เมื่อเธอได้หัวข้อการอบรมแล้ว กิจกรรมต่าง ๆ หัวข้อบรรยายย่อย ก็พรั่งพรูออกมาอย่างง่ายดาย
‘วิทยากร... แน่นอน!!! ต้องเป็นคนที่ทุกคนต้องร้องว้าว!’
เมื่อเรียวเริ่มละเลงลงบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์อีกครั้งเพื่อค้นหารายชื่อและประวัติผู้ทรงคุณวุฒิที่เหมาะสมสำหรับการเป็นวิทยากรที่ดีที่สุดในงานอบรม
ดวงตาเป็นประกายสดใสของเธอจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กะพริบ หญิงสาวมีความสุขกับการทำงานที่ท้าทาย แม้จะเจออุปสรรคบ้าง แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเธอ
‘คนนี้เลย! ศ. ดำรง ผู้ที่ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุด ในประเทศไทย !’
นิญาดาตาลุกวาวเมื่อค้นเจอชื่อวิทยากร
คลิก
นิญาดาคลิกปุ่มกดส่งอีเมลเพื่อทาบทามศาสตราจารย์ดำรงค์ทันทีที่ค้นเจอ
จากนั้นเรื่องที่เธอจะต้องจัดการต่อไป คือ สถานที่จัดอบรม และต้องเป็นที่ที่สวยงามน่าไปมากที่สุด ซึ่งคงหนีไม่พ้น “รีสอร์ตเดอะเบสต์ออร์คิด”
รีสอร์ตหรูท่ามกลางธรรมชาติที่แสนจะโรแมนติก
นิญาดาหลับตาพริ้มฝันหวานถึงที่นอนนุ่มท่ามกลางป่าเขาริมน้ำตก ในขณะกำลังค้นหาข้อมูลโรงแรมในอินเทอร์เน็ต หล่อนมักมีความสุขกับการทำงานเสมอ
เช้าวันต่อมา
นิญาดาเปิดเมล ด้วยใจระทึก
-ผมยินดีเป็นวิทยากรให้ครับ-
Yes ! ! ! !
‘ในที่สุด!!! ฉันก็คว้าวิทยากรระดับประเทศมาจนได้ Yes ! ! !’
นิญาดาตะโกนก้องในใจ หล่อนอยากกระโดดให้ตัวลอยขึ้นไปจนติดเพดานสำนักงาน เพราะความดีใจมันพองโตจนคับอก แต่ในความเป็นจริงหล่อนทำได้แค่ยิ้มแฉ่งให้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โชว์ข้อความตอบรับของวิทยากร
เมื่อได้วิทยากรแล้วขั้นต่อไป เธอต้องเร่งมือทำเอกสารประกอบอื่น ๆ สำหรับกิจกรรมในโครงการทันที เอกสารฉบับใดที่หล่อนทำเรียบร้อยแล้ว ก็จะถูกนำเข้าแฟ้มอย่างเป็นระเบียบเพื่อเสนอรองอธิการบดีให้ลงนามอนุมัติการอบรมและขอเบิกจ่ายตามระเบียบราชการต่อไป
นิญาดาก้มหน้าก้มตาทำงานแข่งกับเวลาทั้งงานในหน้าที่หลัก และงานโครงการอบรมที่เป็นงานพิเศษ
จนกระทั่ง
“นิ มา หา พี่ หน่อย”
เสียงเรียกดังมาจากโต๊ะด้านหลังสุดของห้อง
ผู้ถูกเรียกผละจากงานที่ทำค้างไว้ ขาเรียวสวยกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่โต๊ะหัวหน้าสำนักงาน
นิญาดานั่งลงบนเก้าอี้เบาะหนังสีดำที่มักจะรองรับผู้ที่ทำพลาด ทำผิด หรือแก้ไขงานและวันนี้เป็นเธอที่ต้องมานั่งตรงนี้ แล้วอะไรที่เธอทำผิด อะไรที่เธอทำพลาดจนต้องถูกเรียกให้มานั่งตรงนี้
คนเรียกเหลือบมองผู้มาใหม่เพียงเสี้ยววินาทีแล้วหลุบตาต่ำลงใบหน้าอวบอูม แต่งแต้มด้วยริ้วรอยแห่งวัยสี่สิบปี ริมฝีปากสีซีดเม้มแน่นตลอดเวลา
“งานอบรมที่เธอจะจัดตัวนี้...”
หัวหน้าเลื่อนแฟ้มงานโครงการอบรม -นักวิจัย ไฟแรงสูง- ที่รอเสนอรองอธิการบดีลงนามอนุมัติให้ผู้เป็นเจ้าของงานดู
“...จัดอบรมข้างนอกมหาวิทยาลัยไม่ได้นะ ไม่มีนโยบายให้จัดข้างนอก”
นิญาดาสบตาหัวหน้า... ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างสุดฝืน
“...ให้จัดที่ โรงแรมของมหาวิทยาลัย”
เสียงหัวหน้าสำนักงานบัญชา เด็ดขาด
‘ฉันเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว... ทุกอย่าง กำลังไปได้สวย... ฉันจะไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอกนะ!!!!’
นิญาดาร่ำร้องในใจ ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามอธิบายเหตุผลอย่างใจเย็นว่า
“พี่ณีคะ หนูถาม ป๋าวัฒน์ แล้วค่ะ สามารถจัดข้างนอกได้”
ป๋าวัฒน์ หรือ นายอภิวัฒน์ ตั้งตระกูลสุข คือ ผู้ที่จัดสรรทุนในการอบรมครั้งนี้ให้ อีกทั้งยังเป็นอดีตหัวหน้าสำนักงานคนเก่าที่น้อง ๆ ในสำนักงานยังคงให้ความเคารพนับถือด้วยใจเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ทำงานมากและคอยช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้น้อง ๆ ไม่เหมือนกับหัวหน้าคนปัจจุบัน ที่มีแค่ตำแหน่งแต่ไร้ความเคารพนับถืออย่างจริงใจจากผู้ใต้บังคับบัญชา
“ยังไง ก็ควรจะจัดอบรมข้างในมอ* เป็นการสนับสนุนโรงแรมของมหาวิทยาลัยด้วย”
นางยักษ์ตาวาว หน้าตึง เสียงเข้มขึ้น
“หนูโอนค่ามัดจำรีสอร์ตเดอะเบสต์ออร์คิด เรียบร้อยแล้วค่ะ”
นิญาดาทิ้งไพ่ใบสุดท้าย!!!
“โอนไปเท่าไหร่”
หัวหน้ากัดฟันถาม ตาเขียวขุ่น
“สามหมื่นบาทค่ะ”
เธอพยายามบังคับเสียง ไม่ให้สั่น แม้ตอนนี้หัวใจมันจะเต้นระรัว กลัวหัวหน้าจับได้ว่าความจริงเธอยังไม่ได้โอนค่ามัดจำให้โรงแรมเลย
“นิ ญา ดา!!!”
ตาโปน ๆ ของหัวหน้า ปูดออกจนแทบจะออกจากเบ้าด้วยแรงโกรธ เรียกชื่อหล่อนเน้นทีละคำ จนแทบจะกรี๊ดใส่คนตรงหน้า ทว่าตำแหน่ง “หัวหน้าสำนักงาน” มันค้ำคอ จะทำอะไรต้องรักษาหน้า หล่อนจำเป็นต้องเม้มปากแน่นเพื่อระงับอารมณ์ ไม่บอกก็รู้ว่าบัดนี้ ภูเขาไฟระเบิดแล้ว
ส่วนคนที่แซะภูเขาไฟให้ระเบิด ก็ได้แค่ส่งยิ้มตอบให้ดูไร้เดียงสาที่สุด!!!!!
‘ยังไงซะ เด็กที่ทำอะไรไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ย่อมไม่ผิด!!!’ นิญาดาคิดหาวิธีเอาตัวรอด
หัวหน้าจ้องลูกน้องตาเขียวอย่างกับนางยักษ์จ้องนางเงือกด้วยความแค้นเพราะถูกแย่งพระอภัยมณีไป
ตาจ้องตาเพียงเสี้ยววินาที คนตาลุกเป็นไฟหลุบต่ำลงเบนสายตาไปจ้องที่แฟ้มเพื่อตัดไฟสงคราม มือบวมไขมันเปิดแฟ้มหน้าต่อไป
“ถ้าจะจัด... ก็ห้ามเอาคนในสำนักงานไปด้วย”
หัวหน้าสำนักงานขีดฆ่ารายชื่อที่แนบท้ายมากับเอกสารโครงการ
“ค่ะ เอาไปเฉพาะคนทำงานค่ะ”
นิญาดาตอบ เริ่มไม่ไว้วางใจ หัวหน้าจะมาไม้ไหนกับเธอหนอ
“แล้ว เรื่องเที่ยว ตัดออกเลยนะ! ห้ามไป!!”
“ค่ะ”
นิญาดาตอบค่ะ แต่คันปากยิก ๆ อยากจะบอกว่า ‘มันไม่ใช่เรื่องเที่ยวนะ!!! กรุณาอ่านให้จบ! มันเป็นการท่องโลกกว้าง เพื่อเปิดโลกทัศน์ กระตุ้นความคิด ในชั่วโมงว่าง!!’
หลังจากที่ขีด เขียน ฆ่าเอกสารโครงการของนิญาดาจนสาแก่ใจ หัวหน้าปิดแฟ้มลงดังปัง! แล้วเลื่อนซากโครงการที่พรุนไปด้วยรอยขีดฆ่าของปากกาแดงมาตรงหน้าเจ้าของโครงการ
“ไปแก้มา! แล้วค่อยมาเสนอใหม่!!”
“ค่ะ”
สาวน้อยรับแฟ้มงานคืน แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะ
หล่อนต้องกัดฟัน ตั้งสติ กับการที่จะต้องมาแก้งานที่ไม่คาดฝันในครั้งนี้ กว่าจะแก้งานเสร็จ ให้ได้ตามที่หัวหน้าต้องการ
ตะวันก็ลับขอบฟ้า ทั้งสำนักงานเหลือเพียงแค่ร่างบางกับโต๊ะที่ว่างเปล่าเกือบยี่สิบตัว หล่อนวางแฟ้มเอกสารแก้ไขไว้บนโต๊ะหัวหน้า
‘... ขอให้ทุกอย่าง... ผ่านพ้นด้วยดี..’
นิญาดาภาวนา
“ทะ ทำสัญญา ยังไงคะ?”กายแกร่งขึ้นทาบทับร่างบางที่แสนนุ่ม เนื้อเนียนกลมกลึงได้สัดส่วน จนหญิงสาวสัมผัสไอร้อนในทุกอณูของร่างแกร่งมือแกร่งทั้งสองข้างประสานกับมือเล็กกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนกระซิบตอบแนบปาก“ประทับสัญญา ให้นิ เป็นของพี่เพียงคนเดียว”สิ้นเสียงกระซิบระโหย ปากบางก็ประทับลงบนปากอิ่มหล่อนเผยอปากรับ ให้ปลายลิ้นร้ายของเขาซุกซอนเข้าไปตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดกินน้ำหวานจากโพรงปากอุ่น“อืม อะ อ่า”ลิ้นร้อนฉ่าของเขาดุนดัน ซอกซอนในขณะที่กายหล่อนหลอมละลาย ขาเรียวของหล่อนค่อย ๆ แยกออกเพื่อตอบรับแก่นกายกำยำที่แข็งขึงแนบชิดตรงหน้าท้อง“อืม..”ทั้งเขาและเธอครางออกมาเบา ๆชายหนุ่มละจูบ เลื่อนปากไล้มาที่ซอกคอขาวผ่อง กดฟันครูดเบา ๆ พร้อมกับดูด ขบเม้มจนเกิดรอยแดงในเนื้อนวล“โอ อืม”ปากอิ่มเผยอครางออกมาด้วยความซ่านสยิว ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามเนื้อลออทั่วทั้งร่างบางมีกลีบซากุระที่ติดมาจากบ่อออนเซ็นประปราย จมูกโด่งฝังลงกับเนื้อเนียนสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ราวซากุระของเนื้อสาวเข้าเต็มปอด กลิ่นกายสาวเย้ายวนจนเขาแทบอยากจะกลืนกินหล่อนเข้าไปเสียเดี๋ยวนั้น“งามเหลือเกิน”ปากเขาคลอเคลียอยู่แถว ๆ ทรวงอกสล้าง ปล
“ผมทำตัวผมเองต่างหากครับ! เพราะผมเข้าใจคุณนิญาดาผิด แล้วเมาจนเกิดอุบัติเหตุ”“นี่ลื้อปกป้องมัน! ลื้อมีคู่หมายอยู่แล้ว อานุชเขาก็ดูแลลื้ออย่างดี ลื้อจะทิ้งอีไปหานางผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นได้รึ!”ผู้เป็นมารดาตวาดด้วยความโกรธ นางรักลูกชายคนเล็กมาก มากจนตามใจเขาเสียทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องหมั้นหมายนี้!“ม้าครับ ผมรักนิญาดา ผมรักใครไม่ได้อีกแล้วจริง ๆ”ผู้เป็นลูกคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา เรี่ยวแรงที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการป่วยแทบจะไม่มี เสียงร้องขอจึงพร่าแปร่งคนเป็นแม่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นสายตาเว้าวอนของบุตรชายที่รักยิ่ง ใจหนึ่งนางก็อยากจะตามใจเขา แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะเสียใจเพราะผู้หญิงซ้ำสอง อีกใจหนึ่งนางก็รักและเอ็นดูอรนุชที่หมายหมั้นให้มาเป็นลูกสะใภ้ อีกทั้งเป็นลูกสาวของเพื่อนเก่า ก็กลัวว่าความเป็นมิตรของทั้งสองตระกูลจะขาดสะบั้นลง“ม้าคะ! หนูขอถอนหมั้นค่ะ!”เสียงเด็ดเดี่ยวของอรนุชดังขึ้นทำลายความเงียบระหว่างสองแม่ลูก พร้อมกับเจ้าตัวที่เดินมานั่งลงข้าง ๆ นางวัลลี ผู้เป็นมารดาของคู่หมั้นตน“ลื้อพูดอะไรอานุช!”นางวัลลีผวาเข้ากุมมือว่าที่ลูกสะใภ้อย่างตกใจ ในขณะที่อาจาร
“อือ ยะ อย่า ค่ะ”ร่างบางครางแหบพร่า ความซ่านเสียวแปลบปลาบพุ่งปราดไปทั่วร่าง มือแกร่งของเขาสอดเข้าใต้สะโพกหนั่นเนื้อ บีบเคล้นเคล้าคลึงตามเพลิงสวาทที่ลุกโชนจนยากจะห้ามไหวเขายกสะโพกงามขึ้นลง หญิงสาวรู้สึกถึงความแข็งขึงร้อนระอุของแก่นกายชายที่เสียดสีกับจุดวาบหวามจนชุ่มฉ่ำหล่อนแอ่นหยัดเผยอแยกขาให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อความรัญจวนซ่านสวาทระลอกใหญ่พุ่งปราดไปทั่วสรรพางค์ สติที่มีอยู่อันน้อยนิดปลิวหายไปกับแสงสว่างอันพร่างพราว“อ่าซ์”“บอกสิ.. คุณรักผมมากแค่ไหน”เขากระซิบเสียงพร่าแนบอกสล้าง แก่นกายกำยำของเขาอัดแน่นด้วยพลังบุรุษจนรวดร้าว เมื่อสัมผัสกับกายน้อยที่ชุ่มฉ่ำจนเหมาะแก่การโจนทะยานเข้าใส่แค่ไหน“พูดสินิ”เสียงเว้าวอนของเขากระซิบสั่งขณะที่มือประคองขยับสะโพกงามให้ยกขึ้นรับเอาแก่นกายร้อนฉ่าอันแข็งแกร่งของเขา แล้วค่อย ๆ ดันมันสู่กายสาวจนสุดลำ“อะ อือ”หล่อนครางกระสัน หายใจถี่ หัวใจเต้นระรัว เธอจำบทรักอันแสนเร่าร้อนของเขาในวันเก่าได้ดี ใจดวงน้อยที่เต้นระรัวมันร่ำร้องเพรียกหาอยากได้ความเร่าร้อนนั้นมาขับไล่ความทรมานที่รวดร้าวไปทั้งกาย อยากพุ่งทะยานไปสู่ชั้นฟ้าล่องลอยจนลืมสิ้นทุกอย่าง“พูดสิ
นิญาดามองกลีบซากุระสีชมพูอ่อน ๆ ลอยปะปนกับฟองน้ำสีขาวหอมกรุ่น หล่อนค่อย ๆ เอนกายลงเพื่อทิ้งความเหนื่อยล้าให้ละลายหายไปกับสายน้ำ มองกลีบซากุระล่องลอยตามผิวน้ำที่ไหลวนคลอเคลียรอบกายสาวชวนให้นึกถึงใครบางคนที่เคยบอกกับหล่อนไว้-หากอยากเห็นซากุระในเดือนห้า ให้ไปที่ซัปโปโร-บัดนี้คนที่บอกเธอ เขาจะหายดีหรือยังหนอ? เขาจะคิดถึงหล่อนบ้างไหม? หรือหล่อนได้ตายไปจากหัวใจของเขาแล้ว เพียงแค่คิดถึงเขา น้ำตาก็พลันไหลออกมาเงียบ ๆซู่!จอกกกก!เสียงน้ำล้นออกจากอ่าง น้ำกระเซ็นแตกกระจายตามการทิ้งกายลงนั่งเบียดร่างอรชรในอ่างออนเซ็น คนที่นอนอยู่ในอ่างลืมตาโพลงขึ้น เมื่อตากลมของหญิงสาวสบกับตาคมดุอันคุ้นเคย กระแสไฟฟ้าก็วิ่งปราดเข้าจู่โจมหัวใจทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบลามไปจนถึงหน้าท้องในขณะที่หญิงสาวกำลังอ้าปากค้าง กายแกร่งก็เบียดเข้าชิดร่างอรชรอย่างโหยหา สติสัมปชัญญะของหญิงสาวพยายามอย่างหนักเพื่อพิจารณาว่า คนข้าง ๆ เธอ คือ เรื่องจริงหรือความฝัน แล้วท้ายที่สุด หล่อนก็อุทานชื่อคนข้างกายด้วยความตกใจ“อาจารย์เตชิน!”“ครับ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มขานรับ เรียวปากชมพูบางเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหล่อเหลา
อาจารย์เตชินนอนลืมตาโพลงมองฝ้าเพดานที่มีโคมไฟเป็นดอกบัวสีขาวห้อยลงมา สมองกับหัวใจของเขากำลังทบทวนกับตัวเองหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือทั้งวัน เพื่อพักใจและเพื่อหลบหน้าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้น เพราะเขาไม่อยากตอบคำถามเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งไม่อยากรับรู้เรื่องงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้นในเมื่อหัวใจของเขามันแตกสลายไปอีกครั้ง และครั้งนี้มันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหน ๆ มันเจ็บจนเขาไม่อยากเคลื่อนไหว จนกระทั่งเพื่อนสนิทมาพบเขาในวันนี้ ราวกับลมที่พัดพาเอาดวงใจที่แตกลงไปแล้วให้ประกอบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาใหม่โดยเสมือนมีความหวังเป็นกาวประสานรอยร้าวในใจมือเรียวจับโทรศัพท์ขึ้นดู คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือกำโทรศัพท์บีบแน่นแล้วคลายออก ทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นราวกับว่ากำลังตัดสินใจบางอย่างความอยากรู้ กับความช้ำใจมันกำลังห้ำหั่นกันใจที่ช้ำ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วใจที่ยังคงมีเยื่อใย ก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่รักเป็นเช่นไรและแล้วเยื่อใยที่ยังเหลืออยู่ก็ชนะเขากดเข้าไลน์เพื่อเปิดดู คลิปวิดีโอที่ ดร. พงษ์ ส่งให้ในคลิปเป็นภาพตั้งแต่นิญาดาเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียง เขาได้ยินเสียงหล่อ
ดร. พงษ์ ขอตัวเลี่ยงออกมา เพื่อตัดบทการสนทนา เขารักและเคารพนางวัลลี เหมือนแม่คนหนึ่งจึงไม่อยากชี้แจงเรื่องของนิญาดากับอาจารย์เตชิน เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการโต้เถียงและไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ และเพราะเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรจะต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เขาเป็นคนนอกอย่างไรเสีย คำพูดก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะคัดค้านสิ่งที่ผู้เป็นมารดาได้ปักใจเชื่อไปแล้วดร. พงษ์ ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านเขารู้ว่าห้องหนังสืออยู่ที่ไหนเพราะคุ้นเคยบ้านหลังนี้เป็นอย่างดีเมื่อผลักประตูเข้าไปภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตา คือ.....ชายหนุ่มผิวขาวซีดเอนตัวบนเก้าอี้นวมสีขาว แม้บนหน้าผากจะมีรอยแผลที่เพิ่งจะหายแต่ยังคงความหล่อคมเช่นเดิม... มือเรียวถือหนังสือเล่มหนาเอาไว้ แต่ทว่าดวงตาเข้มคู่นั้นกลับเหม่อมองทะลุหน้าต่างออกไปด้านนอกดร. พงษ์ ปิดประตูห้องตามหลังค่อนข้างดัง แต่เจ้าของห้องไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาจึงแกล้งไอ ก่อนเอ่ยทักเสียงดังมากกว่าปกติ“อะ.. แฮ่ม ไง? ไอ้หุ่นยนต์”ได้ผล... หุ่นยนต์เริ่มเคลื่อนไหว... วางหนังสือลง หลับตาลงแล้วขยับตัวเอนลงบนเก้าอี้นวมยิ่งกว่าเดิมคล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครรบกวน“อ้าว! เฮ้ย! กูอุตส่าห์ขับรถมาหา ดันจะ