Se connecter“ถ้าผมสนใจคุณจริงๆ มันก็ไม่แปลกอะไรถ้าเราจะทำความรู้จักกัน”
ฟังอีกฝ่ายแล้วศศิก็ถึงกับอึ้ง ถ้าเขาพูดจริงเธอต้องเผชิญกับปัญหาแน่ๆ
“ฉันว่าเราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะคะ”
“อะไรกัน แค่เรียนรู้กันไม่กี่วันช่วงที่ผมอยู่ที่นี่ก็ไม่เห็นเป็นไร”
ไคจิขมวดคิ้วเมื่อเธอรีบปฏิเสธเขาทันที
“ลองไปเที่ยวกับผมสักครั้งไหม วันนี้ก็ได้ คุณหยุดนี่”
ร่างระหงลุกพรวดขึ้น เม้มปากข่มความเจ็บที่ข้อเท้าพร้อมถอยออกห่างจากเขาอย่างระมัดระวังตัว แต่ชายหนุ่มคว้าแขนเธอเป็นครั้งที่สองหากแต่คราวนี้ศศิตั้งตัวทันและฝืนเอาไว้
“ปล่อยฉันค่ะ”
“ใจเย็นก่อนสิคุณ”
เมื่อเธอดึงมือกลับไคจิก็รั้งเอาไว้ อดแปลกใจกับท่าทางระวังตัวจนเกินเหตุของหญิงสาวไม่ได้ เขายังไม่ได้ทำอะไรที่ดูคุกคามเธอเลยด้วยซ้ำ
“ผมแค่ชวนไปเที่ยว”
“ฉันไม่ไปค่ะ ปล่อยได้แล้ว”
ศศิเสียงแข็งพร้อมกระตุกมือเบาๆ แต่ไคจิยังไม่ปล่อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวต้องตั้งท่าปฏิเสธเขาขนาดนี้
“อะไรกันน่ะไคจิ”
ใบหน้าสวยมองข้ามหลังหนุ่มญี่ปุ่นไป ส่วนไคจิยอมปล่อยมือเธอแล้วหันไปยังคนที่มาใหม่
“ฉันแค่ต้องการทำความรู้จักกับเธอ”
ไตรกูลมองเพื่อนแล้วเหลือบไปทางหญิงสาว คิ้วเข้มขมวดก่อนจะนึกออกว่าเป็นใคร
“อ๋อ คุณนั่นเอง”
ศศิเริ่มไม่สบายใจมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพื่อนของเขาอีกคนจะมาไม้ไหน จึงคิดว่าออกไปจากที่นี่น่าจะปลอดภัยที่สุด
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“อ้าว...เดี๋ยวก่อนสิครับ”
พอหญิงสาวขยับตัวไคจิก็รั้งข้อมือเธอไว้อีกครั้ง พร้อมไตรกูลพูดขึ้น แต่เขาก็รู้ว่าเธอไม่สบายใจจึงบอกเพื่อน
“ไคจิปล่อยมือเธอก่อน”
ศศิพยายามบิดแขนออกแต่ไม่ทิ้งน้ำหนักไปยังเท้าข้างที่เจ็บ
“ฉันไม่เข้าใจ แค่คุยกันเธอก็ไม่ยอมคุย เอาแต่จะไปอยู่ได้”
“เอาเถอะน่า ถ้าอยากคุยก็ปล่อยมือเธอ คนไทยเขาไม่คุยไปจับมือไปด้วยหรอก นายกับเธอยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ”
ไคจิยอมปล่อยในที่สุด ขณะที่ศศิมองทั้งคู่อย่างอึดอัด
“เพื่อนผมคงสนใจคุณ ผมว่ามันก็ไม่เสียหายนะครับถ้าจะลองพูดคุยกันดู ผมยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนดี”
ไตรกูลพยายามแก้ไขสถานการณ์เพราะดูออกว่าพนักงานของเพื่อนเขาไม่อยากอยู่ตรงนี้เต็มแก่
“ฉันไม่สนใจค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อทำงาน”
เธอบอกปัดด้วยสีหน้าท่าทางเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะสนใจเธอในแบบไหนก็ตาม ตอนนี้เธอไม่คิดจะไว้ใจผู้ชายคนไหนทั้งนั้น
หญิงสาวตั้งใจจะเดินผ่านชายหนุ่มทั้งสองคนไปหลังจากปฏิเสธเสร็จแล้ว แต่เพราะขาของเธอเจ็บซ้ำในจังหวะที่ถูกหนุ่มญี่ปุ่นฉุดแขนไว้ตอนแรก จึงฝืนเอาไว้ได้ไม่นานร่างสวยระหงทรุดลงหลังก้าวไปได้สามก้าว
ขณะเดียวกันสองหนุ่มก็หันมองเธออยู่ด้วย แต่คนที่อยู่ใกล้เป็น
ไตรกูล เขาจึงช่วยพยุงเธอได้ทันก่อนไคจิ
“คุณเจ็บข้อเท้าเหรอ”
เขาสังเกตได้จากการเดินของเธอ แต่ศศิไม่อยากให้เขามายุ่ง
หญิงสาวพยายามสะบัดตัวหนี ขณะที่ไตรกูลต้องการช่วยเธอไม่ให้เจ็บเพิ่มอีกเขาจึงโอบไหล่บาง นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายตระหนก
ไคจิมองหญิงสาวอย่างรู้สึกไม่ดีที่เขาไม่สนใจจะถามด้วยด้วยซ้ำว่าไม่สบายตรงไหน ชายหนุ่มตั้งใจจะเข้าไปช่วยพยุงเธออีกคน ทว่าก่อนที่เขาจะขยับตัวก็มีมือบางมากระชากร่างศศิออกไปจากอ้อมแขนไตรกูลอย่างแรง โดยที่ชายหนุ่มทั้งสองไม่ทันคิด
เพี้ยะ!!
เสียงมือกระทบหน้าตามมาทันทีแบบฉับพลันต่อหน้าต่อตาสองหนุ่ม ทำเอาร่างระหงที่ทรงตัวไม่ถนัดล้มลงไปบนพื้นทราย
ไตรกูลกับไคจิถึงกับอึ้ง เมื่อสาวร่างเล็กกำลังจะตามเข้าไปจัดการศศิที่เสียหลักซ้ำ ไตรกูลก็รีบคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อน
“คาสึมิ”
คนเป็นพี่ชายยังตกใจจับการกระทำของน้องสาว ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยคนที่ถูกทำร้าย
“คาสึมิ ทำร้ายเธอทำไม”
ไตรกูลเอ่ยขึ้น ไม่โกรธเคืองหากแต่ตกใจเสียมากกว่า
หญิงสาวสะบัดหน้ากลับมามองเขาพร้อมอารมณ์โกรธสุดขีด
แววตากลมโตวาววับ
“คุณไปกอดเธอทำไม”
“คาสึมิ”
เสียงทุ้มที่เรียกดังขึ้นมาไม่ได้ทำให้เธอหันกลับไปมอง ตาโตจ้องหน้าคนรักอย่างเจ็บปวด
คนมาใหม่ที่อยู่ในชุดออกกำลังกายทำให้ศศิตัวเกร็งขณะที่ไคจิกำลังช่วยให้เธอลุกขึ้นยืน ตาคมเหลือบมามองเธอในแววดุชั่วแวบก่อนจะมองเพื่อนๆ ตัวเอง
“ผมว่าคุณคิดมากเกินไปนะ น่าจะถามกันให้ดีๆ ก่อน”
เขาพยายามช่วยเคลียร์ ไม่อยากให้ไตรกูลกับคาสึมิต้องมาทะเลาะกันเพราะผู้หญิงคนนี้ ส่วนไคจิดูก็รู้ว่าสนใจเธอ พิษณุ วิศาล แม้แต่ทักษ์ดนัยเองก็ยังถามแต่เรื่องของเธอกับเขา ว่ามาทำงานที่นี่นานหรือยัง ทำไมไม่บอกกันบ้าง
เพชรกำลังหงุดหงิด เพราะไม่ใช่แค่จารุพงษ์ที่จ้องศศิตาวาวราวกับของหวาน ทุกคนรอบตัวเขาก็พลอยเป็นไปกันหมด
=====
“นั่นคุณจะไปไหน”“ไปจากที่นี่”ร่างสูงใหญ่กระโดดพรวดก้าวสามก้าวก็ไปถึงหญิงสาวก่อนที่มือบางจะทันได้จับลูกบิดประตู แขนกำยำรวบเอวบางขึ้นอุ้มจนร่างระหงลอยขึ้นทั้งตัว ศศิพยายามดิ้นถีบเท้าไปมาแต่ไม่สามารถหลุดออกจากคนตัวโตกว่าได้“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ฉันจะไปจากที่นี่ ไปจากเกาะนี้”“เราต้องคุยกันก่อน”“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีกแล้ว”“แต่ผมมี”เพชรบอกพร้อมพาร่างสวยกลับมายังเตียงนอนอีกครั้ง แล้วทิ้งตัวลงไปนอนด้วยกัน พอเธอพลิกตัวจะหนีไปอีกด้านเขาก็เท้าแขนขวางเอาไว้ศศิจำต้องหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มเมื่อเขาปิดทางหนีของเธอทั้งสองด้าน“คุณได้ในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว ยังมีอะไรต้องคุยอีก”“ใช่ ผมได้แล้ว แล้วก็ได้เป็นคนแรกของคุณด้วย”เขาบอกพร้อมจ้องดวงตาคู่สวยนิ่งไม่ไหวติง และเห็นแววตาสั่นไหวจากนัยน์ตาคู่นั้น ก่อนที่เธอจะมองเมินไปทางอื่น“เรามาคุยกันแบบดีๆ ดีกว่าศศิ”เพชรพยายามใช้คำพูดให้ดูซอฟต์ที่สุด เขาเป็นคนผิด ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ พูดอะไรออกไปก็คงทำให้หญิงสาวเจ็บทั้งนั้น“ผู้หญิงหน้าเงินอย่างฉันคุยดีๆ ไม่เป็นหรอก”“ไม่เอาน่า”ชายหนุ่มอดถอนหายใจไม่ได้ ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด เขาด่าว่า
ก่อนที่คนใต้ร่างเขาจะดึงความรู้สึกนึกคิดกลับมาได้เพชรก็ดันเรียวขาสวยสองข้างให้เปิดสำหรับตนเองพร้อมเบียดลงไปหาอีกฝ่าย นำพาร่างแกร่งโลมไล้สัดส่วนอ่อนไหวที่มีซับในบางขวางกั้นอย่างร้อนแรงเรียกร้องเพื่อให้ตนเองพรักพร้อมสำหรับเพลงใคร่บทนี้สิ่งที่สัมผัสร่างกายเธอทำให้ศศิเผยอปากด้วยความไม่คาดคิด เหงื่อซึมจนท่วมตัว กลัวที่สุดในชีวิต นึกอยากกรีดร้องออกมาแต่กลับกลายเป็นเสียงครวญพร่าแผ่ว อยากพูดอยากห้ามแต่กลับพูดไม่ออก นวลเนื้อตื่นตัวตอบรับการแตะต้องอย่างไม่อาจบังคับได้“คุณเพชร...อย่า...ได้โปรด”ใบหน้าสวยส่ายไปมาบอกถึงความไม่เต็มใจ เสียงพร่าบางเบาถูกเค้นออกมาจากจิตสำนึกส่วนลึก เมื่อรับรู้ถึงการแตะต้องที่มากเกินกว่าผ่านเนื้อผ้า“ไม่...ไม่...”เพชรไม่สนใจฟัง เขาเกี่ยวแพนตี้ชิ้นน้อยให้พ้นทางเพื่อสัมผัสร่างสาวโดยตรง เพียงแตะไล้แผ่วผิวทั้งร่างระหงก็สั่นเทิ้ม แม้แต่เขาเองยังซ่านสยิวจนต้องสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนักหน่วง กลั้นใจเดินหน้าเต็มขั้นในทันทีเพราะไม่อยากรั้งรออีกต่อไปแล้วเสียงหวีดพร่าตามมาทันควันพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างในร่างนุ่มอุ่นที่ทำเอาร่างสูงใหญ่ถึงกับชะงักตัวแข็งทื่อ ตาคมมองร่างสวยท
“ไม่ใช่สิ ฉันผ่านใครต่อใครมาแล้วตั้งหลายมือ รู้สึกดีจังที่คุณก็จะเป็นคนหนึ่งในนั้น”ท่าทางที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของหญิงสาวทำให้เพชรชะงักไป นึกรังเกียจคนใต้ร่างขึ้นมาวูบหนึ่งจนอยากสะบัดตัวลุกหนีไป แต่เขาต้องการให้บทเรียนกับเธอ อยากให้รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้ทำให้เขาหลงหรือคลั่งอยากได้เหมือนผู้ชายพวกนั้น หลังจากเขาก้าวลงจากเตียงไปเธอจะกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่ได้แม้แต่เงินสักบาทจากเขา และเขาก็จะไม่หันมามองเธอซ้ำอีก“ดี แต่อย่าติดใจจนลืมผมไม่ลงก็แล้วกัน”เพชรขยับลงมาใกล้ใบหน้าสวยแล้วพูดต่อเบาๆ“เพราะบอกไว้เลยว่า ผมจะไม่นอนกับคุณเป็นครั้งที่สอง”พูดจบเขาก็เคลื่อนใบหน้าคมมายังลำคอขาวผ่อง“อย่านะคุณเพชร”ศศิพยายามหันหน้าหนีและพลิกตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะแขนถูกชายหนุ่มกดเอาไว้ ทว่าเพชรก็ยังแนบริมฝีปากลงมาบนผิวบางข้างลำคอเธอได้ ร่างทั้งร่างของศศินิ่งงันไป รู้สึกร้อนวูบวาบจากจุดที่ปากชายหนุ่มแตะจรดปลายเท้า“อะไรกัน แค่เริ่มต้นเอง อย่าเพิ่งเสร็จไปก่อนซะล่ะ”จบคำหยาบคายนั้นร่างระหงก็เริ่มดิ้นรนพยายามสะบัดตัวให้แรงขึ้น“ปล่อยฉัน คุณรังเกียจฉันจะแตะต้องฉันทำไม”“เพราะคุ
“คุณเพชรปล่อยฉัน”ศศิโวยวายทุบหลังชายหนุ่มแต่เขาไม่สนใจ พาเธอมาจนถึงรถของตนแล้วจัดการให้หญิงสาวขึ้นรถทางด้านคนขับส่วนเขาตามขึ้นมาเบียดทำให้ศศิต้องขยับไปเบาะด้านข้าง เมื่อเธอจะเปิดประตูเขาก็กดล็อกเสียก่อน“คุณจะไปไหนคะ”เธอถามอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มออกรถ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความกังวล ทว่าเพชรไม่ตอบ สีหน้าหน้าเขาดูโกรธจัดและเงียบจนน่ากลัวเพียงไม่กี่นาทีรถคันโตของเพชรก็มาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ ศศิใจหายวาบทันควัน“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”แม้จะไม่เคยมาแต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นบ้านของเขาเองเพราะอยู่ในบริเวณด้านหลังของรีสอร์ตเพชรไม่ตอบเช่นเคยและไม่ได้หันมามองเธอแต่เขาลงรถ ศศิจึงรีบลงตามตั้งใจจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าตกลงจะให้เธอออกใช่หรือไม่ จะได้กลับไปเก็บของและบอกลาปภาภร แต่ร่างสูงใหญ่วนมาหาเธออย่างรวดเร็วแถมยังรวบร่างเธอขึ้นพาดบ่าหนาในทันที หญิงสาวได้แต่อุทานโดยไม่สามารถทำอะไรได้“คุณเพชรปล่อยฉันนะ”เขาทำให้หญิงสาวเริ่มกลัวมากขึ้นเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วไม่ได้หยุดที่ห้องรับแขก เพชรพาเธอตรงเข้าไปด้านในกว่านั้น บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว และชายหนุ่มก็เข้ามาในห้องหนึ่งที่ทำเอาศศิถึงกับตระหนก“คุ
คนที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องผู้บริหารของสำนักงานเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างที่ความมืดค่อยๆ โรยตัวปกคลุม เธอได้แต่อยู่ในนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ยังดีที่อารยาไม่ได้ปล่อยเธอไว้โดยไม่ใส่ใจ อีกฝ่ายสั่งข้าวมาให้ทั้งกลางวันและตอนเย็น แม้จะไม่รู้สึกหิวสักนิดทว่าอารยาก็คะยั้นคะยอจนศศิต้องฝืนใจทานลงไป แถมยังเอื้อเฟื้อหายามาทาตรงมุมปากที่แตกเพราะแรงตบของจารุพงษ์ให้อีกด้วยหญิงสาวกำลังเครียดและวิตกกังวล เรื่องของตัวเองนั้นพอทำใจได้ว่าสุดท้ายแล้วเธอคงต้องไปจากที่นี่ แต่หญิงสาวอดเป็นห่วงอาการของคุณสุพรรณีไม่ได้ ทว่าก็ทำได้เพียงภาวนาให้ท่านไม่เป็นอะไรมากอยู่ๆ ประตูห้องก็เปิดขึ้น ในตอนแรกศศิเข้าใจว่าเป็นอารยาทว่าร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏทำให้เธอนิ่งงันไป ไม่ได้แปลกใจที่เห็นชายหนุ่มเข้ามาเพราะรู้ดีว่านี่เป็นห้องของอีกฝ่าย เธอเห็นป้ายหน้าห้องตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้วว่าเป็นห้องรองประธานกรรมการเพชรใบหน้าเคร่งเครียด มองร่างระหงที่กำลังลุกขึ้นยืนช้าๆ ด้วยความรู้สึกทั้งรังเกียจและเคืองขุ่นระคนกัน เขาโมโหมากจนจัดการไอ้คนหน้าไม่อายที่ตามไปโรงพยาบาลจนเลือดกบปาก ตั้งใจจะเอาให้ฟันร่วงหมดปากด้วยซ้ำถ้านภาไม่ขอร้องเอาไว้“คุณ
“ว้าย! ท่านประธานคะ”อารยาเองก็เดินตามมาเช่นกัน หญิงสาวรีบขยับเข้าไปรับร่างของคนเป็นเจ้านายที่ทรุดลงได้ทัน อรอุมาก็รีบเข้าไปช่วยประคองด้วย จารุพงษ์กำลังอึ้งอยู่ก็ตกใจจนนิ่งไปเช่นกันในเวลานั้นร่างสูงใหญ่ก็ขยับกายมาอยู่ด้านหลังของอรอุมาแล้วช่วยพยุงคุณสุพรรณี“คุณป้า!”ชายหนุ่มเรียกป้าตนเองด้วยความตกใจแล้วเหลือบสายตาเข้ามาในห้อง ภาพที่เห็นก็ทำเอาสติของเขาขาดผึง ราวได้ยินเสียงบางอย่างขาดในหูตัวเองดังเปรี้ยะเลยทีเดียว สันกรามถูกขบแน่นขณะมองร่างสวยระหงที่รีบถอยให้ไกลจากร่างหนาของจารุพงษ์ ตาคมเต็มไปด้วยแววมาดร้ายกวาดตามมือบอบบางที่พยายามรั้งชายผ้าถุงลงปกปิดเรียวขาขาวสวย“ผมจะพาคุณป้าไปโรงพยาบาลก่อน ระหว่างนี้ผมไม่ต้องการให้ใครหายไปไหนเด็ดขาด จะต้องมีคนรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับป้าของผม”เขาออกคำสั่งรัวเร็วจากนั้นร่างสูงใหญ่ก็อุ้มร่างของป้าตนเองขึ้นแล้วก้าวพรวดพุ่งไปยังประตูทางออกของสำนักงาน ราวกับไม่รับรู้ถึงน้ำหนักใดๆ เลยแม้แต่น้อยนภาที่มาพร้อมกับเพชรรีบก้าวตามไปด้วยเผื่อว่าต้องเป็นคนจัดการทุกอย่างจารุพงษ์เองก็เร่งรีบตามออกไปด้านนอกหลังจากเรียกสติตนเองกลับมาได้“คุณจารุพงษ์คะ”อารยารีบเ







