห่มองลูกสาวและมองพระสวามี นางรู้ว่าเขากำลังกริ้ว จึงต้องปรามลูกสาวช่างเถียงไว้ก่อน
"เสด็จพี่...อย่าทรงกริ้วนักเลยเพคะ ลูกยังเด็ก...เราต้องค่อย ๆ สอน"
"เจ้าก็ดูนางสิ...ทำผิดยังไม่สำนึก สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ"
เวยหลงกับเพ่ยหลงรู้ว่าบิดากำลังกริ้วหนัก เกรงน้องสาวต้องรับโทษหนัก เวยหลงจึงออกหน้าช่วยน้องสาว
"เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว น้อง ๆ ยังเด็กและคึกคะนอง ข้าเป็นพี่ใหญ่กลับดูแลน้อง ๆ ไม่ดี เป็นความผิดของข้าเอง...ขอเสด็จพ่อลงโทษข้าเถิด"
"เวยเอ๋อร์...พ่อรู้ว่าเจ้ารักน้อง ๆ แต่เจ้าใจอ่อนเกินไป จะคอยปกป้องพวกเขาเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้ น้อง ๆ ทำผิดเจ้าก็ออกรับแทนทุกครั้ง ทำให้พวกเขาเสียนิสัย เจ้าเป็นพี่ใหญ่...ต้องเข้มงวดกับน้อง ๆ ให้มากกว่านี้ ต้องสอนสั่งให้พวกเขารู้จักผิดชอบชั่วดีจึงจะถูก"
"ข้าน้อมรับคำสอนสั่งเสด็จพ่อ"
เวยหลงที่ยังคุกเข่าอยู่ก้มหน้าลง
"เสด็จพ่อ...ข้าก็ผิดที่ห้ามน้องสามไม่ได้ น้องสามทำผิดเพราะข้าดูแลน้องไม่ดี..."
"เพ่ยเอ๋อร์...พ่อรู้ว่าเจ้าพยายามห้ามน้องแล้ว แต่ลู่เอ๋อร์ดื้อรั้นไม่ฟังเจ้า เจ้าก็เพียงใจอ่อนเพราะรักน้อง พวกเจ้าทำสิ่งใด...อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้"
"ข้าขอประทานอภัย"
เพ่ยหลงก้มหัวจรดพื้น ฉีลู่เห็นพี่ชายสองคนออกหน้าช่วยเธอ ก็อดสำนึกเสียใจไม่ได้ นางคลานเข่ามาตรงหน้าเจ้าท่านสมุทรผู้เป็นบิดา
"เสด็จพ่อ...พวกพี่ ๆ ไม่ผิดนะเพคะ ท่านอย่าลงโทษพวกเขานะ"
ท่านเจ้าสมุทรสะบัดหน้าเมิน
"ก็ได้ ๆ ข้าผิดคนเดียว"
ฉีลู่ทำปากยื่น
"ใช่...ร้อยผิดพันผิดก็คือเจ้า ดื้อรั้น ทะนงตน ครานี้พ่อต้องดัดนิสัยเจ้าให้หลาบจำเสียที"
ท่านเจ้าสมุทรกล่าวเสียงดัง
"สะ...เสด็จพ่อจะทำอันใดเพคะ"
ฉีลู่มองบิดาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
"เวยเอ๋อร์...เพ่ยเอ๋อร์ พ่อจะลงโทษให้พวกเจ้ากักตนฝึกวิชาในห้อง 1 เดือน ห้ามย่างกรายออกจากห้องแม้สักครึ่งก้าว"
สององค์ชายมองหน้ากัน ไม่คิดว่าจะถูกลงโทษสถานเบาเช่นนี้ ทั้งคู่ยอมก้มหน้ารับโทษ
"ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่เมตตา ข้าน้อมรับโทษพะย่ะค่ะ"
สององค์ชายคำนับก้มหัวจรดพื้น
"ส่วนเจ้า..."
ท่านเจ้าสมุทรชี้ฉีลู่เสียงดัง
"พรุ่งนี้ข้าจะส่งเจ้าไปกักตัวที่เจดีย์เทียนคง (天空塔)"
สามพี่น้องและเทวีหนันไห่ตกใจจนอ้าปากค้าง ฉีลู่หมดแรงจะคุกเข่า ถึงกับนั่งพับลงกับพื้น
**เจดีย์เทียนคง...เป็นเจดีย์ใหญ่ที่อยู่บนสรวงสวรค์ ภายในเจดีย์เวิ้งว้างว่างเปล่าและไร้ขอบเขต มืดมิดไร้แสงเดือนแสงตะวัน ผู้ที่เข้าไปในเจดีย์จะออกมาเองไม่ได้ จนกว่าจะอยู่ในนั้นจนครบ 100 ปี ก็จะถูกเจดีย์ขับออกมาเอง
เทวีหนันไห่มาคุกเข่าขอร้องแทนลูกสาว นางทนไม่ได้ที่ลูกสาวคนโปรดจะถูกขังในเจดีย์แห่งนั้น
"เสด็จพี่...ลู่เอ๋อร์ยังเด็กนัก นางเพียงซุกซนและคึกคะนอง ท่านจะลงโทษนางอย่างไรข้าไม่ขัด ขอเพียงอย่าส่งลูกไปอยู่ในเจดีย์เทียนคงเลยนะเพคะ โปรดเมตตาลู่เอ๋อร์ด้วยเถิด"
"เสด็จพ่อ...โปรดเมตตาด้วย"
"เสด็จพ่อ...สงสารน้องสามเถิด"
สององค์ชายช่วยกันวิงวอนบิดา
"ก็เพราะพวกเจ้าเห็นว่านางยังเด็ก จึงรัก ถนอมนางและตามใจทุกสิ่ง นางจึงมักทำตามอำเภอใจจนสร้างความเดือดร้อนมาสู่พวกเจ้า กี่คราแล้วที่พวกเจ้าต้องช่วยแก้ไขสิ่งที่นางทำผิด ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อดัดนิสัยนาง ซู่เจียว...เจ้าก็อดทนหน่อยนะ 100 ปีก็ใช่ว่าจะนานนัก"
"เสด็จพี่..."
"ทหาร...พาองค์หญิงสามไปขังไว้ในห้อง พรุ่งนี้นำตัวไปขังที่เจดีย์เทียนคง"
ฉีลู่รีบมากอดเข่าขอร้องบิดา
"เสด็จพ่อ...ลูกสำนึกแล้ว อย่าส่งลูกไปในที่เช่นนั้นเลยเพคะ...ได้โปรด"
"พาตัวออกไป"
ทหาร 2 คน เข้ามาพาตัวฉีลู่ออกไป เพ่ยหลงจะลุกตาม แต่ถูกทหารขวางไว้
"เสด็จพ่อ..."
เสียงฉีลูร้องไห้ช่างบาดหูบาดใจคนเป็นพ่อแม่นัก แต่ท่านเจ้าสมุทรหนันไห่จำต้องใจแข็งทำเช่นนี้เพื่อดัดนิสัยลูกสาว ครั้นทอดตามองเทวีซู่เจียวที่ฟุบหน้าร้องไห้ ใจคนเป็นพ่อก็เจ็บไม่แพ้กัน
ทั้งสามถูกพาตัวกลับห้องของตน องค์ชายทั้งสองมีเพียงทหารเฝ้าหน้าห้อง แต่ฉีลู่ถูกปิดขังใส่กุญแจให้อยู่แต่ในห้อง นางโมโหขว้างปาข้าวของจนเกลื่อน
"ไม่มีทาง...ข้าไม่ยอมถูกขังอยู่ในที่แบบนั้นแน่ หากต้องอยู่ในนั้นตั้ง 100 ปี ข้าสู้ยอมตายเสียดีกว่า ดีล่ะ...เมื่อเสด็จพ่อจะจับข้าขังไว้ในเจดีย์ให้ได้ ข้าก็ไม่อยู่ให้โดนจับขังหรอก..."
องค์หญิงจอมซนคิดหาทางจะหนีออกไปจากห้อง
"อืม...แต่ถ้าหนีได้แล้ว ข้าจะหนีไปที่ใดดี ตายแล้ว ๆ เสด็จพ่อกว้างขวางใน 4 คาบสมุทรเสียด้วยสิ ไม่ว่าข้าจะหนีไปหนใด...เสด็จพ่อก็ต้องจับตัวข้าได้แน่ โอ๊ย!...ข้าจะหนีไปที่ใดได้เล่านี่ ไปที่ใดดี...ไปที่ใดดี"
ฉีลู่เดินไปเดินมาใช้ความคิดอย่างหนัก
"ไปสวรรค์...ไม่ ๆๆ ไปสวรรค์ไม่ได้ เสด็จพ่อต้องตามเจอแน่ อืม...แดนมนุษย์ ใช่แล้ว...หากไปแดนมนุษย์ ย่อมมีทางหนีมากกว่า อย่างน้อยก็รอจนเสด็จพ่อหายกริ้วได้ ดีล่ะ...เอาตามนี้แหละ"
ฉีลู่ยิ้มพอใจ นางเดินไปเขย่าประตูที่ล็อคแน่นหนา
"คิดว่าจะขังข้าได้หรือ โชคดีที่พี่ใหญ่สอนเวทย์แปลงร่างให้ข้าแล้ว อืม...แปลงเป็นปลาน้อยก็แล้วกัน"
ฉีลู่ร่ายเวทย์แปลงร่างเป็นปลาตัวน้อย ว่ายออกทางช่องหน้าต่างหนีออกไปจนได้ ฉีลู่สามารถลัดเลาะหลบหนีสายตาทหารยามออกมาจนถึงประตูใหญ่หน้าด่าน
"อีกนิดเดียวก็จะพ้นแล้ว"
ฉีลู่คิดอย่างยินดี นางอาศัยแนวปะการังกับดอกไม้ทะเลเป็นที่กำบังตน แต่พอมาถึงประตูหน้าด่าน กลับพบว่ามีทหารยามมากมายยืนอยู่
"อันไดกันนี่...ไยวันนี้เวรยามจึงแน่นหนานัก เช่นนี้ข้าจะเล็ดลอดออกไปได้หรือ...ทำอย่างไรดี ๆ"
ฉีลู่แอบมองและคิดหาทางอยู่หลังดอกไม้ทะเล มีดอกไม้ทะเลดอกหนึ่ง อ้าปากจะงับปลาน้อยฉีลู่ มันอ้าปากกว้าง รอให้ฉีลู่ว่ายเข้าไปหาเองแล้วค่อยงับ
ฉีลู่มัวแต่มองดูทหารยาม และคิดหาทางหนีออกไป จึงไม่ทันระวังดอกไม้ทะเลที่อ้าปากกว้างรออยู่ อีกเพียงนิดเดียวฉีลู่ก็จะเข้าสู่ปากดอกไม้ทะเลแล้ว จู่ ๆ ก็มีหินมากระแทกดอกไม้ทะเลจนต้องหุบปากลง ฉีลู่เหลียวมามอง และตกใจจนต้องว่ายน้ำหนี
แต่ฉีลู่ว่ายไปได้เพียงเล็กน้อย ก็ถูกมือใหญ่จับตัวไว้ได้ ฉีลู่ตกใจเงยหน้ามองเจ้าของมือ เป็นสตรีหน้าตาน่ารักนางหนึ่ง
"เสี่ยวเซี่ย (小夏)"
ฉีลู่เรียกอย่างดีใจ สะบัดหางเล็ก ๆ ไปมา เสี่ยวเซี่ยเป็นปลาที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วยอานุภาพของมุกประจำตัว นางเป็นคนรับใช้และคนสนิทของฉีลู่
"องค์หญิงสาม...นี่ท่านเองหรือ"
"เจ้าไปไหนมาเสียหลายวัน"
"ข้าไปทำธุระให้พระเทวีเพคะ กลับมาก็ได้ยินเรื่ององค์หญิง กำลังจะไปเฝ้าพอดี เห็นปลาน้อยสีสวยจะถูกกิน...จึงมาช่วยไว้ ไยท่านจึงแปลงเป็นปลาเล่าเพคะ"
"ชู่ว์...เจ้าอย่าเสียงดังสิ ข้าหาทางแทบตายกว่าจะมาถึงที่นี่ได้นะ"
"ท่านคิดทำสิ่งใดกันแน่ ตอนนี้ฝ่าบาทให้เหล่าสัตว์น้ำทุกตัวตามหาท่านอยู่นะเพคะ"
"อะไรกัน...ข้าออกมาเพียงครู่เดียวเองนะ ไยเสด็จพ่อจึงทรงทราบเร็วนัก เสี่ยวเซี่ย...เจ้าต้องช่วยข้านะ"
"จะให้ข้าช่วยอย่างไรเพคะ"
"ช่วยให้ข้าออกจากเขตแดนหนันไห่นะสิ ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว เสด็จพ่อจะจับข้าไปขังไว้ในเจดีย์เทียนคง"
เสี่ยวเซี่ยอ้าปากตกใจหน้าซีด
"ท่านอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วจริง ๆ แต่จะออกไปอย่างไรเล่าเพคะ ทหารยามตามหาท่านไปทั่ว ซ้ำยังมีรับสั่งให้เฝ้าประตูใหญ่อย่างแน่นหนาด้วย..."
"ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องหนีให้ได้"
ฉีลู่มองพวกทหารที่ยืนเหมือนรอรับคำสั่ง
"อยากรู้จริง...พวกเขาคิดทำอันใดกัน เจ้าอยู่ตรงนี้นะ...อย่าเสียงดังด้วย ข้าจะเข้าไปแอบฟังพวกเขาสักหน่อย"
"ข้าไปด้วยเพคะ"
เสี่ยวเซี่ยคืนร่างเป็นปลาว่ายน้ำตามฉีลู่ในร่างปลาน้อยไปแอบฟังพวกทหารคุยกัน ฉีลู่ต้องหนีให้ได้ก่อนที่ใครจะทันจับตัวนางได้
เทวีแห่งหนันไห่มองลูกสาวและมองพระสวามี นางรู้ว่าเขากำลังกริ้ว จึงต้องปรามลูกสาวช่างเถียงไว้ก่อน"เสด็จพี่...อย่าทรงกริ้วนักเลยเพคะ ลูกยังเด็ก...เราต้องค่อย ๆ สอน""เจ้าก็ดูนางสิ...ทำผิดยังไม่สำนึก สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ"เวยหลงกับเพ่ยหลงรู้ว่าบิดากำลังกริ้วหนัก เกรงน้องสาวต้องรับโทษหนัก เวยหลงจึงออกหน้าช่วยน้องสาว"เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว น้อง ๆ ยังเด็กและคึกคะนอง ข้าเป็นพี่ใหญ่กลับดูแลน้อง ๆ ไม่ดี เป็นความผิดของข้าเอง...ขอเสด็จพ่อลงโทษข้าเถิด""เวยเอ๋อร์...พ่อรู้ว่าเจ้ารักน้อง ๆ แต่เจ้าใจอ่อนเกินไป จะคอยปกป้องพวกเขาเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้ น้อง ๆ ทำผิดเจ้าก็ออกรับแทนทุกครั้ง ทำให้พวกเขาเสียนิสัย เจ้าเป็นพี่ใหญ่...ต้องเข้มงวดกับน้อง ๆ ให้มากกว่านี้ ต้องสอนสั่งให้พวกเขารู้จักผิดชอบชั่วดีจึงจะถูก""ข้าน้อมรับคำสอนสั่งเสด็จพ่อ"เวยหลงที่ยังคุกเข่าอยู่ก้มหน้าลง"เสด็จพ่อ...ข้าก็ผิดที่ห้ามน้องสามไม่ได้ น้องสามทำผิดเพราะข้าดูแลน้องไม่ดี...""เพ่ยเอ๋อร์...พ่อรู้ว่าเจ้าพยายามห้ามน้องแล้ว แต่ลู่เอ๋อร์ดื้อรั้นไม่ฟังเจ้า เจ้าก็เพียงใจอ่อนเพราะรักน้อง พวกเจ้าทำสิ่งใด...อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้""ข้าขอประทานอภั
สามพี่น้องกลับมาถึงวังมรกต (翡翠宮) ฉีลู่แปลงร่างเป็นมนุษย์ก่อน พี่ชายทั้งสองก็แปลงร่างตาม แต่ยังไม่มีใครก้าวเดินเข้าไปในวัง"พวกเราหายออกไปตั้งนาน ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อจะทรงทราบความหรือยัง"เพ่ยหลงแสดงความกังวล"พี่ว่าเสด็จพ่อน่าจะทรงทราบแล้ว พวกเราไปเข้าเฝ้ากันเถิด เลยเวลาเข้าเฝ้ามานานแล้วนะ""พี่ใหญ่...พี่รอง พวกท่านเข้าไปเถิด""เจ้าคิดหลบหน้าเสด็จพ่อหรือ"เวยหลงถามน้องสาว ฉีลู่หลบตาพี่ชายที่มองมา"ขืนข้าเข้าไป...ข้าเสร็จแน่""เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือ ไม่ว่าเจ้าจะไปหนใด...เสด็จพ่อก็ล้วนทรงทราบ"เพ่ยหลงจับหัวน้องสาว"ข้ารู้...ครั้งนี้ข้าก่อเรื่องใหญ่ เสด็จพ่อต้องลงโทษข้าแน่เลย""รู้ตัวก็ดีแล้ว...เสด็จพ่อเข้มงวดเพราะรักเจ้านะ ไปเข้าเฝ้าเถิด...พี่จะช่วยเจ้าเอง""พี่ก็จะช่วยเจ้าด้วย"ฉีลู่ยิ้มน่ารักให้พี่ชายทั้งสอง"พี่ใหญ่...พี่รอง ข้ารักพวกท่านที่สุดเลย"ฉีลู่กอดแขนพี่ชายทั้งซ้ายและขวาเข้าไปในท้องพระโรงของวังด้วยกัน ในท้องพระโรงโอ่อ่าสง่างาม แวดล้อมไปด้วยเหล่าบริวาร และประดับด้วยของมีค่านานาชนิด เจ้าสมุทรหนันไห่และชายานั่งอยู่บนบัลลังก์เคียงข้างกัน"คาระวะเสด็จพ่อเสด็จแม่"ทั้งสามคุกเข่าคารวะ
ไท่หลงคิดว่ามารดาจะลงโทษสามพี่น้อง ก็หัวเราะตาม แต่เทวีซีไห่กลับเดินมาหาฉีลู่ นางลูบเกล็ดสีรุ้งที่งดงามเบา ๆ"เกล็ดเจ้าช่างงามนัก"ฉีลู่ผงกหัวคำนับนาง"พระเทวี...ข้าขออภัยเพคะ""ข้าเข้าใจ...เจ้าทำเพราะความกตัญญูต่อมารดา ข้าไม่ตำหนิเจ้าหรอก เพียงแต่...ต่อไปจะกระทำสิ่งใด ก็ต้องให้รอบคอบกว่านี้นะ เพียงบอกกล่าวสักคำก็ยังดี""ขอบพระทัยพระเทวีที่สอนสั่งเพคะ"ฉีลู่ผงกศีรษะคำนับเทวีซีไห่"พวกเจ้าก็อย่าได้กังวลเลยนะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเพียงเล็กน้อย จะลงโทษพวกเจ้าได้อย่างไร พวกเจ้ากลับไปเถิด ข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น"เสด็จแม่...ไม่ได้นะ""ไท่เอ๋อร์...พอแล้ว อย่าก่อเรื่องให้ยืดยาวอีกเลย""ข้าก่อเรื่องหรือ...เป็นพวกมันต่างหากที่ก่อเรื่อง"ไท่หลงกล่าวเสียงดัง"ไท่เอ๋อร์...แม่เห็นทุกอย่าง ใช่จะกล่าวหาเจ้าเพียงลอย ๆ หากเจ้าไม่พอใจ...เราก็ไปเล่าให้บิดาเจ้าฟัง ให้เขาเป็นผู้ตัดสิน...ดีหรือไม่""เสด็จแม่..."ไท่หลงพ่นลมร้อนออกมา แสดงความไม่พอใจ เขาเกรงบิดาเพียงผู้เดียว เพราะบิดาไม่ค่อยโปรดเขาเท่าน้องชาย จึงไมอยากทำให้บิดาไม่พอใจ"พระเทวี...ท่านช่างใจดีนัก ท่านยอมปล่อยเรากลับไปจริง ๆ หรือ
พลันกระแสน้ำรอบกายก็แปรเปลี่ยน มันไหลวนและบีบแน่นเข้ามาทุกที เวยหลงและเพ่ยหลงรีบคืนร่างเป็นมังกร เวยหลงสะบัดหางตีกระแสน้ำที่อัดแน่น...ไม่นานความอัดแน่นก็หายไป ไท่หลงเห็นแล้วอารมณ์เสีย"มีฝีมือไม่เลวนี่""ไท่หลง...ท่านหยุดเพียงเท่านี้เถิด อย่าให้ต้องขาดไมตรีต่อกันเลยมังกรเงินเวยหลงไม่อยากมีเรื่อง จึงคิดประนีประนอม"พี่ใหญ่...เมื่อเขาไร้มารยาท ไยต้องไปพูดดีด้วย"มังกรแดงเพ่ยหลงเตรียมจะช่วยน้องสาวจู่โจมไท่หลง"น้องรอง...น้องสาม พวกเจ้าอย่าก่อเรื่องใหญ่...ถอยไป"สองมังกรไม่กล้าขัดคำสั่งพี่ใหญ่ จึงถอยออกมา ไท่หลงสะบัดหางตีน้ำแรง ๆ เขาโกรธฉีลู่มาก"ไท่หลง...เลิกแล้วต่อกันเถิด สู้ไปก็มีแต่บาดเจ็บล้มตาย อย่าให้ต้องเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเลยนะ""ข้ายอมให้ทุกคนกลับไปก็ได้ แต่องค์หญิงสามต้องอยู่ที่นี่""เพราะเหตุใด...""เป็นนางที่ก่อเรื่อง ข้าจะให้นางชดใช้ที่ล่วงล้ำเขตหวงห้ามและกล้าล่วงเกินข้า""คิดว่าข้าจะยอมอยู่เฉย ๆ หรือ"ฉีลู่ทำท่าเอาเรื่อง"ไม่ยอม...แล้วเจ้าจะทำไม อยู่ปรนนิบัติให้ข้าพอใจสักเดือน แล้วข้าจะส่งเจ้าคืนหนันไห่""ไท่หลง...เจ้าอย่าให้มากเกินไปนะ น้องสามข้าเป็นถึงองค์หญิง ไม่ใช่กุ้งหอ
องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองมาถึงพอดี สองพี่น้องรีบเลื้อยมาหาน้องสาว แต่ช้ากว่ามังกรดำอีกตัวที่มาถึงตัวฉีลู่ก่อนพี่ชายทั้งสอง"หยุดนะ...เจ้าเป็นผู้ใดกัน กล้าดีอย่างไรจึงบุกเข้าแดนหวงห้าม ซ้ำยังมาทำร้ายบริวารของข้าอีก"มังกรดำตวาดเสียงดัง"แล้วเจ้าเล่าเป็นผู้ใด"ฉีลู่ย้อนถาม"ข้าคือองค์ชายไท่หลง (泰龍) องค์ชายใหญ่ของทะเลซีไห่""แล้วไง...ข้าต้องสนใจด้วยหรือ""เจ้าบังอาจล่วงล้ำเขตแดนของข้า ซ้ำยังทำตัวโอหัง...เจ้าคือผู้ใดกันแน่""ข้าชื่อฉีลู่...เป็นธิดาเจ้าสมุทรหนันไห่""อ้อ...องค์หญิงสามแห่งหนันไห่หรือ"ไท่หลงทำเสียงเหมือนเยาะ"ข้าเพียงมาขอปะการัง 7 สีสักกิ่ง คงไม่รบกวนให้องค์ชายต้องลำบากออกมาต้อนรับหรอกนะ"ไท่หลงพ่นลมออกจากจมูก แล้วกลายร่างเป็นชายหนุ่ม แต่งกายด้วยอาภรณ์สีดำ ร่างกายกำยำล่ำสัน ใบหน้านิ่ง แฝงความดุดัน"หากองค์หญิงมาขอด้วยไมตรี ข้าก็ยินดีจะมอบให้ ไม่ใช่มาบุกรุกและทำร้ายคนของข้าเช่นนี้""ข้าก็มาขอดี ๆ แต่เจ้าปูยักษ์มาขวางทาง ซ้ำยังกล้ามาขอมุกหนันไห่แลกเปลี่ยน...ช่างบังอาจนัก"ไท่หลงหันไปมองเจ้าปูยักษ์ที่หมอบเงียบเพราะบาดเจ็บ"ก็สมน้ำสมเนื้อดีนี่ เขาไม่ได้ขอเกินไปเสียหน่อย""พวกเจ้
ณ.ทะเลหนันไห่ (南海 = ทะเลใต้) อันกว้างใหญ่ มีพระราชวังสีเขียวมรกตงดงามตั้งอยู่ วังนี้เป็นที่ประทับของพญามังกร หรือเจ้าสมุทรหนันไห่ ทะเลแดนใต้นี้...ทั้งใหญ่และลึก จึงมีสัตว์น้ำและพืชน้ำหายากอยู่มากมายท่านเจ้าสมุทรมีชายาที่งดงามมาก นางเป็นนางฟ้า...ที่เง็กเซียนประทานให้ มีนามว่า ซู่เจียว (淑娇) ทั้งคู่มีโอรส 2 องค์และธิดา 1 องค์ธิดาองค์เล็กเป็นมังกรสาวมีเกล็ดสีรุ้งที่งดงาม แต่ซุกซนมาก วันนี้้นางก็ชวนบริวารกุ้งสาวกับปลาอีก 2 ตัว ว่ายน้ำไปเก็บปะการังที่เขตแดนของ ทะเลซีไห่ (西海 = ทะเลตะวันตก)"พวกเจ้าว่ายน้ำให้เร็วกว่านี้ได้หรือไม่ หากชักช้า...เจ้าปูเกเรจะออกมาขวางเสียก่อน"มังกรสาวกล่าวกับบริวาร"องค์หญิง...พวกเราเร่งเต็มที่แล้วนะเพคะ เร็วกว่านี้คงไม่ได้แล้ว"กุ้งสาวที่เป็นบริวารบอกกับนาง"พวกเจ้าชักช้านัก ข้าล่วงหน้าไปก่อนล่ะ พวกเจ้าเร่งตามมาก็แล้วกัน"มังกรสาวกล่าวแล้วก็เลื้อยไปอย่างรวดเร็ว แต่มีมังกรเกล็ดสีแดงมาขวางหน้านาง เขาคือโอรสองค์รองของเจ้าสมุทรหนันไห่ มีนามว่าองค์ชาย เพ่ยหลง (沛龍)"น้องสาม...เจ้าจะไปที่ใด""พี่รอง...ข้าจะไปเอาปะการัง 7 สีมาถวายเสด็จแม่""เจ้าช่างซุกซนจริง รู้หรือไม







