Share

5 เข้ากองวันแรก

last update Last Updated: 2025-09-08 08:00:50

5

เข้ากองวันแรก

วันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันแรกของการถ่ายทำมาถึง แต่แทนที่ฉันจะได้สวมบทแม่ยังสาวและร้องห่มร้องไห้ในฉากแสนสะเทือนใจ กลับกลายเป็นว่าต้องมานั่ง รอ...รอ...และก็รอ เฮ้อ...

สาเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน ดีนี่ ดาราผู้รับบทช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีบทมากที่สุด มาสายกว่าชั่วโมง สีหน้าเธอดูเหนื่อยล้า และซีดเผือดเหมือนยังไม่ได้นอน

ผู้จัดการของเธอก็เอาแต่พ่นคำหยาบออกมา แม้แต่ฉันที่ได้ยินยังรำคาญหู โวยวายเรื่องสคริปต์ เรื่องฉาก เรื่องตารางถ่ายทำที่แน่นเกินไป ฉันที่นั่งฟังเงียบ ๆ พานนึกในใจว่าไม่ใช่ที่ดีนี่ไม่พร้อมหรอก น่าจะเป็นผู้จัดการของเธอต่างหากที่ไม่พร้อมจะทำหน้าที่นี้

ฉันยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อรอคิวถ่าย แต่...ดีนี่แสดงได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ผ่านไปเทคแล้วเทคเล่าเกือบยี่สิบรอบ ผู้กำกับเริ่มถอนหายใจแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทีมไฟ ทีมกล้องเริ่มเบือนสายตาจากจอมอนิเตอร์ หันมามองหน้ากันแทน

และคิวของฉันก็ถูกเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ  แต่ที่น่าหนักใจกว่า คือดีนี่เริ่มร้องไห้หนัก เธอนั่งขดตัวอยู่มุมห้องจนไม่มีใครกล้าเข้าไปหา

แต่ว่านะ...ฉันรู้ถึงความรู้สึกนั้นดี ความรู้สึกที่ต้องอยู่ในแสงไฟ ทั้งที่ใจเต็มไปด้วยความกลัวและเสียงวิจารณ์ดังก้องอยู่ในหัวไม่หยุด ราวกับกำลังเห็นตัวเองเมื่อในอดีตที่ขมขื่น ฉันทนดูภาพแบบนี้ไม่ได้หรอก จึงเดินเข้าไปหาเธอช้า ๆ

“ดีนี่ พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงบางเบา เธอเงยหน้ามองฉันช้า ๆ น้ำตาเอ่อล้นไปทั้งนัยน์ตา

“ขอโทษค่ะพี่มิ้น หนูแสดงไม่ได้เลย...หนูควรถอนตัวดีไหมคะ”

“พี่รู้...ว่ามันยาก” ฉันพูดอย่างอ่อนโยนด้วยความเข้าใจ

“จริงเหรอคะ?” ดีนี่เงยหน้ามองฉัน

“จริงสิ ตอนพี่เข้าวงการใหม่ ๆ พี่จำได้เลยว่า ต้องเข้าซีนร้องไห้เพราะโดนแม่ตบต่อหน้าคนทั้งตลาด พี่ถ่ายเทกไปยี่สิบกว่าเทกแน่ะ ร้องไห้ไม่ออกดูปลอมมาก คนในกองก็เริ่มมองแรง ใจพี่แทบอยากจะวิ่งออกจากกองไปเลยนะตอนนั้น”

“พี่ดูไม่เหมือนคนที่เคยแสดงแย่ขนาดนั้นเลยนะคะ” ดีนี่พูดพลางสะอื้นเบา ๆ

“ฮ่า...เพราะพี่ผ่านมันมาแล้วไง เลยอยากให้น้องดีนี่ผ่านมันให้ได้เหมือนกัน”

“แต่...ทุกคนเอาแต่หนูไปเทียบกับพี่ หนูกดดันมากเลยค่ะ” ฉันถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะวางมือบนไหล่ของเธอ

“ดีนี่ฟังพี่นะ ตอนนี้น้องควรโฟกัสบทรุ้งที่ได้รับ แค่เป็นรุ้งที่น้องสร้างขึ้นมาจากหัวใจตัวเอง พี่อยากดูน้องในแบบที่ไม่มีใครเหมือน ไม่ต้องดีกว่าใคร เก่งกว่าใคร  แค่เป็นตัวเองก็พอ มะ...ลองต่อบทกับพี่ เดี๋ยวพี่คนนี้จะชี้แนะบางอย่างให้เอง”

ฉันช่วยดีนี่ซ้อมบท บอกเทคนิคเล็ก ๆ ที่เคยใช้เวลาเล่นฉากยาก ๆ พยายามชี้ให้เธอเห็นว่าการแสดงไม่ใช่เรื่องของความสมบูรณ์แบบ แต่มันคือการถ่ายทอดอารมณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความเข้าใจในบท

“แอคชั่น!” การถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศในกองเงียบสนิท ดีนี่ที่ยืนอยู่กลางฉาก เสียงสั่น ๆ ของเธอเริ่มเอ่ยออกมา

“แม่...หนูขอโทษ หนูไม่เคยเข้าใจเลย ว่าทำไมแม่ถึงต้องเสียสละขนาดนั้น” น้ำเสียงเธออัดแน่นไปด้วยอารมณ์ ดวงตาแดงก่ำที่ไม่ได้เกิดจากการร้องไห้ แต่มันคืออาการของคนที่อินกับบทอย่างแท้จริง

“คัต!” เสียงของผู้กำกับดังขึ้น พร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราวไปทั่วกอง ผู้กำกับหันมาทางฉันด้วยสีหน้ายิ้มปริ่ม

“ขอบคุณนะ ถ้าไม่มีน้องมิ้นวันนี้ พี่คงไม่ได้ซีนนี้แน่ ๆ”

“ไม่ใช่เพราะมิ้นหรอกค่ะ น้องดีนี่ต่างหากที่เรียนรู้ได้ไว มิ้นแค่สอนทริคเล็กน้อย น้องก็นำมาปรับใช้ได้รวดเร็วเลย อนาคตไกลแน่นอนค่ะคนนี้” ฉันยิ้มตอบ และทุกคนก็ยิ้มตามกันทั้งกอง

(ห้องพักส่วนตัวนักแสดง)

ในส่วนซีนของฉัน ฉันใช้เวลาถ่ายทำไม่นานก็เสร็จ พอเลิกกอง ฉันก็นั่งเช็ดหน้าลบเครื่องสำอางที่หนาเตอะเพื่อทำให้ดูแก่เกินวัยตามบท ซึ่งคงต้องใช้เวลาพอควร แต่แล้ว...พี่แทนก็เดินเข้ามาในห้องพลางยกยิ้มมุมปาก

“วันนี้เก่งมากครับ” พี่แทนพูดขณะที่ยืนพิงประตูอย่างสบาย ๆ  ฉันหันไปสบตากับเขาผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะรีบก้มหน้าลบลิปสติกที่เริ่มเลอะขอบปากเพราะอาย

“มะ...มิ้นแค่ช่วยดีนี่นิดหน่อยเองค่ะ ไม่ได้เก่งอะไรหรอก”

“นิดหน่อย? ไม่หรอกมิ้น พวกเขาผ่านซีนสำคัญได้เพราะหนูเลยนะ”  พี่แทนพูดเสียงเรียบแฝงด้วยความจริงใจ

“ก็แค่เตือนสติน้องให้ไม่เครียดเกินไปเท่านั้นค่ะ” ฉันพูดขณะมองเงาสะท้อนของเขาที่ยังคงมองฉันผ่านกระจก ก่อนเขาจะเดินเข้ามาใกล้ฉัน พร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ ทำเอาใจเต้นไปหมด

“แล้ววันนี้ เหนื่อยไหมครับ” เสียงทุ้มละมุนเอ่ยถาม โอ๊ยไม่ไหวชอบเขาอ่ะ

ฉันเงยหน้าขึ้น มองเขาเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะแก้เขิน

“เหนื่อยค่ะ แต่ก็รู้สึกดีนะคะ ที่ได้ช่วยทำให้กองไม่ล่มตั้งแต่วันแรกเนี่ย”

“นั่นสินะ พี่เองก็เกือบแย่ครับ นึกว่าเรื่องที่เขียนจะพังซะแล้ว”

“มีมิ้นอยู่ หนูช่วยพี่แทนเต็มร้อยแน่นอนค่ะ” ฉันหันไปเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจให้เขา

“ว่าแต่ มิ้นชอบเล่นซีนแม่ลูกเหรอครับ” จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถาม

“มิ้นชอบเล่นบทตัวประกอบค่ะ ส่วนบทแม่มีแต่พี่นั่นแหละยัดให้ไม่ใช่รึไงกันคะ” ฉันขมวดคิ้ว มองพี่แทนอย่างไม่เข้าใจว่าถามจริงหรือแซวเล่นกัน

“นั่นสิเนาะ ในเมื่อพี่ชอบยัดบทให้หนูแบบนี้ เมื่อไหร่บทที่พี่ยัดไปให้ อย่างเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง มิ้นจะตอบตกลงล่ะ”

“เรื่องนั้นมัน...หนูยังไม่พร้อมค่ะ” ฉันถึงกับชะงัก เมื่อนึกถึงบทนำที่ราวกับบทตัวเอกนั่น มันยังทำให้ฉันกลัวอยู่เลยนะสิ

พี่แทนเลิกคิ้ว แต่กลับไม่พูดอะไรอีก นอกจากยิ้มละมุนให้แล้วเดินออกจากห้องไป ฉันมองตามเขาจบแผ่นหลังนั้นลับตา

แต่ก็นะ...แม้เขาจะยิ้ม แต่นัยน์ตาเขายังคงฉายความคาดหวังมาที่ฉันเสมอ ราวกับเขาพร้อมพยายามที่จะจุดไฟในตัวฉันที่มันมอดดับไปนานแล้ว

“เฮ้อ...เช็ดหน้าเสร็จสักที” ฉันบ่นพึมพำเพราะกว่าจะเช็ดเครื่องสำอางก็ใช้เวลาพอควร ถ้าไม่ติดว่าพี่เนยป่วยป่านนี้คงกลับไปนอนอยู่ที่คอนโดสบายใจเฉิบแล้วล่ะ ช่างแต่งหน้าในกองก็วุ่นวาย จนฉันขอปลีกตัวมาทำเองให้ เพื่อลดภาระให้พวกเขา

แต่เอาเถอะมีอะไรมันก็ต้องช่วย ๆ กันไป ในฐานะที่ฉันก็ค่าตัวสูงที่สุดในนี้อยู่แล้ว ต้องแสดงความคุ้มค่าที่จ้างสักหน่อย

ฉันเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนต์ พร้อมจะกลับคอนโดแล้วล่ะ หลังจากหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้อง เสียงดีนี่ก็เรียกตามหลังมา

“พี่มิ้น” ฉันหันไปมองดีนี่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“มีอะไรเหรอดีนี่” ฉันหันไปมองด้วยรอยยิ้ม เธอลังเลเล็กน้อย มองซ้ายมองขวา ก่อนจะทำให้สิ่งที่ฉันคิดไม่ถึง เธอก้าวเข้ามากอดฉันแน่น ตัวสั่นนิด ๆ เล่นเอาฉันชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือลูบหัวเธอเบา ๆ

“เป็นอะไรเด็กน้อย”

“ขอบคุณนะคะ สำหรับวันนี้ ถ้าพี่มิ้นไม่เดินเข้ามาหาหนู หนูคงร้องไห้จนถอนตัวแน่ๆ”

“ไม่หรอกน่า น้องดีนี่แค่หลงทาง พี่ก็แค่ยื่นมือดึงน้องขึ้นมาเท่านั้นเอง จริง ๆ น้องเป็นคนเก่งมากนะคะ มั่นใจในตัวเองหน่อย”

“แต่พี่ไม่ใช่แค่ช่วยหนูนะ พี่ให้กำลังใจหนูแบบที่ไม่มีใครให้มาก่อน” น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครืออีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “ตอนแรกหนูกลัวพี่มาก กลัวโดนเปรียบเทียบ กลัวโดนต่อว่า แต่วันนี้หนูไม่กลัวแล้วค่ะ หนูแค่อยากแสดงให้ได้เหมือนที่พี่ทำได้” ฉันยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว มือยังคงลูบหัวเธอเบา ๆ เหมือนปลอบเด็กน้อย

“เก่งมากที่คิดแบบนี้ได้ ไม่สิจริง ๆ น้องดีนี่เป็นคนเก่งนะเพียงแต่...”

“คะ?” เธอเงยหน้ามองฉันอยากสงสัย

“คนรอบตัวน้องดีนี่ไม่ค่อยเหมาะกับน้องเท่าไหร่ ลองเก็บไปคิดนะ” ฉันพูดอ้อม ๆ ให้น้องเขาคิดเอง เพราะจากที่ดู การที่น้องไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้ น่าจะเกิดจากผู้จัดการส่วนตัวกดดันเธอมากเกินไป 

“ค่ะ หนูก็คิดแบบนั้นมาตลอด พี่มิ้นคะ...”

“หืม?”

“เรามาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ได้ไหมคะ...พี่มิ้น” นัยน์ตาใสมองมาที่ฉันประกายวาววับ ทำเอาฉันหัวเราะออกมาเบาๆ “เราไม่ใช่คนเดียวกับเหรอ คุณรุ้งวัยรุ่น” เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา

“พี่สาวดีกว่าค่ะ จะได้กอดกันได้ไม่ต้องเขิน”

“งั้นพี่ของมีสิทธิ์งอแงด้วยนะคะ ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่โดนด่า พี่จะมาหาน้องดีนี่ก่อนเลยค่ะ ฮ่า...” ฉันยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่น

“ตกลงค่ะ พี่สาว” เธอยิ้มกว้างอย่างจริงใจ น่าจะเป็นยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่ฉันเห็นน้องเขาในกองแล้วล่ะ

เฮ้อ...บางที่วงการบันเทิงที่โหดร้าย ก็มีมุมที่อบอุ่นอยู่เหมือนกันสินะ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ซุปตาร์อย่างฉันขอบทตัวประกอบ   28. ฉากจบในชีวิตจริง

    ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”

  • ซุปตาร์อย่างฉันขอบทตัวประกอบ   27. เปิดเผยสู่สาธารณชน

    นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ

  • ซุปตาร์อย่างฉันขอบทตัวประกอบ   26 ท่วงทำนอง ล่อลวง(รัก)

    ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก

  • ซุปตาร์อย่างฉันขอบทตัวประกอบ   25 เคมีล้นจอ

    “โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา

  • ซุปตาร์อย่างฉันขอบทตัวประกอบ   24 แถลงข่าวละคร ‘รอยยิ้มของตัวจริง’

    หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ

  • ซุปตาร์อย่างฉันขอบทตัวประกอบ   23. ยามรุ่งเช้า

    เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status