“อื้อ”เนี่ยชิงหลานพยักหน้า ใบหน้าเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ข้าไปหาท่านพี่แล้วนะ”“ไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กลับไปอาบน้ำ แล้วเข้าไปฝึกฝนเพลงควบคุมสัตว์ร้ายในห้วงมิติต่อ หลังจากที่ซูจิ่งสิงกลับมา ก็เล่าเรื่องอารามเต๋าเมื่อตอนกลางวันให้เขาฟัง“ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอิทธิพลของคุณหนูใหญ่สกุลหลัวหรืออย่างไร ข้าเห็นคนกลุ่มนั้นไม่ชอบมาพากล ท่านจะให้ส่งคนไปตรวจหรือไม่?”ซูจิ่งสิงพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน และส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว”สองวันมานี้เขากำลังเตรียมตัวเรื่องที่ต้องเดินทางไปชายแดน“พระชายา!”จู่ ๆ ก็มีเสียงร้อนใจของเฉิงเซวียนดังขยายมาจากด้านนอก กู้หว่านเยว่จึงให้คนเรียกเขาเข้ามาทันทีที่เฉิงเซวียนเข้ามาก็กล่าวถามว่า “เห็นชิงหลานหรือไม่?”“นางไม่ได้ไปหาเจ้าหรอกหรือ?”กู้หว่านเยว่เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นในใจ เฉิงเซวียนเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ“ไม่ได้ไปหาข้าขอรับ สาวใช้ที่ดูแลนางบอกว่าหลังจากที่นางกลับไปก็หยิบกระบี่หนึ่งเล่มออกมา ทั้งยังเกล้าผมสูงและควบม้าออกไปทันที”“เด็กคนนี้ชักจะบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว”จู่ ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกขึ้นได้ว่านางจะไปไห
ระบบเงียบไปพักใหญ่ หนึ่งนาทีผ่านก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ข้าตามหาสหายของท่านได้จากในห้องบนชั้นสองของตึกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”“เด็กคนนี้อยู่ที่นี่จริง ๆ”กู้หว่านเยว่ไม่แปลกใจ นางพอจะเดาเอาไว้แล้ว“ท่านพี่ เราไปชั้นสองของตึกทิศตะวันตกเฉียงเหนือกันเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงเองก็ไม่ถามมากความ โอบเอวกู้หว่านเยว่ลอยตัวขึ้นบนหลังคาของห้องนั้นทันทีจากนั้น ทั้งสองคนก็เกาะอยู่บนหลังคานั้น ค่อย ๆ หยิบกระเบื้องหลังคาออกหนึ่งแผ่น แล้วมองเข้าไปข้างในด้วยกันภายในห้องขนาดเล็ก ชายหญิงคู่หนึ่งนอนหมดสติอยู่บนเบาะทรงกลม ส่วนข้างกายของพวกเขามีนักพรตยืนอยู่สองคน“ชิงหลาน” กู้หว่านเยว่จำเด็กผู้หญิงผู้นั้นได้“ชู่ว์” ซูจิ่งสิงส่งสัญญาณให้นางมองดูเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ ดูว่านักพรตสองคนนั้นจะทำอะไรกู้หว่านเยว่พยักหน้า อดทนดูทุกอย่างภายในห้อง กระทั่งเห็นนักพรตสองคนนั้นอุ้มเนี่ยชิงหลานขึ้นมา แล้ววางลงบนเตียงจากนั้นก็ยืนอยู่ข้างเตียงเพียงลำพัง ก่อนจะคลี่ยิ้มพลางลูบคางของตัวเอง“ฮูหยินที่มาวันนี้งดงามยิ่งนัก”นักพรตอีกคนกล่าวว่า “ข้าเห็นท่าทางของแม่นางผู้นั้นแล้วเหมือนสาวแรกแย้มอย่างไรอย่างนั้น?”“เจ
“พี่หญิงกู้”เนี่ยชิงหลานเหมือนได้เห็นผู้ช่วยชีวิต อย่าว่าแต่จะซาบซึ้งเพียงใดเลย กระทั่งโผเข้ากอดเอวของกู้หว่านเยว่ด้วย“เจ้าเองก็มาทันเวลาเกินไป”กู้หว่านเยว่ออกแรงดีดหน้าผากของนาง “เจ้าช่างกล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก ตอนกลางวันข้าพูดกับเจ้าแล้วมิใช่หรือ ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบ เหตุใดถึงได้เข้ามาเสี่ยงเองเช่นนี้?”เนี่ยชิงหลานรู้สึกผิด “ข้าแปลกใจ ทนไม่ไหว ก็เลยตั้งใจมาดูก่อน”นางกัดฟันกรอด“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านักพรตเต๋าของอารามเต๋าแห่งนี้จะเลวทรามยิ่งนัก ข้ารอดพ้นกลิ่นธูปกองแรกของพวกเขามาได้ แต่สุดท้ายก็ตกหลุมพราง เกือบถูกพวกเขาวางยา”นางกล่าวพลางเดินไปตรงหน้าของนักพรตเต๋าผู้นั้นอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นกระทืบคนผู้นั้นอย่างแรงสองครั้ง“พี่หญิงกู้ ท่านรู้หรือไม่ คนที่อยู่ในอารามแห่งนี้ไม่ใช่คนดีนัก พวกเขาใช้กลิ่นธูปทำให้สตรีหมดสติแล้วทำอนาจารพวกเขา มิน่าล่ะสตรีที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ หลังจากกลับไปก็ตั้งครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุ”เนี่ยชิงหลานทอดถอนใจ “น่าสงสารก็แต่พวกเขาที่ต่างคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่สือจีเหนียงเหนียงประทานให้พวกเขา ใครจะคิดว่าจะเป็นฝีมือของสัตว์เดรัจฉานกลุ่มนี้?!”นางยิ่ง
“ช่วยไม่ได้ ข้าทำได้แค่ต้องออกไปจ้างบุรุษข้างนอกมาแกล้งเป็นสามีของข้า....”ยิ่งนางพูด น้ำเสียงก็ยิ่งเบาลงทุกที เฉิงเซวียนหลุดหัวเราออกมา“เยี่ยม น้องหญิง เจ้าช่างฉลาดปราดเปรียวยิ่งนัก”ในตอนนี้เองบุรุษผู้นั้นตื่นขึ้นมาพอดี ครั้นเห็นผู้คนยืนออกันมากมายที่นี่ อีกทั้งสถานที่ตรงหน้าก็กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบคุกเข่าด้วยความตื่นตระหนกทันที“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?”เขารีบกล่าว “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยนะขอรับ ข้าน้อยแค่ทำตามคำสั่ง....”ซูจิ่งสิงโบกมือไปมา “ไปศาลาว่าการก่อนเถอะ”หลังจากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น คนที่อยู่ในที่เหตุการณ์วันนี้จะต้องไปให้ความจริงที่ศาลาว่าการก่อนแล้วค่อยกลับบุรุษผู้นั้นไม่กล้ากล่าวสิ่งใด มองเนี่ยชิงหลานอย่างหมดแรง “แม่นาง ห้าตำลึง เจ้าจะให้ข้าได้หรือไม่”เฉิงเซวียนล้วงหยิบเงินจำนวนสิบตำลึงออกมา แล้วโยนใส่เขา “ไม่ต้องถามหา ต่อไปอย่าเสนอหน้าไปเป็นสามีของใครอีก อย่างน้อยก็ถามให้ชัดเจนก่อน”เขาหึงหวงอย่างมาก เนี่ยชิงหลานไม่กล้ากล่าวสิ่งใด“ไปกันเถอะ กลับบ้านกันก่อน”โกรธก็ส่วนโกรธ เฉิงเซวียนเป็นห่วงนาง น้ำ
กว่ารถม้ากลับมาถึงจวนกู้ เวลานี้ก็ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว“น้องหญิง ข้าจะอยู่จนกว่าเจ้าจะเข้าไปข้างในแล้ว”ซูจิ่งสิงเปิดม่านออก กู้หว่านเยว่กำชับด้วยความเป็นห่วง“ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ”เรื่องอารามเต๋านี้เกรงว่าคงจะทำให้สบายใจไม่ได้ในตอนนี้ นางกลัวว่าซูจิ่งสิงจะทุ่มเทมากเกินไป“วางใจเถอะ” ซูจิ่งสิงบรรจงจูบหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน ดูท่าทางจะไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด กู้หว่านเยว่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในจวน“ฮูหยิน ข้าน้อยจะไปเตรียมน้ำร้อนให้อาบน้ำเจ้าคะ ฮูหยินอาบน้ำก่อน แล้วค่อยเข้านอน”หงเจาโรยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบลงในอ่างน้ำอย่างใส่ใจ และเตรียมชุดสำหรับนอนให้กู้หว่านเยว่อย่างดีจากนั้นก็เริ่มรายงานเรื่องการทำงานในร้านขายชาดเมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ของเจียงอวิ๋นจิ่นให้นางฟัง“แม่นางเจียงตั้งใจทำงานมาก จัดการบัญชีของสาขาได้อย่างเป็นระเบียบ ต้อนรับลูกค้าอย่างอบอุ่น ไม่ได้แสดงกิริยาเอาแต่ใจแต่อย่างใด”หงเจากล่าวชื่นชม “ข้าน้อยเห็นว่าเวลานางว่าง นางแค่หยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างเงียบ ๆ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “หากนางไม่มีปัญหา ต่อไปข้าจะยกสาขาให้นางดูแล
“กู้หว่านเยว่และท่านอ๋องช่างดีกับเจ้ายิ่งนัก”ลั่วยางฉลาดปราดเปรื่องมาก เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น“ใช่ อาลู่ทำผิด แต่ข้าไม่เคยทำผิดเลย”ครั้นเอ่ยถึงซวนลู่ เกาเจี้ยนก็ยิ่งลำบากใจ ลั่วยางอดพูดจาแขวะไม่ได้“ผู้คนในใต้หล้า ใครบ้างไม่เคยทำผิด? รู้ผิดก็แก้ไข อีกอย่างซวนลู่ไม่ชอบเจ้า เจ้าจะชอบหรือไม่ชอบนางมันเกี่ยวอะไรกัน ชอบคนคนหนึ่งมันไม่ผิดหรอก หากเจ้าคิดว่านางไม่คู่ควรกับความรักของเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ควรเก็บความรักของเจ้ากลับไป”ลั่วยางพูดเช่นนี้ก็เพราะประสบการณ์ของเกาเจี้ยนเหมือนกับนาง คาดไม่ถึงว่าเกาเจี้ยนจะอ้าปากตาค้าง มองลั่วยางด้วยความประหลาดใจ ใจเต้นตึกตักเหมือนหัวใจโดนกระแทกอะไรสักอย่าง“หมอหญิงลั่ว ชอบคุณที่คอยชี้แนะข้า”“ไม่ต้องเกรงใจ เราต่างก็มีชะตากรรมร่วมกัน”ทั้งสองพูดคุยพลางเดินออกไป กู้หว่านเยว่หยิบตำราแพทย์ที่เก็บมาได้จากทะเลสาบขึ้นมาศึกษา กระทั่งเห็นซูจิ่งสิงเข้ามาด้วยความรีบร้อน“หว่านเยว่ ซ่งเสวี่ยเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“เกิดอะไรขึ้น?!” กู้หว่านเยว่ตกใจ คิดว่าตัวเองฟังผิดไปพี่หญิงซ่งอยู่ในบ้านสกุลโจวตลอดจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ หรือว่าเพราะโจวเซิง?ซูจิ่งสิงเก
การดึงมีดออกจำเป็นต้องใช้ทักษะที่ชำนาญมาก หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา อาจจะบาดเจ็บถึงอวัยวะภายในของคนที่กำลังเจ็บอยู่หรือไม่ก็ทำให้เลือดออกมากก็ได้“หว่านเยว่ ช่วยเขาด้วย”นัยน์ตาของซ่งเสวี่ยแดงก่ำ นางไม่เคยเสียสติเช่นนี้มาก่อน“ข้าดูหน่อย”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ใส่ถุงมือยาง และเริ่มดูสถานการณ์ของโจวเซิง“อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่ ต้องรีบดึงมีดออก”นางหยิบผ้าพันแผล ยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อออกมาจากกล่องยา และกล่าวกับซูจิ่งสิงว่า“ท่านพี่ ท่านพาคนออกไปจากห้องหนังสือหน่อยเจ้าค่ะ ข้าต้องการความเงียบ”โจวเซิงหายใจรวยรินมาก ต้องพาเข้าไปช่วยเหลือในห้วงมิติสองสามีภรรยาต่างสบตากัน ซูจิ่งสิงรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด จึงพยักหน้า“วางใจเถอะ ข้าจะจัดการให้เจ้าเดี๋ยวนี้”เขาเดินมาหารองผู้ว่าราชการสวี่ ให้เขาขับไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปข้างนอก“ฮูหยินน้อย” จู่ ๆ โจวเซิงก็ฟื้นขึ้นมา พยายามลืมตาความจริงแล้วเขาตระหนักรับรู้อยู่ตลอด เพียงแต่ปวดแผลเกินกว่าจะทนได้ ทั้งยังเสียเลือดมาก ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงพูดแต่เมื่อครู่เขาได้ยินน้ำเสียงจริงจังของกู้หว่านเยว่ พอจะเดาได้ว่าตัวเองอันตรายเพียงใด“ฮู
“ลากเขาออกไป”ซูจิ่งสิงโบกมือสั่งการ มองเจ้าสำนักฉินด้วยสายตาเย็นชา เพียงแต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องจัดการเขาภายในห้องหนังสือถูกเก็บกวาดจนสะอาดเกลี้ยง ซูจิ่งสิงทำการใส่กลอนอย่างแน่นหนา“น้องหญิง เจ้าตั้งใจช่วยคนไป ส่วนข้าจะไปเฝ้าข้างนอกให้เจ้าเอง”ครั้นได้ยินเสียงของซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกปลอดภัยมากแล้ว นางพาเจ้าตัวเข้าไปทำการรักษาในห้วงมิติ อาการของโจวเซิงสาหัสมาก เวลานี้หมดสติไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำการถ่ายเลือดแบบฉุกเฉินให้เขาก่อน จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์ตรวจดูบาดแผลของเขา“โชคดีนะ ที่ไม่ได้บาดเจ็บถึงภายใน”ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ แม้ว่าปากแผลจะลึกมาก แต่ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตกู้หว่านเยว่ดึงมีดออกอย่างเป็นระบบระเบียบ จัดการปากแผล ฆ่าเชื้อ เย็บแผลและใส่ยากระทั่งพันแผลจนเสร็จ จากนั้นก็ฉีดยาแก้อักเสบเป็นจำนวนสองขวด ถึงค่อยพาเขาออกมาจากห้วงมิติเวลานี้บริเวณนอกห้องหนังสือได้มืดสนิทลงแล้วกู้หว่านเยว่มองดูเวลาในห้วงมิติแวบหนึ่ง นางอยู่ในห้วงมิติแบบไม่รู้เวลากว่าสามชั่วยาม“ท่านพี่ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”จากนั้นก็เดินมาเคาะประตู เมื่อซูจิ่งสิงได้ยินเสียง ก็รีบเปิด
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้