“พวกเจ้าจะจับข้าไม่ได้”อาจเพราะเซียงฮูหยินคิดไม่ถึงว่าหลังหลงเสี้ยวเทียนได้รู้อดีตที่ผ่านมาแล้ว ยังไร้เยื่อใยเช่นนี้ รีบคุกเข่ากับพื้น จับชายเสื้อของเขาไว้“ข้าชอบท่านด้วยใจจริง หรือว่าท่านไม่เห็นแก่ไมตรีเก่าเลยแม้แต่น้อย?”เซียงฮูหยินคิดจริงๆ ว่า หลงเสี้ยวเทียนจะต้องมีใจให้นางอยู่บ้าง นี่ถึงช่วยนางไว้ที่ทุ่งล่าสัตว์ฤดูหนาว“ตอนนั้นข้าเห็นท่านใกล้หนาวตาย จึงสงสารท่าน”หลงเสี้ยวเทียนไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“หากข้ารู้ว่าวันหนึ่ง ท่านจะทำร้ายฮุ่ยซินตอนนั้น ข้ายอมดูท่านแข็งตายไป”“ท่าน...”คำพูดเย็นชาไร้หัวใจ ทำลายความคิดเพ้อฝันของเซียงฮูหยินจนแหลกละเอียด นางมองหลงเสี้ยวเทียนอย่างเหลือจะเชื่อ“ท่านพี่” เหยาฮุ่ยซินจับมือของเขาไว้ สีหน้าเผือดซีดอยู่บ้างหลงเสี้ยวเทียนรีบหันหลังปลอบนาง สีหน้าอ่อนโยน“ไม่ต้องกลัว เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง ข้าไม่มีวันปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าไป”ต่อให้อีกฝ่ายเป็นอนุของบิดา เขาก็จะต้องให้นางชดใช้อย่างสาสม“ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ข้าหลงใหลในตัวท่าน...”“เหยาฮุ่ยซิน เจ้ามีคุณธรรมมีความสามารถอะไรกัน ข้าขอสาปแช่งเจ้
“ให้อภัยท่าน” กู้หว่านเยว่เองก็ยิ้มบางๆ อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร“เหตุใดข้ารู้สึกแปลกๆ กันเล่า?”การแสดงออกของหลงเส้าเทียน แม้เขาเข้าใจผิดไปว่าสองสามีภรรยาเป็นคนสอดแนม ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้ทำร้ายสองคนนี้ ตรงข้ามกันเขาถูกฟาดแส้ไปแล้ว บัดนี้ยังรู้สึกเจ็บเนื้อตัวอยู่เลยนะเพียงแต่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้างดงามพริ้มเพราของกู้หว่านเยว่ เขาถึงขั้นรู้สึกไม่สามารถตอบโต้ได้ ตรงข้ามกันยังหวั่นไหวอีกด้วย“ใช่แล้ว ครรภ์ของฮุ่ยซิน...”หลงเสี้ยวเทียนกังวลอยู่บ้าง แม้ว่าหาชะมดเจอแล้วแต่เมื่อครู่หมอก็พูดว่า เหยาฮุ่ยซินดมกลิ่นชะมดมากเกินไป ทำให้ครรภ์ไม่คงที่นางเกิดสัญญาณการแท้งบุตรแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะสามารถแท้งบุตรได้ทุกเมื่อ“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าดูอาการให้พี่หญิงเหยาแล้ว จัดยาให้นางสองชุด ฝังเข็มให้อีกรอบก็น่าจะใช้ได้แล้ว”กู้หว่านเยว่นั่งที่ข้างเตียง หยิบเข็มเงินออกมาหลงเสี้ยวเทียนเห็นสถานการณ์ รีบกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณมาก”“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าและพี่หญิงเหยามีวาสนาต่อกัน แต่พวกท่านต้องจำไว้ ครั้งนี้บังเอิญสูดกลิ่นชะมด ข้ายังสามารถช่วยพวกท่านรักษาเด็กเอาไว้ได้แต่ไม่สามารถ
เหยาฮุ่ยซินรีบพูด “ไม่จำเป็น ข้าเชื่อท่าน”นางไม่อยากให้กู้หว่านเยว่คิดว่าตนเองสงสัยในวิชาแพทย์ของนาง ฝ่ายหลังส่งตำรับยาให้หมอ“มีคนดูมากหน่อยย่อมดีกว่า”“เช่นนั้นท่านก็มาดูด้วยกันเถอะ”เหยาฮุ่ยซินเปลี่ยนคำพูด หมอรับตำรับยาไป ทีแรกยังคิดว่ากู้หว่านเยว่อายุน้อย อ่านจบแล้วกลับตกตะลึง“เพิ่มไป๋จู๋เข้าไป ก็สามารถปรับสมดุลของตัวยาได้ ช่างน่าอัศจรรย์นัก ฮูหยินเรียนวิชานี้มาจากที่ใดหรือ?”หมอเอ่ยถามมากอีกหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ กู้หว่านเยว่เอ่ยตอบ“ข้าเรียนจากหุบเขาราชาโอสถ”“หุบเขาราชาโอสถ ไม่เคยได้ยินมาก่อน”“ภายภาคหน้าก็จะได้ยินแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์ก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ชื่อเสียงยังไม่เลื่องลือ แต่กู้หว่านเยว่เชื่อ อีกไม่นานทั้งต้าฉีจะต้องได้ยินชื่อเสียงของหุบเขาราชาโอสถอย่างแน่นอน“ข้าขอไปหยิบยาตามตำรับยานี้ก่อน”หมอจากไปอย่างรู้ความ ยามออกจากประตูก็ถูกหลงเส้าเทียนไล่ตามไปขวางไว้“สิ่งที่ได้ยินวันนี้ ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้คำเดียว หากข้าได้ยินคำพูดไร้สาระ...”“ข้าไม่มีวันพูดเหลวไหล”หมอรีบส่ายหน้า เรื่องส่วนตัวยามมารักษาคนไข้ได้พบเห็นมามากมาย เขาระงับปากตนเองได้หลงเส้าเทียน
หากพวกท่านมีเวลาแล้วล่ะก็ ข้าสามารถพาพวกท่านออกไปเดินเล่นได้”“ไม่มีเวลา”ซูจิ่งสิงเอ่ยตอบอย่างกระชับสั้น กู้หว่านเยว่อธิบายยิ้มๆ“ครั้งนี้พวกเราออกมาเพราะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ อยู่ที่จวนหลงฉวนได้ไม่นานนัก คาดว่าพรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว”“เร็วถึงเพียงนี้เชียว?”ใบหน้าหลงเส้าเทียนเปี่ยมความผิดหวัง“หากฮุ่ยเอ๋อร์รู้ว่าพวกท่านจะจากไปเร็วถึงเพียงนี้ จะต้องเสียใจมากแน่”หลงเสี้ยวเทียนแปลกใจอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวอย่างไรเสียเขาก็รู้ฐานะของซูจิ่งสิง ไม่มีวันออกมาเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน ในเมื่อมาถึงจวนหลงฉวน จะต้องมีเรื่องต้องการจัดแน่“เกือบลืมไปแล้ว ข้าที่นี่มียาบำรุงครรภ์สองขวด ท่านช่วยมอบให้พี่หญิงเหยาแทนข้าด้วยเถอะ”ก่อนหน้านี้ยามกู้หว่านเยว่อยู่ภายในห้องเหยาฮุ่ยซินกลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นึกขึ้นได้ก็วางไว้บนโต๊ะนางคิดว่า คืนนี้ทั้งสองคนไปคลังสินค้าตลาดมืดอาจไม่ได้กลับมา เป็นไปได้มากว่าจะไปยังคลังสินค้าถัดไปดังนั้นจึงจัดการล่วงหน้าหนึ่งก้าว มอบยาบำรุงครรภ์ให้หลงเสี้ยวเทียนหลงเสี้ยวเทียนรีบรับไว้ “ขอบคุณมาก”เขารู้วิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ นั่นเคยรักษาโรคเร
ขณะนางกำลังคิดว่าทำสิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อยโดยเร็ว รอกลับไปแล้วค่อยๆ นับราวกับไม่ทันสังเกตเลยว่าเดิมทีภายในกล่องนี้ก็ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร ดูท่าแล้ว ของเหล่านี้ถูกสับเปลี่ยนไปตั้งแต่แรก“ข้าดูว่าครั้งนี้พวกเจ้าจะหนีไปที่ใดได้อีก”เวินทิงอวิ๋นเดินเข้ามาจากภายนอก โบกพัดในมือไปมา“ถึงขั้นขวัญกล้ามาปล้นตลาดมืดอินซาน พวกเจ้ากล้าไม่เบาเลยนี่”แม้จวนหลงฉวนรู้ว่าตลาดมืดอินซานและทูเจวี๋ยสมคบคิดกัน ก็กล้าทำเพียงโจมตีคนทูเจวี๋ยเหล่านั้น ไม่กล้าเปิดศึกกับตลาดมืดของพวกเขาอย่างไรเสียพวกเขาตลาดมืดอินซานก็มีสมบัติล้ำค่าหายากและสมุนไพรส่วนใหญ่อยู่ในมือ ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าภายภาคหน้า สักวันหนึ่งจะต้องมาขอร้องอินซานหรือไม่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่งตอนนี้รู้สึกโชคดีมาก ก่อนมาที่นี่ทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นชุดท่องราตรี ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลงโฉมอย่างง่ายอีกด้วย เดิมทีเวินทิงอวิ๋นก็จำฐานะที่แท้จริงของพวกเขาไม่ได้“นกพิราบสื่อสารของตลาดมืดอินซานว่องไวมากไม่ผิดไปดังคาด”เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็คาดการณ์ไว้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวันข่าวถึงจะส่งถึงมือสาขาอื่น คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะได้ร
กู้หว่านเยว่สาดยาสลบออกไป จากนั้นโยนคบเพลิงเข้าไปภายในหนึ่งอัน พาซูจิ่งสิงหนีหายไปในทันใด“ตาม!”เวินทิงอวิ๋นลองไล่ตามไป กลับถูกองครักษ์หน่วยหนึ่งล้อมไว้บนถนนอย่างกะทันหัน หลงเส้าเทียนพาองครักษ์ของจวนหลงฉวนออกมา“เกิดอันใดขึ้น เหตุใดมาทะเลาะวิวาทกันที่นี่กลางดึกเล่า?”เวินทิงอวิ๋นโมโหไม่เบา เขารู้ฐานะของหลงเส้าเทียน ไม่เสแสร้งแสดงละครไม่ได้“มีหัวขโมยสองคนเข้าไปในคลังของห้องหนังสือพวกเรา ลอบขโมยของมีค่าไปไม่น้อย ข้าน้อยกำลังจะพาคนไล่ตามไป”“หัวขโมย?”หลงเส้าเทียนหันมองทิศทางที่สองคนนั้นจากไปแวบหนึ่ง หันหน้ากลับมาเนิบๆ“หัวขโมยสองคนนั้นกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นขวัญกล้าขโมยของภายในเมืองอย่างเปิดเผย เจ้าวางใจเถอะ พวกเราจวนหลงฉวนไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป พวกเจ้าไปแจ้งความกับทางการก่อน ข้าย่อมต้องพาคนไล่ตามพวกเขาไป”“ไม่จำเป็น...”เวินทิงอวิ๋นไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง เขาจะไล่ตามไปด้วยตนเอง“เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ทางการจะต้องออกหน้าช่วยทวงความยุติธรรมแทนพวกเจ้าแน่ อย่าเกรงใจไปเลย”หลงเส้าเทียนพูดเพียงสองสามประโยคก็ยับยั้งอีกฝ่ายไว้ได้แล้ว ไม่รอให้เวินทิงอวิ๋นเปิดปากอีกครั้งก็โบกมือ
“นี่คือหนึ่งในผู้ดูแลตลาดมืดอินซาน หลี่หรงหรง”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างโสตนางเสียงนุ่มนวล“ไปเถอะ พวกเราขึ้นรถม้าไปถามนาง คลังสินค้าอีกสี่แห่งที่เหลือถูกย้ายไปไว้ที่ใดแล้ว”“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมีคนอยู่ที่จวนหลงฉวนด้วย ท่านสั่งพวกเขาไปจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่ยามใดกัน?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงอยู่บ้าง ชายคนนี้ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง ไม่ทันรู้ตัว ก็จับผู้ดูแลตลาดมืดมัดไว้แล้ว“พวกเราไม่ใช่เคยมาจวนหลงฉวนครั้งหนึ่งหรอกหรือ? นับตั้งแต่นั้นมาข้าก็ส่งคนของตนมาอยู่ที่นี่”ซูจิ่งสิงอธิบายอย่างอดทน“พวกเราปล้นคลังสินค้าสี่แห่งจนเกลี้ยงแล้ว เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ข้าจึงให้พวกเขาเตรียมการล่วงหน้า”วันนี้ผู้ดูแลหลี่คนนั้นก็บังเอิญอยู่ข้างกายเวินทิงอวิ๋น ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่ออกมาแล้ว ก็ส่งข่าวให้ผู้อยู่ใต้อาณัติทั้งสองคนพูดพลางขึ้นรถม้า หนึ่งในคนชุดดำออกไปนั่งภายนอกและขับรถม้า“พวกเจ้าดีที่สุดคือปล่อยข้าไป”หลี่หรงหรงพูดพลางขมวดคิ้ว“หากถูกใต้เท้าเวินรู้เข้า เขาไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไป”กู้หว่านเยว่หัวเราะคิกคัก “ใต้เท้าเวินที่เจ้าพูดถึง เมื่อครู่เขาขวางพวกเราเอาไว้ไม่ได้”สีหน้าหลี่หรงหร
“ข้าถามเจ้า ตอนนี้วัวเทียมเกวียนอยู่ที่ใด?”หลี่หรงหรงส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่วัวเทียมเกวียนกำหนดเส้นทางไว้แน่นอนแล้ว”กู้หว่านเยว่โยนแผนที่ให้นางหนึ่งฉบับ“เจ้าจงวาดเส้นทางลงไปตอนนี้เลย”หลี่หรงหรงวาดเส้นทางลงไปอย่างว่าง่าย ชั่วขณะวางพู่กัน ยาพูดความจริงก็หมดฤทธิ์ ทันใดนั้นได้สติกลับมาแล้วมองแผนที่ตรงหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปซูจิ่งสิงสืบเท้าขึ้นไปหนึ่งก้าวหยิบแผนที่ไปอย่างว่องไว“พวกเจ้าถึงขั้นขวัญกล้าลอบวางอุบายข้า?”หลี่หรงหรงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางไม่มีความทรงจำเมื่อครู่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อยตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? นางถึงขั้นวาดเส้นทางการเดินทางของวัวเทียมเกวียนออกมา สองสามีภรรยาคู่นี้ทำอันใดนาง?กู้หว่านเยว่มองแผนที่การเดินทางของวัวเทียมเกวียน ยกมุมปากยิ้มน้อยๆ“พวกเราไม่ต้องไปคลังสินค้าอีกสามแห่งแล้ว ขอเพียงเก็บกวาดวัวเทียมเกวียนนี้ให้เกลี้ยง ก็เท่ากับเก็บกวาดอีกสี่คลังสินค้าที่เหลือได้ในคราวเดียว”ประหยัดเวลาประหยัดแรง นางดีใจขึ้นมาสองส่วนแล้ว“พวกเจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของตลาดมืดอินซาน พวกเจ้าถือสิทธิ์อะไรมาปล้นไป?”หลี่หรงหร
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้