แชร์

ประทานสมรส

ผู้เขียน: จันทร์ส่องแสง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-22 08:01:12

“ไม่มีทางไม่มีทางข้าจะไม่ยอมปล่อยท่านให้กับนาง ข้าวางยาพิษนางอีกไม่นานนางก็จะตาย จริงสินางตายไปแล้วพิษที่ไร้ยาถอนพิษ ไม่สิเหนือกว่าข้าก็ยังมีเซียนหญิงผู้นั้นที่บังอาจปรุงยาถอนพิษให้นาง”

“อ้ายหลิวแล้วยาถอนพิษนั่นอยู่ที่ไหน ตอนนี้อ้ายแิงต้องพิษของเจ้า

“นางโง่ฟางหลินข้าโง่งม ทำการสำเร็จด้วยหรือ”

อ้ายหลิวหัวเราะร่วน

“ก็อยู่กับนางนางคิดว่าหากลูกของนางใกล้ชิดข้าสักวันจะต้องถูกวางยานางจึงไม่ยอมกินยาถอนนพิษเก็บยาถอนพิษไว้ให้ลูกของนาง 5555 ข้าพยายามหามันมา18ปีเพื่อทำลายมันแต่ไม่เคยพบพานฝ่าบาทคิดว่าแค่เวลาเพียงไม่กี่วันฝ่าบาทจะหามันได้หรือ”

หวงฉีจิ้งถอนหายใจยาว

“อ้ายฉิง ข้าตามท่านหมอแล้วอีกไม่กี่อึดใจท่านหมอจึงจะมาที่นี่ ตอนนี้ข้ามีเรื่องยากจะถามเจ้า”

“จิวอัน มีเรื่องใดอย่างได้เกรงใจเจ้าพูดมาเถอะ”

จิวอันยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นกุมมืออ้ายฉิงอย่างปลอบโยน

"ตอนนี้เราไม่อาจหายาถอนพิษให้เจ้าได้ แต่ทุกคนไม่มีใครนิ่งวนอนใจ จิวฮัวออกค้นหายาถอนพิษพร้อมกับโฮ๋วตัวฉินฮ่องเต้ส่วน เสด็จพ่อตอนนี้ กำลังหว่านล้อมเสด็จแม่ถามเรื่องยาถอนพิษ ท่านอาทั้งสองกำลังไปค้นหาตลับทองคำที่จวนอ๋อง ข้าจึงอยากจะถามเจ้าว่าตลับทองใบหนั้น
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   เลือดใหม่

    ณ มุมสวนด้านตะวันตกของจวนอ๋องไร้พ่าย ภายหลังการแสดงและพิธีรินชา ผู้คนต่างทยอยแยกย้ายไปตามมุมพักผ่อน แต่เสียงหัวเราะใสๆ กลับดังขึ้นจากใต้ต้นเหมยซึ่งกำลังออกดอกบานสะพรั่ง“เจ้ารู้หรือไม่” ไป๋ฮวาเดินเข้ามาด้วยดวงหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะในมือถือถาดขนมเปี๊ยะหอมใหม่แกะจากห้องเครื่อง “การที่อี้หลินยกชาส่งให้เจ้า นั่นหมายถึงนางให้โอกาสเจ้าได้แก้ตัวแล้ว”ไป๋อวี้ยกจอกชาขึ้นจิบเบาๆ แววตาแฝงความหมายจนยากจะปิดบัง “แต่ข้าก็ยังไม่กล้าพอจะเอื้อมขออะไรจากนาง…”“ก็ดีแล้ว” ไป๋ฮวาหัวเราะพลางเอื้อมมือหยิบขนมเปี๊ยะส่งให้ “ถือว่าฟ้าให้โอกาส อย่ารีบเร่งนักต้องใจเย็นๆ นางยังไม่ไปไหน”ก่อนที่ไป๋อวี้จะทันตอบเสียงทุ้มหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“เมื่อใดข้าจึงจะได้โอกาสดีๆ เช่นนั้นบ้างเล่า”เสียงนั้นอ่อนโยนแต่แฝงรอยตัดพ้อบางเบาไท่จือซางหลางยืนพิงเสาไม้ ทอดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา…ไป๋ฮวายกคิ้ว ทำทีเป็นไม่เข้าใจในความหมาย “ท่านหมายถึง…อี้หลินหรือ เช่นนั้นเจ้าต้องข้ามศพเจ้ากบไปก่อนล่ะ ข้าจะช่วยถือดาบให้ ลำบากท่านแล้ว ไท่จือซางหลางเอาอย่างนี้ไป๋ฮวาเป็นแม่สื่อให้ท่านเองดีไหม”“หึ…” ซางหลางถอนหายใจ ก่อนจะสาวเท

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   ยังให้โอกาส

    ไป๋อวี้...ยืนอยู่ใต้เงาร่มไผ่ ใบหน้าเงียบขรึมแต่ดวงตากลับเปี่ยมด้วยความรู้สึกหลากหลายเขาจ้องมองอี้หลินด้วยสายตาที่สะท้อนทั้งความรู้สึกผิดเขาปรามาสนางเกินไปดวงตาคู่นั้นเหมือนจะได้ยินทุกถ้อยคำจากปากนางทุกถ้อยคำที่เปรียบเสมือนเข็มทิ่มกลางอกเขาขยับเท้า...ราวจะก้าวไปข้างหน้าแต่แล้ว...กลับหยุดชะงักใจเต้นแรงดั่งระฆังทองถูกเคาะในอกสุดท้าย เขาทำได้เพียงมองนางเงียบๆแม้ยืนอยู่แค่ปลายสายตา... ก็ยังไม่กล้าเดินเข้าใกล้ความรู้สึกผิดเต็มหัวใจเว่ยจิน ไท่จือแห่งเป่ยเอียน เดินตรงเข้ามาตรงหน้าเจียวหยูและตงเกานั่งเคียงข้างกันเว่ยจินหยุดยืนตรง ก้มศีรษะคารวะอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยเว่ยจิน คารวะฮูหยินเจียวหยูและท่านฟางตงเกา เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้พบท่านทั้งสองในวันนี้”เจียวหยูยิ้มบาง แต่แววตายังคงสุขุมเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงของสตรีที่ผ่านโลกมามาก นางพยักหน้ารับ“เจ้าช่างเติบโตมาได้องอาจสมกับที่เป็นโอรสของฮ่องเต้โตวโฮฉินและองค์หญิงเก้าจิวอันนัก ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้าไม่น้อย...”ตงเกาเอ่ยขึ้นบ้าง เสียงนุ่มลึก“ตระกูลเป่ยเอียนและตระกูลฟางแม้ไม่เคยเกี่ยวข้องกันโดยตรงแต่ก็เคยมีสายสัมพันธ์อันดีกันในอดีต บ

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   ตามหารักแท้พบเจอหรือยัง

    เสียงปรบมือสองที… แปะ… แปะ…ผู้คนหันขวับใต้ร่มพัดไผ่ลายทอง ไท่จือเว่ยจินยืนนิ่งในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มปักลายพญาอินทรีเหินเวหา ดวงตาคมยามนั้นมีแววเฉียบขาดแต่เรียบสงบ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง เปิดเผยจริงใจเขาหันข้างเล็กน้อย แล้วกล่าวกับขันทีคนสนิทเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น“นำของกำนัลไปมอบให้คุณหนูทั้งสอง… กล่าวกับนางว่า ข้าชื่นชมจากใจ”ขันทีนามหลิวกวง โค้งรับคำ แล้วเบี่ยงตัวออกไปในมือมีหีบไม้จันทน์ขนาดเล็กสองกล่อง ห่อด้วยผ้าไหมทอด้วยดิ้นทองขันทีน้อยยืนเบื้องหน้าสองพี่น้อง แล้วกล่าวด้วยเสียงชัดเจน“ไท่จือเว่ยจิน รับชมการแสดงของคุณหนูฟางทั้งสองด้วยความประทับใจอย่างยิ่งจึงขอมอบของกำนัลนี้แด่ท่านทั้งสอง เพื่อเป็นเกียรติและคำขอบคุณในศิลปะอันเลอค่า ขอให้รับไว้เถิดขอรับ”อี้เหยาถอนหายใจไม่ชอบใจท่าทีอวดสรรพคุณของเว่ยจินนัก ก่อนที่อี้หลินจะรับเอาหีบไม้ประคองไว้ด้วยมือนุ่มนวลอี้เหยายืนนิ่ง แต่ก็ย่อกายเล็กน้อย กล่าวเสียงนุ่ม“ไท่จือเมตตาเกินไปเพคะ พวกหม่อมฉันหาได้กล้ารับสิ่งใดโดยไม่กล่าวคำขอบคุณ...”เว่ยจินเพียงแค่ยกมือขึ้นเบา ๆ“อย่าได้เกรงใจ... สตรีที่ยิงธนูแม่นยำราวกับอ่านใจได้ และผู้บรรเลงพิณเสนาะจ

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   สองพี่น้องบ้านฟาง

    เสียงพิณแว่วแผ่วจากเหล่านางดนตรี เพลงบรรเลงพลิ้วราวหมอกยามเช้า ผสานเข้ากับเสียงดีดเครื่องสายอย่างสงบเยือกเย็นบนฟากฟ้าเหนือเวที…สายลมเริ่มพัดแรง ใบหลิวปลิวว่อนประหนึ่งสัญญาณแห่งความแปรเปลี่ยนทันใดนั้นเองเสียงตะโกนจากผู้ดำเนินงานดังกังวาน“และบัดนี้...ขอเชิญรับชมการแม่นธนูและบรรเลงเพลงพิณจากบุตรีบ้านฟาง คุณหนูฟางอี้หลิน และคุณหนูฟางอี้เหยา”จู่ๆ แสงไฟเวทีพลันหรี่ลง ท้องฟ้าสีทองส้มฉายเงาผ่านหลังคาศาลาไม้สูงเสียงลมหวิว…ผู้คนทั้งงานหันหน้าขึ้นไปพร้อมกันและแล้วร่างหนึ่งในชุดสีฟ้าครามปักลายปรากฏกายเหนือหลังคาศาลา ใบหน้าปิดบังไว้ด้วยหน้ากากอัปลักษณ์สลักลายคล้ายหยกกะเทาะ ร่อนตัวลงจากหลังคา ร่างเบาหวิวราวกับขนนก ในนาทีที่เท้าสัมผัสพื้นเวที ก็ยืนในท่ามั่นเสียงฮือฮาอื้ออึง มือขวายกคันธนูไม้หอมขึ้นเหนี่ยวสายคันธนูดั่งเทพีธนูที่หลุดมาจากตำนานเสียงฮือฮาทั้งลานดังขึ้นอีกครั้งกับท่าทีสง่างามเกินหญิง“นั่นหรือคุณหนูฟาง ไหนว่าพวกนางสองพี่น้องงดงามราวเทพีสวรรค์ แล้วเหตุใดถึงสวมหน้ากากอัปลักษณ์เช่นนั้น “หรือตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่” เสียงซุบซิบดังไปทั่วลานท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้อง ไป๋อวี้ที่นั่

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   มิตรภาพ

    กลิ่นหอมจากชาอู่หลงชั้นเลิศลอยแผ่วอ้อยอิ่ง ขับกล่อมให้ลานน้ำชาชั้นสูงดูอบอุ่นและงดงามในแสงอาทิตย์อ่อน ๆอี้เหยาในอาภรณ์ผ้าไหมสีชมพูอ่อนปักดอกเหมย ยืนเคียงมารดาเจียวหยูริมซุ้มพฤกษา แววตาเธอจับจ้องไปยังขบวนเสด็จของโตวโฮฉินและเครื่องบรรณาการที่มีไท่จือเว่ยจินปรากฏตัวพร้อมกับขบวนบรรณาการอลังการอี้เหยาเบ้ปากเล็กน้อย ขณะกระซิบเบาๆ กับมารดา“ท่านแม่...บุรุษหน้ายิ้มผู้นั้นคือผู้ใดหรือเจ้าคะ ช่างทำตัวเย่อหยิ่งราวกับโลกทั้งใบเป็นของเขา มิรู้จักความพอดีเอาเสียเลย”เจียวหยูหันมามองลูกสาวแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงนุ่ม“นั่นคือไท่จือเว่ยจิน บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนขององค์หญิงเก้าจิวฮัวกับฮ่องเต้โตวโฮฉินแห่งแคว้นเป่ยเอียน”อี้เหยาทำตาโต“โอ้...เชื้อสายสูงศักดิ์เช่นนั้นหรือ...ก็ว่าอยู่ ทำไมถึงดูร่ำรวยและ...อวดดีนัก”“เหยาเอ๋อร์” เจียวหยูปรามเสียงเบาแต่จริงจัง “แม้เจ้าจะไม่ชอบเขา ก็ไม่ควรพูดเช่นนั้น บุญคุณเก่าระหว่างแคว้นเป่ยเอียนกับเรา รวมถึงตัวฝ่าาทกับฮองเฮาแคว้นเป่นเอียน เคยมีต่อพ่อเจ้าและตัวแม่ไม่น้อย เขาก็ไม่ต่างจากเฉิงอู๋อ๋องกับพระชายาที่เจ้าชื่นชมนัก”อี้เหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่เขามิใช่เฉิงอู๋อ๋อง

  • ชายาอัปลักษณ์ของท่านอ๋องรูปงาม   มาเพื่อชนะ

    “หากนางยอมรินชาให้มือนางเอง...ข้าจะถือว่าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” ซางหลางกล่าวเสียงนุ่มแล้วดวงตาคมนั่นก็เหลือบไปทางหนึ่ง...เงาผ้าชั้นดีปักลายกลีบบุปผากำลังพลิ้วไหวไปตามทางเดิน... พร้อมเจ้าของที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทุกฝีก้าวกำลังถูกเฝ้ามองด้วยใจอันแน่วแน่แม้ยามเช้าเพิ่งคล้อยสู่สาย แต่ลานกลางสวนหลวงในจวนอ๋องไร้พ่ายกลับเนืองแน่นไปด้วยผู้คนม่านแพรหลากสีปลิวไหวในสายลมบางเบา กลิ่นชาหอมฟุ้งลอยแตะจมูกไปทั่ว เสียงคุยเจื้อยแจ้วของเหล่าบุตรีขุนนางผสานเสียงหัวเราะแผ่วเบาโต๊ะน้ำชาถูกจัดเรียงเป็นกลุ่มรายรอบศาลากลางน้ำที่มีเวทีเล็ก ๆ ตั้งขึ้นเพื่อแสดงดนตรีขับกล่อม เสียงพิณจีนร่ำไห้เบา ๆ เคล้าความงามของกลีบดอกเหมยที่โปรยปรายลงมาช้า ๆขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊มากมายทยอยเดินทางมาถึง บุตรชายผู้มีวัยไล่เลี่ยต่างประดับตนด้วยเสื้อผ้าสีสุภาพแต่อาภรณ์งามล้ำ สะท้อนสถานะและความมุ่งหมายในการพบปะหญิงงามแห่งวังหลวงเจียวหยูและตงเกาก็เดินยิ้มมาร่วมโต๊ะกลางพร้อมเสียงหัวเราะและกล่องขนมหวานแปลกตาที่นำมาจากตลาดเมืองเหนือแต่แม้จะครื้นเครงเท่าใด... กลับยังมีเงาเงียบงันหนึ่งแผ่คลุมเหนือทุกบทสนทนา“ท่านแม่ท่านรู้หรือ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status