แชร์

ตบหน้า

ผู้เขียน: 橙花
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-09 17:00:14

ซูเมี่ยวจินนั่งพักกับฉางเล่ยอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนจึงจ่ายเงินและไปยังร้านขายชุดแต่งงานที่ซูเมี่ยวจินสอบถามมา แต่พอพวกเขาเข้าไปในร้านกลับถูกพนักงานคนหนึ่งมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเสียมารยาท ถึงแม้พวกเขาจะมีถุงใส่ชุดแบรนด์เนมมากมายถืออยู่ก็ตามที

“พวกคุณรู้ไหมว่าร้านนี้สินค้าราคาเท่าไหร่” พนักงานหญิงคนนั้นเดินเข้ามาพูดใส่หน้าซูเมี่ยวจินและฉางเล่ยอย่างหยาบคาย

“นี่ เหมยเหมย พวกเขาเป็นลูกค้านะ อย่าเสียมารยาทสิ” ซวงจือเข้ามาปรามเพื่อนร่วมงานที่ชอบตีสนิทแต่กับคนท่าทางร่ำรวย

“เธอเงียบไปเลย คิดเหรอว่าคนจน ๆ สองคนนี้จะมีปัญญาซื้อเสื้อผ้าในร้านเราน่ะ”

เพี๊ยะ!!!

ซูเมี่ยวจินตบเข้าแก้มซ้ายของพนักงานหญิงคนนั้นเต็มแรงจนเลือดกลบปาก เธอถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะกรีดร้องเสียงดังอย่างกับคนบ้า

“กรี๊ด!!! แกนังชั้นต่ำ กล้าตบฉันเหรอ! ฉันจะฆ่าแก” จางเหมยเหมยเดินเข้าใกล้ซูเมี่ยวจินเพื่อจะเอาคืน

พลั่ก! ตุ้บ!

ซูเมี่ยวจินถีบเข้าไปเต็มแรงอีกครั้งจนร่างของจางเหมยเหมยกระเด็นไปชนกับโต๊ะคิดเงินของร้าน เธอไม่พูดไม่จาอะไรสักคำแต่ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะหันไปหาพนักงานที่นิสัยดีกว่า

“ฉันกับสามีต้องการดูชุดแต่งงาน คุณนำทางไป ราคาเท่าไหร่ฉันก็มีเงินจ่าย สำหรับพนักงานที่ไร้มารยาท ฉันสั่งสอนแค่นิดหน่อย คุณคงไม่ว่านะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจากความโกรธที่ผู้หญิงคนนั้นมาดูถูกเธอกับสามี

“กรี๊ด!!! ซวงจือ ถ้าเธอกล้าพาพวกมันไปเลือกชุดล่ะก็ ฉันจะฟ้องผู้จัดการ!” จางเหมยเหมยที่ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลตวาดว่าเพื่อนร่วมงานเสียงดัง

“หุบปาก!! เธอเป็นแค่พนักงานในร้าน กล้าสั่งเพื่อนร่วมงานไม่ให้ต้อนรับลูกค้าด้วยอย่างนั้นหรือ? ช่างใจกล้าจริง ๆ นะจางเหมยเหมย” ผู้จัดการร้านเดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงดังภายนอกห้องทำงานของเธอ

“ผู้จัดการ! คุณกล้าว่าฉันได้ยังไง คุณอย่าลืมว่าใครฝากให้ฉันมาทำงานที่นี่” จางเหมยเหมยที่เป็นเมียน้อยของรองผู้จัดการฝ่ายบุคคลของห้างเท้าสะเอวเถียงเสียงดัง

“โอ้! ฉันไม่ลืมหรอกว่าเธอเป็นเด็กที่รองผู้จัดการเถิงฝากมาน่ะ แต่ก็อย่าลืมว่าในร้านนี้ฉันคือผู้จัดการ ไม่ใช่ผู้จัดการเถิง!” โหลวอิ๋งลู่ไม่กลัวผู้จัดการเถิงสักนิดเดียว เธอทำงานในห้างนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการ เส้นสายในห้างของเธอก็มีไม่ใช่น้อย แค่พนักงานระดับล่างคนเดียว เธอไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา

“กรี๊ด!!! ฉันจะฟ้องรองผู้จัดการเถิง คอยดูว่าเขาจะไล่เธอออกยังไง” จางเหมยเหมยเห็นผู้คนมามุงดูอยู่เต็มหน้าร้านก็อับอายจนกลายเป็นความโกรธ เธอผลักคนที่อยู่หน้าประตูออกไปและวิ่งหนีไปยังชั้นบนสุดของห้างเพื่อฟ้องผู้จัดการเถิง

“ขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะที่พนักงานของเราไร้มารยาท ซวงจือ พาลูกค้าไปเลือกชุดเถอะ แล้วก็ให้ส่วนลด 10% กับพวกเขาด้วย ถือว่าเป็นการชดเชย” ผู้จัดการโหลวยิ้มอย่างมีมารยาทให้กับซูเมี่ยวจินที่ตอนนี้ยังคงใบหน้าเย็นชาอยู่

“ขอบคุณผู้จัดการมาก แต่เราจ่ายเงินเต็มจำนวนได้ ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงดูถูกพวกเราสองสามีภรรยาแย่เลย” ซูเมี่ยวจินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เพราะฉางเล่ยไม่เคยเข้ามาในห้างแบบนี้มาก่อน เขาต้องรู้สึกไม่ดีจนอยากรีบออกไปเป็นแน่ ถ้าเธอไม่จัดการพนักงานคนนั้น หลังจากนี้สามีของเธอคงไม่กล้ามาห้างกับเธออีก

“เอ่อ… ถ้าคุณผู้หญิงต้องการแบบนั้น ทางร้านก็จะทำตามที่คุณต้องการค่ะ ขอโทษกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ด้วยนะคะ พนักงานของเราไร้การอบรม เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ดูแลเธอให้ดี” โหลวอิ๋งลู่เห็นว่าลูกค้าคนนี้หยิ่งในศักดิ์ศรีไม่น้อย เธอจึงไม่อยากมีปัญหาอีก

“สามี ไปเลือกชุดกันเถอะ เราจะได้เอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อน” ซูเมี่ยวจินเดินไปจูงมือฉางเล่ยที่ยืนก้มหน้าอยู่อย่างอับอาย เขาไม่เคยถูกใครดูถูกแบบนี้มาก่อน อีกทั้งคนในห้างจำนวนมากต่างมายืนดูพวกเขาที่หน้าร้านด้วย ฉางเล่ยจึงทำตัวไม่ถูก

“เชิญทางนี้ค่ะคุณผู้หญิง คุณผู้ชาย” ซวงจือผายมือเชิญทั้งสองไปเลือกดูชุดแต่งงานอีกด้านของร้านค้าที่มีชุดแต่งงานชายหญิงมากมายแขวนอยู่

“อืม… มีชุดแบบกี่เพ้าที่เข้าชุดกันของชายหญิงหรือเปล่า” ซูเมี่ยวจินถามขึ้น

“มีค่ะคุณผู้หญิง ดิฉันจะนำมาให้คุณลองสักหลายชุดดีไหมคะ” ซวงจือพยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ถึงแม้บรรยากาศตอนนี้จะยังไม่เอื้อสักเท่าไหร่

“ตกลงค่ะ คุณเลือกชุดที่ขนาดเท่าตัวสามีฉันมาให้เขาลองด้วยนะคะ” ซูเมี่ยวจินรีบบอกพนักงาน เธอเห็นแล้วว่าฉางเล่ยเงียบไปนาน ตอนนี้เธอจึงต้องจัดการเรื่องชุดด้วยตัวเองเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงเสียเวลามากขึ้นไปอีก

“พวกคุณรอสักครู่นะคะ ขนาดชุดของคุณผู้ชายน่าจะมีให้เลือกไม่กี่แบบ ดิฉันจะนำมาให้ลองสวมดูก่อนค่ะ” ซวงจือรับคำและรีบหันหลังเดินไปเลือกชุดมาให้พวกเขาดู

ซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำ เธอหันไปกระซิบปลอบฉางเล่ยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ซวงจือจะนำชุดมาให้ทั้งสองเข้าไปลองในห้องลองชุด ส่วนถุงเสื้อผ้ามากมายของพวกเขาก็ฝากเอาไว้กับพนักงานอย่างซวงจือก่อน

ฉางเล่ยใช้เวลาเปลี่ยนชุดไม่นานก็ออกมายืนรอกับพนักงานซึ่งเฝ้าของอยู่ เขาอยากเห็นว่าภรรยาจะสวยแค่ไหนเมื่อใส่ชุดแต่งงาน ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกไม่ดี แต่พอได้ฟังภรรยาพูดแล้ว เขาก็เข้าใจดีว่านิสัยของคนในเมืองแตกต่างกัน

ซูเมี่ยวจินออกจากห้องลองชุดในเวลาต่อมา เธอสวมชุดกี่เพ้ายาวถึงข้อเท้าสีแดงสด ลวดลายดอกไม้บนชุดเสริมให้บุคลิกของเธอดูสูงส่งมากจนฉางเล่ยถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง พนักงานร้านอย่างซวงจือเองก็นึกไม่ถึงว่าคุณผู้หญิงพอสวมชุดนี้แล้วจะดูสง่างามมากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า

“สวยมาก…” ฉางเล่ยรำพึงรำพันขึ้นมาเบา ๆ หลังจากหายตกตะลึง

“จริงอย่างที่คุณผู้ชายว่าเลยค่ะ คุณผู้หญิงสวยมากจริง ๆ” ซวงจือกล่าวเสริมอย่างรู้งาน

“คุณก็ใส่ชุดนี้แล้วหล่อมากนะคะสามี” ซูเมี่ยวจินมองฉางเล่ยที่สวมชุดแต่งงานแบบจีนโบราณด้วยแววตาเป็นประกาย สามีของเธอถึงจะซื่อไปบ้าง แต่ความหล่อของเขาก็ไม่เป็นสองรองใครจริง ๆ เพียงแต่เขามักจะขาดความมั่นใจในตัวเองเท่านั้น

“ภรรยาชมเกินไปแล้ว” ฉางเล่ยตอบอย่างเขินอาย

“คิก ๆ พวกเราเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะค่ะ ตกลงเอาเป็นสองชุดนี้เลยนะ”

“ได้ครับ คุณถูกใจก็พอแล้ว” ฉางเล่ยสบตาภรรยาที่ยิ้มล้อเลียนเขาอยู่

ซวงจือพอได้ยินว่าลูกค้าจะเอาสองชุดที่เธอเลือกมาให้ก็ยิ้มกว้างออกมา สองชุดนี้ราคารวมตั้งหนึ่งพันกว่าหยวน แต่ทั้งสองกลับไม่คิดจะต่อรองราคาเลยแม้แต่น้อย นับว่าคราวนี้เธอเจอลูกค้าที่ใจป้ำมากจริง ๆ ยากนักที่จะมีคนยอมซื้อชุดแต่งงานราคาแพงมากถึงขนาดนี้ รายได้วันนี้ของเธอยังจะได้รับส่วนแบ่งการขายอีก

ซูเมี่ยวจินและฉางเล่ยเปลี่ยนชุดไม่นานก็ออกมาส่งชุดทั้งสองให้กับซวงจือ เธอรอให้พวกเขาถือถุงเสื้อผ้ามากมายตามมาที่โต๊ะคิดเงินพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้ผู้จัดการร้านอย่างโหลวอิ๋งลู่กำลังดูแลลูกค้าที่หน้าร้านอยู่ พอเห็นลูกค้าสองคนเลือกชุดที่แพงที่สุดในร้านก็ถึงกับมองอย่างไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

“ราคาชุดทั้งสอง 1,350 หยวนค่ะ” ซวงจือที่นำชุดใส่กล่องและใส่ถุงให้พวกเขารีบเอ่ยบอกราคาที่ต้องจ่ายทันที

“นี่เงิน1,400หยวน คุณไม่ต้องทอน ฉันถือว่าเป็นค่าดูแลที่คุณช่วยเลือกชุดให้เรา”

ซูเมี่ยวจินไม่สนใจเงินทอนเล็กน้อยพวกนั้น เธอไม่ได้ขาดเงิน อีกอย่างถึงแม้ว่าตอนนี้เงินจากการขายเสือจะใช้ไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงเหลืออีกสองพันกว่าหยวน ยังมีเงินของเธออีกเจ็ดพันหยวนในกระเป๋า ยังไงก็ไม่นับว่าเธอใช้จ่ายมากเกินไป มีเพียงฉางเล่ยเท่านั้นที่นึกไม่ถึงว่าแค่ชุดแต่งงานสองชุดจะแพงถึงขนาดนี้

“สามี ไปกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินเห็นฉางเล่ยรับถุงชุดแต่งงานมาแล้วก็ชวนเขาออกไปจากร้านทันที ตอนนี้เธออยากไปหาโรงแรมพักสักหน่อย ก่อนจะออกไปทานข้าวเย็นกับฉางเล่ยทีหลัง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ซูเมี่ยวจิน   สั่งสอน

    ซูเมี่ยวจินที่กำลังทำความรู้จักกับแขกในหมู่บ้านอยู่ได้ยินก็หันขวับไปมองสามตัวปัญหาของหมู่บ้านทันที เธอกล่าวขอตัวอย่างสุภาพ ก่อนจะปล่อยมือที่ฉางเล่ยจับเธอเอาไว้ก่อนหน้านี้ออก และเดินดุ่ม ๆ เข้าหาทั้งสามคนอย่างรวดเร็วเปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! ฟิ้ว!!! ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!“โอ้ย!!! ฆ่าคนแล้ว ๆ นังสารเลว กล้าทำร้ายพวกเราได้ยังไง ฉันจะแจ้งความ” แม่เฒ่าฮัวที่เพิ่งหล่นตุ้บลงกับพื้นจนเอวเคล็ดตะโกนเสียงดังเมื่อถูกเตะจนร่างกระเด็นออกจากลานบ้านตระกูลฉาง“ใช่ ๆ ผู้ใหญ่บ้าน แม่ทัพน้อย พวกคุณต้องให้ความเป็นธรรมกับเรานะ” ป้าฟางตะโกนขึ้นต่อทันที เธอเจ็บปวดไม่ต่างจากแม่เฒ่าฮัวนัก“อูย… สะใภ้บ้านฉางรังแกคนเกินไปจริง ๆ ทุกคนดูสิว่าเธอร้ายกาจแค่ไหน” ป้าซิงร้องโอดโอยไม่ต่างจากสองคนก่อนหน้านี้คนที่เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้สติขึ้นมาทันที เมื่อครู่พวกเขาเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าสาวจะดุถึงขนาดนี้ แม้แต่ผู้ให

  • ซูเมี่ยวจิน   เจ้าสาวสวยมาก

    “โอ้! เจ้าสาวของฉางเล่ยสวยมากจริง ๆ” เสียงลุงใหญ่บ้านฉางที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกอดจะชมเสียงดังไม่ได้“ใช่ ๆ เจ้าสามได้ลูกสะใภ้สวยจริง ๆ” พี่ชายหลิวเอ้อหลิงที่เห็นหลานสะใภ้เอ่ยเสริมขึ้นมาเสียงดังเช่นเดียวกัน“พวกลุงอย่าแกล้งภรรยาผมสิครับ ดูสิ เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว” ฉางเล่ยยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานกับคนสวยตรงหน้า เขารู้ดีว่าสีหน้าของซูเมี่ยวจินตอนนี้คงกำลังเขินอายอยู่ ไม่อย่างนั้นแก้มของเธอคงไม่แดงก่ำขึ้นมาจนลามไปถึงคออย่างที่เขากำลังเห็นเป็นแน่“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะคุณลุง” ซูเมี่ยวจินได้ยินฉางเล่ยพูดขึ้น เธอจึงสงบจิตใจตอบกลับผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม สายตาคมดุของเธอมองเจ้าบ่าวที่วันนี้หล่อมากในสายตาเธอก็อดที่จะมองเขาสักหลายทีไม่ได้เช่นกันเหล่าผู้อาวุโสเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวแอบมองกันไปมาก็รีบผลักพวกเขาให้ไปรอต้อนรับแขกที่ลานหน้าบ้าน ฉางเล่ยที่ตั้งตัวได้ก่อนจึงจับมือซูเมี่ยวจินเดินออกไปตามคำสั่งของผู้ใ

  • ซูเมี่ยวจิน   วันแต่งงาน

    หลังกินข้าวเสร็จ ฉางชิงหยูอาสาไปเชิญเพื่อนบ้านที่สนิทกันและยืมโต๊ะเก้าอี้มาไว้ใช้ในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ หลิวเอ้อหลิงบอกให้ฉางเล่ยไปขอซื้อไก่จากเพื่อนบ้านพวกนั้นมาสักหลายตัวเพื่อทำอาหารขึ้นโต๊ะในงานแต่งงาน หลังจากดูแล้วว่ายังขาดเมนูไก่ไปหนึ่งอย่าง สองพ่อลูกจึงออกจากบ้านไปด้วยกันหลิวเอ้อหลิงกับซูเมี่ยวจินจึงช่วยกันตกแต่งบ้านต่อ เหลืออีกเพียงนิดหน่อยก็ตกแต่งเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้บ้านฉางเต็มไปด้วยกระดาษและผ้าสีแดงเต็มไปหมด ในห้องนอนของฉางเล่ยเองก็ถูกติดกระดาษเอาไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเป็นสีแดงมงคล หลิวเอ้อหลิงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าจึงจะเข้าไปเปลี่ยนให้ลูก ๆ“แม่คะ ฉันติดเสร็จหมดแล้วค่ะ จะให้ทำอะไรต่อคะ” ซูเมี่ยวจินถามขึ้น“ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ เราไปปั้นแป้งเตรียมทำบัวลอยวันพรุ่งนี้กันดีไหม” หลิวเอ้อหลิงนึกถึงขนมบัวลอยที่บ่าวสาวต้องกินในวันแต่งงานขึ้นมาได้ เธอไม่อยากเสียเวลาเตรียมของพรุ่งนี้จึงคิดจะทำเอาไว้ก่อน“ได้ค่ะแม่&r

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายเขากวาง

    “เชิญคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายด้านในเลยครับ” เจ้าของร้านผายมือเชิญอย่างนอบน้อม ต่างจากครั้งก่อนที่พวกเขามาขายโสมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ“ขอบคุณครับ/ค่ะ” ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินเห็นเถ้าแก่ทำแบบนี้เลยไม่อยากเสียมารยาท“พวกคุณนั่งก่อนครับ วันนี้จะมาขายเขากวางในมือนั่นหรือเปล่าครับ” เถ้าแก่ถามด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ เพราะเขากำลังจะได้ของดีมาขายอีกแล้ว“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรับซื้อยังไงคะเถ้าแก่” ซูเมี่ยวจินถามตรง ๆ เธอไม่เคยขายเขากวางมาก่อนจึงไม่รู้ว่าราคาตลาดเป็นอย่างไร“เขากวางสดขายราคาเป็นขีดครับคุณผู้หญิง เขากวางของคุณใหญ่ขนาดนี้น่าจะได้ราคาสูงมากทีเดียว หลายปีแล้วที่ร้านขายยาไม่มีเขากวางขายครับ” เถ้าแก่บอกตรง ๆ เพื่อที่เขาจะได้รับซื้อเขากวางและนำไปขายทำกำไรต่อเหมือนเคย“ขีดละเท่าไหร่หรือคะเถ้าแก่ ถ้าราคาต่ำไป ฉันจะได้เก็บเอาไว้ก่อน” ซูเมี่ยวจินไม่คิดว่า

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายกวาง

    ฉางเล่ยถึงกับทึ่งในฝีมือการใช้หน้าไม้ของซูเมี่ยวจิน แต่เขาไม่มีเวลาสงสัยมากนักเมื่อเธอบอกให้เขารีบเข้าไปกลบเลือดกวางที่ตาย เพื่อป้องกันไม่ให้หมาป่าหรือสัตว์ดุร้ายตัวอื่นตามกลิ่นเลือดมาซูเมี่ยวจินมองหาไม้ใหญ่และเถาวัลย์เพื่อใช้มัดกวาง ดีที่ป่าตรงนี้มีทุกอย่างที่เธอต้องการ ซูเมี่ยวจินใช้เวลาไม่นานก็นำของทั้งหมดไปจัดการมัดกวางเอาไว้“ช่วยฉันแบกมันลงจากเขากันเถอะค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ซูเมี่ยวจินยังคงกลัวว่าจะกลับบ้านค่ำมืดเกินไป“สี่โมงเย็นพอดีครับ” ฉางเล่ยยกไม้ที่มีกวางถูกมัดอยู่ขึ้นพาดไหล่อย่างไม่หนักแรง“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเอามันไปขายในอำเภอนะคะ”“ตกลงครับ ว่าแต่พรุ่งนี้เราจะใช้จักรยานหรือรถยนต์ไปในอำเภอดีครับ”“ฉันว่าเอาสามล้อของพ่อไปดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นรถยนต์เราเร็วนัก ยังไงวันแต่งงานก็ต้องเอารถออกไปจอดหน้าบ้านอย

  • ซูเมี่ยวจิน   อยากขึ้นเขา

    ทั้งสองกลับมาถึงบ้านก่อนเที่ยงนิดหน่อย หลังจากเก็บเนื้อและผักแช่ไว้ในบ่อน้ำหลังบ้านแล้ว ซูเมี่ยวจินก็ไปอุ่นอาหารรอฉางเล่ยที่กำลังเอาสามล้อไปคืนพ่อที่ไร่ เธอคิดว่าช่วงบ่ายไม่มีอะไรทำ จึงอยากชวนฉางเล่ยขึ้นเขาไปล่าสัตว์ หาสมุนไพรดูสักหน่อย เผื่อว่าจะโชคดีได้เงินอีกสักก้อนฉางเล่ยกลับมากินข้าวพร้อมซูเมี่ยวจินในเวลาไม่นานนัก ระหว่างที่กำลังกินมื้อเที่ยงกันอยู่ ซูเมี่ยวจินก็ชวนฉางเล่ยขึ้นเขา“คุณแน่ใจเหรอว่าจะขึ้นเขาบ่ายนี้” ฉางเล่ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง“ใช่ค่ะ ยังไงบ่ายนี้พวกเราก็ไม่มีอะไรทำ คุณไม่ได้ไปดูกับดักสัตว์หลายวันแล้ว เผื่อว่าจะได้สัตว์ไปขายในอำเภอพรุ่งนี้สักตัวสองตัวก็ยังดีนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเสร็จ ผมจะเอากุญแจบ้านไปให้พ่อก่อน คุณรอผมที่บ้านนะครับ ผมไปไม่นาน” ฉางเล่ยพยักหน้าตอบรับ เขาลืมไปเลยว่าวางกับดักสัตว์เอาไว้หลายวันแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานจึงไม่ได้ขึ้นไปดู

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status