LOGINโชคดีที่เช้าวันรุ่งขึ้น ทางกรมโยธาธิการส่งข่าวมาแต่เช้า บอกว่าฟางเฉียนได้นำพาผู้ใต้บัญชาวาดภาพแบบเรือรบออกมาแล้ว เชิญซูจิ่งสิงไปดูกระทั่งอาหารเช้าซูจิ่งสิงก็ไม่ทันได้กิน รีบสั่งให้พวกเขามารอที่ตัวเองที่ตำหนักฉินเจิ้งเมื่อกู้หว่านเยว่รับรู้เรื่องนี้ ในใจรู้สึกยินดีไปกับซูจิ่งสิงด้วย เรื่องที่ซูจิ่งสิงเป็นกังวลในที่สุดก็ได้รับการคลี่คลายแล้ว“ท่านพี่ กินอาหารเช้าก่อนค่อยไปเถอะ ต่อให้เรื่องนี้สำคัญอย่างไรก็ต้องกินอาหารเช้าให้หมดก่อน”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “ข้าไม่มีแก่ใจจะกินอาหารเช้าหรอก น้องหญิงเจ้ากินก่อนเถอะ”พอพูดจบก็รีบร้อนเดินออกไป กู้หว่านเยว่มองดูแผ่นหลังของเขาแล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ เมื่อคืนนอนหลับไม่ดีตลอดคืน ตอนนี้ยังรีบร้อนไปหารือราชกิจที่ตำหนักฉินเจิ้ง ต่อให้เป็นคนเหล็กก็คงจะทนไม่ไหว“ชิงเหลียน เจ้าสั่งให้ในครัวจัดเตรียมของว่างบางส่วนแล้วส่งไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง”ชิงเหลียนพยักหน้า “พระนางฮองเฮาเป็นห่วงฝ่าบาทมากนะเพคะ”กู้หว่านเยว่หัวเราะ “ต่อไปหากเจ้ามีสามีก็จะเป็นห่วงเขาเช่นกัน เอาละ รีบไปเถอะ”ชิงเหลียนรีบออกไปทันที ในใจกู้หว่านเยว่นึกถึงบทสรุปทางตำหนักฉินเจิ้ง ก็ไม่
“อาจารย์ ต่อไปข้าจะไม่บุ่มบ่ามอีกแล้ว”เว่ยเสี่ยวฉู่เพิ่งรู้สึกตัวทีหลัง รู้สึกว่าการกระทำของตัวเองไม่เหมาะสม จึงแสดงตัวว่าต่อไปจะไม่ทำอีก“องค์ชายจะกลับมาเมื่อใดเจ้าคะ?”วันเกิดอายุครบสิบปี นางหวังว่าจะได้ฉลองพร้อมกับจ้านจ้าน ทั้งสองคบหากันมานาน ในใจนางเห็นจ้านจ้านเป็นน้องชายที่ต้องปกป้องนานแล้ววันที่สำคัญขนาดนี้ ย่อมหวังให้จ้านจ้านอยู่ด้วยกู้หว่านเยว่เข้าใจจิตใจของเว่นเสี่ยวฉู่ แต่สีหน้ายังแฝงความเสียดายจ้านจ้านอยู่ในที่ราบแห่งความโกลาหล หากอยากให้เขากลับมาในไม่กี่วัน เห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้“เสี่ยวฉู่ บัดนี้จ้านจ้านไม่อยู่ในต้าฉี หากอยากพาเขากลับมา อย่างน้อยไปกลับต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน ดังนั้นวันเกิดของเจ้าเกรงว่าเขาคงกลับมาไม่ทัน ไม่สู้รอให้เขากลับมาแล้ว ค่อยชดเชยให้เจ้า เจ้าว่าดีหรือไม่?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ เว่ยเสี่ยวฉู่อายุสิบปีแล้ว ตัวเองพูดเหตุผลกับนาง นางย่อมต้องฟังเข้าใจหากต้องหาข้ออ้างหลอกนางกะทันหัน ไม่สู้บอกนางถึงสาเหตุที่แท้จริง นางต้องเข้าใจแน่นอนเป็นไปตามคาด หลังจากเว่ยเสี่ยวฉู่ฟังจบ ใบหน้าผิดหวังอย่างไม่อาจปกปิด แต่ก็พยักหน้าอย่างรู้ความ“อาจารย์
เว่ยเสี่ยวฉู่เหมือนมองเห็นตัวช่วยทันที รีบเข้าไปหากู้หว่านเยว่ แล้วกอดเอวนางไว้“อาจารย์!”ภายในดวงตาดำขลับคู่นั้นเต็มไปด้วยความรักและผูกพัน สองแขนโอบกู้หว่านเยว่แน่น ไม่อยากปล่อยไปด้วยซ้ำ“อาจารย์ ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงได้เข้าใจสักที ที่แท้เว่ยเสี่ยวฉู่คิดหาสารพัดลอบเข้ามาในวังเพื่อพบกู้หว่านเยว่นี่เองเว่ยเสี่ยวฉู่ยังพูดไม่หยุด “อาจารย์ ข้าไม่ได้พบท่านมานานมากแล้ว ช่วงนี้ข้าอ่านตำราพิชัยสงครามไปไม่น้อย เมื่อไหร่ท่านจะทดสอบข้าสักทีล่ะ? ใช่สิ องค์ชายน้อยล่ะ? ทำไมไม่เห็นพระองค์? องค์ชายบอกว่าจะฉลองวันเกิดสิบขวบให้ข้า วันเกิดข้าใกล้ถึงแล้วนะเจ้าคะ”เว่ยเฉิงที่อยู่ข้างกันฟังจนเหงื่อแตกพลั่ก ลูกสาวคนนี้ช่างน่าหนักใจยิ่งนัก นิสัยโผงผาง มีอะไรก็กล้าพูดออกมาทั้งนั้นนี่เป็นฮองเฮากับฮ่องเต้เชียวนะ!“เสี่ยวฉู่ รีบคุกเข่าลงขอประทานอภัยกับฮ่องเต้และฮองเฮา อย่าพูดจาเหลวไหล”เว่ยเสี่ยวฉู่กระพริบดวงตากลมโตขณะนี้กู้หว่านเยว่เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่นางเดินเล่นอยู่ในอุทยานหลวง พอดีเดินผ่านตำหนักฉินเจิ้งนางรู้ว่าหลายวันมานี้ซูจ
แม่ทัพผู้เฒ่าซุนสีหน้าขึงขัง “กระหม่อมจะปกป้องพระนางฮองเฮาในเมืองหลวงให้ดี ฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้”“ดีมาก”ซูจิ่งสิงตบบ่าแม่ทัพเฒ่าซุน“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ”ในใจแม่ทัพทั้งหลายต่างมีแผนการในใจ จึงรีบออกไปก่อนการทำงานของทั้งหกกรมรวดเร็วทันใจ ภายในเวลาแค่สองวัน ก็ประกาศความผิดของแคว้นอู๋วั่งให้ใต้หล้ารับรู้เมื่อได้รับรู้ว่านอกจากชาวหมานและทูเจวี๋ย ยังมีชนชาติอื่นดำรงอยู่ ทำให้พวกชาวบ้านเกิดความหวาดกลัวทันทีอีกทั้งได้ยินว่าแคว้นอู๋วั่งคิดรุกรานต้าฉี และได้แทรกซึมเข้ามาแล้ว ซ้ำยังทำร้ายประชาชน ผู้คนโกรธจนแทบอยากจะฆ่าพวกเขาทันที“ฝ่าบาท ในหมู่ราษฎรมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อเรื่องนี้มากพ่ะย่ะค่ะ”เว่ยเฉิงนำสารลับมากราบทูลกลางดึก ซูจิ่งสิงเพิ่งตรวจฎีกาเสร็จ จึงยื่นมือไปรับสารลับมาหลังจากอ่านดูหนึ่งครั้ง ใบหน้าเผยรอยยิ้ม“คนเยอะพลังมาก เป็นไปตามคำโบราณที่ว่าไว้ เพียงแค่สองวันก็กระชากตัวออกมาเป็นโขยง”เว่ยเฉิงกล่าว “พวกชาวบ้านรับรู้เรื่องที่พวกเขาทำ ต่างโกรธแค้นพวกเขามากชาวแคว้นอู๋วั่งเหล่านี้ ไม่มีบ้านในต้าฉี ทำได้เพียงพักอาศัยในโรงเตี๊ยมเท่านั้น หรือไม่ก
ซูจิ่งสิงแตกต่างจากฮ่องเต้คนอื่น เขาเคยเป็นแม่ทัพมาก่อน และเป็นเจิ้นเป๋ยอ๋องที่มีชื่อเสียงโด่งดังก่อนที่จะมาเป็นฮ่องเต้เหล่าแม่ทัพที่อยู่ที่นี่ มีจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นทหารผู้ใต้บัญชาของเขา ขอพูดอย่างอวดดี หากว่าด้วยเรื่องการทำศึก ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงนี้อาจไม่มีใครเอาชนะซูจิ่งสิงที่เป็นฮ่องเต้“ฝ่าบาทอยากทรงนำทัพด้วยตัวเอง พวกกระหม่อมย่อมสนับสนุน เพียงแต่ไม่ทราบว่าพระองค์เลือกรองแม่ทัพแล้วหรือยัง”ขุนนางฝ่ายกลาโหมหันไปสบตากัน ต่อมาจึงพากันสอบถามซูจิ่งสิงครุ่นคิดชั่วครู่ “การทำศึกครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา เมื่อก่อนพวกเราล้วนออกไปทำศึกกันบนหลังม้า แต่ครั้งนี้พวกเราต้องนั่งเรือออกไป ดังนั้นคนที่ว่ายน้ำไม่เก่งย่อมไปด้วยไม่ได้ คนที่เมาเรือก็ไม่ได้เช่นกัน แม่ทัพอย่างพวกเจ้าทั้งหลายล้วนเคยติดตามเรา ความสามารถในการทำศึกของพวกเจ้าเราย่อมรู้ดีไม่ว่าจะพาพวกเจ้าคนใดไปด้วย เราเชื่อว่าพวกเจ้าจะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างดี”ซูจิ่งสิงพูดเอาใจทุกคนก่อน หลังจากนั้นค่อยเข้าสู่ประเด็นสำคัญ“ท่ามกลางพวกเจ้าที่เป็นแม่ทัพใครว่ายน้ำเป็น ใครที่นั่งเรือแล้วไม่เมาเรือ จงก้าวออกมาสองก้าว”
ดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนยากจะสังเกตเห็น แต่หากตรวจสอบให้ละเอียด จะกระชากพวกเขาออกมาอย่างง่ายดายอย่างไรก็เป็นคนนอก ไม่ได้เติบโตมาในต้าฉีตั้งแต่เด็กเว่ยเฉิงเอ่ยข้อเสนอแนะ “ฝ่าบาทต้องประกาศความผิดของคนพวกนี้ให้ใต้หล้ารับรู้ เพื่อกระตุ้นความโกรธของชาวบ้าน ยิ่งประชาชนเกลียดพวกเขา จะยิ่งใส่ใจการจับตัวพวกเขา”ในใจเขาย่อมมีวิธีเกลี้ยกล่อม“อย่างไรกำลังของทางการก็มีจำกัดอีกทั้งหากค้นหาในหมู่ชาวบ้าน ย่อมทำให้แตกตื่น หากประชาชนไม่เข้าใจ เมื่อเวลาผ่านไปนาน อาจทำให้ตัดพ้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่สู้ประกาศสิ่งที่พวกเขากระทำให้ใต้หล้ารับรู้ ถึงตอนนั้นประชาชนจะเข้าใจการกระทำของพวกเรา”นี่ยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง“พวกเขาอาจจะอาสาช่วยเหลือราชสำนัก เพื่อลากตัวคนชั่วให้ได้ในเร็ววัน ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เรา ย่อมมีข้อแตกต่าง เหตุผลเช่นนี้ พวกชาวบ้านต่างรู้ดี”สิ่งที่เว่ยเฉิงพูด มีเหตุผลซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างเห็นชอบ “ก็ดี ทำตามที่เจ้าว่า เราจะประกาศความชั่วของพวกเขาในทุกเรื่องให้ใต้หล้าได้รับรู้”แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องปิดบังเอาไว้นั่นคือข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย“ครั้งนี้หญิงสาวที่ถู







![จอมนางคู่บัลลังก์ [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)