Share

9. ที่ต่ำที่สูง (1)

last update Huling Na-update: 2025-09-30 18:54:15

“อาเป่า เจ้าอยากทานสิ่งใดบอกข้า วันนี้ข้าได้เงินจากพี่ใหญ่และพี่รองมาเต็มถุงเลย”

เป็นเวลาเกือบเดือนที่เหล่าคุณชายสกุลเกา รับรู้ว่าน้องสาวล้มป่วย แต่หน้าที่การงานรัดตัว ต้องไปราชการต่างเมือง จึงมิได้มาปลอบใจน้องสาวในทันใด

พอเกิงชุนกับจวินอู๋กลับมาเห็นท่าทีของน้องสาวเปลี่ยนไป ก็คิดว่านางคงเสียใจหนักมาก จึงเอาอกเอาใจยกใหญ่ เยี่ยนฟางอยากได้สิ่งใดก็ควักเงินให้ไปซื้ออย่างไม่ลังเล

“โอ้โห คุณชายทั้งสองมีเงินทองมากมายเสียจริงขอรับ”

“แน่สิ ยังเหลือพี่สามอีกหนึ่งคน ที่ข้ายังไม่ได้ขอ”

“เช่นนั้นบ่าวทานเสี่ยวหลงเปาได้หรือไม่ขอรับ กลิ่นหอมมาแต่ไกล”

“อาเป่า เจ้าชักจะเกินไปแล้ว” ลี่จูปรามบุตร

“เจ้านี่อย่างไรลี่จู ลูกชายเจ้ากินเก่งก็ดีแล้ว ข้าเองก็จะซื้อเสี่ยวหลงเปาไปฝากองค์ชายเช่นกัน”

“คะ คุณหนูยังจะไปอีกหรือเจ้าคะ ไปทีไร ก็เจ็บตัวกลับมาทุกครา” ลี่จูว่าเสียงเบา นางกับลูกตามคุณหนูไปจวนองค์ชายมานับครั้งไม่ถ้วน ไปทุกวัน คุณหนูของนางก็ถูกลาก ถูกจับโยนออกมานอกประตูจวนทุกวัน

“เอาเถิดๆ อย่างน้อยองค์ชายก็ยอมแตะตัวข้า ก่อนหน้านี้เขาเคยเอาไม้เขี่ยข้าด้วยซ้ำ แสดงว่าเริ่มใจอ่อนแล้ว”

“แล้วเหตุใดคุณหนูต้องทำให้องค์ชายใจอ่อนด้วยเล่า เขาไม่อยากให้เราช่วย ก็ช่างเขาปะไร”

‘เพราะข้าอยากกลับสวรรค์แล้วอย่างไรเล่า’ นางอยากตะโกนตอบเช่นนี้ แต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้

“เจ้าอย่าถามให้มากความ ข้าเริ่มหิวแล้ว” ว่าเสร็จ กายงามในชุดสีฟ้าสดใสก็เดินตรงไปที่ร้านเสี่ยวหลงเปาทันที

“ภาพเหล่านี้เป็นของท่านหรือ…เด็กๆ เอาภาพที่ซื้อจากบุรุษผู้นี้ออกไปจากหอฉีฉวนของเราให้หมด”

เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น ดึงสายตาของผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณนั้น ให้หันไปสนใจ ไม่เว้นแม้แต่เยี่ยนฟาง ที่กำลังกินเสี่ยวหลงเปาอย่างเอร็ดอร่อย

“เสียงดังมาจากหน้าหอนางโลมฉีฉวนเจ้าค่ะ”

“ไปดูสักหน่อยเถิด ข้าอยากรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ลี่จูอย่าลืมถือของมาด้วยเล่า”

สองเท้ารีบก้าวไปยังสถานที่เกิดเหตุ แต่ทันทีเข้ามาในวงล้อม ก็ต้องตกใจเมื่อคนที่กำลังถูกด่าทอ คือ หวงหยางจิ้ง

“นะ นี่มันอันใดกัน เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“ก็เถ้าแก่เนี้ยของหอนางโลมดันไปรู้เข้า ว่าภาพที่ตนเองซื้อมาตกแต่งหอ เป็นภาพวาดฝีมือองค์ชายใหญ่น่ะสิ จึงได้โวยวาย ให้คนขนภาพเล่านี้มาเผาต่อหน้าต่อตา” ได้ยินคำบอกเล่าจากชาวบ้านบริเวณนั้น สามนายบ่าวก็รีบตรงเข้าไปช่วยเจรจาทันที

“เผาให้หมด ข้ามิอยากได้ภาพวาดเปื้อนเลือด มารดากับบุตร อย่างไรก็อำมหิตไม่ต่างกับ สังหารได้แม้กระทั่งเด็กอายุเพียงเจ็ดหนาว”

“…” หยางจิ้งมองเหล่านางโลมโยนภาพของเขาลงกับพื้น ด้วยสายตาเรียบเฉย ทว่าภายในอกกลับรู้สึกอยากฉีกเนื้อคนพวกนั้นเป็นชิ้นๆ

ผลงานที่เขาตั้งใจสร้าง กลับถูกโยนทิ้งอย่างไร้ค่าไร้ราคา น่าตายนัก!

“อ่อ ส่วนภาพที่นำมาวันนี้ ข้าจะรับไว้ เอามาเผาด้วยกันทั้งหมดนี่!” ว่าแล้วก็โยนเงินหลายตำลึงกระจายทั่วพื้น และสั่งให้ชายฉกรรจ์สามสี่คนเข้ามาดึงภาพวาดไปจากมือของหยางจิ้ง

“…” เมื่อภาพถูกนำไปแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องได้ค่าตอบแทน คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็ย่อตัวลงเก็บเหรียญตำลึงที่ตกเกลื่อน สร้างความสะใจให้กับเถ้าแก่เนี้ยหอฉีฉวนไม่น้อย

เพราะเช้าวันนี้เข่อชิงป่วยกะทันหัน หยางจิ้งจึงตัดสินใจมาส่งภาพเขียนด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้เลยกำหนด แต่เขากลับลืมไปเสียสนิทว่าพระสนมกงลี่จิน มารดาขององค์ชายรองที่ตายไป เคยเป็นคณิกาในหอนางโลมที่สั่งภาพเขียนจากเขา

เหล่านางโลมของหอฉีฉวนจึงจงรักภักดีต่อพระสนม พอรู้ว่าองค์ชายรองเสียชีวิตเพราะอดีตฮองเฮา จึงพาลเกลียดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพระนาง

“เผาให้หมด ของจากคนไร้ค่า มิควรเอามาประดับในหอให้สิ้นความรุ่งเรือง”

“เกินไปแล้วกระมัง เป็นเพียงนางโลมชั้นต่ำ กล้ากล่าววาจาดูหมิ่นองค์ชายถึงเพียงนี้เลยหรือ” สายตาทุกคนจับจ้องมายังเยี่ยนฟาง ที่พึ่งเข้ามาร่วมวงสนทนา

บุตรสาวแม่ทัพเดินเข้าหาสามี พลางใช้สายตาเหลือบมองเหล่าชายฉกรรจ์ที่ล้อมหยางจิ้งไว้ ทำเอาคนพวกนั้นก้าวถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว

แน่สิ! ทั่วเมืองหลวง มีผู้ใดบ้างมิเคยได้ยินความเอนเอียงของบุรุษสกุลเกา หากว่ามีผู้ใดกล้าแตะเกาเยี่ยนฟางเข้า ชะตาคงจะขาดเป็นแน่

“เรื่องนี้มิเกี่ยวข้องกับคุณหนู ขอท่านถอยไปด้วยเถิด ข้ามิอยากผิดใจกับสกุลเกา”

“เถ้าแก่เนี้ยรับแขกจนเลอะเลือนหรือ องค์ชายใหญ่เป็นบุตรเขยสกุลเกา เป็นสวามีของข้า เหตุใดจะไม่เกี่ยวข้อง”

ประโยคเมื่อครู่ทำเอาชาวบ้านฮือฮากันขึ้นมา บ้างก็ตกใจที่คุณหนูเกาเปลี่ยนใจจากองค์ชายสามอย่างรวดเร็ว บ้างก็เอ่ยว่าเยี่ยนฟางวิปลาสเพราะถูกหักอก

“ท่าน! คิดว่าเป็นคนสกุลเกา แล้วจะหยิ่งผยองในที่ของข้าได้หรือ”

“เหตุใดจะไม่ได้เล่า วันนี้พี่ใหญ่ของข้าได้รับสารจากแคว้นเยว่ เห็นว่าทางนั้นอยากได้สาวงามจากแคว้นเรา ไปปรนนิบัติฮ่องเต้และเหล่าองค์ชาย ข้าจึงแนะนำว่าหอนางโลมฉีฉวนน่าจะเหมาะสม” เยี่ยนฟางกระตุกยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของหญิงนางโลม

“…”

“แต่เห็นที กิริยาเช่นนี้คงไม่เหมาะเป็นตัวแทนของแคว้นกระมัง ข้าคงต้องเสนอสตรีจากหอนางโลมอื่นเสียแล้ว”

“คุณหนูอย่าพึ่งด่วนตัดสินใจ เรื่องนี้เป็นหน้าเป็นตาของบ้านเมือง ควรคัดสรรสตรีที่ดีพร้อม”

“แล้วสตรีจากที่ใดจึงจะดีพร้อมเล่า แต่ที่แน่ๆ คงมิใช่สตรีไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าต่อว่าเชื้อพระวงศ์กระมัง”

“…” ทั้งที่แผ่นหลังของสตรีตรงหน้า บอบบางจนแทบพลิ้วไหวไปกับลม แต่กลับทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

“พวกเจ้าเป็นผู้ใด องค์ชายเป็นผู้ใด ควรสำเหนียกไว้เสียบ้าง อย่างไรเสียโลหิตในกายครึ่งหนึ่งขององค์ชาย ก็มาจากองค์ฮ่องเต้”

“…”

“อ่อ แล้วภาพพวกนี้ข้าจะซื้อไว้ทั้งหมด ของสูงส่งเช่นนี้ ไม่สมควรมาอยู่ในที่ต่ำตม” ถุงเงินถูกปาลงพื้นดิน ก่อนหญิงสาวจะพยักหน้าให้บ่าวชายที่ตามมา เก็บภาพของหยางจิ้งขึ้นรถม้าไปให้หมด

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   54. ตอนพิเศษ : แก้วตาดวงใจ (3)

    “แล้วจะให้เขาทำอย่างไรเพคะ หากเขามาขอด้วยตนเอง ฝ่าบาทก็จะทรงค่อนแคะว่าเขาไม่จริงจัง มิยอมให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอใช่หรือไม่”“…” หยางจิ้งลูบแขนที่ถูกตีปรอยๆ ไม่ยอมตอบสิ่งใดออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาคิดเช่นนั้นจริงเหตุการณ์ในตำหนักใหญ่ดูจะตึงเครียดขึ้นมา ฝ่าบาทเองก็ไม่ยอมอ่อนจนฮองเฮาเริ่มจะอารมณ์ไม่ดี เซียนหนี่ว์จึงต้องใช้ไม้ตาย“เสด็จพ่อมิวางใจลูกเลยหรือเพคะ พระองค์คิดว่าลูกมองคนไม่ออก ว่าผู้ใดจริงใจ ผู้ใดคิดหลอกลวงหรือ” น้ำตาเม็ดโตหยดลงบนแก้มใส จนผู้เป็นบิดาร้อนใจ“หนี่ว์เอ๋อร์ เหตุใดจึงร้องไห้ พ่อมิได้คิดเช่นนั้น พ่อเพียงเป็นห่วงเท่านั้น พ่อไม่รู้จักเขา ไม่เคยได้พูดคุย เขาไม่เคยมาแสดงความจริงใจกับพ่อเลยสักครั้ง จะให้พ่อวางใจเขาให้ดูแลเจ้าได้อย่างไร”“หากเป็นเรื่องนั้นลูกผิดเองเพคะ ลูกไม่ยอมให้เขามาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เพราะกลัวว่าเสด็จพ่อจะน้อยใจลูก”“…”“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อให้โอกาสเขาสักครั้งเถิดเพคะ อย่างน้อยก็อย่าพึ่งปฏิเสธเขาเลย”“พ่อปฏิเสธไปแล้ว…แต่หากเขาจริงใจและรักเจ้าจริง ทันทีที่สารจากแคว้นเราเดินทางไปถึง เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อมาหาลูกพ่อ”“…”“ถึงครานั้น พ่อจะให้โอกาสเขา” ได้ยินเ

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   53. ตอนพิเศษ : แก้วตาดวงใจ (2)

    “มีอันใด พ่อตกใจหมด”“สะ เสด็จพ่อปฏิเสธหรือเพคะ ปฏิเสธได้อย่างไร”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า ในเมื่อธิดาของพ่อยังไม่อยากแต่งออก พ่อเองก็จะไม่บังคับ ท่านตาและท่านลุงของเจ้าต่างก็เห็นด้วยกับพ่อ”“แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเลยนะเพคะ ฝ่าบาทพิจารณาอีกทีเถิด” เยี่ยนฟางรีบว่า“แล้วอย่างไร บุตรสาวเพียงคนเดียวของข้า จะให้แต่งไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองได้อย่างไรกัน หากแคว้นโจวไม่พอใจก็ปล่อยพวกเขายกทัพมา ข้าพูดคุยกับท่านพ่อตาแล้ว ว่าให้จัดเตรียมกองทัพให้พร้อม”“….”“พี่รองของเจ้าก็ส่งจดหมายไปบอกพี่สามและพี่สี่ให้ตรวจตรา เฝ้าระวังบริเวณชายแดนเรียบร้อยแล้ว” ได้ยินองค์กษัตริย์กล่าว เยี่ยนฟางก็นึกโทษตัวเอง ที่ประเมินความคลั่งรักของสวามีและบุรุษสกุลเกาต่ำเกินไป“ตะ แต่ลูก ลูกอยากไปเพคะ”“หืม หมายความว่าอย่างไร” น้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อครู่แข็งขึ้นมาอีกระดับ“ลูกอยากแต่งเพคะ”“…” หยางจิ้งนิ่งค้างไปในทันใด“ฝ่าบาทเพคะ ลูกสาวของเราพ้นวัยปักปิ่นมานานแล้ว นางสมควรได้มีความรัก มีครอบครัว ฝ่าบาทมิอยากอุ้มหลานหรือเพคะ”“ขะ ข้าย่อมอยาก เช่นนั้นพ่อจะหาคุณชายสกุลใหญ่มาแต่งกับเจ้าดีหรือไม่ บุตรชายของรองแม

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   52. ตอนพิเศษ : แก้วตาดวงใจ (1)

    เอกบุรุษในชุดลายมังกร เดินไปเดินมาในห้องทรงงานด้วยความกังวลใจ ไม่ต่างจากอดีตแม่ทัพ ท่านราชทูต และเสนาบดีกรมขุนนาง“เรื่องนี้หากเราปฏิเสธ อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นพ่ะย่ะค่ะ” เกาเกิงชุนรู้ดี ว่าการที่ต่างแคว้นส่งเทียบหมั้นมา เพื่อขอแต่งเชื่อมสัมพันธ์ มีทั้งข้อดีและข้อเสียหากเรายอมส่งองค์หญิงไปแต่งเชื่อสัมพันธ์ ก็ถือว่าได้มิตร แต่หากปฏิเสธ คงไม่แคล้วกลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดสงคราม“พี่ใหญ่! ท่านจะยอมให้องค์หญิงของเราแต่งไปอยู่ต่างแคว้นหรือ หากองค์รัชทายาทแคว้นโจวเป็นชายโฉด นิสัยชั่วร้ายจะทำอย่างไร”“จริงอย่างคุณชายรองว่า ข้าไม่ยอมให้หนี่ว์เอ๋อร์ของข้าแต่งออกไปไกลถึงเพียงนั้นแน่ นางพึ่งอายุได้เพียงยี่สิบหนาว จะห่างจากอกบิดาได้อย่างไร” หยางจิ้งเอ่ยสำทับคำพูดของเสนาบดีกรมขุนนางที่พึ่งรับตำแหน่งมาหมาดๆ“เช่นนั้นกระหม่อมจะเรียกแม่ทัพหว่านมาพูดคุยเรื่องเตรียมทัพ ศึกครั้งนี้กระหม่อมจะนำทัพด้วยตนเอง”“ต้องรบกวนท่านพ่อตาแล้ว” ทันทีที่หวงหยางจิ้งได้รับเรื่องนี้มา ก็เรียกบุรุษสกุลเกามาปรึกษา ดีที่ความคิดเห็นของพวกเขาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงหาข้อยุติเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย“เช่นนั้นกระ

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   51. ครอบครัว (จบบริบูรณ์) (2)

    “แอ้ แอ้”“อาหรง อาไห่ หนี่ว์เอ๋อร์ เหตุใดพูดเช่นนั้นเล่า พ่อมาหาพวกเจ้าแล้วอย่างไรลูก”“คิก!” เยี่ยนฟางหลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ที่นางและลูกต้องทำถึงเพียงนี้ ก็เพราะหยางจิ้งทำงานแทบไม่หยุดพัก บางคืนไม่กลับมานอนที่ตำหนักเสียด้วยซ้ำ นี่หากว่าหยางจิ้งแต่งตั้งสนม นางคงคิดว่าอีกฝ่ายไปนอนกับสตรีอื่นเสียแล้วมิใช่ว่าเยี่ยนฟางไม่เข้าใจ ว่ายังมีราษฎรอีกมากมายที่ทุกข์ยาก แต่หากสวามีของนางยังโหมงานหนัก ร่างกายเขาจะไม่ไหวเอาได้เหมือนยามที่นางพึ่งคลอดโอรสแฝด ช่วงนั้นฮ่องเต้หนุ่มลุกไม่ขึ้นไปหลายวัน ขนาดโอรสยังไม่อาจเข้าใกล้บิดาได้ เพราะกลัวว่าจะติดไข้ไปด้วย เป็นถึงเพียงนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่หลาบจำ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ยอมหยุดพัก จนเยี่ยนฟางและเซียนหนี่ว์ต้องวางแผนเช่นนี้“ฟางเอ๋อร์ เจ้าหัวเราะข้าหรือ”“เพคะ บิดาไม่ใส่ใจบุตร สมควรแล้วที่จะถูกตัดขาด”“ใช่เพคะ” เด็กหญิงยกมือขึ้นกอดอก พลางเชิดหน้าหนีอีกรอบ“โถ่ หนี่ว์เอ๋อร์ของพ่อ พ่อจะไม่ทำอีกแล้ว เจ้าให้อภัยพ่อเถิด องค์หญิงน้อยของพ่อ” หยางจิ้งทั้งกอด ทั้งหอมแก้มใสของบุตรสาว“แน่หรือเพคะ”“แน่สิ พ่อจะไม่ละเลยเจ้ากับเสด็จแม่ของเจ้าอีก”“นั่นมิใช่ประเด

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   50. ครอบครัว (จบบริบูรณ์) (1)

    “ฟางเอ๋อร์ ฟางเอ๋อร์นางบีบมือข้า”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ฟางเอ๋อร์ ลูกพ่อ”“เยี่ยนฟาง เยี่ยนฟาง เจ้าได้ยินข้าหรือไม่” หยางจิ้งแตะเบาๆ บนแก้มเนียนของภรรยา หวังปลุกให้นางตื่นขึ้นมา“อื้อ เหตุใดเสียงดังกันนักเล่า” ทันทีที่ได้ยินเสียงบ่น ทุกคนก็เงียบกริบ แต่ใบหน้าทุกคนกลับยิ้มแย้มที่รู้ว่าเยี่ยนฟางได้สติขึ้นมาแล้ว“ฟางเอ๋อร์!” คุณชายทั้งสี่เรียกน้องสาวพร้อมกันด้วยน้ำเสียงดีใจ“เจ้าฟื้นแล้ว ใครอยู่ด้านนอก เรียกท่านหมอที”“องค์ชาย ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่เองก็มากันครบเลยหรือ” เยี่ยนฟางดันตัวขึ้นจากเตียงโดยมีสวามีคอยช่วยประคองอยู่ข้างๆ“พวกเราย่อมมา ฟางเอ๋อร์ของแม่รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”“ดีขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ข้าต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ”“มิเป็นไรๆ ขอเพียงเจ้าปลอดภัย พี่ใหญ่ก็สบายใจแล้ว” ครอบครัวพูดคุยกันไม่นาน ท่านหมอก็เข้ามาตรวจอาการของเยี่ยนฟาง เมื่อตรวจละเอียดไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง จึงจัดเพียงยาบำรุงให้ครอบครัวสกุลเกาก็อยู่ต่ออีกเพียงครู่เดียว เพราะมีบ่าวที่เรือนมาแจ้งว่าฮูหยินรองร้องห่มร้องไห้ เอ่ยว่าถูกอนุท่านแม่ทัพรังแก พวกเขาจึงแยกย้ายกลับเรือน อีกอย่างหยางจิ้งก็ยืนยันว่า

  • ชายาชังของว่าที่ทรราช   49. กลับคืน (3)

    ภายในห้องนอนที่เคยมีเสียงหัวเราะของคนทั้งสอง บัดนี้กลับเงียบสนิท ศีรษะหนักฟุบลงข้างเตียง มือหนาก็กอบกุมมือภรรยาไว้ไม่ห่าง เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันกะทันหันจนหยางจิ้งตั้งรับไม่ทัน“ฟางเอ๋อร์ เยี่ยนฟาง เจ้าได้ยินข้าใช่หรือไม่ เจ้าเพียงแค่หยอกข้าให้ตกใจเล่นเหมือนทุกคราใช่หรือไม่ ฮึก รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า” ทั้งเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาที่ไหลออกจากนัยน์ตาสีดำขลับ ล้วนทำให้หลี่เมิ่งมิอาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้“ขอโทษนะหยางจิ้ง ทั้งที่เคยสัญญาว่าจะอยู่กับเจ้า แต่ข้ากลับทำไม่ได้” เซียนสาวซุกหน้าลงกับเข่าทั้งสองพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างไม่อายผู้ใด“ร้องไห้เพราะดีใจ ที่ได้กลับสวรรค์หรือ”“มะ มหาเทพ”“ข้าถามว่าเจ้าดีใจมากใช่หรือไม่ ที่ได้กลับมา”“ขะ ข้าเสียใจ” ใบหน้างามก้มลง พลางตอบออกไปตามความจริง“หืม เจ้าเสียใจอย่างนั้นหรือ เพราะเหตุใดเล่า ทั้งที่เจ้าตั้งใจบำเพ็ญเพียรมาหลายร้อยหลายพันปี แต่เจ้ากลับเสียใจที่ได้กลับมาอยู่สวรรค์หรือ” มหาเทพยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย แต่หลี่เมิ่งกลับรู้สึกว่านางถูกแรงกดดันมหาศาล“ข้าเสียใจ ที่ต้องจากพวกเขาทุกคนมา”“หากข้าให้เจ้ากลับไป เจ้าจะไปหรือไม่”“ข้า-”“เจ้า

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status