ความเสียใจที่มาจากความสูญเสียที่กิดขึ้น มันทำให้แผลในใจของราชาวดีปรออกมาอีกครั้ง จนตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอเอาแต่กอดรูปของแม่ครูร้องไห้อยู่ในห้องของดวงเพ็ญ แต่เธอก็กลับมารู้ตัวอีกที่ตอนช่วงเช้าของอีกวัน เมื่อครูของบ้านเด็กกำพร้าได้ให้ราชาวดีกับไปพักก่อน เพราะยังมีเรื่องที่เธอต้องช่วยจัดการอีกมาก
ราชวดีเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยใบหน้าที่ยังคงโศกเศ้รา น้ำตาที่แห้งไปก่อนหนเานี้เหมือนจะกลับมาปลิ่มอีกครั้ง
"ทำไมเธอถึงได้ดื้อขนาดนี้วดี เธอไปไหนมา" เสียงตวาดที่ดังของทิติเอกไม่ทำให้ราชาวดีรู้สึกกลัวเลยสักนิด
เมื่อเขาได้เดินเข้ามาภายในบ้านแล้วไม่พบกับหญิงสาว แต่จะว่าเธอเพิ่งออกไปก็คงจะไม่ใช่ เพราะเขามาหาเธอตั้งแต่ยังไม่เช้าเลยด้วยซ้ำ เมื่อโทรไปหาก็ไม่มีคนรับ สักพักเครื่องก็ปิด ทำให้ทิติเอกโกรธเธออย่างไม่เคยเป็นพอ ๆ กับความรู้สึกกลัวที่อีกคนจะหนีตัวเองไป
"วดี...วดี..เป็นอะไร" ทิติเอกที่ยืนอยู่ทางเข้าบ้านตกใจไม่น้อย เมื่ออยู่ ๆ หญิงสาวก็โพล่เข้ากอดเขา พร้อมกับการที่เธอนั้นปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดที่จะกักเก็บเลยแม้แต่น้อย
"แม่ครู...แม่ครูเสียแล้ว" วดีเอ่ยออกมาพร้อมเสียงสะอื้น เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำตอบจากหญิงสาว ที่ตอนนี้ใช้ใบหน้าซุกอยู่ที่แผงอกของเขา ทิติเอกก็ไม่รีรอที่จะดึงเธอเข้ามากอดให้แน่นกว่าเดิม
"ไม่เป็นไรนะ....ฉันอยู่นี่ไม่เป็นไรนะ" คำปลอบประโลมที่ชายหนุ่มจะให้ทุกครั้งที่หญิงสาวได้เจอเรื่องที่ไม่ดีได้เอ่ยออกมา ทำให้ราชาวดีที่ไม่เคยได้อ้อมกอดอุ่น ๆ จากใครเลยสักครั้ง นอกจากแม่ครูกับทิติเอกก็รู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเลยสักนิด เมื่อใจเธอได้ถูกปลอบประโลม จากความอบอุ่นเหล่านั้น
"ยังไม่นอนเลยใช่ไหม...งั้นไปพักก่อนเดี๋ยวเรื่องงานฉันจะให้คนไปเตรียมให้" ทิติอกไม่เพียงแต่เอ่ยเท่านั้น แต่เขากลับอุ้มคนตัวเล็กขึ้นจากพื้นก่อนที่เขานั้นจะพาเธอขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน และตรงเข้าไปในห้องนอนของเธอ
"นอนพักก่อน เดี๋ยวเรื่องอื่นไม่ต้องห่วง" ทิติเอกเอ่ยขึ้นพร้อมกับการที่เขานั้นดึงผ้าขึ้นมาห่มให้กับคนตัวเล็ก
"แต่วดี"
"วดี....นอน"
"คะ" ราชาวดีที่ทำอะไรไม่ได้ก็อดที่จะทิ้งตัวเองลงนอนอย่างไม่มีทางเลือก ด้วยความเหนื่อยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทำให้หญิงสาวเผลอหลับไปในที่สุดทั้งที่ตอนแรกเธอไม่สามารถจะข่มตาลงนอนได้เลยสักนิด
หลังจากที่ราชาวดีได้หลับพักไปนานได้แค่ไม่ถึงสองชั่วโมง หญิงสาวก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอขยับตัวเองเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าเล็กน้อย
ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปภายในห้องน้ำ เพื่อที่จะชำระร่างกาย ราชาวีแต่งตัวด้วยเดรชลูกไม้สีดำ พร้อมทั้งยังแต่งเติมใบหน้าของตัวเองเพื่อปกปิดร่องรอยการร้องไห้ตลอดทั้งคืน ด้วยที่เธอผ่านการร้องไห้มานาน จนตอนนี้ดวงตากลมคู่สวยของหญิงสาวได้เริ่มบวมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
หญิงสาวไม่ได้หวังว่าทิตติเอกจะอยู่ที่นี่หรือไม่ แต่ตอนนี้เธอสนใจแค่ว่าเด็ก ๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าจะเป็นยังไงบ้างเท่านั้น เด็ก ๆ ทุกคนที่อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าในตอนนี้อายุน้อยที่สุดคงเป็นที่ 12 ปี เนื่องจากแม่ครูไม่อยากให้ราชาวดีมีภาระ และพันธะมากกว่าที่เป็นอยู่ เธอจึงหยุดรับเด็กมาเลี้ยงอีกทั้งเธอได้ส่งเด็กไปยังบ้านหลังอื่น จนตอนนี้เด็ก ๆ ที่บ้านมีเพียงแค่ 17 คนเท่านั้น ซึ่งจะเรียนจบ และต้องเดินทางเพื่อใช้ชีวิตที่ป็นของตัวเอง จำนวน 8 คนและอีก 9 คนจะทยอยตามกันไปเรื่องเหล่านี้ทิติเอกไม่เคยรับรู้มาก่อน และราชาวดีก็ไม่เคยคิดที่จะบอกเขาเลยด้วยซ้ำ
"มาทานข้าวก่อน...เดี๋ยวค่อยไป" ทิติเอกเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าราชาวดีเดินลงมาจากชั้นบนอย่างเหมอลอย และคำพูดของเขานั้นเรียกความสนใจของคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี
ราชาวดียังคงทำเหมืนเดิมในทุกครั้งที่ชายหนุ่มได้เอ่ยเรียกเธอ คือการหันไปยิ้มให้กับเขา ก่อนที่จะทำตามที่เขาเอ่ยออกมาอย่างว่าง่ายเหมือนในทุกครั้งที่เขาบอกเธอ
อาทิตย์กว่าๆ
หลังจากที่หญิงสาวได้จัดการเรื่องทั้งหมดที่บ้านเด็กกำพร้าเสร็จ เธอก็ได้เข้ามาทำงานที่บริษัทของทิติเอกโดยที่เธอได้ตำแหน่งเป็นเลขาของเขา วันนี้ก็เป็นวันที่สามของการเดินเข้ามาทำงานและเป็นวันเดียวกับงานแต่งของทิติเอกที่ถูกเลื่อนเข้ามา
มือเรียวของหญิงสาวยังคงกำลงที่ สร้อยที่ตัวเองได้มาจากแม่ครู เป็นสร้อยทองคำขาวที่มีไข่มุกสีทองห้อยเป็นจี้
"ไม่รู้สิคะ ทั้ง ๆ ที่หนูรู้อยู่แล้ว แต่พอเอาเข้าจริง หนูเจ็บกว่าที่คิดนะคะแม่ครู" ราชาวดีเอ่ยออกมา พร้อมการที่เธอเหมอลอยอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เธอจะได้ดึงสติกลับมาทำงานต่อ
"คุณวดีครับ ท่านประธานบอกให้คุณวดีกลับบ้านได้เลยนะครับวันนี้ จะกลับเลยไหมครับ" หลังจากที่หญิงสาวนั่งทำงานมาจนถึงเวลาที่เรียกว่าเกือบเที่ยงของวัน คนของทิติเอกก็ได้เดินเข้ามาหา หญิงสาวที่ตนนี้ยังคงนั่งเคลียร์เอกสารอยู่เหมือนเดิม
"ยังไม่กลับค่ะ....โทษนะคะแถวนี้มีร้านอาหารไม่คะ"
"อ่อเดี๋ยวผมสั่งให้ครับ ทานอะไร"
"เหมือนเดิมก็ได้ค่ะ" ราชาวดีอดที่จะลืมไปว่าเธอไม่เคยให้คนของทิติเอกสั่งอาหารให้
"เอ่อคือว่า" ราชาวดีกำลังจะสั่งอาหารใหม่ คนตรงนั้นก็พูดแทกออกมาก่อนที่จะยิ้มให้หญิงสาว
"ได้แน่นอนครับ"
"ขอบคุณมากนะคะ"
หญิงสาวยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน จนตอนนี้ก็เย็นมากจนบริษัทเริ่มที่จะไม่เหลือคน หญิงสาวก็ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่เดิมไม่คิดที่จะกลับเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เธอยังไม่อยากที่จะละความสนใจให้ตัวเองฟุ่งซ่านมากกว่า
"คุณวดีครับ ถ้าท่านรู้ มันจะไม่ให้แค่โดนดุนะครับ "คนของทิติเอกอย่างบดินทร์เดินกลับเข้ามาบอกหญิงสาวเป็นครั้งที่สาม จนราชาวดีได้ยินแบบนั้นอดที่จะมองใบหน้าของเขาก่อนที่จะเริ่มเก็บของ และลุกจากเก้าอี้ทำงานเพื่อที่จะเดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่คิดที่จะเอ่ยอะไรกับใครทั้งนั้น
"ท่านให้พาคุณไปทานอาหารที่ร้านก่อนกลับนะครับ" บดินทร์เอ่ยออกมาเมื่อเขาขึ้นรถหลังจากที่ปิดประตูรถให้หญิงสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"ไม่ไปได้ไหมคะ"
"อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยครับ อีกอย่างท่านเป็นคนจองโต๊ะเองครับ"
"ค่ะ"
สามปีผ่านมา"อคิณ...มาหาแม่มาลูก"ราชาวดีเอ่ยเรียกเด็กชายที่ยังคงวิ่งเข้าไปภายในบริษัทของผู้เป็นพ่ออย่างสนุกสนานต่างจากผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้หมดแรงแม้แต่จะเดินแล้ว"คุณแม่ตามสิครับ เร็วๆตามมา"เด็กน้อยวัยสองขวบกว่าเรียกแม่ของตัวเองด้วยเสียงที่สนุกสนาน"ว้า...จับได้แล้ว"ราชาวดีที่เห็นลูกชายถูกยกลอยขึ้นจากพื้นก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้เพราะถ้าให้เธอวิ่งตามอีกคงได้เป็นลมแน่ๆ"คุณพ่อ" เสียงของเด็กชายเอ่ยออกมาก่อนที่จะโอบคอของทิติเอกพร้อมหอมลงที่ใบหน้าของเขาอย่างคิดถึง"ทำไมแกล้งแม่แบบนี้ครับ" ทิติเอกใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้กับลูกชายก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างเอ็นดูแม่ลูกคู่นี้ ที่ลูกชายเขาไม่รู้ไปได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร วันๆเอาแต่แกล้งผู้เป็นแม่ให้วิ่งตาม แต่ด้วยนิสัยของราชาวดีไม่เคยจับลูกชายของเธอทันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ไม่ได้แกล้งเลย....คุณแม่" อคิณเอ่ยออกมาก่อนที่จะมองไปยังราชาวดีที่ยิ้มให้กับสองพ่อลูกอยู่"แม่น่าจะอุ้มเราไม่ไหวแล้วนะคะครับ" ทิติเอกเอื้อมมือไปหาผู้เป็นแม่เพื่อที่จะให้อุ้มตัวเอง"ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ""ครับ...อคิณครับเดี๋ยวไปกับลุงบดินทร์นะครับ""ไปไหนคะ" รา
"มันจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะคะคุณอรวี ทิติเอกเป็นทายาทหมื่นล้าน ราชาวดีไม่มีอะไรเลย การที่นายหัวพูดแบบนั้นมันก็ทำให้คุรนักใจที่จะรับเธอมาเป็นสะใภ้ ดิฉันจะยกทรัพย์สินของฉันส่วนหนึ่งให้กับราชาวดี แต่เป็นทั้งหมดที่อยู่ภายในกรุงเทพและบริเวณใกล้เคียงเราคำนวณแล้วก็เทียบเท่ากับทรัพสินย์ของคุณตอนนี้เลย แบบนี้เหมาะสมกันหรือยังคะ"รัตนาเอ่ยออกมาอย่างพยายามจับทางของอรวี"มันไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ ทิติเอกเก็บราชาวดีไว้ ไม่ได้เปิดเผย เธอเสียชื่อเสียงกับทางเราไปมากแล้วนะคะ"อรวีเอ่ยออกมาอย่างพยายามที่จะอธิบาย ด้วยเธอกลัวทิติเอกจะไม่เห็นด้วยเพราะเธอเคยผิดพลาดกับลูกชายของเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง"งั้นยิ่งต้องตกลงเลย เพราะผมจะรับผิดชอบเธอ"ทิติเอกเอ่ยออกมาทำให้ผู้เป็นแม่ที่เดิมหนักใจไม่น้อย กลัวลูกชายเธอจะไม่เห็นด้วยถ้าเธอรับทางโน่นเลย แต่กลับกัน ทิติเอกอยากจะรับผิดชอบราชาวดีมากจนเธอคาดไม่ถึง"ว่ายังไงครับ"สิงหราชเอ่ยถามออกมาอย่าต้องการคำตอบเช่นเดียวกับทุกคนที่นี่"ค่ะ เห็นสมควรกันขนาดนี้ วีไม่กล้าขัดแล้วค่ะ"คำพูดของอรวีที่เอ่ยออกมาทำให้ทิติเอกดีใจไม่น้อย ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือของตัวเองไปจับลงที่มือของคนตัวเล็กที่น
หลังจากการเดินทางมาที่บ้านของทิติเอกอีกครั้ง หลังจากที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมา เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเดินทางกลับมาที่นี่อีก จนแม่ของเขาให้เข้ามาคุยธุระอย่างวันนี้และพ่อของราชาวดีและรัตนาก็เลือกที่จะเข้ามาคุยกับแม่ของเขาในวันนี้ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้นอกจากทำตามที่อรวีต้องการเท่านั้น"เอกมาแล้วหรอลูก"อรวีที่อยากจะเอ่ยคำขอโทษลูกชายของเธออย่างนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้นมาจนถึงตอนนี้สายตาของอรวีประทะเข้ากับร่างของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอย่างไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแต่เมื่อเธอได้เห็นว่าอรวีได้หันมามองที่เธอ"สวัสดีค่ะคุณหญิงอรวี"ราชาวดีเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่เต็มสักเท่าไหร่ แต่เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกไป เพราะถ้าไม่เอ่ย ก็เท่ากับว่าเธอเสียมารยาท"เข้าบ้านก่อน"อรวีเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินนำทั้งสองเข้าไป ราชาวดีที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มเกร็งตัวเองมากกว่าเดิม ด้วยที่เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีในตอนนี้ แต่มือหนาของชายข้างกายเธอกลับบีบที่ข้อมือของเธอย้ำๆทำให้หญิงสาวทำได้เพียงแค่พยักให้กับเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในบ้านของทิติเอกตามที่ชายหนุ่มได้จับมือเธอเดินเข้าไปภายในบ้าน"เดี๋
ราชาวดีที่เพิ่งทานอาหารจากที่ทิติเอกเป็นคนค่อยป้อนให้เธอเสร็จ หญิงสาวก็ได้มานั่งจับจ้องที่ทีวี และเธอก็คงต้องอยู่ที่นี่ 1 อาทิตย์เพื่อที่หมอจะได้แน่ใจว่าเธอจะไม่กลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง"ดูอะไร"ทิติเอกที่เดินเข้ามานั่งข้างเตียงนอนก็เอ่ยถามออกมาเมื่อหญิงสาวยังคงจับจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่คิดที่จะสนใจอย่างอื่น"ข่าวทั่วไปค่ะ แล้วไปไหนมาคะไม่ไปทำงานหรอ"ราชาวดีอดที่จะเอ่ยถามออกมาพร้อมความสงสัยไม่ได้ เพราะเธอเห็นว่าทิติเอกแต่งตัวด้วยชุกลำรองนั้นก็เท่ากับว่าเขาจะไม่ไปทำงาน"ไม่อ่ะ...นักข่าวเยอะรำคาญ....ปวดหัวมากเลยเป็นอะไรไม่รู้"ทิตเอกเอ่ยออกมาอย่างอ้อนๆก่อนที่จะซบแขนของคนตัวเล็ก เขาเพิ่งรู้ว่าการอยู่ใกล้ราชาวดีมันทำให้เขานั้นรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"ให้วดีเรียกหมอให้ไหมคะ...""ไม่เอา อยู่แค่นี้ก็หายแล้ว"คนตัวโตเอ่ยออกมาพร้มจับมือของเธอมาซบเอาไว้ โดยที่คนตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไรพร้อมกับขยับตัวเองเพื่อที่จะเข้ามาหาทิติเอก"ข่าววันนี้เป็นข่าวที่น่าตกใจมากเลยนะคะ ไฮโซสาวอย่างคุณแพรไพลินที่เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีมีข่าวออกมาว่าเธอท้อง แต่ฝ่ายชายไม่รับ คุณแพรพรรณลายเลยจับให้เธอแต่งงานกับคุณทิติเอกเม
"คุณเอกไม่รักวดี วดีไม่ว่านะคะ ไม่ว่าเรืื่องลูกหรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่อย่าผลักวดีให้กับคนอื่นได้ไหม วดีของแค่นี้ได้ไหม"ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทิติเอกตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมาเขาขยับตัวเองเข้าไปหาคนตัวเล็กด้วยความเร็วพร้อมกับการดึงเธอเข้ามาภายในอ้อมกอด"หมอบอกว่าอย่าเครียดไงวดี....ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปฉันจะไม่แต่งงานกลับเธอ"หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มนิ่งลงพร้อมกับการขยับตัวเองออกมาจากอกแกร่งของอีกคน"หมายความว่าไงคะ""เธอต้องแต่งงาน แล้วคนที่ต้องแต่งด้วยคือฉัน""แล้วคุณแพรละคะ""แพรไพลินท้องนั้นก็เท่ากับว่าเธอคบกับคนอื่นเพียงแค่จะให้ฉันรับผิดชอบแต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเราไม่เคยมีความสัมผัสกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ทิติเอกเอ่ยออกมาพยายามที่จะอธิบายให้กับคนตัวเล้กได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น"อ๋อค่ะ...""แค่นี่หรอ""ค่ะ....ต้องให้วดีพูดอะไรคะ"ท่าทางที่ไร้เดียงสาของหญิงสาวทำให้ทิติเอกนักใจมากกว่าจะรู้สึกดีที่เธอไม่ทันคน"บดินทร์บอกว่าเธอทะเลาะกับแพรไพลินหรอ""ก็เขาว่าวดีก่อนทำไม"หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางที่เรียกว่าทั้งโกระแค้นทั้งไม่พอใจ จนคนท่เ
"ไม่ทราบว่าคุณหญิงอรวีมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ"ทิติเอกเอ่ยออกมายังประชดประชันผู้เป็นมารดา"เรื่องที่ลูกพูดหมายความว่ายังไง ผู้หญิงของลูกเป็นลูกสาวคนหญิงรัตนา"อรวีไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายตัวเองเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินตามมาถามความให้รู้เรื่อง"ลูกสาวคุณหญิงรัตนาที่เธอตามหา มาตลอดนะครับ"น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วปกติ แต่แววตาตากับเจ็บปวดของที่ทิติเอก อดทำให้ผู้เป็นแม่ของเขาเป็นห่วงไม่ได้"ลูกรู้เรื่องนานหรือยัง""ทำไม ถ้ารู้ว่าก่อนหน้านี้เธอเป็นลูกสาวของคุณหญิงรัตนา คุณแม่จะจับเธอให้ผมหรอครับ ทั้งๆที่ปากพร่ำบอกว่าเธอไม่คู่ควรอะไรกับผมเลย""แม่จะให้ลูกอยู่ห่างเธอมากกว่านี้ต่างหาก""ทำไมผมไม่เข้าใจ"ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยกับสิ่งที่แม่ของเขาเอ่ยออกมา ทำให้ชายหนุ่มกับหนักใจในเรื่องนี้มากกว่าเดิม"คุณหญิงรัตนา เธอไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้าไปเอื้อมถึงลูกสาวหรือลูกชายของเธอ ต่อให้เป็นเราก็ตามเธอ ไม่มีทาง ที่เธอจะยอมยกลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอให้ แล้วยิ่งพ่อนะ ถ้ารู้ว่าเอกกับลูกสาวเขาคบกันในที่ลับแบบนี้ แม่ไม่อยากจะคิดเลย""เรื่องนี้ผมรู้ว่าผมผิด ที่ไม่เคยให้ความชัดเจนเธอตั้งแต่แร