【ไอ้หนู เจ้าเชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรือชะตากรรมบ้างหรือเปล่า?】
……………
อะไรอีกหล่ะเนี่ย? ภาพหลอนก่อนตายอีกแล้วงั้นเหรอ?
ไม่สิ... นี่มันมีแต่เสียงไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยว.... ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนกันเล่า!!
ในขณะที่สติของกรกำลังดำดิ่งลงสู่หลุมลึกไร้ก้นบึ้งเพราะผ่านความตายมาแล้วอยู่นั้น กลับมีชายวัยกลางคนเอ่ยถามกรขึ้นมาในสถานการณ์แปลกๆนี่ ด้วยคำถามที่ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ กรจึงทำได้แค่มึนงงกับมันเท่านั้นเอง
【เชื่อหรือเปล่า? 】
ถามซ้ำอีกแล้ว! ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินเฟ้ย! แต่เพราะตกใจอยู่ต่างหาก…
...ว่าแต่ นี่เรากำลังจะตาย.... หรือคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่รึไง?
เรานี่ก็ยังมีอารมณ์มาตบมุขอีกนะ น่าโมโหกับตัวเองจริงๆ นี่หรือว่าจะชินกับความตายเข้าให้แล้ว.... หวา〜 ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่ากลัวพิลึกเลยนี่หว่า
【เชื่อ-รึ-ป่าว〜? 】
เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ตอบก็ได้!!! หยุดลากเสียงแบบนั้นทีเถอะได้โปรด...
เอ่อ....ถ้าตอบตรงๆหล่ะก็.... ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หน่ะ
【โอ้! งั้นหรอกเหรอ ทำไมหล่ะ?】
....ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำที่ตัวเราเป็นคนก่อ ซึ่งมีเหตุมีผลเป็นของตัวมันเองทั้งนั้น
ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ จะมีปัจจัยภายนอกมาเอี่ยวเป็นส่วนใหญ่ จนเรียกไม่ได้ว่าเป็นการกระทำของตัวเองก็เถอะ แต่ถึงแบบนั้นตัวเราก็ยังมีสิทธ์ที่จะไม่ทำตามนั้นอยู่เหมือนกัน
....แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงจะทำให้คนที่เลือกทางนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือขวางโลกไปเลยหน่ะนะ
ถ้าโชคชะตาที่นายหมายถึง มันคือการไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตของตัวเองและต้องยอมปล่อยมันไปตามกระแสสังคม หรือตามที่ฟ้ากำหนด หรืออะไรเทือกๆนั้นหล่ะก็... ชะตากรรมแบบที่ว่ามามันคงจะยากที่คนส่วนใหญ่จะฝืนมันหน่ะนะ
ไม่สิ... คิดว่าคนส่วนใหญ่คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำเรื่องที่ตัวเองคิดจะทำกันหรอกนะ เพราะงั้นเลยทำให้ทุกคนเชื่อว่าโชคชะตาเป็นสิ่งที่ขัดขืนไม่ได้ไป
ในส่วนของเรื่องนั้น สำหรับฉันหน่ะนะ..... ตั้งแต่ที่ทำการจุติครั้งแรก แล้วฝืนพรหมลิขิตที่เรียกว่า『ความตาย』มาแล้ว 2 ครั้ง ฉันก็เลิกเชื่อเรื่องแบบนั้นไปแล้วหล่ะ....
ก็นะ... ส่วนนึงก็เป็นเพราะ ฉันต้องการจะใช้ตัวเองเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจด้วยนั่นแหล่ะ
แต่ถึงแบบนั้น..... ตลอดมาตั้งแต่ก่อนจะจุติฉันก็ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วหล่ะนะ
เพราะถึงรอบข้างจะนินทาว่าร้ายยังไง... ฉันก็จะหน้าด้านใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ดีนั่นแหล่ะ....
【แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่า การที่เจ้าคิดแบบนั้นเอง ก็อาจจะเป็นเพราะถูกใครบางคนสั่งการณ์ก็ได้......】
!!!!!!!!!
หมายความว่ายังไง?
【.....ไม่คิดบ้างเหรอว่าชีวิตของเจ้าตลอดมาเอง ก็อาจจะถูกใครซักคนบงการมาตลอดก็ได้เหมือนกันหน่ะ?】
อืม.... ถึงมาถามคำถามแนวปรัชญากับฉันคนนี้ไปก็เท่านั้นแหล่ะ
ถึงจะไม่เข้าใจที่นายพูด แต่ถ้าเป็นแบบที่นายว่ามาจริง... ตัวฉันในตอนนี้เองก็อาจจะพูดเพราะถูกสั่งการณ์อยู่ก็ได้สินะ หรือไม่งั้นความคิดของฉันตอนนี้เองก็อาจจะเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งขั้นมา.....
เฮ้อ! ให้ตายสิ... ไม่ถนัดกับเรื่องยุ่งยากจริงๆด้วยนะฉันเนี่ย
ไอ้เรื่องยุ่งยากพรรค์นั้น ฉันไม่เคยเก็บมาคิดให้รกสมองหรอกนะ....
ขอบอกไว้เลย.... ต่อให้ใครกำลังบ่งการณ์ฉันอยู่ หรือที่กำลังคิดอยู่นี่จะไม่ใช่ฉันก็ตาม
แต่ตัวฉันก็คือตัวฉันอยู่ดี.... ทุกๆอย่างนั่นแหล่ะ....
ตัวฉันที่เป็นเพื่อนกับอลิซ ริน โชต ชาญและศร....
เป็นน้องของพี่มารี.... เป็นโอตาคุ.... ชื่นชอบเกมและอนิเมะ....
เป็นคนที่ผ่านการตัดสินใจว่าจะยืนหยัดขึ้นมาด้วยตัวเองจากความตายตรงทางตันที่เป็นกับดักนั่น....
เป็นคนที่ชนะการต่อสู้สุดดุเดือดเลือดพล่านกับเจ้าเคลเบรอส....
เป็นคนที่ช่วยเด็กผู้หญิงจากเงื้อมมือของมอนสเตอร์....
ช่วยเอาตราทาสของเธอคนนั้นออกให้ และสัญญากับเธอว่าจะปกป้องด้วยชีวิต....
สุดท้ายก็ทุ่มเทจิตวิญญาณจนมอดไหม้เพื่อโค่นบอสมังกรห้าหัว....
เพื่อปกป้องมีอา.... เพื่อปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรัก.... ทั้งหมดที่ว่ามาก็คือตัวฉัน!
ไม่เห็นต้องคิดให้ยุ่งยากเลยด้วยซ้ำว่าตัวเราเป็นยังไงกันแน่....
เพราะทั้งหมดที่ว่ามา.... มันก็คือตัวฉันทั้งนั้นเลยไม่ใช่รึไง?
นี่แหล่ะคือ.... คำตอบของฉันหล่ะ!
.
.
【หึ! ...ถึงจะบอกว่าตัวเองไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ยังสาธยายออกมายาวเป็นหางว่าวเชียว... เป็นอย่างที่คิด... เจ้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยซักนิด...】
『ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย』งั้นเหรอ? พูดยังกับรู้จักฉันดีเลยแหน่ะ แถมพูดเหมือนกับตอนจุติครั้งแรกที่เป็นตัวฉันตอนเด็กด้วย....
นี่หรือว่าคราวนี้.... นายจะเป็นตัวฉันตอนแก่กัน!!!!
【ตลกน่าไอ้หนู! มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง】
ก็... นั่นสินะ
ช่วยไม่ได้นี่นา... ก็ตัวฉันช่วงนี้เจอแต่เรื่องที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้รุมเร้าเข้ามาตลอดเลยนี่นา จะมีตัวเองจากอนาคตมาให้กำลังใจก่อนตายบ้างก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่นา
เดี๋ยวดิ... ถ้าเราตายตอนนี้ แล้วตัวเราตอนผู้ใหญ่มันจะมาจากไหนกันหว่า อ่อ... เข้าใจหล่ะ เพราะงั้นถึงเป็นไปไม่ได้หล่ะสินะ
【หัวไวดีเหมือนกันนี่ไอ้หนู】
แต่ตัวฉันตอนเด็กมันบอกว่าฉันหัวช้าแหน่ะ....
แต่ถึงอย่างงั้น.... ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเคยได้ยินเสียงนาย ไม่สิ... รู้สึกเหมือนเคยเจอนายมาก่อนเมื่อนานมาแล้วกันนะ...
ทั้งที่ถ้ามีสุดยอดการประมวลผลก็จะไม่มีทางลืมได้แท้ๆ.... เหมือนกับตอนที่ลืมเรื่องของศรกับพี่มารีไม่มีผิด
【ก็ไม่แปลกหรอกนะไอ้หนู.... ก็พวกเราเคยเจอกันมาก่อนจริงๆนี่นา แถมไม่นานมานี้เราก็เพิ่งพบกันด้วยนะ】
เอาจริงดิ! ที่ไหน? เมื่อไหร่กัน?
【น่าเสียดาย.... ตอนนี้ตัวตนของข้า ยังไม่สมควรให้เจ้าได้รับรู้...】
เห๋! อย่างกไปหน่อยเลยน่า... ฉันบอกใครไม่ได้หรอกนะ
...ก็ตายไปแล้วนี่นา ห๊าห่ะห่ะ!!! เพราะงั้นก็บอกมาซะดีๆเถอะ
【เพราะงั้นถึงบอกเจ้าไม่ได้ยังไงหล่ะ.... เพราะอีกไม่นาน เจ้าก็คงจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน】
ฟื้น? ระ... หรือว่าจะหมายถึง.... ฉันจะจุติอีกครั้งงั้นเหรอ?
【......ก็ประมาณนั้นแหล่ะ ดีใจรึเปล่าหล่ะ?】
แน่นอนอยู่แล้ว!!! ไม่มีข้อโต้แย้งซักนิดเลยว่ามันไม่ดีหน่ะ!
เพียงแต่แค่สงสัยหน่ะว่า... มันจะโชคดีเกินไปแล้วมั้ง ที่ตายตั้ง 3 ครั้งแล้วก็ฟื้นขึ้นมาได้ตั้ง 3 ครั้งเนี่ย
【『ทุกอย่างมักมีเหตุผลในตัวของมันเองทั้งสิ้น』...เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่รึ ...แต่โทษทีนะไอ้หนู ข้าบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้นไม่ได้...】
อีกแล้วงั้นเหรอ.... นายนี่ยังกับเคลเบรอสเลยนะ
...เดี๋ยวก็เรียกนายว่าเคลเบรอสสองซะเลย———
วูม!!!
!!!!!!
และหลังจากที่กรสนทนากับชายวัยกลางคนปริศนามานานพอสมควร ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างไหลผ่านเข้ามาในสติของเขาอย่างกระทันหัน ทั้งยังสว่างมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มจะแสบตาอีกต่างหาก
【ถึงเวลาปิดโผแล้วงั้นสินะ...】
จะไปซะแล้วเหรอ? ไม่สิ... ฝ่ายที่ไปน่าจะเป็นทางนี้แทนซะมากกว่าหล่ะมั้ง
【ก็ตามนั้นแหล่ะไอ้หนู.... อา...ข้าเองก็พูดไม่ค่อยเก่งซะด้วย แต่หลังจากนี้เจ้าจะต้องเผชิญกับอันตรายมากยิ่งกว่านี้แน่นอน.... คำเดียวที่จะบอกเจ้าได้ก็มีเพียงแค่คำอวยพรเล็กๆน้อยๆเท่านั้น…
.....พยายามเข้าหล่ะ ไว้เจอกัน.... ไอ้หนู!!! 】
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ขอบคุณมากสำหรับคำอวยพร....
หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ.... ในเร็วๆนี้———
วิ้ง!————
แล้วจากนั้นสติของกรก็ขาดหายไปอีกครั้ง รวมถึงความทรงจำจากการสนทนาอย่างสนิทสนมกับชายวัยกลางคนปริศนานี้ก็เลือนลางลงไปพร้อมๆกับตัวกรที่กำลังจะตื่นขึ้นมารับแสงอรุณ เสมือนกับมันเป็นเพียงแค่ความฝันจากการหลับลึกจนสมองไม่ได้จดจำไว้เท่านั้นเอง
❖❖❖❖❖
〝!!!!〞
หลังจากที่กรหมดสติไป จนถึงกับไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนั้น พอรู้สึกตัวอีกทีและลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ก็ต้องตกใจกับแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านเข้ามาในทัศนวิสัยอย่างกระทันหันจนต้องปิดตาลงไปอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ปรับตัวกับแสงได้เขาจึงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ก่อนที่จะยันตัวเองขึ้นมาจากท่านอนราบ แล้วนั่งกับพื้นในท่าเหยียดขาตรงทั้งสองข้างด้วยความรวดเร็ว
〝กร?〞
〝!!!!〞
และทันทีที่กรยันตัวเองมาอยู่ในท่านั่งเรียบร้อยแล้ว ก็มีเสียงของเด็กสาวเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย ดังขึ้นมาทางด้านขวาของเขาเพียง 1 ฝ่ามือเท่านั้นเอง
〝มีอา! ค่อยยัง——— !!!!!!〞
ฟุบ!
แล้วกรก็ตอบกลับเด็กสาวที่เรียกหาเขาในทันที แต่ยังพูดไม่ทันจบเด็กสาวคนนั้นหรือก็คือ มีอา ก็พุ่งตัวเข้ามากอดตัวเขาทั้งน้ำตา จากด้านหน้าอย่างกระทันหันจนกรตั้งตัวไม่ทันไปเสียแล้ว
〝เดี๋ยวๆๆ มีอา! ปล่อยนะเฟ้ย! มันอึดอัด———〞
〝ไม่เอา!!!!!! ไม่ปล่อยอีกแล้ว!!!! .....จะไม่ยอมให้นายไปไหนอีกแล้ว!!!!!!!!〞
〝!!!!!!!!〞
แล้วมีอาก็ตะโกนออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่ดังลั่น มันทั้งหนักหน่วงและสั่นระริกจนทำให้ตัวกรกระตุกเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันมีอาก็เอาใบหน้าของตัวเองที่มีแต่น้ำตาไหลออกมาตลอดจนขอบตาแดงก่ำนั่น ซุกลงไปที่อกของเขาอย่างแรงพร้อมๆกับใช้มือทั้งสองข้างกำเสื้อโค้ทสีดำของกรอย่างแรงทั้งที่ตะโกนแบบนั้นไปด้วย
มีอา... เถียงเราเนี่ยนะ!?
เดี๋ยวสิ... คาแรคเตอร์ของเธอต้องเป็นพวกขี้เกรงใจ&ไร้เดียงสาไม่ใช่เหรอ?
ไม่สิ... ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อย
ก็รู้อยู่หรอกว่ายัยนี่ เป็นพวกดื้อดึงพอสมควร... แต่ไอ้ที่ตะคอกใส่เรานี่เป็นครั้งแรกแน่นอน....
〝…......〞
〝ขอร้องหล่ะ อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะ!!! ฉันหน่ะ.... ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว!!!!!〞
〝........ขอโทษ〞
งั้น... เองหรอกเหรอ...
....เรานี่มัน ....บ้าชะมัดเลย
ความรู้สึกของความสูญเสียหน่ะ.... ทั้งเราทั้งมีอาเข้าใจมันดีอยู่แล้วแท้ๆ
มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ก็จริงอยู่.... แต่ถึงแบบนั้น.... เราก็ไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของมีอาเลยซักนิด———
〝สัญญาก่อน!!!〞
〝เอ๋!? 〞
〝อย่าทำแบบนั้นอีกนะ!!!〞
〝มะ...ไม่ได้หรอกเฟ้ย! ก็บอกแล้วนี่ ว่าจะปกป้องเธอด้วยชีวิตหน่ะ เพราะงั้น—— อึก!〞
แล้วจากนั้นมีอาก็เถียงกรกลับเป็นชุด กรก็เถียงมีอากลับเช่นกัน เพียงแต่.... พริบตาที่กรบอกปฏิเสธในประโยคล่าสุดนั้น รูม่านตาของมีอาก็ขยายใหญ่ขึ้นบวกกับตาดำที่เล็กลง พร้อมๆกับเงยหน้าขึ้นมาจนใบหน้าบริเวณที่ถูกผมปรกเกิดเงาขึ้นมาจนดูน่ากลัว(แบบสุดๆ) กรที่เห็นแบบนั้นก็ไม่พ้นต้องตัวกระตุกอย่างแรงเพราะความกลัวอีกครั้ง จนถึงกับกลืนน้ำลายเลยลงคอเสียงดังทีเดียว
〝………..จะ—สัญ—ญา—ไม๊คะ?〞
แล้วมีอาก็ฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย ทั้งที่ยังคงใบหน้า(น่ากลัวสุดๆ)แบบเดิมเอาไว้อยู่ จนกรเริ่มรู้สึกสยองขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว
หน่ะ... น่ากลัวสลัดเลย!!!!! แม่จ๋า ช่วยลูกด้วย!!!!!!!!!
ไม่ออมมือให้ซักหน่อยเลยเหรอ... บ้าชัดๆปกติเธอไม่ใช่คนแบบนี้นี่หว่า?
แล้วฉันเป็นหัวหน้า ไม่สิ.... ควรจะเรียกว่าเป็นเจ้านายเลยด้วยซ้ำไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงต้องกลัวมีอาด้วย อุหวา... ความกลัวมันมีเหตุผลซะที่ไหนกันเล่า!!!
แต่ตัวกระผมเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากความตายนะขอรับ! น่าจะปราณีกันนิดนึง... เป็นสาวยันรึไงกันครับคุณเธอ?
〝ขะ...เข้าใจแล้วครับ เข้าใจแล้ว!!! สัญญา... สัญญาเลยครับ จะไม่ทำอีกแล้ว!!!〞
〝อื้ม! ดีมาก.......〞
แล้วมีอาก็เว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าให้กรแรงๆครั้งนึงพลางพูดแบบนั้นไปด้วย
〝ถ้างั้นก็..... ยินดีต้อนรับกลับมานะกร.... ดีใจมากเลยหล่ะ ที่นายยังมีชีวิตอยู่〞
แล้วมีอาก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นยิ้มแย้มแบบแจ่มใสเช่นเดิม จากนั้นก็ฉีกยิ้มออกมาเสียจนกว้างอย่างร่าเริง ทั้งยังหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆในขณะที่พูดแบบนั้นไปด้วย
กรที่เห็นแบบนั้นก็คิดขึ้นมาว่า มีอาที่พูดแบบนั้นด้วยใบหน้าที่เฉิดฉายช่างดูน่ารักและเจิดจ้ายิ่งนัก(จนนึกว่าเป็นคนละคนกับเมื้อกี้) พลางหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ เพราะทานความโมเอะของเธอคนนี้ไม่ไหวไปพร้อมๆกัน
〝อะ.... อื้ม!〞
อา... ต้องใบหน้ายิ้มแย้มแบบนี้สิ ถึงจะเหมาะกับเธอหน่ะมีอา
น่ารักจริงๆเลยน้าให้ตายสิ〜
อืม... แต่จะว่าไปแล้ว... ถึงเมื่อกี้นี้จะน่ารักแบบโคตรๆก็เถอะ....
......แต่มีอาตอนโกรธเนี่ย.... น่ากลัวชิบเลยฟ่ะ....
แล้วกรก็ตอบกลับมีอาไปแบบเขินๆ พลางคิดแบบนั้นอยู่ในใจไปพร้อมกันอย่างกล้าๆกลัวๆ....
❖❖❖❖❖
หลังจากที่กรฟื้นขึ้นมา และพูดคุยสัพเพเหระกันพอหอมปากหอมคอกับมีอาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรก็รีบลุกขึ้นแล้วไปตรวจสอบไอเทมดรอปจากบอสมอนสเตอร์ที่เป็นมังกรห้าหัวนั่นเป็นอันดับแรกในทันที
เรื่องไอเทมที่ดรอปได้นั้นก็มีลักษณะคล้ายๆแบบเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะกรปรับอัตราการดรอปไอเทมให้ทุกอย่าง 100% นั่นแหล่ะ ผลล้พธ์ก็คือ ตรงจุดที่มังกรสลายไปได้เกิดเนินเขาสีทองอร่ามขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งสูงมากกว่าครั้งของเคลเบรอสเสียอีก
ส่วนเรื่องของรายละเอียดไอเทมแต่ละชิ้น ก็มีลักษณะเหมือนๆเดิม นั่นคือ มีไอเทมระดับ S ขึ้นไปมากมายหลายชนิด อาทิเช่น ดาบ คฑา ขวาน ค้อน ฯลฯ ชุดเกราะ รวมถึงเกราะเบาออกศึกที่มีระดับอย่างต่ำคือ S เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นก็ยังมีตำราสกิลและไอเทมวัสดุระดับสูงเช่นเคย
ถ้าจะหาความแตกต่างของไอเทมดรอปในครั้งนี้กับครั้งก่อนหล่ะก็ คงจะเป็น เหรียญทองคำขาวที่อยู่กระจายกระจายไปทั่วเนินสมบัตินั่นแหล่ะที่แปลกตาสำหรับพวกกร ถึงจะถามมีอาไป เธอก็ไม่มีข้อมูลเพราะอาศัยอยู่บนเขาตลอด เคลเบรอสเองก็อยู่แต่ในดันเจี้ยน แถมข้อมูลที่เขียนในหน้าต่างของสกิลตรวจสอบก็มีเขียนแค่ว่า】เป็นเหรียญทองคำขาวบริสุทธิ์ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาก....【เท่านั้นเอง นอกจากนั้นก็มีโพชั่นระดับสูงที่ช่วยฟื้นพลังเวทย์ ยาแก้สถานะผิดปกติและโพชั่นสำหรับเพิ่มบัฟสเตตัสและสกิลด้านต่างๆมากมายซึ่งให้ผลลัพธ์สูงพอสมควร กรจึงคิดแบ่งพวกนี้ไว้ทดลองใช้บางส่วน
และไอเทมที่สำคัญที่สุดที่กรและมีอาเฝ้ารอมานานนั่นก็คือ『วัตถุดิบอาหาร』นั่นเอง ตัวกรเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเขาไม่ได้กินอาหารมาสัปดาห์นึงเต็มๆ แต่ที่ไม่หิวเลยนั่นเป็นเพราะการพัฒนาร่างจากการจุตินั่นแหล่ะ เลยทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นานโดยไม่ต้องกินอาหาร ซึ่งเรื่องที่ว่ามานี้กรก็เพิ่งจะมาสังเกตุและทำการตรวจสอบจนรู้เหตุผลในตอนที่เจอวัตถุอาหารนี้เอง เพราะตลอดมาตั้งแต่ที่เจอกับมีอาก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ทานอะไรเลย แต่ส่วนใหญ่ที่ทานจะเป็นการนำไอเทมดรอปเช่น『ไข่ของเกรทแอนท์』มาปิ้งหรือใช้ความร้อนทำให้สุกแล้วค่อยทานกัน แต่รสชาติมันห่วยเกินบรรยายถึงขนาดที่มีอาที่เป็นคนไม่เลือกกินเพราะเคยเป็นทาสมาก่อนยังทนได้ยากเลย แล้วตัวมีอาเองก็ใช้พลังเวทย์ในการดำรงชีวิตมากกว่าอาหารอย่างที่เคยบอกไปแล้ว เพราะงั้นทั้งคู่จึงกินมันแค่วันละครั้งเท่านั้นเอง แม้จะช่วยให้อยู่ท้องแต่ก็รู้สึกแย่สุดๆกับมื้ออาหารที่รอคอยมาทั้งวัน นั่นเลยทำให้ทั้งคู่ดีใจจนกระโดดโลดเต้นไปมาเลยทีเดียวเมื่อมีวัตถุดิบอาหารดรอปออกมา
นอกจากนั้นก็มีแต่พวกแร่หายากที่ระดับสูงกว่าที่ดรอปจากเคลเบรอส และคราวนี้ก็มีไอเทมจำพวก สูตรการสร้างอาวุธ เครื่องป้องกันหรือเครื่องประดับอยู่ด้วย ส่วนวัสดุที่ต้องใช้ก็อยู่ในขุมทรัพย์ที่กองเป็นพะเนินนั่นแหล่ะ แม้จะคิดว่าโชคดีจริงๆที่มีไอเทมออกมาเยอะและสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้มากขนาดนี้ แต่ตัวกรที่ตรวจสอบไอเทมทุกอย่างและเก็บพวกมันทั้งหมดไว้ในดูอัลไดเมนชั่นริงเรียบร้อยแล้ว ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเพิ่งผ่านการจุติครั้งที่ 3 ไป ก็เลยเลือกที่จะตรวจสอบพลังใหม่ของตัวเองก่อนที่จะเลือกปัจจัยภายนอกอย่างไอเทมดรอป กรที่คิดได้แบบนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงกับพื้นอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับมีอาแล้วก็เริ่มทำการตรวจสอบทันที...
.
.
ก็นะ... ถึงไอเทมดรอปมันจะออกมาเยอะมากกว่าที่คิดก็เถอะ แต่แบบนี้ก็ดีแล้วหล่ะน่ะ…
แถมพวกตำราคราฟของที่ต้องการวัสดุระดับสูง ก็ดรอปออกมาพร้อมกันอยู่แล้วด้วย ยังกับจัดมาให้เป็นคอมโบยังไงอย่างงั้นเลยแฮะ....
แต่คิดว่าเรื่องนั้นค่อยทำหลังจากตรวจสอบสเตตัสใหม่หลังจุติจะดีกว่า... นั่นเพราะพวกไอเทมนั่นมีส่วนช่วยมากโขก็จริง แต่ตัวเราที่เป็นคนใช้พวกมันหน่ะ ย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้มากกว่าอีกจริงไหมหล่ะ?
เพราะงั้นฉันถึงรีบเปิดหน้าต่างสเตตัสของตัวเองออกมาอย่างไม่ลังเลเลย ส่วนผลลัพธ์นะเหรอ.....
ข้อมูลสเตตัส
『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ เทพเจ้า
『อาชีพ』 เลเวล 1
เทพนักดาบ(Full) ผู้ใช้ปืนขั้นสุดยอด(Full) จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ(Full)
『ฉายา』
【ทั่วไป】〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙,〘ราชาผู้พิชิต〙,〘นักดาบไร้พ่าย〙,〘เทพนักแม่นปืน〙,〘จอมเวทย์บรรพบุรุษ〙
【จุติ】〘จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘จุติยักษาแบบพิเศษขั้นสุดยอด〙,〘จุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง〙
【เฉพาะตัว】〘Give me Your Everything ?〙 ,〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙,〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙,〘จิตวิญญานเหล็กกล้า〙,〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙,〘กายาเหล็กไหล〙,〘แขนยักษาแห่งการทำลายล้าง〙,〘Ogre Armor Form〙, 〘ออร่าแห่งทวยเทพ〙,〘ผู้หยั่งรู้〙,〘Sacred God Armor Form〙
《พลังโจมตี》 1,102,365 《พลังป้องกัน》 1,559,612
《พลังเวทย์》 1,521,365 《ความต้านทานเวทย์》 1,576,115
《ความว่องไว》 1,258,615 《พละกำลัง》 1,588,315
เฮ้อ!!!〜
แล้วพอกรเห็นหน้าต่างสเตตัสใหม่ของตัวเอง กรก็ถอนหายใจออกมาหนักๆพลางยกมือขึ้นมาเกาหัวแรงๆพร้อมกันด้วยใบหน้าหน่ายๆ มีอาที่นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆจึงเอียงคอสงสัยการกระทำแปลกๆนั่นของกรอย่างเลี่ยงไม่ได้
อะ... เอาเถอะ นี่มันครั้งที่ 3 แล้วนี่นะ ถ้ายังไม่ชินอีก ก็ต้องเรียกว่าเป็นคนปรับตัวไม่เก่งเอาซะเลยนั่นแหล่ะ
เรื่องสเตตัสที่เลเวลแค่ 1 แต่ก็ยังมากกว่า 1 ล้านเนี่ย.... เอาว่ะ ยังอยู่ในการคาดการณ์อยู่เลยไม่ตกใจเท่าไหร่
แต่ที่ตกใจมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องของเผ่านี่แหล่ะ... 『เทพเจ้า』เลยนะเฟ้ย! เทพเจ้าหน่ะ
นี่มันคนละโคกกับ『ยักษา』ในตอนแรกเลยไม่ใช่รึไงกันฟ่ะ ไม่เข้าใจหลักการของมันจริงๆ.... ตารางการอัพเกรดมั่วไปหมดแล้วเฟ้ย!!!
และแม้กรจะยังไม่เข้าใจเหตุผล แต่ก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่ฉายา〘จุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง〙ในทันที เพราะคิดว่าถ้าจะหาเหตุผลที่เป็นแบบนั้น ก็ต้องเริ่มที่ฉายาหมวดการจุตินี่นั่นเอง
〘จุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง โดยการได้รับพลังเทพจากการถ่ายโอนเข้าร่างกายโดยตรง มีผลทำให้สเตตัสพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างยิ่งยวดตามเงื่อนไขที่ผ่านการตรวจสอบ เพิ่มสเตตัสด้านพลังเวทย์และความต้านทานเวทย์เป็นพิเศษ ได้รับสกิลต้นฉบับที่ไม่เหมือนใครมาครอง รวมถึงความสามารถเฉพาะของเผ่าเทพก็เช่นกัน สุดท้ายคือขีดจำกัดของสกิลและเวทย์มนต์ที่มีในครอบครอง(เฉพาะสายปกติ)จะถูกปลดล็อคจากระดับสูงสุดจาก ขั้นสูง ไปเป็น ขั้นเทพเจ้า》
เอ่อ.... จะว่าเข้าใจหรือ.... ไม่เข้าใจดีหว่า...
ไม่สิ.... เข้าใจอยู่แล้วเฟ้ย!!! งั้นเหรอ.... ที่เราได้รับพลังเทพมา คงจะเป็นเพราะไปถ่ายโอนพลังเวทย์ให้มีอาโดยตรง ด้วยการไป....
จะ... จะจะจะ จูบเธอนั่นแหล่ะ! รู้สึกเหมือนทำอะไรผิดไปเลยแฮะ แถมมีอาที่นั่งอยู่ข้างๆยังเอียงคออยู่อีก
รู้สึกผิดสุดๆไปเลย.... ขอโทษด้วยนะคร้าบบบ!!!!!
ตะ... แต่เรื่องนั้นเอาไว้ขอโทษทีหลังก็แล้วกัน.....
แล้วในส่วนของคำอธิบาย.... ก็เหมือนกับของฉายา〘จุติยักษาแบบพิเศษขั้นสุดยอด〙นั่นแหล่ะ
แต่ที่รู้สึกติดใจก็คงเป็น ตรงที่บอกว่าขีดจำกัดสกิลและเวทย์มนต์ถูกปลดล็อคนั่นแหล่ะ.... แต่เดี๋ยวลองดูหน้าต่างนี้ให้หมดก่อนค่อยไปดูสกิลเหมือนทุกทีจะดีกว่า เพราะงั้นก็ดูอันต่อไปเลยก็แล้วกัน.....
〘ออร่าแห่งทวยเทพ〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งชนะการต่อสู้สุดท้ายมาได้โดยใช้ออร่าเป็นตัวแปรหลัก มีผลทำให้สามารถสร้างออร่าซึ่งเป็นสกิลเฉพาะของเทพเจ้า แต่มีระดับสูงกว่าออกมาใช้งานได้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ตามแต่ความชำนาญและเลเวลของผู้ใช้ ซึ่งการใช้ผลพิเศษนี้จะไม่เสียพลังเวทย์แต่อย่างใด นอกจากนี้บริเวณที่ถูกคลอบคลุมโดยออร่าดังกล่าวจะมีคุณสมบัติลดความเสียหายทางเวทย์มนต์ลงเหลือเพียงครึ่งเดียว *ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดเท่านั้น 》
อะ... อะไรว่ะเนี่ย.... 〘กายาเหล็กไหล〙เวอร์ชั่นต้านเวทย์รึไงฟ่ะเนี่ย!?
ถึงจะต้องสั่งใช้งานก็เถอะ... แต่เห็นบอกว่าไม่ต้องใช้เวทย์นี่หว่า... อีแบบนี้ก่อนสู้ก็คลุมมันก่อนทั้งร่าง ก็ไม่แตกต่างจาก〘กายาเหล็กไหล〙ที่เป็นสกิลติดตัวซักนิดเลยไม่ใช่เรอะ!!!
นี่มันเทพสมชื่อจริงๆเลยพับผ่าสิ.... ว่าแต่ การใช้งานจะสูงขึ้นตามความชำนาญงั้นเหรอ ไม่เข้าใจตรงนี้นี่แหล่ะ... แต่มีบอกว่าขึ้นอยู่กับการประยุกต์——
เดี๋ยวดิ.... หรือว่า.... จะทำแบบนั้นได้ด้วย....
ซู่ม!!!
〝โอ้! อย่างที่คิดไว้เลยแฮะ!!! แต่ว่า......〞
แล้วพอกรตรวจสอบคำอธิบาย ก็พบความเป็นไปได้อย่างนึงขึ้นมาว่า เจ้าออร่าที่ว่าอาจจะสามารถใช้สร้างสิ่งของหรืออุปกรณ์ขึ้นมาจากจินตนาการได้เช่นเดียวกับออร่าสีทองจากสกิล『จิตวิญญานเหล็กกล้า』นั่นเอง
กรจึงไม่รอช้าที่เริ่มจินตนาการถึง มีดพกที่มีใบดาบยาวประมาณ 12 เซนติเมตรอยู่ในหัว ก่อนที่จะสั่งใช้งานสกิลด้วยการนึกคิด แล้วก็เป็นอย่างที่คาด พอกรจินตนาการเป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อย ที่ฝ่ามือของกรก็มีออร่าสีขาวบริสุทธิ์ส่องประกายงดงาม ซึมออกมาจากภายในฝ่ามือของเขาออกมา แล้วก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของมีดพกตามที่จินตนาการไว้ เพียงแต่.....
〝กร! นั่นมันคือ... ส้อม... งั้นเหรอ?〞
〝อึก!〞
แล้วมีอาที่เห็นกรทำอะไรแปลกๆอีกก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นั่นเลยทำให้กรรู้สึกเขินอายจนร่างกระตุกอีกครั้งเลยทีเดียว
บ้าชิบ.... พูดไม่ออก....
แล้วไหงมันถึงกลายเป็น.... จะว่าไงดีหล่ะ เหมือนมีหนวดปลาหมึกสีขาวยึดอยู่กับด้ามแทนใบมีด แถมยังยั้วเยี้ยยึกยือ ไปมาอีกต่างหาก... สยองวุ้ย!
ใครจะไปบอกได้ว่าไอ้นี่เป็นมีดกันฟ่ะเนี่ย… ว่าแต่มีอา... เธอมองยังไงให้ไอ้นี่มันเป็นส้อมกันฟ่ะเนี่ย?
เรื่องจินตนาการถึงรูปร่าง เราไม่มีทางพลาดเรื่องนั้นอยู่แล้ว... ก็แหม ขนาดไอพ่นยังสร้างออกมาได้เลยนี่นา ถึงจะชั่วคราวก็เถอะ…
คิดว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่เลเวลกับคุณสมบัติของสกิลนั่นแหล่ะ... เพราะถึงจะสร้างออกมาได้ แต่ก็ไม่เสถียรเท่าออร่าสีทอง แล้วจากที่ดู.... เราก็พอสัมผัสได้อยู่ว่าระดับของสกิลต่างกันอย่างสิ้นเชิง..
ก็แหม... ไอ้ออร่าสีขาวนี่หน่ะ มันสร้างออกมาได้ทั้งที่ไม่เสีย MP เลยนะเฟ้ย ข้อจำกัดก็มีแค่เลเวลแค่นั้นเอง...
แตกต่างจากออร่าสีทองของ『จิตวิญญานเหล็กกล้า』ที่ต้องบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย.... แต่พอมานึกดูเนี่ย มันก็ต้องบาดเจ็บจนตายก่อนไม่ใช่รึไงฟ่ะถึงจะใช้งานได้ แถมมีเงื่อนไขนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด... ยุ่งยากชิบเลย!
เพราะข้อจำกัดต่างกันขนาดนี้สินะ... เลยทำให้ผลลัพธ์ออกมายังกับอยู่คนละมิติ…
แต่แหม.... จากที่ว่ามา สกิลที่มีเงื่อนไขน้อยกว่า ก็มีประสิทธิภาพน้อยกว่าตามเนี่ย... ก็ยังให้ความรู้สึกว่าระบบยังมีสมดุลอยู่... ถ้าไม่ติดว่าคนที่ได้เป็นฉันที่มีสกิลโกงๆอยู่ก่อนแล้วหน่ะนะ....
ถ้างั้นก็ช่างมันแล้วกัน... ถ้าตายแล้วไม่ได้อะไรสิ มันถึงจะน่าโมโห(ถึงจะไม่ได้อยากตายก็เถอะ)!!!
งั้น..... ฉายาใหม่ที่ได้มา ก็เหลือแค่สองอันนี้สินะ....
〘ผู้หยั่งรู้〙
《คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง ซึ่งในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสามารถคาดคะเนการโจมตีได้แม่นยำ 100% เท่านั้น(โดยไม่นับการโจมตีที่จงใจโดน) มีผลทำให้ได้รับสกิลเนตรแบบพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่มีทางเลียนแบบได้ *ผลพิเศษนี้ไม่มีคำร่าย จึงต้องสั่งใช้งานจากการนึกคิดผ่านระบบสกิลเท่านั้น **ความสามารถขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง โดยไม่อิงจากสเตตัสใดๆของผู้ใช้ทั้งสิ้น 》
〘Sacred God Armor Form〙
《 คำอธิบาย : ฉายาของผู้ที่ผ่านเงื่อนไขการจุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง มีผลทำให้ได้รับสกิลเฉพาะตัวแบบพิเศษ ซึ่งมีผลทำให้ความต้านทานเวทย์เพิ่มขึ้นมหาศาลในเวลาจำกัด 》
อา… อย่างที่คิดเลยแฮะ ไอ้ฉายา〘Sacred God Armor Form〙เนี่ยดูยังไง มันก็เกราะยักษาเวอร์ชั่นเทพเจ้าชัดๆเลย.... นี่แสดงว่าเราจะมีเกราะสองแบบเลยสินะ... ไม่สิ ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนเล่า...
ส่วนไอ้ฉายา〘ผู้หยั่งรู้〙นี่... อธิบายความสามารถแปลกๆอีกแล้ว สกิลเนตรอย่างงั้นเหรอ ไม่เข้าใจเลยเฟ้ย!
แถมไอ้บรรยากาศแบบนี้.... เหมือนกับตอนที่อ่านสกิล『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』กับ『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』เปี๊ยบเลย
แถมมีลางสังหรณ์ว่าจะเป็นสุดยอดสกิลเหมือนกันซะด้วยสิ.... เออ... ลางสังหรณ์เรายิ่งแม่นๆกับเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย.....
ไม่มีฉายาอื่นให้ดูแล้วด้วยสิ.... ช่วยไม่ได้ ถ้างั้นต่อไปก็ดูหน้าต่างสกิลเลยแล้วกัน....
สกิล
『สกิลโจมตี』
【วิชาดาบ】เฮอริเคนแสลช(ต้นฉบับ), มัลติไพล์แอตซอลต์(ต้นฉบับ)
【วิชาดาบคู่】คอมบิเนชั่นคอมโบ(ต้นฉบับ)
【วิชามือเปล่า】วันพ้านนนนช์(ต้นฉบับ)
『สกิลป้องกัน』
『เวทย์มนต์』
【เวทย์ทั่วไป】เวทมนต์น้ำระดับเทพเจ้า, เวทมนต์ลมระดับเทพเจ้า, เวทมนต์ไฟระดับเทพเจ้า, เวทมนต์ดินระดับเทพเจ้า, เวทมนต์น้ำแข็งระดับเทพเจ้า, เวทมนต์สายฟ้าระดับเทพเจ้า, เวทมนต์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพเจ้า, เวทมนต์รักษาระดับเทพเจ้า, เวทมนต์แปรธาตุระดับเทพเจ้า, เวทมนต์ไร้ธาตุระดับเทพเจ้า, เวทมนต์พันธะระดับเทพเจ้า, เวทมนต์พฤกษาระดับเทพเจ้า, เวทมนต์วิญญาณระดับเทพเจ้า, เวทมนต์โลหะระดับเทพเจ้า, เวทมนต์สนับสนุนระดับเทพเจ้า
【เวทย์พิเศษ】ออร่าเทพเจ้า(ต้นฉบับ), แสงแห่งการชำระล้าง(ต้นฉบับ)
『สกิลเสริมพลัง』เพิ่มพลังกาย,เพิ่มพลังเวทย์, เคลื่อนไหวความเร็วแสง(ต้นฉบับ), Ogre Arm(ต้นฉบับ), ปักษาสวรรค์(ต้นฉบับ)
『สกิลติดตัว』ดูดซับทุกสิ่ง???(ต้นฉบับ), โจมตีอย่างแม่นยำ(ต้นฉบับ), เรียกหน้าต่างสเตตัส, เข้าใจภาษาขั้นเทพเจ้า, เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์ขั้นเทพเจ้า, เร่งการฟื้นฟูบาดแผลขั้นเทพเจ้า, เติบโตยิ่งยวดขั้นเทพเจ้า, ตาเหยี่ยวขั้นเทพเจ้า, มองเห็นในที่มืดขั้นเทพเจ้า, ก้าวไร้เสียงขั้นเทพเจ้า, ลบตัวตนขั้นเทพเจ้า
『สกิลสายผลิต』ผลิตยาขั้นเทพเจ้า, ผลิตอาวุธขั้นเทพเจ้า, สร้างแบบอาวุธขั้นเทพเจ้า, ดัดแปลงคุณสมบัติแร่ขั้นเทพเจ้า
『สกิลพิเศษ』ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ), ตรวจสอบขั้นเทพเจ้า, ตั้งปาร์ตี้ขั้นเทพเจ้า, Ogre Armor Form(ต้นฉบับ), Sacred God Armor Form(ต้นฉบับ), เนตรทวิกาล(ต้นฉบับ)
〝อีหยังว่ะ!!!〞
〝กะ... กร!!! อะไรล่ะนั่น... หมายความว่ายังไงเหรอ?〞
〝ปะปะปะ เปล่า... ไม่มีอะไร แค่ตกใจนิดหน่อยหน่ะ ฮะฮ่ะ ฮะฮ่ะ....〞
แล้วกรที่เห็นหน้าต่างสกิลใหม่ของตัวเองก็ต้องตกใจตามสเต็ปเดิม เพียงแต่คราวนี้เขาตกใจมากจนเผลอหลุดภาษาถิ่นออกมาด้วย มีอาที่ได้แต่งงงวยยิ่งกว่าเดิมจึงถามกรไปแบบนั้น กรเลยรีบตอบเธออย่างกระวนกระวายและรวดเร็ว ทั้งยังหัวเราะออกมาแห้งๆราวกับจะกลบเกลื่อนเรื่องเมื่อครู่ไปพร้อมกันยังไงอย่างงั้นเลย
แย่หล่ะ... มีอาคงไม่มองเราเป็นตัวประหลาดไปแล้วหรอกนะ บ้าชิบ... วิถีชาวบ้านนี่มันน่ากลัวจริงๆ!!!
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน.... แต่นี่มันน่าตกใจมากเลยนะเนี่ย ระดับของสกิลทุกอย่างถูกปรับให้เป็นระดับเทพเจ้าหมดเลยจริงด้วย!!!
แถมยังมีเวทย์มนต์ชนิดใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกตั้ง 4 ชนิด.... แล้วยังมีสกิลต้นฉบับเพิ่มเข้ามาตั้ง 3 สกิล....
และที่ต่างจากครั้งก่อนๆ คือครั้งนี้ มีสิ่งที่เรียกว่า【เวทย์พิเศษ】แสดงผลออกมาด้วย... แล้วดูเหมือนไอ้ออร่าเทพเองก็ถูกจัดอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน
แต่เรื่องนั้นตอนนี้เฉยๆแล้วหล่ะ.... แล้วถ้าถามว่าทำไมฉันไม่สาธยายเหมือนทุกทีหน่ะเหรอ....
ก็เพราะตอนนี้ตัวฉันกำลังเพ่งสมาธิไปยังสกิล『เนตรทวิกาล(ต้นฉบับ)』อยู่ยังไงหล่ะ... ดูยังไง นี่ก็เป็นสกิลที่ได้รับจากฉายา〘ผู้หยั่งรู้〙แหงๆเลย...
จริงๆแล้วควรตรวจสอบจากบนลงมาล่างตามปกติอยู่หรอก แต่ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉันมันทำงานเข้าให้แล้วเนี่ยสิ....
เพราะงั้นละก็.... ขอดูไอ้สกิลที่น่าจะเป็นตัวปัญหาที่สุดนี่ก่อนเลยแล้วกัน!
『เนตรทวิกาล(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘ผู้หยั่งรู้〙 มีผลทำให้************************************************************** *อนึ่ง ความสามารถขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง โดยไม่อิงจากสเตตัสใดๆของผู้ใช้ทั้งสิ้น **วิธีใช้ สั่งใช้งานสกิลด้วยความคิดเท่านั้น โดยเพ่งสมาธิและถ่ายพลังเวทย์ไปยังบริเวณตรงหว่างคิ้วทั้งสองของตัวเอง 》
อึก! มาอีกแล้วๆๆๆๆ มาอีกแล้วโว้ยครับผม!!!!!
ไอ้คำอธิบายที่มีแต่เครื่องหมายดอกจันยาวเป็นหางว่าวจุฬา... สกิลที่ไม่แสดงผลออกมาอีกแล้ว!!!!
เหมือนกับสองครั้งที่แล้วไม่มีผิด... มันต้องให้เราลองดูเองเท่านั้นสินะ...
บ้าชิบ.... ดูเหมือนลางสังหรณ์บ้าๆของเราจะเป็นของจริงซะแล้วแฮะ....
แต่ก็นะ.... มันไม่มีทางเลือกนอกจากลองใช้ดูนั่นแหล่ะ
จะกลัวไปทำไมกันเล่าอุษณกรเอ๋ย... บนโลกนี้ไม่มีสกิลที่ทำให้ตัวเองแย่หรอกจริงไหม? .....หวังว่าจะเป็นอย่างงั้นนะ.... เพราะงั้นก็..... ลองใช้ดูเลยแล้วกัน!!!!!!
วูม!!!
〝กร! ตรงหน้าผาก... มีอะไรก็ไม่รู้ออกมาด้วย!!!!〞
〝!!!!!!!!〞
แล้วจากนั้นกรก็ทำการเพ่งสมาธิและถ่ายพลังเวทย์ไปยังจุดที่สกิลบอกในทันทีที่ตัดสินใจได้แบบนั้น ผลลัพธ์ก็คือตรงหน้าผากของกร มีสัญลักษณ์คล้ายกับดวงตาสีทองอร่ามนูนออกมาส่องแสงประกายระยิบระยับแต่ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด นั่นเลยทำให้มีอาที่อยู่ข้างๆตกใจแบบสุดๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด ทั้งยังเขยิบเข้ามาใกล้ๆเพื่อดูอาการ?ของกรอีกต่างหาก ส่วนกรที่ทำการใช้สกิลไปเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องตกใจกับผลลัพธ์ของมันเป็นอย่างมาก....
.
.
สุดยอด!!!!!!!!!! สุดลูกหูลูกตาจริงๆเลยแฮะ ไอ้ดันเจี้ยนชั้นนี้หน่ะ!!!
โอ๊ะ! มองเห็นดอกไม้ที่อยู่ห่างออกไปด้วย.... เกือบ 50 กิโลเชียว!!!!
งั้นเองหรอกเหรอ! ไอ้สกิลนี่... เป็นสกิลที่ใช้มองระยะไกลงั้นสินะ!!!
แต่พลังของมันเหนือล้ำกว่าสกิล『ตาเหยี่ยว』แบบไม่ติดฝุ่นเลย.... เพราะถึงตอนนี้จะถูกเพิ่มระดับเป็นขั้นเทพเจ้าแล้วก็เถอะ แต่ก็มองได้ไกลสุดแค่ประมาณ 1 กิโลเมตรกับอีก 100 เมตรกว่าๆเท่านั้น
แถมความละเอียดก็ยัง.... สูงโคตร!!! มากกว่าที่ดวงตาปกติของมนุษย์จะมองเห็นซะอีก! ถึงเราจะไม่ใช่มนุษย์แล้วก็เถอะ!!!
〝เป็นยังไงบ้าง.... โอเครึเปล่า!?〞
〝ไม่เป็นไรๆ! ไอ้สกิลนี่หน่ะสุดยอดไปเลยหล่ะ มองได้ไกลตั้งขนาด—— พรวด!!!!! 〞
〝กร!!! เป็นอะไรรึเปล่า!?〞
แล้วพอกรเห็นพลังของสกิลที่สุดยอดขนาดนั้นเข้า ก็ทำหน้าดีใจสุดขีดเพราะได้สกิลที่มีประโยชน์สุดๆมา มีอาที่เขยิบเข้ามาใกล้จึงเอ่ยถามกรเหมือนเคย กรที่ได้ยินมีอาถามมาจึงชี้นิ้วไปยังจุดที่ตัวเองมองเห็นดอกไม้แล้วก็ค่อยๆหันมามองมีอาช้าๆ แต่ก็ตรงพบกับภาพที่น่าตกใจตรงหน้า.....
นั่นก็เพราะ.... มีอาที่นั่งอยู่ข้างๆเขา..... อยู่ในสภาพโป๊เปลือยอย่างสมบูรณ์แบบ! โดยที่ไม่มีอะไรปิดบังเลยแม้แต่อย่างเดียว พอกรเห็นแบบนั้นเข้า โลหิตสีแดงฉานก็พวยพุ่งออกมาจากรูจมูกราวกับเป็นน้ำจากสายดับเพลิงเลยทีเดียว
เห็น!!! เห็นหมดแล้วคร้าบบบบบบบ!!!!!!
อ๊ปไป ไม่สิ... เนินเขาลูกใหญ่สีขาวผ่องนวลน่าดึงดูด ที่มีลูกสตรอเบอร์รี่เม็ดเล็กๆวางอยู่บนนั้นทั้งสองลูกหน่ะ....
ว้ากกกกก!!!! แล้วตรูจะบรรยายออกมาทำไมกันฟ่ะเนี่ย!!!!
〝มีอา!!!! ถอดเสื้อทำม้ายยยยย!!!!!! เสื้อคลุมหล่ะเฟ้ย! เอาเสื้อคลุมมาใส่เดี๋ยวนี้!!!!〞
〝จะจะจะ ใจเย็นๆก่อนกร!!!!! พูดอะไรหน่ะกร สะสะสะ เสื้อคลุมนี่ ฉันก็ใส่อยู่นี่ไง!!!〞
〝เอ๋!!! ….เอ๋————————!!!!!!!!!!〞
และพอกรตะโกนลั่นเพื่อบอกให้มีอาใส่เสื้อคลุมโดยด่วนเพราะหาเหตุผลอย่างอื่นไม่ออกนอกจากว่าเธอจะถอดมันเอง? จากนั้นกรก็หลับตาลงปี๋(แต่ก็เหลือบมองนิดหน่อย.... นิดหน่อยจริงๆนะคร้าบบบ) พร้อมๆกับใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของมีอาแล้วเขย่าไปมาจนเธอพูดติดๆขัดๆ และพอได้คำตอบที่คาดไม่ถึงสวนกลับมา เลยทำให้กรตกใจจนร้องเสียงหลงออกมาเสียจนยืดยาวเลยทีเดียว
โกหกน่า!!! ก็เห็นๆอยู่ว่าไม่ได้ใส่... อย่ามาโกหก———
อะเด๋!? แต่มือทั้งสองข้างที่เราจับมีอาอยู่ก็สัมผัสได้ถึงเนื้อผ้าอยู่นี่หว่า.....
เดี๋ยวก่อนสิ... ถ้างั้น.... หรือว่า....
.
.
.
สกิลนี่.... มองทะลุได้!?
ใช่เลย!!! ดูยังไงมันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหงแซะเลย!!!!
เกรียนโคตร!!!! ยังกับพวกถ้ำมองไม่มีผิดเลย...
ไปมองร่างเปลือยของมีอาที่ทำหน้าไร้เดียงสามาให้ แถมยังเป็นห่วงเราเนี่ยนะ.... ตูนี่มันเลวจริงๆ!!!
ปัดโถ่ว้อยยย!!!! รู้งี้มองนานกว่า——— ไม่ใช่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!!
ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!! ตู้ม!!!——————
แล้วจากนั้น กรก็ไม่พ้นที่จะถูกความหื่นกระหายเข้าปกครองความคิดชั่วขณะนึง เขาจึงหันหน้าไปด้านตรงข้ามกับที่มีอาอยู่ และดีดตัวออกห่างจากมีอาไปประมาณห้าเมตร... นั่งอยู่ในท่ากราบแบบเบญจางค์ประดิษฐ์ ก่อนที่จะจัดการลงทัณฑ์ตัวเองด้วยการเอาหัวเขกพื้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่อยู่ในท่านั่งแบบเทพบุตร จนพื้นที่เป็นจุดกระทบเกิดรอยแตกลึกลงไปเกือบสองเมตร ทั้งยังเกิดรอยแตกระแหงไปทั่วอีกต่างหาก
〝กร!!!!!!!〞
〝เดี๋ยวๆๆๆๆ!!!!!!!!! อย่าเพิ่งเข้ามา ขอฉันสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนี้ซักพัก!!!!!〞
〝ถะ...ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะ แต่พยายามเข้านะ!!!!〞
โถ่ มีอา!!! อย่ามองฉันเป็นคนดีแบบนั้นสิ!
แถมยังให้กำลังใจฉันคนนี้อีกงั้นเหรอ.... รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมอีกนะเนี่ย
อ๊ะ!!! น้ำตา? ไหลออกมาเมื่อไหร่ฟ่ะเนี่ย!?
แล้วนี่มันเป็นน้ำตาแห่งความสุขหรือรู้สึกผิดกันฟ่ะ———
กริ๊ง!!!
【ยินดีด้วย! คุณผ่านเงื่อนไขในการได้รับฉายาใหม่แล้ว!!!】
〝!〞
แล้วจากนั้น ก็มีเสียงกระดิ่งดังขึ้นมาในสติของกร ตามมาด้วยเสียงประกาศที่ไม่ทราบเพศ ซึ่งเป็นเสียงเดียวกับที่ประกาศตอนเลเวลอัพนั่นเอง แต่กรก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนักเพราะกำลังลงโทษตัวเองอยู่ แต่ประโยคต่อไปของคำประกาศก็ต้องทำให้กรรู้สึกผิดต่อมีอาและเกิดหงุดหงิดให้กับระบบอีกครั้งนึง....
【『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』ได้รับฉายา….. 〘ไอ้หื่น〙แล้ว!!!】
〝ขอโทษครับ!!! ขอโทษครับ!!! ขอโทษครับ!!! ขอโทษครับ!!! ขอโทษครับ!!! ขอโทษครับ!!! ขอโทษครับ!!!—————————〞
กรที่ได้ยินคำประกาศจบแล้ว ก็จัดการเอาหัวตัวเองเขกที่พื้นหนักมากยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเร็วกว่าเดิมอีกต่างหาก โดยที่ยังไม่ได้รู้ความสามารถทั้งหมดของ『เนตรทวิกาล(ต้นฉบับ)』เลยด้วยซ้ำ แต่กรก็ยังคงทำการลงโทษตัวเองอย่างต่อเนื่องอยู่แบบนั้นนานกว่า 10 นาทีเลยทีเดียว....
〝กร... โอเคแล้วใช่ไหม?〞〝อะ อา... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะดีมากเลยหล่ะ〞 หลังจากที่กรทำการสำเร็จโทษตัวเองด้วยการเอาศีรษะเขกพื้นในท่าหมอบกราบนานกว่า 10 นาที จนกิเลส(ส่วนใหญ่)ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาทางมีอาทั้งที่ยังหันหลังให้เธออยู่ จนมานั่งอยู่ใกล้ๆกับเธอเช่นเดิม〖เจ้าหนู ข้าคิดมาตลอดเลยว่าเจ้าเป็นคนประเภทขี้อาย... แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วหล่ะ ก็เจ้าหน่ะ——— 〗〝หยุดเลย! ขอทีเถอะเจ้าหมา!〞〝หืม?〞 และแม้มีอาที่นั่งอยู่ใกล้ๆจะยังคงเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเช่นเดิมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุผลในการกระทำของกร แต่ถึงเคลเบรอสจะไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ แต่ก็ยังพอเดาได้ว่ากรไปเห็นอะไรเข้า นั่นจึงทำให้กรร้อนรนเข้าไปใหญ่ ทั้งยังระวังตัวเคลเบรอสให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมโข พลางคิดอยู่ในใจว่า〝เจ้าหมา... แกนี่มันน่ากลัวจริงๆ〞อะ... เอาเถอะ เรื่องเจ้าหมานั่นเอาไว้ก่อนดีกว่า...ประเด็นคือ ไอ้สกิลที่มีแต่เครื่องหมายดอกจันตรงคำอธิบาย... ตั้งแต่สกิลก่อนหน้าอย่าง『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』กับ『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』ทั้งสองอันหน่ะ.... พอใช้ไปครั้งนึงแล้ว คำอธิบายก็จะปรากฏออกมา นี่ต
———ย้อนกลับไป ในเวลาเดียวกับที่กรพบกับมีอาเป็นครั้งแรกที่ชั้น 33 … หลังจากเหตุการณ์ที่กลุ่มของรินและเสือเข้าปะทะกันด้วยวาจาอย่างรุนแรงที่หน้าค่ายพักผ่อนเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากที่ปาร์ตี้ของฮาวลี่ถูกวาร์ปเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างกะทันหันนั่น หลังจากที่ทุกคนรวมถึงกลุ่มของเสือและรินกลับเข้าไปในค่ายแล้ว ฮันซี่ก็ทำการประกาศเหตุฉุกเฉินให้ทหารทุกนายรวมถึงเหล่านักเรียนผู้กล้าทุกคนรีบกลับไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน โดยอ้างว่าช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้เส้นทางกลับอาจมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกพัดผ่านอย่างหนัก ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าและอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ ส่วนตัวฮันซี่นั้นไม่สามารถกลับไปพร้อมกันได้ โดยใช้ข้ออ้างอีกอย่างหนึ่งว่าตนเองและเหล่าทหารคนสนิทได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ไปปฏิบัติภารกิจฉุกเฉิน จึงต้องรอคำสั่งต่อไปที่หมู่บ้านใกล้ๆนี่ ด้วยเหตุที่ว่าจึงร่วมเดินทางกลับกับทุกคนไม่ได้ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็ตาม แต่นักเรียนผู้กล้าทุกคนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีบิดพลิ้ว แน่นอนว่าสาเหตุที่แท้จริง
ก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องแหลมๆแสบแก้วหูคล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลานเช่นกิ้งก่า ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของดันเจี้ยนชั้นที่ 75 ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเป็นถ้ำหินแกรนิตสีน้ำตาล ผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอกันตลอดแนว ส่วนพื้นเองก็ทำจากวัสดุแบบเดียวกัน แต่ที่แตกต่างก็คือ มันเรียบเนียนตลอดจนสุดสายตาราวกับถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างประณีตเลยทีเดียว ซ้ำยังไม่มีรอยต่อให้เห็นราวกับมันเป็นเนื้อเดียวจริงๆอีกต่างหากก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องโหยหวนอันแสดงถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ยังคงร้องลั่นอย่างต่อเนื่องเพราะมันได้เสียแขนขวาไป และที่มาของเสียงร้องนั้นก็คือ『 ครอกโคแมน 』 ซึ่งเป็นมอนสเตอร์รูปร่างจระเข้ผิวสีเขียวขี้ม้าสูงกว่า 2 เมตร มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่ทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดกว่าจระเข้ทั่วไปคือ ครอกโคแมนที่ว่ามันยืนสองขา สวมชุดเกราะหนักอย่างรัดกุมโดยโผล่ส่วนที่เป็นเนื้อหนังให้เห็นแค่บริเวณลำคอและใบหน้าเท่านั้น ทั้งยังถือขวานเหล็กขนาดใหญ่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอีกต่างหาก เพิ่มเติมคือเจ้าจระเข้เดินสองขาตัวนี้มันสวมหมวกกันกระแทกและแว่นกันลมแบบเดียวกับนักบินของเยอรมันในสงครามโลกครั้ง
หลังจากที่กรและมีอา เข้ามาในห้องบอสของชั้นที่ 75 และพบเข้ากับหญิงสาวซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ปรกาศมาโดยตลอดตั้งแต่ที่กรลงดันเจี้ยนมาเข้า ก็เกิดประหลาดใจที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น และเกิดอาการหงุดหงิดอย่างแรงที่คิดไปเองคนเดียวว่า เรื่องที่การคาดการณ์ของตัวเองผิดพลาดนี้จะทำให้ตัวเขาดูโง่ในสายตาของมีอาขึ้นมา นั่นเลยทำให้กรที่ตอนนี้เกิดอาการหงุดหงิดปนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก บวกกับสาวแว่นจอมเวทย์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นบอสประจำชั้นเองที่แสดงความรำคาญออกมา เนื่องด้วยความเบื่อหน่ายที่ไม่ต้องการมารับการทดสอบกรด้วยตัวเอง นั่นเลยทำให้ทั้งคู่สร้างบรรยากาศไร้เสียงขึ้นมาโดยรอบตัวเองเป็นวงกว้าง จนไม่มีใครกล้าเปิดการสนทนาต่อเลยซักคน…〖โอ๊ะ! สายัณห์สวัสดิ์คุณนาย〗〝……….…ไงเคลเบรอส สภาพดูไม่จืดเลยนะนั่นหน่ะ〞 แล้วคนที่เป็นคนเปิดการสนทนาก็คือคนกลางเช่นเคลเบรอสนั่นเอง และดูเหมือนสาวแว่นคนนี้เองก็ตามน้ำไปกับเคลเบรอสด้วยเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอรำคาญจากสภาพแบบนี้หรืออยากจะจบการทดสอบโดยเร็วก็แล้วแต่ แต่เสียงตอบกลับเรียบๆของเธอนั่นก็ทำให้บรรยากาศปั้นหน้ายากของทุกคนหายไปอย่างสิ้นเชิ
———ทางด้านของมีอาและเคลเบรอสที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์…〖เหมือนกันจริงๆ〗〝คุณหมา!? หมายถึงอะไรเหรอ?〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเข้าโจมตีกรด้วยศรแสงในครั้งแรก แล้วมีอาตะโกนออกไปเพื่อเตือนกรแต่กรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีอาที่นั่งดูการต่อสู้ของกรอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนี้แสดงอาการกระวนกระวายปนเศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือกรได้มาตลอดตั้งแต่ก่อนการเข้าปะทะ แม้จะไม่ได้ถามเหตุผลแต่เธอก็ยังปล่อยให้กรทำตามใจ เคลเบรอสที่เห็นแบบนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากฝัก และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาโดยอาศัยความคิดสงสัยของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของมีอาออกมาจากสนามรบเล็กน้อย ก็เพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้นซักนิดก็ยังดี〖ก็… เจ้าหนูกับคุณนายตรงนั้นหน่ะสิ〗〝เอ๋?〞 หลังจากที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้น มีอาก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังดังเช่นทุกที〝หมายความว่ายังไงเหรอคุณหมา?〞〖นั่นสินะ ข้าเองก็อธิบายไม่เก่งซะด้วย… แต่ทั้งสองคนหน่ะ มีสไตล์การต่อสู้เหมือนๆกัน〗〝เรื่องที่ไม่ประมาทศัตรูงั้นเหรอ?〞〖เรื่องที่กลัวคนอื่นต่างหาก 〗〝เอ๋? ต่างกันงั้นเหรอ?〞 เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามกลับมาจากมีอาก็ส่งเสียง อื
〝ต่อจากนี้จะไม่มีการออมมือแล้วนะ…〞〝ฮะฮ่ะ! พูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้กะเอาให้ตายเลยนะ〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกไปจากเดิม โดยมีอักขระสีแดงสดปรากฏขึ้นทั่วร่างอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาของเธอเองก็เปลี่ยนไปจากครั้งแรกเช่นกัน นั่นจึงทำให้กรที่ตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้น แต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาหลายต่อหลายหยดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นไหลลงไปถึงลำคอ และทำได้แค่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนกลับไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตัวเขาค่อนข้างกระวนกระวายกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลยทีเดียวแย่แล้ว! แย่แล้วไหมหล่ะ! ปีศาจงั้นเหรอ?งั้นนี่ก็คือเผ่าที่ พวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน ต้องสู้ในอนาคตงั้นสิ? จะบอกว่าซักวันพวกรินจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้งั้นเหรอ?ตัวเราเองยังไม่มั่นใจ 100% เลยว่าจะชนะยัยนี่ได้พวกรินหน่ะไม่ไหวหรอก! ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไหวชัวร์ๆ——〝รับมือ!!!〞ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!—————————〝!!!!!!〞 หลังจากการสนทนาพอเป็นพิธีจบลง ผู้ประกาศสาวก็ทำการยิงศรสีดำแดงออกมาจากทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ร่าย
หลังจากที่ทั้งสามคน อันประกอบไปด้วย กร มีอาและผู้ประกาศ ตกลงมาจากห้องบอสชั้นที่ 75 มาจนถึงชั้นที่ 100 ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุดๆ เพราะกำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสประจำชั้นที่ 100 ซ้ำยังเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยนแห่งนี้อย่างกะทันหันอีกด้วย ทั้งที่ร่างกายและจิตใจยังไม่ได้พักฟื้นจากศึกเมื่อ 10 นาทีก่อนเลยแท้ๆวูม!!! พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นอย่างกะทันหันด้วยแสงสีน้ำเงินทั่วทั้งห้อง จนสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ทั้งหมด ห้องบอสในชั้นนี้ มีบริเวณกว้างขวางมากกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งมันคือความกว้างพอๆกับดันเจี้ยนชั้นเดียว กรจึงคาดว่าห้องบอสนี้น่าจะใช้หลักการเดียวกับห้องบอสในชั้นที่ 50 พื้นของห้องถูกปูด้วยอิฐสีน้ำเงินเข้มวางสลับกันเหมือนกำแพงอิฐแดง ทั่วทั้งชั้นมีเสากรีกโรมันสีฟ้าขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 20 เมตร ตั้งเรียงกันเหมือนตารางหมากรุก โดยเสาทุกต้นที่อยู่ใกล้ทั้งด้านซ้าย ขวา หน้าและหลังจะห่างกันประมาณ 100 เมตร เท่าๆกันทุกเสา เพดานทำจากหินอ่อน และเป็นแหล่งให้แสงสว่างแก่ชั้นนี้ไปในตัว ซึ่งแสงสว่างที่วาก็เป็นสีน้ำเงิน
〝งั้นก็กลับมาคำถามเดิม... เมอร์ลิน ไอ้ยักษ์นั่นมันคืออะไร?〞 หลังจากที่เมอร์ลินเข้ามาเป็นพรรคพวกอย่างเต็มตัวแล้ว ทั้งสามคนจึงนั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นสามเหลี่ยม เพื่อที่จะปรึกษาแผนการในการสู้กับบอส และเรื่องที่กรถามเป็นอย่างแรกก็คือคำถามก่อนหน้านี้ที่ถูกเลี่ยงไปนั่นเอง〝หัวแข็งชะมัดเลยนะนายเนี่ย... แต่เอาเถอะ จริงๆก็กะจะบอกอยู่แล้วหน่ะนะ〞แล้วจะเล่นตัวทำมะเขืออะไร! เธอนั่นแหล่ะเฟ้ยที่หัวแข็ง ยังมาว่าคนอื่นอีก!!!〝งั้นก่อนอื่น... พวกเธอรู้จักทศกัณฑ์รึเปล่า?〞〝ขอโทษนะกร แต่ฉันไม่เคยได้ยินเลยหล่ะ〞〝น่าๆ〞 มีอาที่ได้ยินคำถามของกร แต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร เธอจึงเอียงคอสงสัยก่อนที่จะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหงอยๆเล็กน้อย กรจึงลูบหัวเธอไปมาเหมือนทุกที และหันไปถามเมอร์ลินทั้งที่กำลังลูบหัวมีอาอยู่〝แล้วเมอร์ลินหล่ะ? …ไม่สิ เธอต้องรู้อยู่แล้วนี่นะ〞〝ต้องรู้อยู่แล้ว… นายอยากจะถามว่า ทำไมตัวละครในวรรณคดีของประเทศนาย ถึงได้กลายมาเป็นลาสบอส ทั้งที่ปกติจะมีแต่บอสแนวตะวันตกยุคกลาง... ใช่รึเปล่า?〞〝อื้ม! ใช่เลยหล่ะ〞แน่ชัดแล้วหล่ะว่าตัวตนของทศกันฑ์ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป... ถึงจะใช้ความรู
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า