Share

บทที่ 15 ดอกมู่ตาน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:34:19

เจียงหมิงเจ๋อเก็บสายตาของตนกลับคืน ก่อนจะเดินกลับมาที่พักของตน เมื่อมาถึงก็พบกับนางกำนัลน้อยผู้หนึ่งกำลังยกถ้วยโจ๊กเข้ามาให้เขา เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะยกมันขึ้นมากินด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ในใจนึกค่อนขอดไม่น้อย

หลังถูกจับมาเป็นเชลยเขาได้ยินว่าแคว้นเยี่ยนและแคว้นเป่ยฉินทำสัญญายุติสงคราม แคว้นเยี่ยนยินยอมเป็นเมืองขึ้นของแคว้นเป่ยฉิน ทั้งยังยินยอมส่งของมีค่าและอาวุธอีกมากมายมาที่เป่ยฉิน เนื่องจากแคว้นเยี่ยนของเขามีเหมืองแร่เหล็กที่สามารถหลอมออกมาเป็นอาวุธชั้นดีได้ ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ชายบัดซบของเขา จึงทำให้แคว้นเยี่ยนจำต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

เจียงหยงหลางยอมยุติสงครามเพื่อให้ตนเองได้อยู่อย่างสุขสบายบนบัลลังก์ต่อไป ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉินก็ได้อาวุธชั้นดีในราคาที่ไม่สูงมาก บางครายังได้ของบรรณาการชั้นดีที่แคว้นเยี่ยนส่งมาให้อยู่เสมออีกด้วย

ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่คนที่ทุกข์ที่สุดกลับเป็นเขา!!

เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น ก่อนจะเงยหน้าไปมองนางกำนัลน้อยผู้นั้น พร้อมกับพยักหน้าคราหนึ่ง นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีที่ไร้พิรุธ

เมื่อนางกำนัลผู้นั้นออกไปแล้ว เจียงหมิงเจ๋อก็ยื่นมือไปหยิบหมั่นโถวที่วางอยู่ข้าง ๆ ถ้วยโจ๊กขึ้นมากัดกินคำหนึ่ง พบว่าด้านในขนมมีม้วนกระดาษเล็ก ๆ ม้วนหนึ่งซ่อนเอาไว้ เจียงหมิงเจ๋อนำมันมาคลี่ออกอ่าน ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

ทุกคนรอคอยการกลับมาของพระองค์ ยามนี้คนของอดีตฮ่องเต้พร้อมจะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ รอเวลาเพียงแค่ให้พระองค์หลบหนีออกมาได้เท่านั้น หากพระองค์ได้รับจดหมายฉบับนี้แล้ว โปรดส่งข่าวตอบกลับมาโดยด่วน พวกเราพร้อมเตรียมการพาพระองค์หลบหนีออกจากเมืองหลวงเป่ยฉินอย่างปลอดภัย

เจียงหมิงเจ๋อเมื่ออ่านจดหมายจบแล้ว เขาก็จัดการเผามันทิ้งทันที ก่อนจะหันไปเอ่ยกับแม่นมเถียน

"คืนนี้เจ้าจงนำจดหมายไปให้หยวนเหนียงอย่างลับ ๆ"

"เพคะองค์ชาย"

แม่นมเถียนรับคำ ก่อนจะเดินออกไป เจียงหมิงเจ๋อเอนกายลงไปพิงหมอนที่หัวเตียง ก่อนจะครุ่นคิด

นางกำนัลน้อยผู้นั้นมีนามว่าหยวนเหนียง แท้จริงแล้วนางเป็นนักฆ่าที่เขาเลี้ยงดูเอาไว้ยามที่ยังอยู่แคว้นเยี่ยน ตั้งแต่เขาถูกจับตัวมา นางก็พยายามแฝงตัวเข้ามาเป็นนางกำนัลในวังหลวง ยามนี้ก็ร่วมหลายเดือนแล้วที่นางปลอมตัวเป็นนางกำนัลทำงานในห้องเครื่อง หยวนเหนียงหน้าตางดงามอีกทั้งยังฉลาดมีไหวพริบ นางเป็นคนตามหาคนของเสด็จพ่อที่หนีตายเอาตัวรอดให้กลับมารวมกัน อีกทั้งนางยังรับหน้าที่คอยเป็นคนส่งจดหมายให้เขาและหัวหน้าทหารลับของเสด็จพ่ออีกด้วย คนผู้นั้นภักดีต่อเขามานาน แม้ว่าการทำเช่นนี้นับว่าเป็นการเสี่ยงไม่น้อย แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ไม่รู้ว่าหนทางเบื้องหน้าจะต้องสูญเสียสิ่งใดบ้าง แต่เขาจะต้องมีชีวิตรอดต่อไป!!!

ด้านหยางจิ่งนั้น ยามนี้เขาได้ให้แม่นมคนสนิทไปจัดการเรื่องหนึ่งอย่างลับ ๆ ทำให้สืบรู้มาได้ว่า มีนางกำนัลในตำหนักของเสด็จพ่อหลายคนที่ถูกฉินกุ้ยเฟยซื้อตัวไป เดิมทีเขาคิดที่จะส่งนางกำนัลแฝงตัวเข้าไปในตำหนักของฉินกุ้ยเฟย แต่ทว่าเรื่องนี้ยากเกินไป อีกทั้งยังไม่อาจรีบร้อนทำได้ หากเขาก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว อาจจะเป็นการขุดหลุมฝังตนเองอีกครั้งหนึ่ง

สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือการรอ รอให้พวกมันตายใจเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยลงมือเชือดพวกมันให้ตายในดาบเดียว

เช้าวันต่อมาโจวหว่านหรูตื่นแต่เช้า และเดินทางมาที่วังหลวงเพื่อเล่าเรียนที่ตำหนักหยวนหนิงเช่นทุกวัน แต่ทว่าคนของวังหลวงมาแจ้งว่าให้นางกลับไปก่อน วันนี้องค์หญิงไม่ค่อยสบาย ไว้รอให้ทางวังหลวงส่งข่าวไปที่จวนว่าองค์หญิงทรงหายประชวรแล้วนางค่อยเข้าวังหลวงมาอีกครา โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นพลางครุ่นคิดในใจว่าไม่กี่วันที่ผ่านมานี้หยางจินจินยังสบายดีอยู่เลย เหตุใดจึงล้มป่วยลงได้เล่า

แม้จะสงสัยเพียงใดแต่ทว่าโจวหว่านหรูก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ

ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มสดใสมากแล้ว หิมะเริ่มบางตาลงจนแทบจะไม่มีให้เห็น ภายในวังหลวงเริ่มมีดอกมู่ตานเบ่งบานอวดความงามไปทั้งสองข้างทางที่นางเดินผ่าน โจวหว่านหรูยื่นมือออกไปหมายจะเด็ดดอกมู่ตานสีม่วงแสนงามมาเชยชม แต่ทว่ากลับมีบุรุษผู้หนึ่งเด็ดมันไปเสียก่อน เมื่อหันไปมองนางก็พบว่าเป็นหยางจิ่งนั่นเอง

โจวหว่านหรูมีใบหน้าเฉยชาขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ นางทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อมคราหนึ่ง

"ถวายพระพรองค์ชายใหญ่เพคะ"

"ให้เจ้า"

หยางจิ่งยื่นดอกมู่ตานสีม่วงดอกนั้นส่งมาให้โจวหว่านหรู นางจ้องมองเขาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"องค์ชายใหญ่เด็ดมันไปแล้ว มันย่อมต้องเป็นของพระองค์ หม่อมฉันไม่อาจรับไว้เพคะ"

หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ แต่ทว่าใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนยามที่มองโจวหว่านหรู

"ข้าให้เจ้า เจ้ารับไว้เถิด"

"หม่อมฉัน..."

โจวหว่านหรูไม่ทันได้ปฏิเสธ หยางจิ่งก็ก้าวเดินเข้ามาหานาง ก่อนจะนำดอกมู่ตานดอกนั้นปักลงไปบนผมของนางซึ่งถูกจัดแต่งเป็นทรงสวยงาม โจวหว่านหรูนิ่งงันไปชั่วขณะ นางเงยหน้าไปจ้องเขาด้วยความสับสน ในขณะที่หยางจิ่งก็มองนางด้วยแววตาที่อ่อนโยนเช่นกัน

สายตาเช่นนี้ในชาติก่อนนางไม่เคยได้รับมันจากเขาเลยสักครา

ใจของนางพลันสั่นไหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ โจวหว่านหรูรีบถอยห่างออกจากเขา หยางจิ่งจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายนางทำให้ใจของเขาเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง

"หม่อมฉันขอตัวเพคะ"

หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามโจวหว่านหรูด้วยความสงสัย

"ทำไมเล่า เจ้าต้องเรียนกับจินเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ?"

"ได้ยินว่าองค์หญิงทรงประชวรเพคะ นอกนั้นหม่อมฉันก็มิอาจทราบ หม่อมฉันขอตัวก่อนเพคะ"

"อืม ไปเถิด"

หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูเดินจากไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยเรื่องของหยางจินจินขึ้นมา หยางจินจินป่วยหรือ เหตุใดเขาจึงไม่รู้เรื่องเลยเล่า

ในขณะที่เขากำลังคิดจะมุ่งหน้าไปที่ตำหนักของหยางจินจินนั้น ก็พบว่ามีนางกำนัลของหยางจินจินที่รีบร้อนวิ่งเข้ามาหาเขา

"องค์ชายเพคะ องค์ชาย!!! แย่แล้วเพคะ”

หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองนางกำนัลผู้นั้นคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

“มีสิ่งใด?”

“องค์หญิงเพคะ องค์หญิงกำลังจะถูกฝ่าบาทลงโทษเพคะ”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   ตอนพิเศษ

    ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 66

    ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 65

    โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 64

    เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 63

    ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 62

    หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status