แชร์

ตอนที่ 25 : เหตุผลการคงอยู่ของสองคน〖ที่แตกต่างกัน〗

ผู้เขียน: หัตถ์อนันต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-10 00:16:50

〝มีอา!!!!!!!!! 〞

ชึบ!

          หลังจากที่มังกรห้าหัว ซึ่งเป็นบอสประจำชั้นที่ 50 ปล่อยการโจมตีด้วยสกิลปริศนาใส่ทั้งกรและมีอาไป  ฝ่ายที่ล้มลงไปทั้งยืนกลับเป็นมีอาเพียงคนเดียวเท่านั้น กรจึงตะโกนเรียกเธอด้วยความร้อนรน ทั้งยังเผลอคลายสภาพ『ตัดความรู้สึกสมบูรณ์』ออกโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก  แต่แน่นอนว่ากรไม่ได้ปล่อยให้เธอล้มทั้งยืนจนกระแทกพื้นทั้งอย่างงั้น เพราะในจังหวะแทบจะทันทีที่มีอาเอนตัวลงไป  ตัวกรก็เข้าไปรับและประคองเธอขึ้นทั้งที่ยืนอยู่ในทันที

〝มีอา!!! เฮ้ยๆ!!! ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า...  เวรเอ้ย!!! ไม่ไหว ไม่ตอบสนองเลยซักนิด... เจ้าหมา!!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับยัยนี่กันแน่ฟ่ะ!!!!!〞

〖..........〗

          แล้วพอกรรับตัวมีอาไว้ได้ เขาจึงรีบใช้ฝ่ามือ ตบที่แก้มของเธอเบาๆ เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนอง แต่เธอกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยซักนิด  เขาจึงถามเคลเบรอสออกมาในทันที เพราะที่อยู่ตรงนี้คงไม่มีใครรู้อีกแล้วนอกจากมันนั้นเอง  แต่เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามของกรแล้วอย่างชัดเจนก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันทีแต่อย่างใด

〝คะ.... คะ คุณ...〞

〝มีอา!!!!〞

          แล้วกรที่รอคำตอบของเคลเบรอสมาจนถึงเมื่อครู่ ก็ได้ยินเสียงของมีอา ที่พูดบางอย่างออกมาแบบติดๆขัดๆและสั่นไหวเล็กน้อย ทั้งยังจับใจความไม่ได้กลับมาแทน กรจึงหันเหความสนใจไปยังตัวมีอาที่ตัวเองกำลังประคองในท่ายืนอีกครั้ง  แต่ถึงแบบนั้นแววตาของเธอก็ยังคงดูเลื่อนลอยและไร้แววเช่นเคย

〝คุณพ่อ.... คุณแม่....〞

〝!!!!〞

ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

          แล้วจากนั้น มีอาก็พูดออกมาให้กรพอเข้าใจได้ แม้กรจะไม่รู้ว่าที่เธอพูดออกมาว่าแบบนั้นจะเป็นเพราะอะไร  แต่เสียงของมังกรห้าหัวที่อยู่ข้างหน้าของเขาได้คำรามออกมาอีกครั้งจนกึกก้องไปทั่ว เลยทำให้กรดึงสติของตัวเองกลับมาสู่สถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าอีกครั้ง

〝ชิ! ไอ้มังกรเวรนี่!!! 【เคลื่อนไหวความเร็วแสง】!!!!!!〞

ตู้ม!!!

          แล้วพอกรเห็นว่าพวกตัวเองอยู่ในรัศมีการโจมตีจากสกิลของมังกร  กรจึงอุ้มมีอาขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พลิกตัวไปทิศทางตรงข้ามแล้วก็ใช้สกิลเพื่อถีบตัวเองออกไปให้ไกลจากตัวมังกรมากที่สุดเพื่อดูอาการของมีอา

          แล้วพอเขาวิ่งห่างออกมาจากตัวมังกรได้ราวๆ 2 กิโลเมตร ก็ไปพบเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ตั้งอยู่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณนั้น กรจึงเข้าไปหลบหลังก้อนหินพวกนั้น แล้วพยุงมีอาให้นั่งเอาหลังพึงกับก้อนหินที่ว่าไปพร้อมๆกัน

〝มีอา!!! โห้ย! ได้ยินรึเปล่า!!!〞

〝ทำไม... ถึงทิ้งหนู... ไว้... คนเดียว...〞

          และแน่นอนว่าถึงกรถามมีอาไปแบบนั้น  เธอก็ไม่ได้ตอบกลับกรแต่อย่างใด ทั้งยังคงพร่ำเพ้ออยู่แบบนั้นคนเดียวด้วยแววตาเลื่อนลอยเช่นเคย

〝ชิ! เจ้าหมาตอบซักทีสิเฟ้ย มีอาเป็นอะไร!!!〞

〖..........〗

〝เห้ย!!! ก็ถามว่า———〞

〖นี่หน่ะ... เป็นอาการของสิ่งที่เรียกว่า『ซีโร่เซนส์』...〗

〝ซีโร่... เซนส์?〞

〖มันคือ...  อาการของคนที่ใช้พลังเวทย์จนเหลืออยู่น้อยนิดหรือแทบจะหมด พูดแบบนี้พอจะเข้าใจรึเปล่า?〗

〝เฮ้ย! อธิบายให้มันละเอียดกว่านี้———〞

ตู้ม!!!

ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

          แต่ระหว่างที่เคลเบรอสกำลังวินิจฉัยและบอกอาการของมีอาแก่กร  มังกรห้าหัวก็ตามกรมาจนใกล้จะถึงตำแหน่งที่ตัวเขาอยู่เสียแล้ว  ทั้งยังทำลายก้อนหินที่อยู่รอบๆแบบไม่เลือกอีกต่างหาก กรจึงยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่เพราะสถานการณ์ดังกล่าวมันคล้ายกับชนวนระเบิดที่ถูกจุดและเผาไหม้เข้าหาดินปืนเรื่อยๆ ดังนั้น มังกรห้าหัวตัวนี้จะเจอกับกรเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว

〖พลังเวทย์… มีจุดกำเนิดมาจากความคิด จิตวิญญาณหรือให้พูดง่ายๆก็คือพลังใจนั่นแหล่ะเจ้าหนู....〗

〝นี่จะบอกว่า พอเสียพลังเวทย์ไปหมด... ก็จะทำให้สติไม่อยู่กับร่องกับรอยแบบนี้หน่ะเหรอ!!!?〞

〖อา... เมื่อพลังเวทย์หมดลง สิ่งที่เจ้าตัวจะได้พบเมื่อตัวเองสูญเสียพลังใจก็คือ ความคิดด้านลบต่างๆนั่น... มันจะเข้ากลืนกินจิตใจในเวลาอันสั้น เสมือนสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณในตัวของจอมเวทย์ได้ดับมอดลงไปแล้ว...ก็เหมือนกับคุณหนูในตอนนี้นี่แหล่ะ〗

เดี๋ยวก่อนสิ... งั้นจู่ๆพลังเวทย์มันหายไปไหนกันฟ่ะ!!! ไม่สิ! หรือจะเป็นเพราะสกิลของบอสเมื่อกี้กัน!?

นี่จะบอกว่าสกิลนั่นมีไว้ใช้สลายหรือดูดพลังเวทย์คนที่โดนได้งั้นเหรอ  จะโกงเกินไปหน่อยแล้วม้างงง!!!!

เดี๋ยวก่อนสิ  งั้นทำไมเราถึงไม่เป็นไร…

ไม่สิ... พอลองตรวจดู  พลังเวทย์ของเราก็หายไปเหมือนกัน...  เหลือแค่ครึ่งเดียวเอง..

แต่จะว่าไป『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』ที่เราใส่อยู่ มันต้านทานการโจมตีด้วยเวทย์มนต์ได้ครึ่งนึงนี่หว่า 

คงจะเป็นเพราะอันนี้หล่ะมั้ง———

ตู้ม!!!

          และในขณะที่กรกำลังคิดถึงเหตุผลต่างๆนานาในหัวอย่างที่เคย เสียงระเบิดของก้อนหินก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เห็นได้ชัดเลยว่ามังกรมันเข้ามาใกล้กรมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

          แต่กรก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในรัศมีที่มีความเสี่ยงจากสกิลของมัน ก็จึงอุ้มมีอาที่ยังคงเพ้อด้วยแววตาไร้แววอยู่ เพื่อไปหลบหลังก้อนหินก้อนใหม่ที่ไกลยิ่งกว่าเดิม

〝เฮ้ยเจ้าหมา!  แล้ววิธีช่วยหล่ะ!!!?〞

〖ถ้าปกติเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แค่ให้กินโพชั่นก็ฟื้นพลังเวทย์ได้แล้ว〗

〝งั้นฉันจะทำมันตอนนี้แหล่ะ!!!  ของที่ใช้ทำก็มีอยู่———〞

〖แต่ว่านั่น... ไม่ใช่กับกรณีของคนที่มีสายเลือดของเทพ...〗

〝วะ ว่าไงนะ!!!!  อย่าเยิ่นเย้อสิฟ่ะ! รีบๆบอกวิธีรักษามาซักที!!! มังกรมันจี้เข้ามาเรื่อยๆแล้วนะเว้ย!!!〞

〖โทษทีนะเจ้าหนู... แต่ข้าเองก็ไม่รู้ 〗

〝อะไรน่ะ! บ้าชัดๆ!!! หมายความว่าไง!!!〞

〖ร่างกายของเผ่าเทพ... มีความต้านทานเวทย์มนต์สูงกว่าเผ่าอื่นๆมากโข ถ้าเจ้าตัวไม่ยินยอมด้วยเจตนาของตัวเองเวทย์มนต์ก็จะไม่มีทางส่งผล แต่คุณหนูในตอนนี้คงไม่มีทางควบคุมเจตนาของตัวเองได้อย่างแน่นอน แต่ที่น่าห่วงกว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้นนะเจ้าหนู... นั่นเพราะสำหรับพวกเทพหน่ะ พลังเวทย์ก็เหมือนกับพลังชีวิต... หากขาดไปก็เหมือนกับชีวิตเองก็กำลังดับมอดลงด้วยเช่นกัน 〗

〝!!!!!!!〞

ชะ... ชีวิตดับมอด!? ก็หมายความว่าจะตายงั้นสิ!!!!

เวรเอ้ย!!!  ทำไมเรื่องสำคัญแบบนี้ถึงเพิ่งมาบอกกันฟ่ะ!!!

ใช้ยารักษาไม่ได้แล้วจะทำยังไงกันฟ่ะ!

เวทย์รักษา...  ไม่มีเวทย์ที่ใช่ฟื้นพลังเวทย์เลยนี่หว่า  แถมประยุกต์กับอะไรก็ไม่ได้ เวรเอ้ย!!!

ไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์ก็มีอยู่หรอกนะ แต่ก็อย่างว่า... มีอาในตอนนี้ไร้สติอย่างชัดเจน 

คงใช้ไอเทมเวทย์มนต์กับเธอไม่ได้———

ตู้ม!!!

〝อึก!!! ใกล้เข้ามาอีกแล้วเหรอ เวรเอ้ย!!!〞

〖เจ้าหนู... ขอแนะนำอย่างนึง...  ถ้าเจ้าอยากจะรอด... ถ้าเจ้าคิดจะออกไปหาเพื่อนให้ได้ละก็  ทิ้งคุณหนูคนนี้ไว้ที่นี่ซะจะดีกว่านะ... 〗

〝.......〞

          หลังจากที่เกิดเสียงระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง กรที่กำลังร้อนรนหาวิธีรักษา ก็ยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่ พร้อมกับเร่งความคิดในหัวให้เร็วขึ้นเสียจนคนปกติคงจะตาลาย  แต่เคลเบรอสที่บอกกรออกมาแบบนั้นอย่างไม่มีความเกรงใจ เลยทำให้กรที่กำลังร้อนรนอยู่ เกิดหยุดนิ่งขึ้นมากระทันหันแล้วทำสีหน้าอันยากจะอธิบายใส่ดาบของตัวเองเพราะคำพูดขวานผ่าซากนั่น

〝เคลเบรอส....  แกหน่ะ...

....อยากตายอีกรอบรึไงห๊า!!!!〞

          และแน่นอนว่ากรโมโหจนถึงขีดสุด ที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้นออกมา ทั้งยังตะคอกกลับไปยังเคลเบรอสด้วยสรรพนามที่ใช้เรียกตอนเป็นศัตรูกันอีกต่างหาก

〖......เจ้าหนู  เจ้าเองก็คิดจะทิ้งคุณหนูคนนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา...  ตอนนี้เธอก็เป็นแค่ตัวถ่วงไม่ใช่เรอะ... นี่หน่ะดีที่สุดแล้ว〗

〝ดีกับผีหน่ะสิ... พูดอะไรระวังปากหน่อย... ถึงจะเป็นแก... แต่บนโลกนี้ก็มีเรื่องที่ไม่สมควรพูดอยู่นะเว้ย!!!〞

〖เจ้าหนู... เจ้าหน่ะเป็นคนฉลาดนะ...  เรื่องแค่นี้ชั่งน้ำหนักไม่เป็นรึไง อย่าปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจนไม่สนถึงหลักการที่สมควรทำและจำเป็นต้องทำสิ.... 〗

〝.........〞

ชั่งน้ำหนักงั้นเหรอ?  หลักการงั้นเหรอ?  เรื่องควรทำงั้นเหรอ?  ความจำเป็นงั้นเหรอ?

ใครสนเรื่องพรรค์นั้นกันว่ะไอ้บ้าเอ้ย!!!!

ก็จริง... ที่ตอนแรกฉันคิดจะทิ้งยัยนี่  ไม่คิดจะเหลียวแลเลยด้วยซ้ำ...

ไม่ได้สนใจ....  ไม่ได้เป็นห่วง.... ไม่ได้สงสาร.... ไม่ได้ชายตามอง....

ทั้งที่ก่อนหน้ายังคิดว่ายัยนี่เป็นแค่สารานุกรมเคลื่อนที่เองแท้ๆ....  มนุษย์เราต้องช่วยหนังสือที่กำลังจะโดนเผาด้วยงั้นเหรอ? คิดว่าฉันเพี้ยนหล่ะสินะ....

ถามโง่ๆ ก็เพราะยัยนี่ไม่ใช่หนังสือ... ไม่ใช่เครื่องมือหน่ะสิฟ่ะ!!!

ยัยนี่หน่ะมีชีวิต มีจิตใจ...  ร้องไห้ได้ เจ็บปวดเป็น.... เป็นมนุษย์... ไม่สิ... เป็นครึ่งเทพ 

ไม่สิ... ไม่ว่ายัยนี่จะเป็นเผ่าพันธุ์อะไรก็ไม่เกี่ยวทั้งนั้นแหล่ะเฟ้ย!!!

แล้วทำไมตอนนี้ถึงเพิ่งมาสนใจงั้นเหรอ?

ไม่รู้หรอกโว้ย!!!  ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจซักนิด  ทำไม...  ฉันถึงโกรธที่เคลเบรอสมันบอกให้ทิ้งมีอา..

ทำไมถึงไม่คิดจะทิ้งยัยนี่.... ทำไมถึงต้องเข้าไปรับตอนจะล้ม.... ย้อนกลับไปก่อนหน้าก็ด้วย...  ทำไมต้องช่วยเธอจากเกรทแอนท์....   ทำไมถึงต้องเอาพันธะทาสออกให้...

....แล้วตั้งแต่แรก.... ทำไมต้องช่วยมีอาจากคองโซลเยอร์?

แต่ว่า....  ถึงจะไม่เข้าใจเหตุผล....  แต่ก็ขอพูดอีกครั้ง

ถึงเป็นแบบนั้นแล้วมันจะทำไมฟ่ะ!!!

การจะช่วยใครซักคน  มันต้องมีเหตุผลรองรับหรือความจำเป็นที่เหมาะสมขนาดนั้นเลยรึไงห๊ะ!!!!!

ยัยนี่... ตอนนี้... เป็นคนสำคัญที่ฉันต้องปกป้อง ก็『สัญญา』กับเธอไปแล้วนี่หว่า...  ว่าจะปกป้องด้วยชีวิตหน่ะ!!!

ดีแต่ปาก!  เอาแต่ได้!  ไร้สาระทั้งเพ!!!

กะอีแค่คำพูดของตัวเองยังรักษาไม่ได้  แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าจะตามหาพี่สาว...  ตามหาเพื่อน...  จะปกป้องพวกริน... จะพาทุกคนกลับโลกเดิมได้อยู่อีกงั้นเหรอ!!!!

เบื่อเต็มทีแล้วกับการได้แต่อยู่เฉยๆ.... 

เบื่อเต็มทีแล้วกับการที่ปล่อยให้เรื่องตรงหน้าผ่านไปทั้งที่ตัวเราก็ทำมันได้!!!

ฉันไม่อยากเห็นใครมาตายไปอีกแล้วนะโว้ย!!!

ความเจ็บปวดของการที่ต้องสูญเสียใครซักคนหน่ะ  ชีวิตนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!!!

เหตุผลจะเป็นยังไงฉันไม่สน.... ฉัน....

จะช่วยมีอาให้ได้!!!!!

.

.

.

.

〝เคลเบรอส...  มนุษย์หน่ะ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอกนะเฟ้ย  แค่คิดว่าอยากจะทำก็ทำ.... คิดว่าอยากจะช่วยก็ช่วย....  แค่นั้นก็พอแล้ว!!! บางครั้งเหตุผลมันก็ไม่จำเป็นซักนิด เลิกใช้สมองไต่ตรองหาเหตุผล  แล้วลองหันมาใช้จิตใจสั่งการณ์แทนซะสิฟ่ะ! ฉันอยากช่วยยัยนี่... รู้แค่นั้นแล้วก็ทำมันซะ แค่นั้นก็พอแล้ว!!!  นอกจากนี้ยังต้องคิดอะไรอีกกันห๊า!!!!〞

.

.

〖หึ! ฮะฮะฮะฮ่ะ!!!!!!!!!〗

〝แก... ขำอะไร〞

〖หึๆ... โทษทีๆ เจ้าหนู ดูเหมือนจะเล่นแรงเกินไปหน่อย... ข้าก็แค่อยากยืนยันความคิดของเจ้าก็เท่านั้นเอง 〗

〝เห้ย! ไอ้หมาบ้า... เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อย่ามาทำอะไรไร้สาระ———〞

〖ไม่เสียเปล่าหรอกน่าเจ้าหนู  อืม... เพราะทำแบบนี้มันจะเป็นการผิดคำพูดที่ให้ไว้กับนายเหนือหัวหน่ะสิ  แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ดันรู้สึกอยากช่วยเจ้าขึ้นมาจริงๆซะแล้วสิ——〗

ตู้ม!!!

          และอีกครั้งหนึ่ง  เสียงระเบิดของก้อนหินดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพื่อย้ำเตือนกรว่าเวลาที่เขาจะซ่อนตัวได้เหลืออีกไม่มากแล้ว  ในขณะที่กรกำลังคิดว่าเคลเบรอสต้องการอะไรกันแน่ ที่ทำให้เขาเสียเวลาไร้สาระขนาดนี้ จึงแสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจนเพราะโดนคล้อยตามไปกับคำพูดของมัน

〖แล้วเวลาที่เหลือเองก็น้อยลงทุกทีซะด้วยสิ... ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว เจ้าหนู... ข้าจะช่วยเจ้าเอง เอาแขนเข้ามาใกล้ๆปากข้าทีสิ!〗

〝เห้ยๆ! คิดจะทำอะไรอีกฟ่ะ!!!?〞

〖เอาเถอะน่า... เร็วๆเข้า!!!〗

〝เออๆ เข้าใจแล้—— โอ้ย!!!〞

          แล้วพอกรทำตามที่เคลเบรอสบอกด้วยการยืนแขนซ้ายเข้าไปใกล้ปากของมันที่เป็นส่วนของที่กั้นดาบของเคลเบรอสซอร์ด ปากของมันก็งับลงไปที่บริเวณกึ่งกลางของปลายแขนซ้ายกรทั้งอย่างงั้น ทั้งยังฝังเขี้ยวเข้าไปและดูดเลือดของกรไปพอสมควรอีกด้วย นั่นเลยทำให้กรที่ถือเคลเบรอสด้วยมือขวาตกใจแล้วก็ปล่อยมันลงไปที่พื้นทั้งอย่างงั้นเลย แล้วจากนั้น...

ซู่ม!!!

〝!!!!!!!〞

          เคลเบรอสซอร์ดที่วางอยู่บนพื้น  ก็มีเพลิงสีดำทมิฬเข้าครอบคลุม รอบถึงบริเวณรอบๆตัวดาบเองก็เช่นกัน  จากนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนกลืนกินเคลเบรอสซอร์ดให้หายไป จากนั้นมันก็ก่อขึ้นเป็นรูปร่างมนุษย์ ซึ่งมีความสูงราวๆ 190 ซม.

          แล้วจากนั้นแทบจะทันที เพลิงทมิฬรูปร่างมนุษย์ก็ถูกพัดหายไปพร้อมๆกับสายลมที่พัดผ่านมา ส่วนสิ่งที่เหลืออยู่ตรงหน้ากรก็  ชายหนุ่ม... ไม่สิ... ชายวัยกลางคน อายุประมาณ 30 ปลายๆ มีผิวคล้ำ ไว้ผมสั้น แต่ไม่ได้จัดทรงจนดูกระเซอะกระเซิง รูปร่างหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาเอาการ ส่วนชุดที่สวมอยู่ก็เป็นแบบเดียวกับที่กรใส่ ในมือทั้งสองข้างก็เป็นเคลเบรอสซอร์ดทั้งสองเล่ม เพียงแต่ไม่มีสัญลักษณ์รูปสุนัขอยู่เท่านั้นเอง

〝เจ้าหนู  แกทิ้งข้าลงพื้นอีกแล้วนะ!〞

〝กะ โกหกน่า เคลเบรอส งั้นเหรอ!?〞

〝อา....  แต่ดูเหมือนว่าจะได้เลือดมาน้อยไปหน่อยนะ คงพอถ่วงเวลาได้ประมาณ 3 ไม่สิ 4 นาที...  ข้าจะล่อมันไปทางตรงข้ามก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็รีบหาวิธีรักษาคุณหนูให้ได้หล่ะ!〞

ตู้ม!!!

          แล้วพอเคลเบรอสที่กลายร่างเป็นมนุษย์อย่างที่ว่าไปบอกกับกรให้รีบทำอะไรซักอย่างในช่วงที่ตนถ่วงมังกรไว้  มันก็ถีบตัวออกไปจากก้อนหินที่กรและมีอาซ่อนอยู่ในทันที

ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

          แล้วพอเคลเบรอสเข้าประชิดตัวมังกรห้าหัวจากด้านข้างได้สำเร็จ  มันก็ทำการใช้สกิลเพลิงทมิฬด้วยดาบในมือซ้ายและตัดสายลมด้วยดาบแบบเดียวกันในมือขวา กระหน่ำโจมตีเข้าไปที่ลำตัวของมังกรในทันที  แล้วพอมังกรถูกการโจมตีอันหนักหน่วงเข้าไปอย่างกระทันหัน มันจึงหันเหความสนใจไปที่เคลเบรอสในทันที

          แล้วก็เป็นไปตามแผน  หลังจากที่เคลเบรอสท้าทายมัน  มังกรห้าหัวก็ไล่ตามเคลเบรอสในทันที พอเคลเบรอสเห็นว่ามังกรตามตนมาแล้ว เขาก็ออกตัววิ่งอีกครั้งไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับพวกกรในทันที  แล้วพอกรเห็นว่าทุกอย่างไปได้สวยอย่างที่เคลเบรอสบอก เขาจึงรีบหันเหความสนใจกลับมาที่มีอาที่ยังคงนั่งเอาหลังพิงกำแพงอยู่ในทันที

.

.

พลังเวทย์หมด....  เพราะงั้นก็ต้องทำการเติม....

วิธีเติมนอกจากใช้ไอเทม....  ใช้พลังเวทย์จากแหล่งอื่น? ...แล้วถ้าเป็นจากคนด้วยกันหล่ะ!?

การเติม....  แบ่งปัน.... ถ่ายโอน....  จริงสิ!!!!!

หมับ!

          แล้วพอกรที่ทำการรวบรวมสมาธิเพื่อเรียกความคิดในการหาวิธีช่วยมีอา ก็คิดออกมาได้วิธีนึง นั่นก็คือ การใช้พลังเวทย์อันมหาศาลที่อยู่ในร่างกายของตัวเองที่เหลือครึ่งหนึ่งเข้าไปในตัวมีอา  กรเองก็เคยใช้พลังเวทย์ถ่ายโอนลงไปยังกระสุนเวทย์มนต์ และจากการใช้สกิลแขนยักษามาแล้ว ดังนั้นเรื่องที่กรถ่ายโอนพลังเวทย์ออกนอกร่างกายได้จึงไม่เป็นปัญหาสำหับตัวกรซักนิด  พอคิดแบบนั้นเขาจึงเอามือซ้ายแตะที่หน้าผากของมีอา และใช้มือซ้ายวางบนไหล่ของเธอในทันทีก่อนที่จะเริ่มการถ่ายโอนพลังเวทย์

          เพียงแต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น  เพราะถึงกรจะถ่ายพลังเวทย์ในตัวไปมากขนาดไหน  พอกรลองตรวจสอบพลังเวทย์ในตัวเธอด้วยนูเมรัลดิสเพลย์ ก็เห็นว่าเพิ่มจากศูนย์จุดมาเป็น 100 จุดเท่านั้นเอง ทั้งที่ถ่ายลงไปเกือบหมื่นจุดแล้วแท้ๆ ช่างเป็นความต้านทานที่น่ากลัวยิ่งนัก แต่ถึงจะมีความต้านทานสูงขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถป้องกันสกิลของบอสได้เลย นั่นจึงยิ่งทำให้กรกังวลมากยิ่งขึ้นไปอีก

〝ฉันเหลือ.... ตัวคนเดียว....〞

〝ไม่ใช่!!! มีอา… เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว!〞

〝โกหก...  คุณพ่อ... กับคุณแม่... ตายไปแล้ว.... เหลือแค่.... ตัวคนเดียว....〞

〝!!!!!〞

          แต่ดูเหมือนว่าที่กรทำไปจะไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว  นั่นเพราะมีอาที่พร่ำเพ้อมาตลอดจนถึงเมื่อครู่เริ่มที่จะตอบสนองกับคำพูดของกรบ้างแล้ว  และแม้จะยังคงพูดแบบนั้นด้วยแววตาไร้แววและเลื่อนลอยเช่นเคย แต่เธอก็ยังคุยกับกรด้วยเรื่องเดียวกันได้อยู่ กรที่เห็นว่าเธอเริ่มที่จะสนทนาได้ จึงคิดที่จะโน้มน้าวเธอทั้งที่ยังคงถ่ายโอนพลังเวทย์เข้าไปในตัวเธออยู่ไปพร้อมกัน

〝ฉันยังอยู่ข้างๆเธอนี่ไงเล่า!!〞

〝โกหก...  ตอนแรก.... ยังทิ้งฉัน.... อยู่เลย  นายเองก็ปล่อย... ให้ฉัน  อยู่คนเดียว...〞

เวรเอ้ย!!! ยังไม่ได้ผลอีกงั้นเหรอ...

แล้วตอนนี้ถึงจะใช้คำพูดแบบไหน  ก็ส่งไปไม่ถึงส่วนลึกของจิตใจเธอซักนิด...

ถ่ายเข้าไปจนถึงล้านจุดแล้วนะเฮ้ย!!!

ความคิดยังหม่นหมองอยู่เลย... ทำยังไงต่อดีหล่ะฟ่ะเนี่ย!!!

         

〝ฉัน.... เหลือตัวคนเดียว.... มีเหตุผลอะไร....  ที่ต้องมีชีวิต? 〞

〝อึก!〞

          และแม้กรจะถ่ายพลังเวทย์เข้าไปมากขนาดไหน เธอก็ยังคงมีความคิดในด้านลบอยู่เช่นเคย แถมครั้งนี้ยังพูดคล้ายกับว่าหมดหวังในชีวิตไปแล้วอีก จนกรถึงกลับกลืนน้ำลายเสียงดังและเสียวสันหลังวาบทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

〝เป้าหมาย... กับเหตุผลก็ไม่มี....  รอบข้างก็ไม่มีใคร.... แล้วฉัน... จะอยู่ไป.... เพื่อ... อะไร〞

〝!!!!!!〞

          แล้วมีอาที่สิ้นหวังจนถึงขีดสุดก็พูดตัดพ้อกับตัวเองไปแบบนั้น พร้อมกับน้ำตาทั้งสองข้างของเธอเองก็ไหลรินลงมาอาบแก้มทั้งสองของเธอพร้อมๆกันด้วยแววตาที่ไร้แสงสะท้อนใดๆ ช่างดูเลื่อนลอยและสิ้นหวังอย่างที่สุดนั่น ยิ่งทำให้กรใจหายมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีกจนถึงกับลูกตาเบิกโพลงเลยทีเดียว

          แต่ในขณะเดียวกับที่กรได้ยินแบบนั้น  กรก็สังเกตเห็นเช่นกันว่า  พลังเวทย์ที่คลอบคลุมมีอาอยู่นั้น บางทีอาจจะมีม่านพลังอะไรบางอย่างที่คลุมร่างกายเธออยู่เพื่อป้องกันพลังเวทย์ที่กรถ่ายโอนให้ แถมพอสังเกตอย่างละเอียด เลยทำให้รู้ว่าสิ่งที่คลุมมีอาอยู่ที่ว่านั้นมันอยู่แค่รอบนอกของร่างกายเธอเท่านั้น  นั่นเลยทำให้กรคิดวิธีรักษามีอาได้ในที่สุด  แต่กรที่คิดวิธีที่ว่าออกกลับหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ แต่เพราะคิดว่าตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กรจึงปรับความคิดของตัวเองให้กลับมาจริงจังอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็เลื่อนมือซ้ายที่จับหน้าผากอยู่เมื่อครู่ลงมาประคองท้ายทอยของมีอาและใช้มือขวาที่ยังคงจับไหล่ซ้ายของเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว  ก่อนที่จะยื่นใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของมีอาที่นั่งเอาหลังพิงกำแพงอยู่ แล้วจากนั้น...

〝ถ้างั้นฉัน... จะเป็นเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ให้กับเธอเอง!!!〞

〝!!!!!!〞

          ในทันทีที่กรพูดแบบนั้นออกมาอย่างหนักแน่น  กรก็นำริมฝีปากของตัวเองประทับลงบนริมฝีปากของมีอาในทันที จนหนนี้คนที่ต้องเบิกตาโพลงกลายเป็นฝ่ายมีอาเสียเองเลยทีเดียว 

          แต่การจูบเพื่อเรียกสติของกรยังไม่จบแค่นั้น เพราะพอกรประทับจูบลงไปแล้ว กรก็แทรกลิ้นของตัวเองเข้าไปในทันทีแล้วก็กวาดมันไปทั่วราวกับกำลังควานหาอะไรบางอย่างอยู่อย่างซุกซน แล้วพอสัมผัสกับลิ้นของมีอาเข้ากรก็ทำการสัมผัสลิ้นของเธอด้วยปลายลิ้นของตัวเองในทันที

          และแม้ตอนนี้ตัวกรจะเขินอายจนหน้าแดงก่ำอยู่ก็ตามแต่ก็ไม่ได้ลดสมาธิลงแต่อย่างใด นั่นเพราะเหตุผลที่กรทำการจูบอย่างดูดดื่มกับมีอาอยู่นี้ เป็นเพราะกรต้องการจะถ่ายโอนพลังเวทย์ของตัวเองเข้าไปในตัวเธอโดยตรงนั่นเอง จากที่สังเกตเห็นว่ามีม่านพลังครอบตัวเธออยู่ กรจึงคิดจะถ่ายโอนมันเข้าไปข้างในโดยตรงเสียเลย

          และแม้การกระทำอันหยาบของกรนี้ จะกระทำไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวจนเหมือนกับฝืนใจก็ตาม  แต่นั่นก็ทำให้มีอาเริ่มที่จะตอบสนองบ้างแล้ว อันสังเกตได้จากตัวมีอาเริ่มที่จะสั่นระริกและใบหน้าของเธอก็เริ่มที่จะแดงก่ำเช่นเดียวกับกรแล้วนั่นเอง

〝แฮ่ก! แฮ่ก! กะ... กร อึก!〞

          และถึงแม้มีอาจะไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด  ทั้งยังกอดกรอยู่ทั้งที่ตัวเองก็กำเสื้อโค้ทของกรไว้แน่นจากด้านหน้า  กรเองก็สังเกตได้ว่าการถ่ายพลังเวทย์นั้นได้ผลลัพธ์ดีกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดจึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย กรจึงยังคงถ่ายพลังเวทย์ให้กับมีอาอย่างต่อเนื่องด้วยการจูบอย่างดูดดื่มอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งตอนนี้เขาถ่ายพลังเวทย์เข้าไปจนเกือบจะ 6 ล้านจุดเสียแล้ว และเพราะการจูบของกรอย่างต่อเนื่องจนไม่ให้มีอาได้พักหรือตั้งตัวจนเธอแทบจะขาดอากาศหายใจ มีอาที่รู้สึกตัวหลังจากถูกกรจู่โจมแบบนั้นนานกว่า 1 นาที จึงใช้มือตบที่หลังของกรหลายครั้ง กรจึงได้ผละริมฝีปากของตัวเองออกมาจากมีอาในทันที

〝มีอา! ทะ โทษที! เป็นอะไรรึเปล่า!?〞

〝แฮ่ก! แฮ่ก! มะ... ไม่เป็นอะไรแล้ว แฮ่ก! ตะ... แต่ว่า หะ...หายใจไม่ทัน!〞

          แล้วพอกรผละตัวออกมา ก็รีบขอโทษมีอาด้วยเสียงที่ดูหวั่นๆและตะกุกตะกัก พร้อมกับเตรียมที่จะโดนตบหน้าไปแล้ว  แต่มีอาที่แววตาและสติกลับมาหมดแล้ว ยังคงเหนื่อยหอบอยู่กับการจูบอันเร่าร้อนของกรเมื่อก่อนหน้า เธอจึงยังนั่งพักเหนื่อยเอามือข้างหนึ่งยันพื้นไว้ในท่านั่งพับเพียบ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งเช็ดน้ำลายที่อยู่ขอบริมฝีปากออกพร้อมๆกัน

〝หะ... หายดีแล้วใช่ไหม!〞

〝อะ... อื้ม!〞

          แล้วพอกรถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง มีอาที่ตอบกรกลับสั้นๆด้วยน้ำเสียงปกติ... ไม่สิ... ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะยังเขินอายกับการกระทำก่อนหน้าไม่หายต่างหาก  นั่นเลยทำให้กรกลับมาเขินอายอีกครั้งเพราะพอมองย้อนกลับไปว่าตัวเองไปทำอะไรไว้ ก็แทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียว เพียงแต่ว่า...

ตู้ม!!!

          เพียงแต่ขณะที่ทั้งคู่กับลังสนทนากันอยู่ ได้มีเสียงระเบิดใกล้ๆทั้งสองคน เกิดขึ้นมาขัดจังหวะ แต่ว่าก็ต้องขอบคุณระเบิดที่ว่าด้วยเหมือนกัน เพราะนั่นทำให้กรและมีอาที่เข้าหน้ากันไม่ติดเมื่อครู่  ตั้งท่าเตรียมพร้อมในทันที

〖เจ้าหนู!!! รีบหนีเร็วเข้า!!! 〗

〝!!!!〞

〝ชิ! มาแล้วงั้นเหรอ!?〞

          แล้วต้นเหตุเสียงระเบิดเมื่อครู่ก็เป็นฝ่ายตะโกนเรียกกรในทันที  นั่นเพราะเสียงระเบิดที่ว่ามันเกิดจากเคลเบรอสที่กลายสภาพเป็นดาบเช่นเดิม ถูกโจมตีจนปลิวมาจนกระแทกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆพวกกรนั่นเอง

〝มีอา!  วิ่งไหวไหม!?〞

〝อื้ม!〞

〝ถ้างั้นก็รีบเข้าเถอะ อึก!〞

〝กร!!!?〞

          แต่ในขณะที่กรลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ขาของกรกลับอ่อนแรงเสียอย่างงั้น เห็นได้ชัดเลยว่านั่นเป็เพราะตัวเขาที่ถ่ายพลังให้มีอามากเกินไป จนตัวเองนั่นแหล่ะที่เป็นฝ่ายเสียพลังจนเหลือน้อยนิดซะเอง

ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

          แล้วเสียงที่กรกำลังกังวลก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเหมือนกับจะย้ำเตือนเขาว่า ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถหลีกหนีมันไปได้ยังไงอย่างงั้น  ระยะห่างของมังกรห้าหัวที่เป็นต้นกำเนิดเสียงเองก็เข้าใกล้ตัวกรมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว  กรที่คิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเหนื่อย  จึงฝืนลุกขึ้นทั้งที่เหลือแรงนิดหน่อยในทันทีเพื่อเตรียมรับการปะทะจากมังกรอีกครั้ง

〝ชิ! ไปตั้งหลักกันก่อน ตามฉันมา——〞

〝กร! นะ... นั่นมัน!!!〞

〝!!!!!!!!〞

          แต่พอกรลุกขึ้นมาได้ และให้คำสั่งกับมีอาเพื่อวิ่งไปตั้งหลักตามตน แต่มีอากลับตะโกนออกมาแบบนั้นะลางชี้นิ้วไปยังจุดที่มังกรอยู่  นั่นจึงทำให้กรตกตะลึงเป็นอย่างมาก

          นั่นก็เป็นเพราะมังกรห้าหัวนั้นกำลังใช้สกิลธาตุดินขึ้นมาอีกครั้งนั่นเอง  เพียงแต่หนนี้มันแตกต่างจากครั้งก่อน นั่นเพราะคราวนี้แทนที่จะเป็นเสาหินมันกลับเป็นก้อนดิน... ไม่สิ... เหมือนกับเป็นก้อนโลหะผิวมันเงาทรงกลมมากกว่า เส้นผ่าศูนย์กลางเองก็ประมาณ 25 เมตรเลยทีเดียว  แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ทันทีที่มันคงรูปร่างได้ กลับมีแท่งเหล็กแหลมเล็กจำนวนมาก โผล่พ้นออกมาจากทรงกลมโลหะนั่นทุกทิศทางจนดูคล้ายกับลูกตุ้มหนามเลยทีเดียว

แกร็ก!!!

          แล้วอีกเสี้ยววินาทีถัดมา  แท่งเหล็กแหลมๆที่ว่า ก็โผล่พ้นออกมาจากทรงกลมมากยิ่งกว่าเดิม  จึงทำให้กรตระหนักได้ในทันทีว่าสกิลนี้มีไว้ใช้ทำอะไร

〝แย่แล้ว!  มันจะยิงแท่งเหล็กออกมา!!!〞

〝!!!!!!〞

บ้าชิบ!  ไอ้นั่นมันยิงออกมาจากทุกทิศเลยนี่หว่า ดูยังไงก็ไม่มีทางหลบได้เลยซักนิด!!!!

ก้อนหินพวกนี้ก็อ่อนเกินไปที่จะใช้เป็นที่กำบังอีก  มีอาก็เพิ่งฟื้น เราก็กำลังเหนื่อย ไม่มีทางหนีไปได้ไกลเกินรัศมีของมันเลย...

เราเองก็ดันพลังเวทย์หมดซะได้...  ที่ครองสติได้อยู่นี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว…

แต่เพราะแบบนั้น...  เวทย์มนต์ก็ใช้ไม่ได้....  สกิลยิ่งแล้วใหญ่

ขนาดเสาหินที่โจมตีครั้งก่อนเป็นแค่ดิน ตัดสายลมยังทำลายได้ไม่หมดเลย  แต่คราวนี้ดันเป็นโลหะซะได้  ไม่มีทางที่จะปีดป้องมันได้เลย

กระสุนที่มีอยู่ก็ไม่มีอันที่ใช้ต่อต้านแท่งเหล็กได้เลย...  แค่ยืนขั้นมาได้ก็เต็มกลืนแล้ว!!!

ฟิ้วๆๆๆๆ!!!!!!

          แต่มังกรก็ไม่ได้ปล่อยให้กรหยุดพักเลยซักนิด  เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 วินาที แท่งเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกปล่อยออกมาจากก้อนโลหะทรงกลมนั่นด้วยความเร็วที่ราวกับกระสุนปืน

          มีอาที่เห็นแบบเดียวกับกรเช่นกัน ก็หลับตาปี๋ลงเสียแล้วราวกับครั้งแรกที่กรได้ช่วยเธอไว้จากคองโซลเยอร์ไม่มีผิด  กรที่อยู่ใกล้ๆเองก็แสดงท่าทีสิ้นหวังออกมาไม่แพ้กัน  เพียงแต่ว่า...

ชึบ!

〝!!!!!!〞

          แล้วกรก็เข้ามายืนหันหน้าเข้าหาตัวมีอา แล้วเข้าสวมกอดเธอจากด้านหน้าพร้อมกับกดศีรษะของเธอลงต่ำในทันที  และแม้ว่านั่นจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยที่ตัวกรแทบจะไม่ได้คิด แต่มีอาก็เข้าใจการกระทำของเขาได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เธอตกตะลึงมาก

ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ——————

〝กร!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞

          แล้วหลังจากนั้นกรก็ใช้แผ่นหลังของตัวเองเป็นโล่กำบังให้กับมีอาในทันที  ทั้งนี้ก็เป็นเพราะตัวเขามีฉายา〘กายาเหล็กไหล〙อยู่บวกกับ『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』 เลยทำให้ความเสียหายลดทอนลงไปบ้าง แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รับความเสียหาย  กลับกันเสียอีก  นั่นเพราะมีแท่งเหล็กบางอันพุ่งเข้ามาซ้ำจุดเดิมจนทะลุผ่านโค้ท และฝังลึกเข้าไปในตัวกรจำนวนมากพอสมควร แถมยังโดนจุดสำคัญเช่น ม้าม ปอด หรือขั้วหัวใจจนฉีกขาดเลยทีเดียว

ตุ๊บ!

〝กร!!! 〞

          แล้วกรที่รับการโจมตีแบบห่าฝนของบอสแทนมีอา ก็ไม่พ้นที่จะอ่อนแรง และล้มลงในท่าคุกเข่าไปทั้งอย่างงั้นเลย มีอาที่เห็นแบบนั้นจึงประคองกรให้นอนหงายขึ้นมา แต่ก็ทำได้แค่ตะโกนเรียกกรเท่านั้นเอง

บ้าชิบ!!! ตูทำบ้าอะไรไปว่ะเนี่ย!

อึก! ยะ... แย่แล้ว!  ปอดฉีก...  เลือดคั่งในปอด....

หัวใจเริ่มเต้นช้าลงแล้วด้วย....  ความดันก็ต่ำลงด้วย....

วะ... เวทย์รักษา ไม่ไหว... พลังเวทย์ไม่พอ...

เวรเอ้ย!!!  ทำไมตูถึงโง่แบบนี้ฟ่ะ...  เรื่องแค่นี้น่าจะคาดการณ์ง่ายๆได้แท้ๆ

ทำไมถึงไม่คิดเผื่อในสถานการณ์แบบนี้เลยฟ่ะ!!!

นี่เรา... จะตาย  อีกแล้ว....งั้นเหรอ!?

แต่ทำไม...  ถึงไม่รู้สึกอ้างว้างเหมือนกับครั้งก่อนๆแล้วหล่ะ!?

〝ไม่นะ! กร!!! โกหก... ทำไมกัน!!!〞

〝……….〞

          แล้วพอมีอาประคองกรให้นอนหงาย เธอก็นั่งพับเพียบลงใกล้กับกร ทั้งยังร้องไห้พร้อมกับพูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงสั่นๆอีก แต่กรก็ไม่ตอบเธอเลยซักนิด  นั่นเพราะมีแท่งเหล็กอันหนึ่งพุ่งผ่านคอหอยเขาไปจนเกิดรูขนาดใหญ่ ทั้งยังมีแผลเหวอะหวะไปทั่วทั้งร่างจนดูเละเทะอีกต่างหาก

หึ!  งั้นเหรอ...  ตัวเรา...  เปลี่ยนไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ทั้งที่ผ่านการตายมาแล้ว 2 ครั้งแท้ๆ...  มันทั้งน่ากลัว... เจ็บปวด... ทรมาน... และอ้างว้างอย่างที่สุดแท้ๆ

แล้วทำไม... เราถึง... ดีใจ...

เพราะมีอา... ยังไม่ตายงั้นเหรอ…

อา... พอคิดแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกดีใจจริงๆนั่นแหล่ะ  แปลกชะมัดเลยหว่ะ...

แต่ถึงแบบนั้น... ก็ปฏิเสธความรู้สึกน่ายินดีที่อยู่ในอกนี้ไม่ได้....

นี่สินะ....  ความรู้สึก.... ที่ได้ปกป้องใครซักคน....  จนตัวตาย....

ชึบ!

          แล้วกรที่อยู่ในท่านอนก็ใช้กำลังเฮือกสุดท้าย ยกมือที่เปื้อนเลือดของตัวเองขึ้นมา ลูบที่แก้มของมีอาที่นั่งอยู่ข้างๆ และเช็ดน้ำตาเธอออกนิดหน่อย ก่อนที่จะพูดประโยคทิ้งทวนราวกับคำสั่งเสียออกมา

〝ก็ชั้— 『สัญญา』แล้— นี่นา  ว่าจะ— ปกป้อ—เธอ ด้ว—ชีวิต..... หน่ะ———〞

ตุ๊บ!

          แล้วกรก็พูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งและแผ่วเบาอย่างที่สุดพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน  และแม้บางคำที่กรพูดออกมานั้นจะขาดหายไปบ้างเพราะเส้นเสียงขาดไปแล้วก็ตามที แต่ถึงอย่างงั้น... ใจความสำคัญที่กรต้องการจะสื่อก็สามารถส่งไปถึงมีอาได้เป็นผลสำเร็จ กรจึงยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อยอีกครั้งหนึ่งก่อนที่มือนั้นของเขาจะอ่อนแรงลง และถูกทิ้งลงมาตามแรงโน้มถ่วง ราวกับเชือกที่ใช้ควบคุมตุ๊กตาหุ่นเชิดได้ขาดสะบั้นลงไปยังไงอย่างงั้น

เรานี่มันสะเพร่าจริงๆ  งี่เง่าจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยแฮะ...

ไม่สิ....  เรามันโง่เอง... เหตุผลหน่ะเข้าใจดีอยู่แล้ว…

หรือเพราะพอใกล้ตายขึ้นมาความคิดมันเลยเด่นชัดขึ้นก็ไม่รู้.... 

แต่นั่นก็....  ทำให้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้ซักที

ทำไมถึงช่วยมีอาจากมอนสเตอร์....

ทำไมถึงต้องปลอบโยนเธอ....

ทำไมถึงต้องลำบากเอาตราทาสออกให้....

ทำไมถึงต้องช่วยถ่ายพลังเวทย์จนตัวเองหมดสภาพ....

ทำไมถึงต้องเอาชีวิตเข้าแลกโดยอ้างสัญญา จนตัวเองต้องตาย....

เหตุผลมันง่ายนิดเดียว....

ทั้งที่มันเข้าใจได้ง่ายขนาดนี้แท้ๆ........

นั่นก็เพราะว่า.... ตัวฉัน.....  รู้สึกกับมีอา.....

.

.

.

.

.

.

รู้สึก รัก มีอาเข้าแล้ว....  ยังไงหล่ะ————

          แล้วกรก็ตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองในที่สุด  ภาพที่อยู่ติดตาของกรในตอนนี้นั้น มีแต่ภาพของมีอาที่ตะโกนเรียกกรทั้งน้ำตา แต่กรก็กลับไม่ตอบสนองเลยซักนิดนั่น ก็วนเวียนอยู่ในความคิดซักพักหนึ่ง ก่อนที่สติของกรจะดับวูบลงไปอีกครั้ง....

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 26  : รังสรรค์ความหวังจากพลังของเราสอง〖ด้วยจิตใจที่ผสานเป็นหนึ่งเดียว〗

    มืดสนิท.....โดดเดี่ยว..... เพียงลำพัง..... ว่างเปล่าจริงๆแฮะ.......นี่เรา..... ตายอีกแล้ว... งั้นเหรอ? หลังจากที่กรหมดสติไปได้พอสมควร กรก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่สิ่งที่พบกลับมีแต่ความมืดมิดในทัศนวิสัยของเขา และเพราะความรู้สึกที่กรกำลังเผชิญอยู่นี้มันเหมือนกับที่กรเคยสัมผัสมาแล้วเมื่อครั้งที่กรตายไปสองครั้งก่อนหน้าไม่มีผิด กรจึงคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว〝——อย่า....〞!!!! แล้วหลังจากนั้น กรก็ได้ยินเสียงของใครบางคน ดังแว่วเข้ามาในสติอันเรือนรางเสียง? ผู้หญิงงั้นเหรอ? ....เสียงนี่ ....เป็นของ ....ใครกัน? แต่ถึงแม้กรจะได้ยินเสียงนั้นราวกับถูกกระซิบอยู่ข้างหู ความคิดของกรก็ยังคงเลือนลางและอ่อนล้าเต็มทีเช่นเดิม〝——คนเดียว....〞ไม่... เข้าใจ แต่ว่า...เป็นเสียงที่คุ้นเคยจริงๆ..... ทั้งยัง ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดอีก.....〝....ทิ้งฉัน——〞ทิ้ง... งั้นเหรอ?ก็บอกแล้วไง.... ว่าไม่เข้าใจ......〝——อย่าทิ้งฉัน.... ไว้คนเดียว...〞!!!!เสียง... นี่มัน.....〝อย่าตายนะกร!!! ได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว!!!!!!〞!!!!!!!!!!

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 27 :  มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง มีครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งที่สาม

    【ไอ้หนู เจ้าเชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรือชะตากรรมบ้างหรือเปล่า?】……………อะไรอีกหล่ะเนี่ย? ภาพหลอนก่อนตายอีกแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ... นี่มันมีแต่เสียงไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยว.... ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนกันเล่า!! ในขณะที่สติของกรกำลังดำดิ่งลงสู่หลุมลึกไร้ก้นบึ้งเพราะผ่านความตายมาแล้วอยู่นั้น กลับมีชายวัยกลางคนเอ่ยถามกรขึ้นมาในสถานการณ์แปลกๆนี่ ด้วยคำถามที่ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ กรจึงทำได้แค่มึนงงกับมันเท่านั้นเอง【เชื่อหรือเปล่า? 】ถามซ้ำอีกแล้ว! ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินเฟ้ย! แต่เพราะตกใจอยู่ต่างหาก…...ว่าแต่ นี่เรากำลังจะตาย.... หรือคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่รึไง?เรานี่ก็ยังมีอารมณ์มาตบมุขอีกนะ น่าโมโหกับตัวเองจริงๆ นี่หรือว่าจะชินกับความตายเข้าให้แล้ว.... หวา〜 ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่ากลัวพิลึกเลยนี่หว่า【เชื่อ-รึ-ป่าว〜? 】เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ตอบก็ได้!!! หยุดลากเสียงแบบนั้นทีเถอะได้โปรด...เอ่อ....ถ้าตอบตรงๆหล่ะก็.... ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หน่ะ【โอ้! งั้นหรอกเหรอ ทำไมหล่ะ?】....ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำที่ตัวเราเป็นคนก่อ ซึ่งมีเหตุมี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 28 :  สารภาพ

    〝กร... โอเคแล้วใช่ไหม?〞〝อะ อา... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะดีมากเลยหล่ะ〞 หลังจากที่กรทำการสำเร็จโทษตัวเองด้วยการเอาศีรษะเขกพื้นในท่าหมอบกราบนานกว่า 10 นาที จนกิเลส(ส่วนใหญ่)ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาทางมีอาทั้งที่ยังหันหลังให้เธออยู่ จนมานั่งอยู่ใกล้ๆกับเธอเช่นเดิม〖เจ้าหนู ข้าคิดมาตลอดเลยว่าเจ้าเป็นคนประเภทขี้อาย... แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วหล่ะ ก็เจ้าหน่ะ——— 〗〝หยุดเลย! ขอทีเถอะเจ้าหมา!〞〝หืม?〞 และแม้มีอาที่นั่งอยู่ใกล้ๆจะยังคงเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเช่นเดิมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุผลในการกระทำของกร แต่ถึงเคลเบรอสจะไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ แต่ก็ยังพอเดาได้ว่ากรไปเห็นอะไรเข้า นั่นจึงทำให้กรร้อนรนเข้าไปใหญ่ ทั้งยังระวังตัวเคลเบรอสให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมโข พลางคิดอยู่ในใจว่า〝เจ้าหมา... แกนี่มันน่ากลัวจริงๆ〞อะ... เอาเถอะ เรื่องเจ้าหมานั่นเอาไว้ก่อนดีกว่า...ประเด็นคือ ไอ้สกิลที่มีแต่เครื่องหมายดอกจันตรงคำอธิบาย... ตั้งแต่สกิลก่อนหน้าอย่าง『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』กับ『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』ทั้งสองอันหน่ะ.... พอใช้ไปครั้งนึงแล้ว คำอธิบายก็จะปรากฏออกมา นี่ต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 29 :  ความหวังที่เหลืออยู่ของเหล่าเพื่อนสนิท

    ———ย้อนกลับไป ในเวลาเดียวกับที่กรพบกับมีอาเป็นครั้งแรกที่ชั้น 33 … หลังจากเหตุการณ์ที่กลุ่มของรินและเสือเข้าปะทะกันด้วยวาจาอย่างรุนแรงที่หน้าค่ายพักผ่อนเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากที่ปาร์ตี้ของฮาวลี่ถูกวาร์ปเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างกะทันหันนั่น หลังจากที่ทุกคนรวมถึงกลุ่มของเสือและรินกลับเข้าไปในค่ายแล้ว ฮันซี่ก็ทำการประกาศเหตุฉุกเฉินให้ทหารทุกนายรวมถึงเหล่านักเรียนผู้กล้าทุกคนรีบกลับไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน โดยอ้างว่าช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้เส้นทางกลับอาจมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกพัดผ่านอย่างหนัก ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าและอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ ส่วนตัวฮันซี่นั้นไม่สามารถกลับไปพร้อมกันได้ โดยใช้ข้ออ้างอีกอย่างหนึ่งว่าตนเองและเหล่าทหารคนสนิทได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ไปปฏิบัติภารกิจฉุกเฉิน จึงต้องรอคำสั่งต่อไปที่หมู่บ้านใกล้ๆนี่ ด้วยเหตุที่ว่าจึงร่วมเดินทางกลับกับทุกคนไม่ได้ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็ตาม แต่นักเรียนผู้กล้าทุกคนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีบิดพลิ้ว แน่นอนว่าสาเหตุที่แท้จริง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 30 :  เป็นธรรมดาที่ก่อนสอบจะต้องอ่านหนังสือและเป็นธรรมดาที่ข้อสอบมักออกไม่ตรงกับหนังสือที่อ่านมา

    ก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องแหลมๆแสบแก้วหูคล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลานเช่นกิ้งก่า ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของดันเจี้ยนชั้นที่ 75 ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเป็นถ้ำหินแกรนิตสีน้ำตาล ผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอกันตลอดแนว ส่วนพื้นเองก็ทำจากวัสดุแบบเดียวกัน แต่ที่แตกต่างก็คือ มันเรียบเนียนตลอดจนสุดสายตาราวกับถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างประณีตเลยทีเดียว ซ้ำยังไม่มีรอยต่อให้เห็นราวกับมันเป็นเนื้อเดียวจริงๆอีกต่างหากก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องโหยหวนอันแสดงถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ยังคงร้องลั่นอย่างต่อเนื่องเพราะมันได้เสียแขนขวาไป และที่มาของเสียงร้องนั้นก็คือ『 ครอกโคแมน 』 ซึ่งเป็นมอนสเตอร์รูปร่างจระเข้ผิวสีเขียวขี้ม้าสูงกว่า 2 เมตร มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่ทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดกว่าจระเข้ทั่วไปคือ ครอกโคแมนที่ว่ามันยืนสองขา สวมชุดเกราะหนักอย่างรัดกุมโดยโผล่ส่วนที่เป็นเนื้อหนังให้เห็นแค่บริเวณลำคอและใบหน้าเท่านั้น ทั้งยังถือขวานเหล็กขนาดใหญ่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอีกต่างหาก เพิ่มเติมคือเจ้าจระเข้เดินสองขาตัวนี้มันสวมหมวกกันกระแทกและแว่นกันลมแบบเดียวกับนักบินของเยอรมันในสงครามโลกครั้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 31 :  แว่นตาคือหน้าต่างของหัวใจ

    หลังจากที่กรและมีอา เข้ามาในห้องบอสของชั้นที่ 75 และพบเข้ากับหญิงสาวซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ปรกาศมาโดยตลอดตั้งแต่ที่กรลงดันเจี้ยนมาเข้า ก็เกิดประหลาดใจที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น และเกิดอาการหงุดหงิดอย่างแรงที่คิดไปเองคนเดียวว่า เรื่องที่การคาดการณ์ของตัวเองผิดพลาดนี้จะทำให้ตัวเขาดูโง่ในสายตาของมีอาขึ้นมา นั่นเลยทำให้กรที่ตอนนี้เกิดอาการหงุดหงิดปนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก บวกกับสาวแว่นจอมเวทย์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นบอสประจำชั้นเองที่แสดงความรำคาญออกมา เนื่องด้วยความเบื่อหน่ายที่ไม่ต้องการมารับการทดสอบกรด้วยตัวเอง นั่นเลยทำให้ทั้งคู่สร้างบรรยากาศไร้เสียงขึ้นมาโดยรอบตัวเองเป็นวงกว้าง จนไม่มีใครกล้าเปิดการสนทนาต่อเลยซักคน…〖โอ๊ะ! สายัณห์สวัสดิ์คุณนาย〗〝……….…ไงเคลเบรอส สภาพดูไม่จืดเลยนะนั่นหน่ะ〞 แล้วคนที่เป็นคนเปิดการสนทนาก็คือคนกลางเช่นเคลเบรอสนั่นเอง และดูเหมือนสาวแว่นคนนี้เองก็ตามน้ำไปกับเคลเบรอสด้วยเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอรำคาญจากสภาพแบบนี้หรืออยากจะจบการทดสอบโดยเร็วก็แล้วแต่ แต่เสียงตอบกลับเรียบๆของเธอนั่นก็ทำให้บรรยากาศปั้นหน้ายากของทุกคนหายไปอย่างสิ้นเชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 32 :  เคยส่องกระจกแล้วหงุดหงิดที่เห็นต้วเองบ้างรึเปล่า

    ———ทางด้านของมีอาและเคลเบรอสที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์…〖เหมือนกันจริงๆ〗〝คุณหมา!? หมายถึงอะไรเหรอ?〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเข้าโจมตีกรด้วยศรแสงในครั้งแรก แล้วมีอาตะโกนออกไปเพื่อเตือนกรแต่กรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีอาที่นั่งดูการต่อสู้ของกรอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนี้แสดงอาการกระวนกระวายปนเศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือกรได้มาตลอดตั้งแต่ก่อนการเข้าปะทะ แม้จะไม่ได้ถามเหตุผลแต่เธอก็ยังปล่อยให้กรทำตามใจ เคลเบรอสที่เห็นแบบนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากฝัก และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาโดยอาศัยความคิดสงสัยของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของมีอาออกมาจากสนามรบเล็กน้อย ก็เพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้นซักนิดก็ยังดี〖ก็… เจ้าหนูกับคุณนายตรงนั้นหน่ะสิ〗〝เอ๋?〞 หลังจากที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้น มีอาก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังดังเช่นทุกที〝หมายความว่ายังไงเหรอคุณหมา?〞〖นั่นสินะ ข้าเองก็อธิบายไม่เก่งซะด้วย… แต่ทั้งสองคนหน่ะ มีสไตล์การต่อสู้เหมือนๆกัน〗〝เรื่องที่ไม่ประมาทศัตรูงั้นเหรอ?〞〖เรื่องที่กลัวคนอื่นต่างหาก 〗〝เอ๋? ต่างกันงั้นเหรอ?〞 เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามกลับมาจากมีอาก็ส่งเสียง อื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 33 :  เพราะไม่มีใครคาดคิด มันจึงเรียกได้ว่าเป็น〖อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน〗

    〝ต่อจากนี้จะไม่มีการออมมือแล้วนะ…〞〝ฮะฮ่ะ! พูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้กะเอาให้ตายเลยนะ〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกไปจากเดิม โดยมีอักขระสีแดงสดปรากฏขึ้นทั่วร่างอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาของเธอเองก็เปลี่ยนไปจากครั้งแรกเช่นกัน นั่นจึงทำให้กรที่ตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้น แต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาหลายต่อหลายหยดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นไหลลงไปถึงลำคอ และทำได้แค่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนกลับไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตัวเขาค่อนข้างกระวนกระวายกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลยทีเดียวแย่แล้ว! แย่แล้วไหมหล่ะ! ปีศาจงั้นเหรอ?งั้นนี่ก็คือเผ่าที่ พวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน ต้องสู้ในอนาคตงั้นสิ? จะบอกว่าซักวันพวกรินจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้งั้นเหรอ?ตัวเราเองยังไม่มั่นใจ 100% เลยว่าจะชนะยัยนี่ได้พวกรินหน่ะไม่ไหวหรอก! ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไหวชัวร์ๆ——〝รับมือ!!!〞ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!—————————〝!!!!!!〞 หลังจากการสนทนาพอเป็นพิธีจบลง ผู้ประกาศสาวก็ทำการยิงศรสีดำแดงออกมาจากทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ร่าย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10

บทล่าสุด

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 215 : สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากสร้างคุณค่าของตัวเองเหมือนกัน (Rachel and Rita have a Date)

    ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 214 : สาวน้อยธรรมดา?เองก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเหมือนกัน (Lilith and Karen have a Date)

    หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 213 : สาวน้อยอ่อนประสบการณ์เองก็มีเรื่องที่อยากลองเหมือนกัน (Mine and Rebecca have a Date)

    เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 212 : สาวน้อยผู้ร่าเริงเองก็มีเรื่องที่คิดมากเหมือนกัน (Flora and Umina have a Date)

    หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 211 : สาวมากประสบการณ์เองก็มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเหมือนกัน (Jenny and Helena have a Date)

    ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 210 : สาวมั่นเองก็มีเวลาที่อยากจะอ้อนเหมือนกัน (Silvia and Fiona have a Date)

    ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 209 : สาว ๆ ก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน (Cordiria has a Date)

    “ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 208 : หลังออกกำลังย่อมต้องการการพักผ่อน

    ————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 207 : ประกายแสงสีรุ้ง

    ————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status