Share

ขัดเกาจิตใจ

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-09-29 21:05:08

เด็กน้อยหลินซือหยาเมื่อเห็นชายชรานั้นยิ้มตอบ ตนก็รู้แล้วว่าตนตอบคำถามได้ถูกต้องตามที่ชายชราปรารถนา เด็กน้อยคุกเข่าลงและคำนับท่านผู้เฒ่าสามครั้ง

"ข้าขอกราบท่านตาเป็นอาจารย์นะเจ้าคะ เพราะในตำราบอกว่าถ้ามีอาจารย์จะทำให้ข้าเข้าใจในบทความทุกบทความได้เร็วขึ้น"

เด็กน้อยหลินซือหยากล่าวขึ้น เจ็ดวันที่ผ่านมาเขาไม่ใช่แค่จดบทกวีและดูความหมายของมันเท่านั้น เขายังมองไปดูหน้าอื่นๆเผื่อหน้าอื่นๆจะซ่อนความหมายของบทกวีนี้ และหนังสือหน้าอื่นๆก็แสดงให้เรารู้เพียงว่าหากเป็นศิษย์มีครูย่อมประสบผลสำเร็จได้เร็วขึ้น เด็กน้อยผู้นี้ก็นับถือชายชราผู้นี้อยู่แล้ว ยกให้เขาเป็นครูได้เลย

"เจ้าเด็กผู้นี้รู้จักพูดดีนัก ได้ข้าจะรับเจ้าไว้เป็นศิษย์เพียงผู้เดียว555 มาข้าจะตีความหมายแต่ละตอนให้ฟัง วันนี้คำตอบของเจ้านั้นโดนใจและตรงใจและตรงประเด็นมาก

"บทแรก

ลมพัดหวนผ่านฟ้าเวิ้งว้าง

ดวงจันทร์ส่องกลางธารามืดมิด

มักก็คือบรรยากาศแห่งความเวิ้งว้างว่างเปล่า สะท้อนถึงโลกที่เต็มไปด้วยความมืด ความทุกข์ หรือความไม่แน่นอน แต่ยังมีแสงจันทร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความจริง และความสว่าง ที่คอยนำทาง

บทที่สอง

เงาดาบหนึ่งฟาดสะท้านสวรรค์

เลือดหยดเดียวสะเทือนภูผานับพัน

มันก็คือการออกกระบี่เพียงครั้งเดียวสะเทือนฟ้า สื่อถึงพลังของผู้กล้าที่มีฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ การเสียสละหรือความขัดแย้งแม้เพียงเล็กน้อย เลือดหยดเดียวก็สามารถส่งผลสะเทือนไปทั่วแผ่นดิน แฝงถึงพลังแห่งการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมที่มิใช่เรื่องเล็ก

บทที่สาม

ใจผู้กล้าไร้พันธะเหนี่ยวรั้ง

ดั่งมังกรล่องลอยในห้วงหมอก

คือจิตใจของผู้กล้าเป็นอิสระ ไม่ยึดติดกับพันธะหรือสิ่งผูกมัด เปรียบเสมือนมังกรที่ลอยเลื่อนในหมอกหนา สูงส่ง อิสระ และไม่ถูกจำกัด

บทที่สี่

กระบี่มิใช่เพื่อเข่นฆ่า

หากเพื่อพิทักษ์ใต้หล้าสงบสุข

เป็นจุดประสงค์สูงสุดของผู้ใช้กระบี่ไม่ใช่เพื่อทำลายชีวิต แต่เพื่อปกป้องความสงบสุขของผู้คน เป็นการยกระดับจากการต่อสู้ ไปสู่การปกป้องสะท้อนแนวคิดนักยุทธ์ผู้ทรงธรรม

อาจารย์ภูมิใจในตัวเจ้าใช้เวลาเพียงแค่เจ็ดวันก็ตีความหมายแฝงของมันได้ เอาเข้าจริงๆบทกวีเลยแบบนี้มันสำหรับนักยุทธอายุราวราวสิบถึงสิบห้าหนาวเลยนะ แต่เจ้าเพียงแค่ห้าหนาวก็หาความหมายของมันได้แล้ว เอาเป็นว่าอาจารย์เองวางใจให้เราเรียนคัมภีร์มรณะดาราได้แล้วละ ถึงแม้ว่าเจ้าเองจะเด็กแต่เด็กนั้นมันฝึกง่ายและเจ้าก็มีความมุ่งมั่นและความอดทนอยู่พอตัว อาจารย์จะให้อีกบทหนึ่งกวีซึ่งมันมีความหมายไม่แท้กับกวีบทนี้ให้จำลองไปคิดหากได้เมื่อไหร่เมื่อนั้นเราจะเริ่มเรียนคัมภีร์มรณะดารากัน"

ท่านอาจารย์กล่าวขึ้น เจ็ดวันที่ผ่านมานี้เด็กน้อยหลินซือหยาได้เรียนรู้การหุงหาอาหารและทำกับข้าว รวมไปถึงพยายามเข้าใจความหมายของบทกวีนี้ก็ใช้เวลาทั้งวันหมดแล้ว ตอนนี้เขาเองยังไม่ฝึกฝนร่างกายเลยด้วยซ้ำท่านอาจารย์ก็จะให้บทกวีบทใหม่อีกแล้ว

"ฮ่าๆๆเมื่อสักครู่ยังกราบข้าเป็นอาจารย์อยู่เลยตอนนี้ท่านอาจารย์บอกจะไม่ทำแล้วหรือ"

ชายชรากล่าวขึ้น

"ใช่เสียที่ไหนกันละเจ้าคะท่านอาจารย์ ข้าก็แค่รู้สึกว่ามันเหนื่อย เจ็ดวันที่ผ่านมานั้นข้าได้ดูตำราเขียนบทกวีบทนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แต่หุงหาอาหารแต่ข้ายังไม่ได้ฝึกร่างกายเลยเจ้าค่ะแล้วแบบนี้จะเรียกว่ามาเรียนฝึกยุทธได้อย่างไรกัน"

เด็กน้อยเถียงขึ้น

"เจ้าคงไม่ลืมไปหรอกกระมังว่าเจ้านั้นไม่ได้มีเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ เจ้าต้องอาศัยตำรับตำราเพื่อไปเปิดเส้นลมปราณเสียก่อนแล้วค่อยฝึกร่างกาย"

ชายชรากล่าวขึ้น

"มันก็จริงเจ้าค่ะท่านอาจารย์อย่างนั้นท่านอาจารย์บอกบทกวีนั้น แก่ข้าวันนี้เลย พรุ่งนี้ข้าจะได้เขียนมัน แล้วข้าจะทำความเข้าใจกับมันให้เร็วที่สุด ครั้งนี้ข้าให้เวลาตัวเองสามวัน"

เด็กน้อยกล่าวขึ้นอย่างมุ่งมั่น

"555ได้ๆ ถ้าให้เวลาเจ้าเจ็ดวันเท่าเดิมก็แล้วกัน หากว่าเจ้าได้ความหมายเพียงเวลาสามวันก็สามารถบอกข้าได้เลยบทกวีนั้นคือ

เงาจันทร์ทอดยาวบนทางเดียวดาย

ยอดเขาสูงเสียดฟ้าราวไร้สิ้นสุด

มือกุมกระบี่หนึ่ง เลือดหยาดหนึ่งหยด

มิใช่เพื่อสังหาร แต่เพื่อปกป้องสิ่งล้ำค่า

เสียงลมคล้ายเพลงขับแห่งกาลเวลา

ทุกก้าวที่เหยียบย่ำคือคำทดสอบ

ความแค้นเป็นเพียงไฟชั่ววูบ

แต่เมตตาคือเปลวที่ส่องนิรันดร์

นักยุทผู้ยิ่งใหญ่ มิเคยหวั่นเกรงความตาย

กลับหวั่นไหวต่อหัวใจตนเอง

แท้จริงแล้ว ศึกที่ยากที่สุด

คือศึกภายในใจ หาใช่สนามรบภายนอก"

ชายชรากล่าวขึ้น และเปิดตำราให้นางอ่านดู บทกวีนี้มีความหมายแฝงในเรื่องที่นักยุททั่วๆไปชอบหลงระเริงกับตัวเองเขาอยากให้นางตระหนักถึงเรื่องนี้ให้ดีจึงยกบทกวีบทนี้มาให้นางได้ศึกษา หาว่านางศึกษาและเข้าใจถ่องแท้แล้วคำว่าเป็นนักยุทธผู้ยิ่งใหญ่นั้นเป็นไม่ยากแต่นักยุทธต้องไม่ทนงตัวและรู้เป้าหมายของตัวเอง ชายชราอยากขัดเกลาเด็กคนนี้ให้มีจิตใจที่อ่อนโยนก่อนค่อยฝึกวรยุทธให้ในภายหลัง หลังจากรับบทกวีมาแล้ววันแรกเด็กหลินซือหยาก็คัดสิบจบและพยายามเก็บความหมายของมันวันนี้ไม่สำเร็จวันที่สองนางจึงคัดยี่สิบจบเพราะนางมีความคิดที่ว่าหากคัดเยอะๆมันจะได้เข้าไปในสมองของนางเยอะแล้วจะได้รู้ความหมายของมันเร็วขึ้น นางเริ่มเขียนใส่สมุดป่าวแต่ยังไม่สมบูรณ์พอวันที่สามนางก็คัดไปเลยสามสิบจบ และเริ่มเรียบเรียงกับสิ่งที่ได้เมื่อวานจนในที่สุดนางก็ได้แบบสมบูรณ์แล้ว

"ท่านอาจารย์ข้าได้ความหมายของมันแล้ว

ลมและจันทร์ : เปรียบเสมือนกาลเวลาและความว่างเปล่า เตือนว่าสรรพสิ่งล้วนชั่วคราว

กระบี่และเลือด : สื่อถึงพลังและความรุนแรงที่อาจใช้ทำลาย แต่หากถือไว้ด้วยใจบริสุทธิ์ ก็เป็นเกราะปกป้องผู้อื่นได้

ความแค้น vs เมตตา : ความแค้นคือไฟที่เผาผลาญตนเอง แต่เมตตาคือไฟส่องสว่างที่คงอยู่ยาวนาน

ศึกภายในใจ : สะท้อนว่านักยุทแท้จริงไม่ใช่ผู้ที่ชนะศัตรูมากมาย แต่คือผู้ที่เอาชนะความมืดในใจตนเองได้

ท่านอาจารย์ไม่ได้อยากให้ข้าเพียงหาความหมายแฝงของกวีนี้แต่ท่านอยากจะสอนข้าว่าหนทางนักยุทไม่ใช่การไขว่คว้าพลังภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่คือการฝึกใจ รู้เท่าทันกาลเวลา วางความแค้น และแปรพลังแห่งการต่อสู้ให้กลายเป็นพลังแห่งการปกป้อง ใช้หรือไม่เจ้าคะ"

เด็กน้องหลินซือหยากล่าวขึ้น ชายชราทึกกับคำตอบมากเพียงสามวันนางได้ขนาดนี้เลยหรือนางเป็นเด็กอัจฉริยะชัดๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status