Home / แฟนตาซี / ดอกหญ้าทะยานฟ้า / ยืนกระต่ายขาเดียว

Share

ยืนกระต่ายขาเดียว

Author: Sanassetong
last update Last Updated: 2025-09-30 17:31:53

เช้าวันต่อมาเด็กน้อยหลินซือหยาก็ปีนขึ้นมาหุงหาอาหารแต่เช้า พอนางทำอาหารเสร็จชายชราก็ออกมาพอดี

"ท่านอาจารย์มากินข้าวเจ้าคะวันนี้จะให้ลูกศิษย์ ผู้นี้เรียนอะไรดีเจ้าค่ะ"

เด็กน้อยเรียกผู้เฒ่ากินข้าว และตักข้าวให้เขาหนึ่งชาม

"วันนี้ก็ต้องเข้าคัมภีร์มรณะดาราแล้วล่ะ จะเป็นการรับพลังดารามาเพื่อเปิดเส้นลมปราณจุดมรณะทั้งเจ็ดจุด เพื่อที่จะแทนเส้นลมปราณฝึกฝน เราจะใช้คัมภีร์นี้ฝึกกันเลยมีทั้งการเปิดเส้นลมปราณและกระบวนต่างๆ วันนี้อาจารย์จะให้เจ้าไปศึกษา หากอ่านจบแล้วอาจารย์จะเริ่มสอนเลย"

ชายชรากล่าวพร้อมกับคีบอาหารเข้าปากแล้วมองเด็กน้อยหลินซือหยากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เพราะต่อจากนี้นางต้องยอมทนหิว เมื่อทั้งสองกินข้าวอิ่ม ชายชราก็พาเด็กน้อยลงมาข้างล่างแล้วหยิบหนังสือให้นางหนึ่งเล่ม มันเป็นคัมภีร์เล่มเท่าฝ่ามือแต่หนานิดหน่อย ตัวคัมภีร์ทำจาก หนังสัตว์อสูรดึกดำบรรพ์ สีดำหม่น มีความนุ่มดั่งกำมะหยี่แต่แฝงด้วยความเย็นเยียบ ปกคัมภีร์ประดับด้วยลาย ดวงดาวนับพัน ที่ส่องแสงแผ่วจางราวกับมีชีวิต เด็กน้อยจับพลิกไปพลิกมา และเปิดออก ข้างในเป็นอักษรโบราณ เมื่อเปิดออก ตัวอักษรจะลอยขึ้นมาจากหน้ากระดาษ กลายเป็นแสงดาวกระจายอยู่รอบห้อง เด็กน้อยอ้าปากค้างและมองอักษรพวกนั้นลอยออกไปแต่มองไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่

"เจ้าคงจะเห็นตัวอักษรแน่ๆ"

เสียงชายชราดังขึ้น

"เห็นเจ้าค่ะท่านอาจารย์แต่มันลอยหนีไปแล้วและไม่ชัดเจนด้วย"

เด็กน้อยกล่าวขึ้นและปิดมันลง

"มันต้องศึกษาตอนกลางคืนถึงจะชัดเจน ตอนกลางวันมันมองไม่ค่อยเห็น แต่ก็ถือว่าเจ้ามีบุญวาสนากับมันอยู่ เพราะหากผู้ไร้บุญวาสนาอ่าน จะเห็นเพียงหมอกดำขยับไหว มองไม่เป็นคำ ศึกษาไม่ได้แต่ผู้มีพรสวรรค์จะมองเห็นเป็นแสงดาวเรียงร้อยเป็นลำดับการฝึก"

ชายชรากล่าวขึ้น

"แล้วเราต้องฝึกเฉพาะเวลากลางคืนหรือเจ้าคะ"

เด็กน้อยถามขึ้น

"ช่วงแรกๆฝึกร่างกายตอนกลางวัน ตอนกลางคืนฝึกภายใน แต่วันนี้ก็พักก่อน จนกว่าจะอ่านคัมภีร์จบ กลางวันเจ้าก็นอนพักผ่อนได้เพราะต่อไปนี้เจ้าอาจต้องใช้เวลากลางคืนหลายคืนเพื่อศึกษามัน"

ชายชรากล่าวขึ้นเด็กน้อยจึงนำคัมภีร์ไปวางไว้บนเตียงของตัวเองอย่างเบามือและก็ดูตำราต่างๆในชั้นหนังสือทำราวกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว

"ท่านอาจารย์ไหนท่านบอกว่าจะให้ข้าฝึกร่างกายด้วยไงแล้วกลางวันจะให้ข้าพักผ่อนกลางคืนให้มาศึกษาตำราคุณแบบนี้หรือ"

เด็กน้อยกล่าวขึ้น พลางใช้มือแหวกตำราบนชั้นวาง

"หากเจ้าไหวอยากฝึกร่างกายก่อนก็ได้เตรียมตัวอะไรเก็บให้เจ้ากันไปข้างบน ข้าจะรออยู่บทนั้นก็แล้วกัน"

ชายชราพูดขึ้นแล้วออกจากบ้านไป ไม่นานเด็กน้อยหลินซือหยาก็เดินออกไปและปีนขึ้นไปข้างบน เด็กน้อยก็เห็นผู้เฒ่านั่งจิบน้ำชาอยู่กลางลาน กลิ่นชาลาเวนเดอร์อ่อนๆลอยขึ้นมาแตะจมูกของเรา ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายสมองของนางรู้สึกโล่งขึ้นมาทันที

"อ้าเด็กน้อย ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละยืนอยู่ตรงจุดเจ้าเห็นไหมจะมีจุดสีขาวป้ายไว้นำเท้าของเจ้าข้างขวาไปวางส่วนข้างซ้ายยกงอขึ้นและค่อยๆกางมือออกเจ้าทำแบบนี้ราวๆหนึ่งก้านธูปแล้วค่อยเอาลงเจ้าทำได้หรือไม่"

ชายชราถามขึ้น

"นี่มันเป็นการฝึกร่างกายหรือเจ้าค่ะท่านอาจารย์"

เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัยแค่ยืนกระต่ายขนาดเดียวเป็นเวลาหนึ่งก้านธูปก็คือการฝึกแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆใครจะไปยืนได้

"ใช่เจ้าต้องฝึกแบบนี้ไปก่อนแรกๆมันยังไม่ได้ เจ้าเอาแบบนี้เจ้าใช้ขาขวายืนแล้วยกขาซ้ายขึ้นกางแขนออกหากเจ้าเหนื่อยเจ้าก็เอาขาลงและยกขาซ้ายขึ้นแล้วค่อยๆกางแขนออกหากเหนื่อยก็สลับไปเรื่อยๆ"

ชายชรากล่าวขึ้น

"แล้วถ้ายืนไม่ไหวแล้วล่ะท่านอาจารย์มันหนักหนามากเลยนะให้ยืนขาข้างเดียวนี่"

เด็กน้อยพูดขึ้นอีก

"ก็มันเป็นการฝึกร่างกายหากเจ้ายังทำไม่ได้ก็พักก่อนเดี๋ยวค่อยกลับไปทำใหม่ทำจนกว่าเจ้าจะทำได้จากหนึ่งชั่วยามเป็นสองชั่วยามเป็นสามชั่วยามจนกระทั่งเป็นเวลาหนึ่งวันและอาจจะนานกว่านั้นเจ้าค่อยๆฝึกไป"

ชายชราเก่าขึ้น

"มันเป็นการฝึกประเภทใดกรือท่านอาจารย์ข้าก็นึกว่าอาจารย์จะให้ข้าฟันดาบรำกระบี่อะไรทำนองนั้น"

เด็กน้อยกล่าวถามอีกครั้ง

"ฝึกการทรงตัวของร่างกายก่อนจะให้รำกระบี่อะไรเจ้ายังไม่มีวรยุทธฝึกให้เจ้าควบคุมร่างกายภายนอกของตัวเองให้ได้ก่อน และเมื่อเจ้าอ่านคัมภีร์จบก็จะได้ควบคุมภายใน"

ชายชรากล่าวขึ้นอีก เด็กน้อยก็ทำสีหน้าไม่พอใจเพราะนางอยากฝึกรำกระบี่มากกว่า

"หากเจ้ายืนขาเดียวได้เป็นเวลานานเจ้าก็มีร่างกายพอพร้อมที่จะฝึกเรียนรำกระบี่ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้วว่าเจ้าจะอดทนได้นานสักเท่าไร"

ชายชรากล่าวขึ้นเพราะเห็นสีหน้าของเด็กน้อยที่เหมือนไม่อยากจะยืนขาเดียวเด็กผู้นี้ต้องให้เขาพูดถึงข้อดีเหมือนต้องมีแรงจูงใจในการให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

"เจ้าค่ะท่านอาจารย์ถ้าจะฝึกยืนกระต่ายขาเดียวให้ได้นานๆ"

เด็กน้อยกล่าวเสร็จก็ไปยืนตรงจุดที่มีสีขาวแต้มไว้ นางยืนขาเดียวได้ไม่มันคงรักเนื่องจากว่านางไม่เคยฝึกฝนแบบนี้มาก่อนยังไม่ทันได้ถึงเคอร์เท่านั้นนางก็เปลี่ยนขามันลืมไปเซไปจนนางรู้สึกเหนื่อยล้านางก็เลยนั่งแล้วมองไปที่ชายชราที่กำลังเจ็บชายอยู่ราชาทำราวกับไม่เห็นว่านางมั่งเขาก็นั่งจิบชาไปและอ่านตำราไปเด็กน้อยก็ลุกขึ้นมาเลยครั้งทำแบบนี้จนกระทั่งเงินตามเป็นไปทำอาหารเมื่อกินอาหารเสร็จแล้วเก็บของเสร็จแล้วนางก็ลงไปเพื่อที่จะต้องทำทีต่อ นางเปิดคัมภีร์ออกเมื่ออยู่ในความมืดอักษรของคำภีร์ก็เปล่งประกายระยิบระยับดั่งท้องฟ้ายามราตรี อักษรเหล่านั้นลอยออกมา นางนอนอยู่บนเตียงคัมภีร์เรานั้นก็ลอยไปยังอากาศและก่อตัวเป็นอักษรให้นางได้อ่าน ขั้นแรกรับรู้พลังดวงดาว ผู้ฝึกจะต้องนั่งสมาธิในเวลากลางคืน เปิดจิตใจให้รับพลังจากหมู่ดาว เมื่อรับรู้ว่าพลังดวงดาวมีอยู่ในตัวแล้วก็ต้องเลือก “ดาวประจำชะตา” ของตน หากเลือกผิด พลังจะย้อนกลับทำให้วิญญาณแตกสลาย ระหว่างนี้จะได้ยินเสียง “เพรียกแห่งความว่างเปล่า” ซึ่งเป็นบททดสอบแรกของจิตใจ เด็กน้อยอ่านได้เพียงขั้นแรกก็เผลอหลับไปเนื่องจากว่าตอนกลางวันนั้นนางใช้ร่างกายในการฝึกทรงตัวจึงทำให้เหนื่อยล้ามากแล้วคืนนี้นางเลยได้ศึกษาเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น เมื่อนางหลับนางก็ฝัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ผจญป่าฝึกใจ

    แสงอรุณแรกสาดลอดหมู่ไม้ ทาบเงาทาบพื้นดินเป็นริ้วทองอ่อนเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดัง “ซู่ซู่” คล้ายเสียงกระซิบจากวิญญาณโบราณในหุบเขาหนทางเบื้องหน้าเต็มไปด้วยหมอกขาวบาง ลึกลับราวม่านแห่งสวรรค์ที่กั้นระหว่างคนกับพลังลมปราณ หลินซื้อหยาย่างเท้าเข้าขึ้นอีกครั้งหลังจากพักผ่อนไปได้เล็กน้อย มือกำดาบไม้แน่น ในหัวใจไม่มีสิ่งใด นอกจากคำอาจารย์ที่ว่า“หากเจ้ามิอาจฝึกจิตให้สงบในหมู่ความวิเวก เจ้าก็ไม่มีวันก้าวข้ามขอบเขตวรยุทธได้”ทุกย่างก้าว นางต้องเผชิญทั้งความเงียบ ความหิว และความกลัวบางคืน เสียงสัตว์คำรามดังก้องในหุบเขาบางยาม ลมเย็นพัดผ่านจนเหมือนมีเงาผู้คนเดินตามอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อหลับตาและปล่อยใจเข้าสู่สมาธิ นางกลับสัมผัสได้ถึงจังหวะของลมหายใจที่ผสานกับเสียงป่า ใบไม้ไหว คือการเต้นของพลังชีวิตสายน้ำที่ไหล คือการหมุนเวียนแห่งลมปราณและในที่สุด นางก็เข้าใจว่า “วรยุทธ มิได้อยู่ในคัมภีร์ แต่อยู่ในหัวใจผู้ไม่ยอมแพ้”ในป่า จากเด็กสาวที่กลัวเสียงสัตว์กลายเป็นนักยุทธที่ยืนหยัดได้กลางพายุฝนมือขวาจับดาบนิ่งสงบ ดวงตาแน่วแน่พลังภายในพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำที่ไหลกลับสู่ต้นธาร ราตรีนั้น ฟ้าปิดเงียบไร้ดา

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ก้าวแรกสู่ความกล้า

    เช้าวันต่อมาสองคนอาจารย์กับลูกศิษย์เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินป่าปกติเด็กน้อยจะไม่ค่อยได้ออกไปเดินป่าสักเท่าไหร่เพราะว่าในป่านั้นมันอันตรายชายชราจึงไม่อยากให้นางได้ไป แต่วันนี้นางมีวรยุทธถึงขั้นหนึ่งแล้ว นางจึงจำเป็นที่จะต้องหาประสบการณ์บ้าง ชายชราเพียงส่งเด็กน้อยไว้ในป่าที่เขาสามารถควบคุมได้และกลับไปยังเรือนของตัวเอง ยามที่เด็กน้อยผู้นี้ประสบภัยในป่านี้เขาก็จะได้รับรู้เป็นผู้แรกและจะมาช่วยนางได้ทันแน่นอน เมื่อนางเดินเพียงลำพังนางก็ขวัญคิดเมื่อนั้นทุกข์ได้ออกจากบ้านครั้งแรกตอนนั้นนางรู้สึกกลัวได้แต่เดินอยู่ในป่าแต่ณเวลานี้นางรู้สึกว่านางไม่ใช่เด็กคนนั้นอีกแล้วเพราะท่านอาจารย์บอกว่านางต้องหาประสบการณ์ในป่าต้องสู้กับสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร อาจารย์จะมารับในอีกสามวัน นางจะได้เผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ นางไม่รู้เลยว่าอยู่เฉยๆตัวเองจะมีวรยุทธ์ลำดับหนึ่งขึ้นมาได้อย่างไร แต่เอาเข้าจริงๆนางก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะในความที่นางฝันนั้นมันเหมือนจริงมากๆ นางทรมานมากๆแล้วเป็นเวลานานเสียด้วย แต่ถ้าหากให้นางฝึกยุทแล้วทรมานขนาดนี้ แล้วมีวรยุทธ์เพียง

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ปักปิ่น

    ชายชราลงเขาเพื่อไปหาเครื่องประดับสำหรับสตรีสำหรับเขาแล้วไม่เคยชินสำหรับการสรรค์หาสักเท่าไหร่ หมู่บ้านเล็กๆที่มีของขายมากมายส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์ไปจับจ่ายซื้อของที่ได้มาจากเขา นายพรานชอบล่าสัตว์ป่าบางประเภทที่หายากมาขาย แร่ธาตุต่างๆที่เหมาะสมสำหรับฝึกวรยุทธ์ รวมไปถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสัตว์ เช่นงาสัตว์และเขาสัตว์ที่หายากอีกต่างหาก เขาเดินเที่ยวหาเครื่องประดับสตรีอยู่ตั้งนาน"อ้า ไป๋อีเฟิงเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะหาอะไรอยู่หรือเปล่า แต่ที่เจ้าหานั้นเป็นของสตรีนี่เจ้าจะหาไปให้ผู้ใดกันหรือ"เสียงชายชราผู้หนึ่งดังขึ้น มาแต่ไกลชายชราผู้นี้จึงมองไปที่เขา"อ่า เจ้าหม่าเหิง เป็นยังไงล่ะวันนี้ถึงมาเดินตลาดได้นะ"ชายชรากล่าวขึ้นเมื่อเห็นสหายเก่าเดินมาแต่ไกล"เขาว่าช่วงนี้มีหางยูนิคอร์นขายข้าเลยมาเดินดูเสียหน่อยเผื่อจะได้สักเส้น ว่าจะเอาไปต่อกระดูกเจ้าล่ะมาหาอะไรเห็นด้อมๆมองๆกับของพวกสตรีเหล่านี้ "ชายชราอีกคนถามขึ้น"ช่วงนี้ลูกศิษย์ของข้าจะมีอายุครบสิบห้าหนาวแล้ว ข้าจึงต้องทำพิธีปักปิ่นให้นางน่ะ ข้าจึงมาหาปิ่น เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีปิ่น"ชายชรากล่าวขึ้น"เฮ้ เจ้ามีลูกศิษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก่อ

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   ตื่นแล้ว

    ภาพนี้หยุดนิ่งอยู่เนินนานเลือดที่ออกจากทวารทั้งเจ็ดนั้นไม่ได้แห้งเหือดไปเหมือนไหลอยู่ตลอดเวลา ชายชราไม่ดื่มไม่กินยืนเฝ้าเด็กสาวผู้นี้และคอยฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาตลอด พอถึงเช้าวันที่แปดเหมือนสีหน้าของเด็กสาวผู้นั้นจะดีขึ้นและเลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว ลมหายใจของนางเร็วและถี่ขึ้นเหงื่อนั้นท่วมใบหน้า บางครั้งมีเส้นเลือดปูดวิ่งไปวิ่งมาตามตัว ชายชรามองด้วยความเห็นใจเด็กคนนี้กำลังจะต่อสู้กับดวงดาวที่ตนเลือกแล้ว ทางด้านเด็กน้อยกำลังลังเลว่าจะเลือกดาวดวงใดแต่อยู่ๆเหมือนสติก็ดับวูบลงไปพอได้สติอีกครั้งเหมือนแขนขาของเขาถูกตึงไว้ผิวหนังของนางร้อนระอุราวกับถูกไฟลวก อุณหภูมิร่างกายสูงเกินกว่าปกติ เลือดในกายขับเคลื่อนรวดเร็วราวน้ำเดือด ดวงตาร้อนฉานเหมือนเปลวเพลิงเผา ลมปราณถูกเร่งเร้าเกินขีดจำกัด คล้ายเชื้อไฟที่ถูกเติมไม่หยุด ทำให้เส้นลมปราณบางส่วนเหมือนจะถูฉีกแตกได้ หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะทะลุออกจากอก เสียงเลือดสูบฉีดดังสะท้อนในโสตประสาท รู้สึกเหมือนร่างกายถูกเผาจากด้านใน เลือดค่อย ๆ แห้งเหือด เป็นความทุกข์ที่ทรมานยิ่งนัก เหมือนว่ามันจะไม่รู้จักจบสิ้น เด็กน้อยพยายามฝืนทนกับความรู้สึกนี้ มันเหมือนจะก

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   เลือกดวงดาว

    เหมือนว่าแรกๆนางจะไปได้ไวมากแต่เหมือนตอนนี้ว่านางเริ่มจะชะงักแล้วชายชราจึงมองออกถึงปัญหาของนางว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถที่จะสัมผัสกับดวงดาวได้ ตอนนี้นางแค่สัมผัสกับใจของตัวเองเพื่อไม่ให้จินตนาการไปให้เกิดความกลัวตอนนี้ใจนางบริสุทธิ์ก็จริง แต่ยังไม่สามารถรับพลังของดวงดาวได้ อาจจะเป็นเพราะว่านางกังวลเรื่องที่จะเลือกดวงดาวก็มีส่วน"คืนนี้ในการนั่งสมาธิเจ้าเงยหน้าไปมองดูดวงดาวนับร้อยนับพันพวกนั้นให้เจ้าจดจำสิ่งที่มันกระพริบให้ดีราวๆครึ่งคืนให้เจ้าหลับตาลงสู่สมาธิเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเลือกดาวผิดหรือถูกตอนนี้เจ้าเป็นกังวลอยู่จึงทำให้ตัวเจ้าเองนั้นไม่มีความก้าวหน้า เจ้าจงคิดเสียว่าชีวิตเจ้ามาถึงขนาดนี้ได้มันดีแค่ไหนแล้ว การเลือกดวงดาวนั้นมันก็เป็นจังหวะของชีวิต มันจะมีดาวดวงหนึ่งที่สีสวยที่เจ้ามองแล้วก็ชอบนั่นแหละมันคือจังหวะชีวิตของเจ้าหากเจ้าเลือกมันมาแล้วมันเป็นดาวมรณะเจ้าก็ต้องทำใจว่าเจ้าต้องยอมตรงนี้ก่อน หากเจ้าไม่คิดที่จะเปลี่ยนเจ้ายังคิดกลัว เจ้าเองก็ไม่มีวันที่จะก้าวหน้า"ชายชรากล่าวกับเด็กน้อยวัยเจ็ดหนาว เด็กน้อยทำหน้าตาราวกับฟ้าจะถล่ม มันเป็นความรู้สึกกลัวจริงๆ จิตใจของนางก็กล

  • ดอกหญ้าทะยานฟ้า   จิตนาการ

    "ท่านอาจารย์เจ้าคะแล้วคัมภีร์ที่ท่านอาจารย์ให้ข้าศึกษานั้นมันมีทั้งหมดกี่เล่มหรือเจ้าคะ แล้วข้าต้องไปหาจากที่ใด"เด็กน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย"มันจะมีกี่เล่มหรือไปหาที่ใดนั้นท่านอาจารย์ไม่สามารถรับรู้ได้ หากเจ้ามีบุญวาสนาเกี่ยวกับมันเจ้าก่อจะได้สัมผัสกับมันเอง บางครั้งอาจจะเป็นคัมภีร์เล่มๆแบบนี้หรือเจ้าอาจจะสัมผัสด้วยตัวของเจ้าเอง แล้วเจ้าก็จะได้เห็นวิชามันมาในรูปแบบต่างๆเอง อาเป็นว่าตอนนี้เราเริ่มบทเรียนบทแรกเพื่อที่จะให้เจ้าได้เปิดเส้นลมปราณฝึกวรยุทธ์เสียก่อนเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น"จะฝึกได้อย่างไรหรือเจ้าคะในเมื่อเขาให้ฝึกตอนกลางคืน ให้ไปนั่งสมาธิรับแสงดวงดาวเพื่อที่จะให้แสงแห่งพลังข้ามาในร่างกายให้มันมากๆ"เด็กน้อยกล่าวขึ้น"ใช่แล้วแหละเขาให้เจ้ามานั่งสมาธิเพื่อที่จะรับแสงจากดวงดาวแต่ตอนกลางวันนั้นเจ้าก็ยังต้องฝึกร่างกายเหมือนเดิมนั่นก็คือยืนขาข้างเดียวให้มั่นคงเสียก่อนไปเถอะ"ชายชรากล่าวขึ้น เด็กน้อยก็ทำตาม ณ เวลานี้นางเริ่มที่จะยืนขาเดียวได้แบบไม่เซแล้วเล็กน้อยแต่ใช้เวลาไม่นานนางก็ต้องเปลี่ยนใช้ขาอีกข้างนึงสลับกันไปในหนึ่งวัน นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว แต่นี้ท่านอาจารย์ยังจะให้นั่ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status