LOGIN“โอ๊ย! เหนื่อยจังโว๊ย” ฉันสบถออกมา หลังกลับมาถึงคอนโดก็แทบสลบคาโซฟา มันทั้งเหนื่อยล้าไปทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะอินไปกับบทที่ได้รับมากไปหน่อย
‘วันนี้เก่งมากครับ’
จู่ ๆ คำพูดที่พี่แทนพูดกับฉัน ก็วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด จากใบหน้าบึ้งตึง เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัวจนหยิบหมอนที่อยู่ใกล้มือมาปิดหน้าตัวเอง
“กรี้ด...เขาชมฉันด้วย ฉันชอบเขาจัง พี่เกย์สุดหล่อขา...” หัวใจฉันมันเต้นตุบตับ ยิ่งกว่าเข้าซีนกับพระเอกในละครที่เคยแสดงด้วยกันซะอีก
เอาเถอะ ฉันก็แค่หลงรักเขาข้างเดียว ยังไงซะ...เขาก็คงไม่หันมามองฉันหรอก แต่ถึงจะปลอบใจตัวเองขนาดนั้น หัวใจก็ไม่หยุดเต้นสักที
‘เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!’ ฉันตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนจะลุกเดินไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน
(วันรุ่งขึ้น)
วันนี้คิวถ่ายฉันมีซีนเดียวเท่านั้น ก็ตามที่บอกแม้ฉันจะเล่นเป็นบทนำร่วมแต่บทแม่วัยสาวของฉัน มันไม่ได้เด่นมากขนาดนั้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีค่ะ
ฉากในวันนี้ของฉันคือ รุ้งคุณแม่ยังสาว ต้องปกป้องลูกชายของตัวเองจากความจน และการโดนกดขี่จากคนรอบข้าง เสื้อผ้าที่ได้สวมใส่ก็เป็นผ้าฝ้ายสีซีด ต้องทำตัวให้ดูโทรมที่สุดเท่าที่จะโทรมได้
เห็นแบบนี้ ช่างแต่งหน้าเหนื่อยกับการแต่งให้ฉันมากนะ เพราะใบหน้าของฉันมันงดงามเกินไป กว่าจะแต่งให้ดูโทรมได้ พวกเขาก็ร้องโอดครวญว่ามันเป็นงานใหญ่งานยาก ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พอดีเกิดมาสวยอ่ะค่ะ
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก” เสียงหอบหายใจรัวระรินจากการถ่ายซีนวิ่งหนีเจ้าหนี้เสร็จ ก็เล่นทำเอาเหงื่อซึมเต็มตัว เสื้อผ้าเปียกแนบไปกับผิว ทำเอาฉันต้องรีบตรงกลับมายังห้องแต่งตัวของสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ที่มีผ้าม่านกั้นคร่าว ๆ เท่านั้นเอง เฮ้อ...ถ่ายนอกสถานที่ก็งี้แหละ
“เชี่ย! ซิปบ้านี่ ทำไมไม่ยอมเลื่อนลงอ่ะ” ฉันสบถกับตัวเองพลางสะบัดตัวเล็กน้อย หวังให้ซิปมันเลื่อนลงบ้าง แต่ไม่ทันได้ลองอีกรอบ เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ให้พี่ช่วยไหมครับ” ฉันสะดุ้งเฮือกหันขวับไปมองทันที
“พี่แทน! เข้ามาได้ยังไงคะ” เขายืนอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัว ยกมือขึ้นเป็นเชิงขอโทษ
“ขอโทษครับ พี่เคาะประตูแล้วนะ แต่ดูเหมือนมิ้นจะไม่ได้ยินเสียงพี่รึเปล่า” ฉันเม้มปากแน่น รีบหันหลังกลับกลบเกลื่อนใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ไม่ดิ...การที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ มันทำให้ร่างกายฉันประหม่าแปลก ๆ แต่เขาดูไม่เขินอายอะไรเลย สมแล้วที่เขาเป็น...เอ่อ...แบบนั้น
“ซิปติดเหรอครับ”
“ค่ะ มิ้นพยายามดึงซิปด้านหลัง มันไม่ยอมลงเลย”
“ให้พี่ช่วยไหมครับ” เขาพูดออกมาด้วยเสียงเรียบราวกับไม่คิดอะไร แต่ฉันคิดนะสิ
“คะ? เอ่อ...มันจะรบกวนพี่ไปรึเปล่า”
“ไม่หรอกครับ มะ...เดี๋ยวพี่ช่วยรูดให้” เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่ห่างเพียงนิด มืออุ่น ๆ ของเขาแตะเบา ๆ ที่ด้านหลัง ฉันเกร็งในทันที ที่นิ้วของเขาสัมผัสกับผิวกายที่เปลือยเปล่าบางส่วนเพราะชุดหลุดจากไหล่ของฉัน
“ขอโทษครับ” เขาเอ่ยขอโทษเพราะเห็นว่ามือตัวเองโดนผิวฉันแหง ๆ โห...สุภาพบุรุษ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่แทนรีบรูดเลยก็ได้” โอ๊ย! ฉันตื่นเต้นจนพูดอะไรออกไปเนี่ย! รีบรูดอะไรกัน ทำเอาพี่แทนที่อยู่ด้านหลังหัวเราะเบา ๆ
“ใจเย็นครับ...ซิปมันค่อนข้างแน่น เดี๋ยวค่อย ๆ ดึงดีกว่า” ฉันรู้สึกได้ถึงแรงนิ้วของเขาเลื่อนช้า ๆ ไปตามแนวซิป ฉันแม่มปากแน่น รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ แถมหัวใจก็เต้นแรงกลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า พอซิปเลื่อนลงได้ ฉันก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่ง แต่ก็ยังไม่กล้าหันกลับไปมองหน้าเขา
“เรียบร้อยครับ” เขาพูดเสียงเรียบนิ่ง แล้วถอยออกไปหนึ่งก้าว
“ขอบคุณมากค่ะพี่แทน” ฉันพูดพลางคว้าเสื้อมาคลุมทันที พอหันกลับไป ก็เห็นเขายืนกอดอกยกยิ้มมุมปากเล็ก ๆ อย่างที่เขาชอบทำ
“พี่แทนขา ถึงมิ้นจะรู้ว่าพี่เป็นเกย์ คงไม่ชอบมิ้นหรอก แต่พี่เดินมาช่วยมิ้นรูดซิปหน้าตาเฉยแบบนี้ ช่วยแสดงออกว่าเขินให้กันหน่อยไม่ได้รึไงคะ ทำเอาความมั่นใจในความสวยของมิ้นหายไปหมด” ฉันพูดแหย่เขาเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง พี่แทนเลิกคิ้วยิ้มกว้างนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับมา
“หรือจริง ๆ แล้วพี่เคยช่วยผู้หญิงแต่งตัวบ่อย ๆ ใช่ไหมคะ” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า
“เปล่าครับพี่ไม่เคยช่วยผู้หญิงคนไหนหรอก หนูเป็นคนแรกที่พี่ทำให้”
“จริงปะเนี่ย ฮ่า...” ฉันหัวเราะออกมา พลางหันไปมองกระจกเห็นใบหน้าตัวเองแดงแจ๋อย่างเห็นได้ชัด เขาเดินเข้ามาหาฉันอีกครั้ง เอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเช็ดเหงื่อข้างแก้มให้ฉันเบา ๆ ด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่ฉันสิ...หัวใจแทบหยุดเต้นไปเลยนะเว้ย
มือของพี่แทน ทั้งใหญ่ทั้งนุ่ม สัมผัสนั้นทำให้ใจฉันแทบละลายตรงหน้า
“หนูตัวร้อนนะ อย่าลืมดื่มน้ำเยอะ ๆ ล่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่” เขาไม่รู้ตัวรึไงที่ใบหน้าฉันร้อนแบบนี้เพราะเขาเนี่ย
ฉันรับผ้าขนหนูจากมือเขา ปลายนิ้วเราสัมผัสกันเพียงเสี้ยววิ แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโดนชอร์ตไฟฟ้าแสนโวลต์
ฉันเผลอจ้องมองนัยน์ตาของเขา แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ฉันอ่านเขาไม่ออก ไม่ได้...ฉันต้องละสายตาจากเขา ก่อนที่จะหลงเขาไปมากกว่านี้ ท่องไว้ในใจ
‘เขาเป็นเกย์ เขาเป็นเกย์ เขาเป็นเกย์’
พี่แทนยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป จนประตูปิดลง ฉันทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ รู้สึกเหมือนเพิ่งรอดจากการเผชิญอารมณ์ที่ควบคุมแทบไม่อยู่
“อะไรกัน พลังทำลายรุนแรงเวอร์ เกือบตายแนะ” ฉันกุมหัวใจตัวเองที่มันยังเต้นตึกตักไม่หยุด จิตใจเริ่มล่องลอยไปไกล แต่สุดท้ายมือถือที่อยู่ในมือก็สั่น เพราะได้รับข้อความ นั่นจึงทำให้ฉันหลุดจากภวังค์เพ้อฝันนั้นได้
Tan : วันนี้ให้พี่ไปส่งหนูนะครับ
ข้อความจากพี่แทนส่งมาให้ฉัน ในขณะที่พี่กรีนเดินเข้ามาพอดี
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหรอมิ้น ขอโทษทีที่มาช้าพี่วุ่นกับคนในกอง มีแต่คนคุยเรื่องคิวของมิ้นเยอะไปหมด”
“เอ๊ะ แต่คิวถ่ายมิ้นเรื่องนี้มันหมดแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“เขาเพิ่มบทมาให้นะสิ แถมยังเป็นฉากจูบด้วยนะ”
“ว่าไงนะพี่กรีน! ใครยัดฉากจูบนั่นให้ฉันกันคะ” ฉันตบโต๊ะดังลั่น สีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“คุณแทนนะสิ”
“พี่แทน?” สิ้นคำของพี่กรีน ฉันถึงกับหน้าเหวอด้วยความไม่เข้าใจ พี่แทนเนี่ยนะยัดบทจูบให้ฉัน
“ใช่ ผู้ช่วยเขาเพิ่งยื่นบทให้พี่สด ๆ ร้อน ๆ เลยนะ” พี่มิ้นยื่นบทนั้นมาให้ฉัน
เมื่อฉันเปิดอ่านดู บทส่วนที่เพิ่มเข้ามา ก็ยิ่งทำให้ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ มันมีปากจูบจริง ๆ แถมยังแซ่บจนลืมโลกด้วย ทำเอาฉันมือไม้อ่อนวางบทไว้บทโต๊ะเครื่องแป้งด้วยใจที่ล่องลอยเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“มิ้น...มิ้น”
“คะ?” พี่กรีนเรียกฉันที่อยู่ในอาการเหม่อ
“กลับไปพักก่อนไหม ปะพี่ไปส่ง” ฉันพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในขณะนั้นฉันก็นึกถึงข้อความของพี่ที่บอกจะไปส่งฉัน
“พี่กรีน วันนี้มิ้นขอกลับเองดีกว่าค่ะ”
“แต่มิ้นไม่ได้เอารถมานะ” พี่กรีนเลิกคิ้วมองฉัน
“เดี๋ยวมิ้นเรียกรถจากแอปได้ค่ะ พี่กรีนไม่ต้องเป็นห่วง มิ้นแค่มีที่อยากไปนิดหน่อย”
“แน่ใจนะ...ว่าไม่ให้พี่ไปส่ง อย่าเครียดมากล่ะ ถ้าบทนี้มิ้นไม่โอเค พี่จะกลับไปคุยกับทางคนเขียนบทให้”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวมิ้นขอไปอ่านทำความเข้าใจอีกหน่อย ถ้ามันไม่โอเคไม่ต้องให้ถึงมือพี่กรีนจัดการให้หรอกค่ะ”
“โอเค...มีอะไรอยากให้พี่ช่วยก็โทรหาพี่ล่ะ”
“ค่ะ” พี่กรีนเดินออกจากห้องไป ฉันหันไปจ้องมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง
“พี่แทนเนี่ยนะ ใส่ฉากจูบมาให้ฉัน เขาต้องการอะไรกันแน่” ฉันหยิบมือถือขึ้นมา ก่อนจะตอบข้อความพี่แทนไป
Mint : ได้ค่ะ หนูมีเรื่องจะคุยกับพี่แทนพอดี เจอกันที่รถพี่นะคะ
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่





![บำเรอรักบอดี้การ์ดของคุณพ่อ [ Love Slave ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

