“ท่านพี่จะต้องเรียกว่าท่านพี่”จิวอันหลบตาเอียงอาย“ท่านพี่ระหว่าง เปิดผ้าคุลมหน้ากับดื่มสุรามงคลอันไหนควรทำก่อนกันแล้วสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน”หยางปาหวางวางจอกสุราลงข้างกาย ก้มลงกดริมฝีปากบนผ้าแพรบางเบาที่ปิดกั้นริมฝีปากไปก่อนจะเลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้างดงาม มีท่าทีตื่นเต้นไม่น้อย ยกจอกสุรากระดกลงคอรวดเร็วกดริมฝีปากลงบนปากอวบอิ่มบดเบียดอ่อนโยนส่งสุรารสเลิศเข้าไปในปากของจิวอัน“ทุกอย่างล้วนสำคัญ เมื่อมีเจ้าข้างกาย”เลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นโน้มตัวลงช้าๆ แสงไฟในห้องมอดดับลงแล้วแต่ไฟในกายกำลังลุกโชติช่วง“อย่าตามข้ามา”จิวฮัวตวาดลั่นเมื่อโฮ๋วตัวฉินเดินตามต้อยๆ“แม่งามเจ้าใจร้ายกับข้าเพียงนี้เชียวหรือข้าที่นี่ไม่คุ้นเคยกับใครจะมีเพียงปาหวางอ๋องกับเฉิงอู๋อ๋องที่ร่วมดื่มสุราด้วยกัน ทั้งสองคนก็ล้วนแต่กลับไปพะเน้าพะนอ ชายาของตนแต่ดูเจ้ารึกลับทอดทิ้งให้ข้าไร้คนคอยดูแล”“เสด็จพ่อให้คนจัดเรือนรับรองให้ฝ่าบาทแล้ว ทำไมต้องตาข้า”“เรือนรับรองโอ๊ยๆๆๆ ”เซเข้าหาจิวฮัว“เรือนรับรองนั่นอยู่ที่ไหนกัน องค์หญิงเก้าไม่พาข้าไปเช่นไรข้าจะไปถูก”“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์อย่าคิดว่าที่ผ่านมาฝ่าบาทดูแลข้าแล้วข้าจิวฮัวจะต้อ
กว่าจะมีวันนี้ได้งานอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แค้วนเป่ยเอียนกับองค์หญิงเก้าจิวฮัวเพิ่งจะผ่านพ้นไปข้างศาลา งดงามด้วยดอกเหมยสีชมพูและสีแดงสดนางกำนัลยกขนมมากลางศาลาอ้ายฉิงจิวอันและจิวฮัวช่วยกันจัดจานขนมบุรุษรูปงามทั้งสามทั้งเฉิงอู๋อ๋องและปาหวางกำลังผลัดกันเดินหมาก โฮ่วตัวฉินมองคนทั้งคู่ที่กำลังประมือกัน“555หมากเกมนี้ข้าพ่ายแต่เกมหน้าท่านจะต้องเจ็บหนักแน่” ปาหวางพูดยิ้มๆ หมากสีขาวบนกระดานถูกล้อมด้วยหมากสีดำของเฉิงอู๋อ๋อง“555ข้าให้โอกาสคราวนี้ให้ไท่จือกับฝ่าบาทแคว้นเป่ยเอียนรวมหัวกันเลยดีไหม”“โฮ่วตัวฉินด้วยอาวุโสน้อยกว่าท่านทั้งสอง”“อย่างไรก็เป็นสหาย”เฉิงอู๋อ๋องพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“คงต้องเรียก ท่านอาตามจิวฮัว ข้าน้อยโฮ๋วตัวฉินคงขออภัยที่เคยล่วงเกินท่าน”จิวฮัวคล้องแขนไปที่แขนของเฉิงอู๋อ๋อง“ท่านอาไม่มีทางจะกริ้ว”“จะขออภัยทำไมในเมื่อหยางปาหวางไท่จือกับข้าความสัมพันธ์เบ่งบานยิ่งกว่าฝ่าบาท”“เบ่งบาน”โฮ๋วตัวฉินขมวดคิ้ว ปาหวางไท่จือยิ้ม กุมมือจิวอันไว้แน่น“ความสัมพันธ์ร้าวฉานเบ่งบานนะสิ ข้ากับเฉิงอู๋อ๋องเราแข่งขันกันมาตลอดมามีเรื่องหนึ่งที่ข้ากำลังจะมีชัย”อ้ายฉิงยิ้มเมื่อจิว
ผ่านมาแล้วสิบแปดปีเมืองหลวงแคว้นเป่ยเหลียงเจริญรุ่งเรือง ลำน้ำฉางซียังคงไหลเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดั่งวันวาน ทว่าใต้ผืนฟ้ากว้าง... เด็กน้อยในวันนั้น บัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มสาวงามสง่าสดใสในจนอ๋องไร้พ่ายภายในจวนอ๋องที่บัดนี้กลับครึกครื้น "ไป๋อวี้ เจ้าอย่าขี่ม้ากลางลานซ้อมคนเดียวแบบนี้นักสิ ไหนจ้าบอกว่าจะตามข้าไปที่ตลาด"เสียงหวานดุแกมตำหนิดังแทรกขึ้น พร้อมเงาร่างหญิงสาวในชุดสีครามอ่อน ผมยาวมัดด้วยเชือกไหม ถักเป็นเกลียวประณีต ใบหน้าแม้ยังคงมีเค้าความสดใสแบบเด็กสาว แต่ดวงตานั้น... สะท้อนความฉลาดหลักแหลมไม่แพ้ใคร แล้วยังอยู่ใกล้กันกับความว่าหญิงงามที่สุดในใต้หล้า"พี่สาว เจ้าเอาแต่ตำหนิข้า ข้าก็โตแล้วนะ จะยืนเคียงข้างท่านพ่อไปรบไม่วันใดก็วันหนึ่งข้าหัดขี่ม้าไว้ให้เชี่ยวชาญจึงดี" หัวเราะเสียงใส พลางสะบัดแส้เบา ๆ บังคับม้าให้หยุดตรงหน้าเขาคือ ไป๋อวี้บุตรคนโตของอ๋องเฉิงอู๋ และมารดาอ้ายฉิงหยิงที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ผู้มีสายเลือดนักรบในร่าง และมีใบหน้าหล่อเหล่าราวหญิงงาม ดวงตาคมราวนกอินทรี สายลมที่โบกผ่านใบหน้าทำให้คนมองเผลอคิดว่าเขาคือเงาสะท้อนในวัยหนุ่มของเฉิงอู๋อ๋องไม่มีผิดหญิงงามอีกคนที่
ณ ลานศิลาใต้ต้นหลิว สายลมเย็นลูบไล้เงาไม้ ผ่านใบหลิวดุจบทเพลงโบราณที่ไม่มีถ้อยคำไป๋อวี้นั่งอยู่ใต้เงาไม้ ผิวขาวดุจหยกเปล่งประกายใต้แสงแดดที่ลอดผ่านกิ่งก้าน ในมือเขาถือหยกสองชิ้นที่เหมือนกันราวกับเป็นชิ้นเดียวกันข้างตัวนั้น มีพี่สาวฝาแฝด ไป๋ฮวานั่งคุกเข่าอย่างสง่างาม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสงสัย"น้องชาย...หยกสองชิ้นนี้" เสียงนุ่มหวานแว่ว แววตากะพริบพราวระยับไป๋อวี้คลี่ยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก แค่คิ้วคมขมวดเข้าหากัน "สิ่งที่เกี่ยวพันกับโชคชะตาของข้า" เขาว่าพลางหยกสองชิ้นเล็กๆ ไปมา หนึ่งชิ้นสีขาวอมเขียวอ่อน รูปร่างประณีตคล้ายกลีบดอกเหมย อีกชิ้นหนึ่งสีฟ้าเทาเรื่อๆ เหมือนละอองหมอกในยามเช้าตรู่แต่ก็แกะสลักเป็นรูปดอกเหมยเช่นกันไป๋ฮวาเบิกตากว้าง มือน้อยๆ ชะงักกลางอากาศ ราวกับกลัวทำให้หยกงดงามนั้นมัวหมองไม่กล้าหยิบจับ"นี่คือ..." ถามอย่างแผ่วเบา"หยกชิ้นหนึ่ง เป็นของท่านแม่กับท่านพ่อ อีกชิ้นหนึ่ง...เป็นของหญิงอัปลักษณ์เมื่อครู่เสียงของไป๋อวี้มีแววคล้ายกำลังเล่าเรื่องตำนานเก่าแก่เขาค่อย ๆ หยิบหยกทั้งสองขึ้นมา พลิกมือประสานแนบกันอย่างแผ่วเบา“ติ่ง!มันประสานกันได้ด้วยพี่สาวน่าแปลกเสียจริง”
แต่ก่อนที่มือเล็กจะคว้าได้ เสียงม้าสองสายก็ดังกระหึ่มมาแต่ไกล สายตาทั้งสองเหลือบแลเห็นไท่จือเว่ยจิ้น บุรุษหนุ่มในชุดครามเข้ม เจิดจ้าเหมือนดวงตะวันยามเช้า หยิ่งยโสแต่ ไม่ไร้น้ำใจ รอยยิ้มของเขาราวกับระบายกลิ่นชากุหลาบจางๆ และอีกคนหนึ่ง ไท่จือซ่างหลาง สง่างามเฉียบคมในชุดม่วงเทา เจือกลิ่นอายของเงาจันทร์ ดวงตาเรียวยาวคมกริบ ใต้รอยยิ้มสงบนิ่งมีประกายเย้าแหย่เจ้าเล่ห์พวกเขาต่างลงจากหลังม้าแทบจะพร้อมกันเพราะควบม้าแข่งกันมานั่นเอง สายตาทั้งคู่ต่างทอแสงเมื่อเห็นหญิงงามในดวงใจ"ไป๋ฮวา เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" เว่ยจิ้นก้าวยาวๆ เข้ามาหาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะฟังดูนิ่งขรึม แต่ไท่จือซางหลางก้าวแซงหน้าขึ้นมา หรี่ตามองเย้าๆ "ช่างบังเอิญยิ่งนัก...หรือตั้งใจ? ข้าคิดว่าเว่ยจิ้นคงตามกลิ่นขนมงาดำมาถึงนี่หรอกกระมัง"เว่ยจิ้นเลิกคิ้ว หัวเราะหึในลำคอ "แล้วเจ้าล่ะ ซางหลาง กลิ่นขนมหรือกลิ่นไป๋ฮวาที่เจ้าตามมา?"ไป๋อวี้ที่ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ พ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า "ทั้งสองคนนี่ นิสัยเดิมไม่เปลี่ยนชอบหาเรื่องกันเหมือนสมัยยังตัวกะเปี๊ยกไม่ผิดเพี้ยน"ไป๋ฮวาแอบยิ้ม แก้มแดงระเรื่อก้าวขึ้นมาข้างหน้า พลางย่อ
ในขณะที่ตลาดที่เต็มไปด้วยเสียงดังรื่นเริงจากการค้าขายของชาวบ้าน ไป๋ฮวาก็เดินไปเรื่อย ๆ ตรงไปยังร้านขนมหวานที่เธอชอบ ส่วนไป๋อวี้เดินเคียงข้าง แต่ความสนุกกลับเกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองบุรุษหนุ่มที่มีท่าทีแปลกแยกต่างกันอย่างชัดเจนกลับเดินตามมาไม่ห่าง“ข้าล่ะชอบพวกเขาจริงๆ เลยพี่สาว” เดินเอามือไพล่หลังกระทุ้งศอกกระซิบกับไป๋ฮวาเบาๆ ไป๋ฮวาส่ายหน้ายิ้มๆ"ไป๋ฮวา!" ไท่จือเว่ยจินตะโกนพร้อมก้าวเข้ามาขวางหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง เหมือนจะบอกว่าไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าจะไปด้วยเสมอ ไม่ต้องห่วง! ข้าจะคอยดูแลเจ้าสายตาบ่งบอกแบบนั้นจริงๆ"ท่านนี่จะว่าไปพูดอะไรดี ๆ แบบนี้กับหญิงงามเสมอ เสมอสินะ" ซางหลางพูดขึ้นเบาๆ เหมือนกับบ่นกับตัวเองเว่ยจินหัวเราะเสียงดังเหมือนจะไม่มีอะไรทำให้เขาลำบากใจได้ "ข้าแค่ห่วงนางน่ะ ทำไมต้องฝืนใจเล่าห่วงก็บอกว่าห่วงมิใช่ซางหลางที่เอาแต่วางมาดนิ่งขรึมให้หญิงงามเช่นไป๋ฮวาคิดไปเอง”ไท่จือซางหลางถอนหายใจยาว"ท่านอ๋องบิดาเจ้าชวนข้าเสวยเย็นด้วยข้าตามนางไม่ผิดแต่ไท่จือซางหลางไม่เอาเวลาไปเรียนรู้งานในราชสำนักเอาแต่ตามไป๋ฮวานี่สิแปลกไม่น้อยนี่" เว่ยจินพูดพร้อมยิ้มหล่อเหลา แต่แววตาข
“นี่ๆๆๆ เจ้าซางหลางถือดีอย่างไรมาจับมือว่าที่ไท่จือเฟยของข้า” เว่ยจินตะโกนตามหลังไป๋อวี้ยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของเว่ยจินเบาๆ อย่างปลอบใจ“ไม่ต้องเลยข้าไม่ยอมแพ้แน่ๆ” เว่ยจินประกาศก้องไท่จือเว่ยจินและไท่จือซางหลางก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจไป๋ฮวาอย่างเต็มที่ ทั้งสองคนกลายเป็นสายเปย์ที่แข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใครที่ร้านหยก เว่ยจินพร้อมรอยยิ้มกว้างเดินเข้าไปข้างไป๋ฮวาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหยิบหยกสีม่วงใส่มือของเธอ"ไป๋ฮวาสิ่งนี้สำหรับคนสำคัญ ข้าขอให้เจ้ารับหยกนี้เป็นของขวัญจากข้า รับไว้เถอะนะ" เขาพูดอย่างใส่ใจ ขณะที่ตาเขากลับมีแววตาที่ท้าทายซางหลาง "หยกนี้มันพิเศษมาก นอกจากจะหายากแล้ว ยังมีพลังเสริมโชคอีกด้วย"ซางหลางหยิบหยกสีแดงใส่ในมือของไป๋ฮวาบ้างไป๋ฮวามองหยกในมือของเว่ยจิน และซางหลางก่อนจะยิ้มบางๆ “พวกท่านควรนำมันติดตัวไว้” ไป๋ฮวาส่งหยกคืนทั้งสองคน"ทำไมล่ะ เจ้านี่ใจแข็งชะมัดเลย" เว่ยจินพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ดวงตาของเขาเหมือนจะชวนให้ไป๋ฮวารับเอาหยกชิ้นของเขาไว้ก่อนที่เธอจะตอบอะไร ซางหลางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่รอช้า เขาคว้ามือไป๋ฮวาอย่างอ่อนโยนแล้วยื่นของขวัญอีกชิ้นให้"ไป
“ทำไมต้องเป็น เจิ้งอ้ายฉิง (เจิ้งแซ่ของมารดา อ้ายชิง-ความรัก) ”“หวงเจิงอู๋ เจ้ากล้าขัดบัญชาข้าหรือไร”“ฝ่าบาท ข้าเป็นถึงแม่ทัพไร้พ่ายอีกอย่าง นางแค่ลูกอนุเป็นชายารองท่านอ๋องอย่างข้าไม่นับว่ามากไปหน่อยหรือ”“หวงเจิ้งอู๋จะมากไปแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกดูถูกคนอื่นแล้วเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่”“ข้าไม่ขอรับ นางในตำแหน่งชายารอง”หวงฉีจิ้งตบโต๊ะฉาดใหญ่"หากไม่เห็นแก่หน้าฮองเฮาก็เชิญเจ้าปฏิเสธได้ในทันที"หวงเจิ้งอู๋ประสานมือจากไปจวน ขุนนางเหว่ยจื่อหยวน“ท่านแม่ นางอัปลักษณ์เหตุใดจึงได้แต่งกับท่านอ๋องหวงเฉิงอู๋ที่รูปงาม”“ต้องมีสิ่งใดผิดพลาด ไม่สิ ฮองเฮาเป็นถึง น้าสาวคนเล็กของนาง ก็คงไม่น่าจะผิดพลาดอะไร”“ท่านแม่ นางจะเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องหรือไม่”“ไม่สิเจ้าดูนางเกิดมาพร้อมกับความโชคร้ายแม่ตายแล้วยังใบหน้าอัปลักษ์ ผู้คนล้วนหวาดกลัวเมื่อพบหน้านางเจ้าคิดว่าท่านอ๋องจะทรงโปรดปรานหญิงหน้าตาอัปลักษณ์หรือไร”รอยยิ้มหยันบนใบหน้าสวยสด“ท่านแม่เช่นนั้น ...อีกไม่นานนางคงถูกเฉดหัวออกจากจวนอ๋อง ว่ากันว่าชายาเอกของท่านอ๋อง น่ากลัวเกินใคร”“คงต้องนับวันว่านางจะเข้าไปอยู่ในนั้นได้นานกี่วันจะเหมาะกว่า”เจิ้งอ้า
“นี่ๆๆๆ เจ้าซางหลางถือดีอย่างไรมาจับมือว่าที่ไท่จือเฟยของข้า” เว่ยจินตะโกนตามหลังไป๋อวี้ยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของเว่ยจินเบาๆ อย่างปลอบใจ“ไม่ต้องเลยข้าไม่ยอมแพ้แน่ๆ” เว่ยจินประกาศก้องไท่จือเว่ยจินและไท่จือซางหลางก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจไป๋ฮวาอย่างเต็มที่ ทั้งสองคนกลายเป็นสายเปย์ที่แข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใครที่ร้านหยก เว่ยจินพร้อมรอยยิ้มกว้างเดินเข้าไปข้างไป๋ฮวาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหยิบหยกสีม่วงใส่มือของเธอ"ไป๋ฮวาสิ่งนี้สำหรับคนสำคัญ ข้าขอให้เจ้ารับหยกนี้เป็นของขวัญจากข้า รับไว้เถอะนะ" เขาพูดอย่างใส่ใจ ขณะที่ตาเขากลับมีแววตาที่ท้าทายซางหลาง "หยกนี้มันพิเศษมาก นอกจากจะหายากแล้ว ยังมีพลังเสริมโชคอีกด้วย"ซางหลางหยิบหยกสีแดงใส่ในมือของไป๋ฮวาบ้างไป๋ฮวามองหยกในมือของเว่ยจิน และซางหลางก่อนจะยิ้มบางๆ “พวกท่านควรนำมันติดตัวไว้” ไป๋ฮวาส่งหยกคืนทั้งสองคน"ทำไมล่ะ เจ้านี่ใจแข็งชะมัดเลย" เว่ยจินพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ดวงตาของเขาเหมือนจะชวนให้ไป๋ฮวารับเอาหยกชิ้นของเขาไว้ก่อนที่เธอจะตอบอะไร ซางหลางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่รอช้า เขาคว้ามือไป๋ฮวาอย่างอ่อนโยนแล้วยื่นของขวัญอีกชิ้นให้"ไป
ในขณะที่ตลาดที่เต็มไปด้วยเสียงดังรื่นเริงจากการค้าขายของชาวบ้าน ไป๋ฮวาก็เดินไปเรื่อย ๆ ตรงไปยังร้านขนมหวานที่เธอชอบ ส่วนไป๋อวี้เดินเคียงข้าง แต่ความสนุกกลับเกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองบุรุษหนุ่มที่มีท่าทีแปลกแยกต่างกันอย่างชัดเจนกลับเดินตามมาไม่ห่าง“ข้าล่ะชอบพวกเขาจริงๆ เลยพี่สาว” เดินเอามือไพล่หลังกระทุ้งศอกกระซิบกับไป๋ฮวาเบาๆ ไป๋ฮวาส่ายหน้ายิ้มๆ"ไป๋ฮวา!" ไท่จือเว่ยจินตะโกนพร้อมก้าวเข้ามาขวางหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง เหมือนจะบอกว่าไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าจะไปด้วยเสมอ ไม่ต้องห่วง! ข้าจะคอยดูแลเจ้าสายตาบ่งบอกแบบนั้นจริงๆ"ท่านนี่จะว่าไปพูดอะไรดี ๆ แบบนี้กับหญิงงามเสมอ เสมอสินะ" ซางหลางพูดขึ้นเบาๆ เหมือนกับบ่นกับตัวเองเว่ยจินหัวเราะเสียงดังเหมือนจะไม่มีอะไรทำให้เขาลำบากใจได้ "ข้าแค่ห่วงนางน่ะ ทำไมต้องฝืนใจเล่าห่วงก็บอกว่าห่วงมิใช่ซางหลางที่เอาแต่วางมาดนิ่งขรึมให้หญิงงามเช่นไป๋ฮวาคิดไปเอง”ไท่จือซางหลางถอนหายใจยาว"ท่านอ๋องบิดาเจ้าชวนข้าเสวยเย็นด้วยข้าตามนางไม่ผิดแต่ไท่จือซางหลางไม่เอาเวลาไปเรียนรู้งานในราชสำนักเอาแต่ตามไป๋ฮวานี่สิแปลกไม่น้อยนี่" เว่ยจินพูดพร้อมยิ้มหล่อเหลา แต่แววตาข
แต่ก่อนที่มือเล็กจะคว้าได้ เสียงม้าสองสายก็ดังกระหึ่มมาแต่ไกล สายตาทั้งสองเหลือบแลเห็นไท่จือเว่ยจิ้น บุรุษหนุ่มในชุดครามเข้ม เจิดจ้าเหมือนดวงตะวันยามเช้า หยิ่งยโสแต่ ไม่ไร้น้ำใจ รอยยิ้มของเขาราวกับระบายกลิ่นชากุหลาบจางๆ และอีกคนหนึ่ง ไท่จือซ่างหลาง สง่างามเฉียบคมในชุดม่วงเทา เจือกลิ่นอายของเงาจันทร์ ดวงตาเรียวยาวคมกริบ ใต้รอยยิ้มสงบนิ่งมีประกายเย้าแหย่เจ้าเล่ห์พวกเขาต่างลงจากหลังม้าแทบจะพร้อมกันเพราะควบม้าแข่งกันมานั่นเอง สายตาทั้งคู่ต่างทอแสงเมื่อเห็นหญิงงามในดวงใจ"ไป๋ฮวา เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" เว่ยจิ้นก้าวยาวๆ เข้ามาหาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะฟังดูนิ่งขรึม แต่ไท่จือซางหลางก้าวแซงหน้าขึ้นมา หรี่ตามองเย้าๆ "ช่างบังเอิญยิ่งนัก...หรือตั้งใจ? ข้าคิดว่าเว่ยจิ้นคงตามกลิ่นขนมงาดำมาถึงนี่หรอกกระมัง"เว่ยจิ้นเลิกคิ้ว หัวเราะหึในลำคอ "แล้วเจ้าล่ะ ซางหลาง กลิ่นขนมหรือกลิ่นไป๋ฮวาที่เจ้าตามมา?"ไป๋อวี้ที่ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ พ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า "ทั้งสองคนนี่ นิสัยเดิมไม่เปลี่ยนชอบหาเรื่องกันเหมือนสมัยยังตัวกะเปี๊ยกไม่ผิดเพี้ยน"ไป๋ฮวาแอบยิ้ม แก้มแดงระเรื่อก้าวขึ้นมาข้างหน้า พลางย่อ
ณ ลานศิลาใต้ต้นหลิว สายลมเย็นลูบไล้เงาไม้ ผ่านใบหลิวดุจบทเพลงโบราณที่ไม่มีถ้อยคำไป๋อวี้นั่งอยู่ใต้เงาไม้ ผิวขาวดุจหยกเปล่งประกายใต้แสงแดดที่ลอดผ่านกิ่งก้าน ในมือเขาถือหยกสองชิ้นที่เหมือนกันราวกับเป็นชิ้นเดียวกันข้างตัวนั้น มีพี่สาวฝาแฝด ไป๋ฮวานั่งคุกเข่าอย่างสง่างาม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสงสัย"น้องชาย...หยกสองชิ้นนี้" เสียงนุ่มหวานแว่ว แววตากะพริบพราวระยับไป๋อวี้คลี่ยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก แค่คิ้วคมขมวดเข้าหากัน "สิ่งที่เกี่ยวพันกับโชคชะตาของข้า" เขาว่าพลางหยกสองชิ้นเล็กๆ ไปมา หนึ่งชิ้นสีขาวอมเขียวอ่อน รูปร่างประณีตคล้ายกลีบดอกเหมย อีกชิ้นหนึ่งสีฟ้าเทาเรื่อๆ เหมือนละอองหมอกในยามเช้าตรู่แต่ก็แกะสลักเป็นรูปดอกเหมยเช่นกันไป๋ฮวาเบิกตากว้าง มือน้อยๆ ชะงักกลางอากาศ ราวกับกลัวทำให้หยกงดงามนั้นมัวหมองไม่กล้าหยิบจับ"นี่คือ..." ถามอย่างแผ่วเบา"หยกชิ้นหนึ่ง เป็นของท่านแม่กับท่านพ่อ อีกชิ้นหนึ่ง...เป็นของหญิงอัปลักษณ์เมื่อครู่เสียงของไป๋อวี้มีแววคล้ายกำลังเล่าเรื่องตำนานเก่าแก่เขาค่อย ๆ หยิบหยกทั้งสองขึ้นมา พลิกมือประสานแนบกันอย่างแผ่วเบา“ติ่ง!มันประสานกันได้ด้วยพี่สาวน่าแปลกเสียจริง”
ผ่านมาแล้วสิบแปดปีเมืองหลวงแคว้นเป่ยเหลียงเจริญรุ่งเรือง ลำน้ำฉางซียังคงไหลเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดั่งวันวาน ทว่าใต้ผืนฟ้ากว้าง... เด็กน้อยในวันนั้น บัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มสาวงามสง่าสดใสในจนอ๋องไร้พ่ายภายในจวนอ๋องที่บัดนี้กลับครึกครื้น "ไป๋อวี้ เจ้าอย่าขี่ม้ากลางลานซ้อมคนเดียวแบบนี้นักสิ ไหนจ้าบอกว่าจะตามข้าไปที่ตลาด"เสียงหวานดุแกมตำหนิดังแทรกขึ้น พร้อมเงาร่างหญิงสาวในชุดสีครามอ่อน ผมยาวมัดด้วยเชือกไหม ถักเป็นเกลียวประณีต ใบหน้าแม้ยังคงมีเค้าความสดใสแบบเด็กสาว แต่ดวงตานั้น... สะท้อนความฉลาดหลักแหลมไม่แพ้ใคร แล้วยังอยู่ใกล้กันกับความว่าหญิงงามที่สุดในใต้หล้า"พี่สาว เจ้าเอาแต่ตำหนิข้า ข้าก็โตแล้วนะ จะยืนเคียงข้างท่านพ่อไปรบไม่วันใดก็วันหนึ่งข้าหัดขี่ม้าไว้ให้เชี่ยวชาญจึงดี" หัวเราะเสียงใส พลางสะบัดแส้เบา ๆ บังคับม้าให้หยุดตรงหน้าเขาคือ ไป๋อวี้บุตรคนโตของอ๋องเฉิงอู๋ และมารดาอ้ายฉิงหยิงที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ผู้มีสายเลือดนักรบในร่าง และมีใบหน้าหล่อเหล่าราวหญิงงาม ดวงตาคมราวนกอินทรี สายลมที่โบกผ่านใบหน้าทำให้คนมองเผลอคิดว่าเขาคือเงาสะท้อนในวัยหนุ่มของเฉิงอู๋อ๋องไม่มีผิดหญิงงามอีกคนที่
กว่าจะมีวันนี้ได้งานอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แค้วนเป่ยเอียนกับองค์หญิงเก้าจิวฮัวเพิ่งจะผ่านพ้นไปข้างศาลา งดงามด้วยดอกเหมยสีชมพูและสีแดงสดนางกำนัลยกขนมมากลางศาลาอ้ายฉิงจิวอันและจิวฮัวช่วยกันจัดจานขนมบุรุษรูปงามทั้งสามทั้งเฉิงอู๋อ๋องและปาหวางกำลังผลัดกันเดินหมาก โฮ่วตัวฉินมองคนทั้งคู่ที่กำลังประมือกัน“555หมากเกมนี้ข้าพ่ายแต่เกมหน้าท่านจะต้องเจ็บหนักแน่” ปาหวางพูดยิ้มๆ หมากสีขาวบนกระดานถูกล้อมด้วยหมากสีดำของเฉิงอู๋อ๋อง“555ข้าให้โอกาสคราวนี้ให้ไท่จือกับฝ่าบาทแคว้นเป่ยเอียนรวมหัวกันเลยดีไหม”“โฮ่วตัวฉินด้วยอาวุโสน้อยกว่าท่านทั้งสอง”“อย่างไรก็เป็นสหาย”เฉิงอู๋อ๋องพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“คงต้องเรียก ท่านอาตามจิวฮัว ข้าน้อยโฮ๋วตัวฉินคงขออภัยที่เคยล่วงเกินท่าน”จิวฮัวคล้องแขนไปที่แขนของเฉิงอู๋อ๋อง“ท่านอาไม่มีทางจะกริ้ว”“จะขออภัยทำไมในเมื่อหยางปาหวางไท่จือกับข้าความสัมพันธ์เบ่งบานยิ่งกว่าฝ่าบาท”“เบ่งบาน”โฮ๋วตัวฉินขมวดคิ้ว ปาหวางไท่จือยิ้ม กุมมือจิวอันไว้แน่น“ความสัมพันธ์ร้าวฉานเบ่งบานนะสิ ข้ากับเฉิงอู๋อ๋องเราแข่งขันกันมาตลอดมามีเรื่องหนึ่งที่ข้ากำลังจะมีชัย”อ้ายฉิงยิ้มเมื่อจิว
“ท่านพี่จะต้องเรียกว่าท่านพี่”จิวอันหลบตาเอียงอาย“ท่านพี่ระหว่าง เปิดผ้าคุลมหน้ากับดื่มสุรามงคลอันไหนควรทำก่อนกันแล้วสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน”หยางปาหวางวางจอกสุราลงข้างกาย ก้มลงกดริมฝีปากบนผ้าแพรบางเบาที่ปิดกั้นริมฝีปากไปก่อนจะเลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้างดงาม มีท่าทีตื่นเต้นไม่น้อย ยกจอกสุรากระดกลงคอรวดเร็วกดริมฝีปากลงบนปากอวบอิ่มบดเบียดอ่อนโยนส่งสุรารสเลิศเข้าไปในปากของจิวอัน“ทุกอย่างล้วนสำคัญ เมื่อมีเจ้าข้างกาย”เลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นโน้มตัวลงช้าๆ แสงไฟในห้องมอดดับลงแล้วแต่ไฟในกายกำลังลุกโชติช่วง“อย่าตามข้ามา”จิวฮัวตวาดลั่นเมื่อโฮ๋วตัวฉินเดินตามต้อยๆ“แม่งามเจ้าใจร้ายกับข้าเพียงนี้เชียวหรือข้าที่นี่ไม่คุ้นเคยกับใครจะมีเพียงปาหวางอ๋องกับเฉิงอู๋อ๋องที่ร่วมดื่มสุราด้วยกัน ทั้งสองคนก็ล้วนแต่กลับไปพะเน้าพะนอ ชายาของตนแต่ดูเจ้ารึกลับทอดทิ้งให้ข้าไร้คนคอยดูแล”“เสด็จพ่อให้คนจัดเรือนรับรองให้ฝ่าบาทแล้ว ทำไมต้องตาข้า”“เรือนรับรองโอ๊ยๆๆๆ ”เซเข้าหาจิวฮัว“เรือนรับรองนั่นอยู่ที่ไหนกัน องค์หญิงเก้าไม่พาข้าไปเช่นไรข้าจะไปถูก”“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์อย่าคิดว่าที่ผ่านมาฝ่าบาทดูแลข้าแล้วข้าจิวฮัวจะต้อ
เพียงไม่นานอ้ายฉิงก็ขยับกายลืมตาตื่น“ท่านอ๋อง”“เป็นอย่างไรบ้าง ชายาของข้า”“หายปวดแล้ว แปลกจริงอาการปวดที่เคยเป็นอยู่ตลอดเวลาบัดนี้กลับหายไปจนสิ้น”“ต้องขอบคุณมารดาเจ้าที่ช่างมองการณ์ไกล ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อเจ้าอย่างที่สุด ข้าเองยังไม่อาจเทียบได้กับนางไม่ว่าจะห่วงใยเจ้าแค่ไหนทว่าด้วยรักของมารดา ทำให้เจ้ารอดพ้น บาปเคราะห์และรอดพ้นจากการถูกปองร้ายจากคนอื่น”“ท่านแม่ ท่านแม่ที่ห่วงใยข้าแม้นางจะไม่อาจอยู่ปกป้องดูแลข้าได้นางกลับทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้ข้า”“ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา จิวอันแจ้งข่าวกับเสด็จพ่อและทุกคนที่รอฟังข่าวดีอยู่ด้านนอก”จิวฮันย่อกายก่อนจะออกจากห้องไป เจียวหยูยิ้มทั้งน้ำตาหวงฉีจิ้ง ยิ้มกว้างดีใจอย่างที่สุดตงเกา กระโดดตัวลอย ปาหวางอ๋องอมยิ้มด้วยความดีใจท้องพระโรง“เรื่องราวร้ายๆ ผ่านไปแล้ว ฮองเฮาทรงขออนุญาตที่จะออกบวชอีกทั้งอ้ายฉิงไม่ได้ถือโทษนางเพราะเห็นว่านางแบกรับความเจ็บช้ำไว้มากพอแล้ว นับว่าอ้ายฉิงเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ ”“ฝ่าบาท ในครั้งนี้องค์หญิงได้รับยาถอนพิษทำให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไป การอภัยนับว่าเป็นเรื่องดี”เฉิงอู๋อ๋อง พูดขึ้นด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ชายาเอกของเฉ
“ไม่มีทางไม่มีทางข้าจะไม่ยอมปล่อยท่านให้กับนาง ข้าวางยาพิษนางอีกไม่นานนางก็จะตาย จริงสินางตายไปแล้วพิษที่ไร้ยาถอนพิษ ไม่สิเหนือกว่าข้าก็ยังมีเซียนหญิงผู้นั้นที่บังอาจปรุงยาถอนพิษให้นาง”“อ้ายหลิวแล้วยาถอนพิษนั่นอยู่ที่ไหน ตอนนี้อ้ายแิงต้องพิษของเจ้า“นางโง่ฟางหลินข้าโง่งม ทำการสำเร็จด้วยหรือ”อ้ายหลิวหัวเราะร่วน“ก็อยู่กับนางนางคิดว่าหากลูกของนางใกล้ชิดข้าสักวันจะต้องถูกวางยานางจึงไม่ยอมกินยาถอนนพิษเก็บยาถอนพิษไว้ให้ลูกของนาง 5555 ข้าพยายามหามันมา18ปีเพื่อทำลายมันแต่ไม่เคยพบพานฝ่าบาทคิดว่าแค่เวลาเพียงไม่กี่วันฝ่าบาทจะหามันได้หรือ”หวงฉีจิ้งถอนหายใจยาว“อ้ายฉิง ข้าตามท่านหมอแล้วอีกไม่กี่อึดใจท่านหมอจึงจะมาที่นี่ ตอนนี้ข้ามีเรื่องยากจะถามเจ้า”“จิวอัน มีเรื่องใดอย่างได้เกรงใจเจ้าพูดมาเถอะ”จิวอันยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นกุมมืออ้ายฉิงอย่างปลอบโยน"ตอนนี้เราไม่อาจหายาถอนพิษให้เจ้าได้ แต่ทุกคนไม่มีใครนิ่งวนอนใจ จิวฮัวออกค้นหายาถอนพิษพร้อมกับโฮ๋วตัวฉินฮ่องเต้ส่วน เสด็จพ่อตอนนี้ กำลังหว่านล้อมเสด็จแม่ถามเรื่องยาถอนพิษ ท่านอาทั้งสองกำลังไปค้นหาตลับทองคำที่จวนอ๋อง ข้าจึงอยากจะถามเจ้าว่าตลับทองใบหนั้น